JR EAST PASS (Tohoku area) ตามเก็บรถไฟคอนเซ็ปต์เริ่ดใน ยามากาตะ ฟุกุชิมะ มิยากิ ที่คนรักโทโฮคุต้องนั่งสักครั้ง
สารบัญ
เที่ยว ยามากาตะ ฟุกุชิมะ และ มิยากิ ด้วยบัตร JR EAST PASS (Tohoku area)
เมื่อปลายเดือนก่อนเราเมาท์เรื่องรถไฟในโซนโทโฮคุตอนเหนือกันไปแล้ว (ถ้ายังไม่เคยอ่านก็ไปตามเก็บได้ที่นี่) คราวนี้ขยับลงมาเลาะ 3 จังหวัดโซนโทโฮคุตอนใต้ (South Tohoku) นั่งรถไฟ Joyful Train เที่ยวใน ยามากาตะ ฟุกุชิมะ และ มิยากิ ด้วยบัตรเก่งใบเดิม JR EAST PASS (Tohoku area) ที่ใช้นั่งรถไฟขบวนพิเศษ รถไฟท้องถิ่น ชินคันเซ็น รวมถึงรถไฟทั่วไปได้ทั่วทั้งภูมิภาคโทโฮคุ
รถไฟทั้ง 3 ขบวนที่เราจะเล่านี้เต็มไปด้วยคอนเซ็ปต์แปลกใหม่ คอยชักชวนให้ผู้โดยสารอย่างเราๆ ได้เพลิดเพลินกับของดีประจำจังหวัด ขอยกตัวอย่างกระตุ้นต่อมความอยากสักหน่อย ได้แก่ Toreiyu Tsubasu ยกเอาออนเซ็นของดีประจำยามากาตะมาให้ฟินถึงบนขบวน Fruitea Fukushima ก็ผันตัวเป็นคาเฟ่เคลื่อนที่ เสิร์ฟขนมหวานจากผลไม้ตามฤดูกาล ของดังที่ชาวฟุกุชิมะภาคภูมิใจ ส่วน SL Banetsu Monogatari รถไฟหัวจักรไอน้ำโบราณในก็กลับมาสร้างความโรแมนติกสไตล์วินเทจที่หาชมและสัมผัสได้ยากให้หายคิดถึง
ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ชอบนั่งรถไฟญี่ปุ่น รถไฟต่อไปนี้คือ 3 ขบวนที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ!
01 Toreiyu Tsubasa
Route: Fukushima Sta. (Fukushima) ~ Shinjo Sta. (Yamagata)
ในเมื่อจังหวัดยามากาตะมีชื่อเสียงเรื่องออนเซ็น และในฐานะที่ Toreiyu Tsubasa คือหนึ่งในสมาชิกของ Joyful Train ก็ต้องพิเศษไม่เหมือนชาวบ้าน ซึ่งเขาก็เล่นใหญ่โดยการยกเอาบ่อออนเซ็นมาไว้ที่ท้ายขบวนให้ผู้โดยสารได้มาแช่เท้าระหว่างเดินทางเพื่อผ่อนคลายกัน
ภาพ: East Japan Railway Company
Toreiyu เป็นคำผสมระหว่าง Train (Torein) รถไฟ และ Soleil (Soreiyu) ที่มีความหมายว่า ดวงอาทิตย์ อินทีเรียภายในคิดมาอย่างดีมีชีวิตชีวาด้วยสีแดง ที่นั่งกว้างขวางบุเสื่อทาทามิสื่อถึงความเป็นญี่ปุ่นพร้อมเบาะรองนั่งอวดรายการของดีประจำจังหวัด ขณะที่เลานจ์เป็นเสมือนพื้นที่พักผ่อนชวนให้นั่งเอื่อยพลางจิบเครื่องดื่มท้องถิ่นหลังแช่เท้า ล้อไปกับวิวธรรมชาติสวยตลอดเส้นทาง
ส่องตู้โดยสารขบวน Toreiyu Tsubasa
- ตู้โดยสาร 11-14
ตู้ที่ 11 จะเป็นที่นั่งปกติทว่ากว้างขวาง แต่ถ้าอยากสัมผัสให้ถึงแก่นของ Toreiyu Tsubasa แนะนำให้สำรองที่นั่ง ณ ห้องโดยสารระหว่างตู้ 12-14 ดีกว่า เพราะที่นี่น่านั่งเป็นพิเศษด้วยที่นั่งบุเสื่อทาทามิพร้อมเบาะรองนั่งเพิ่มความสบายเฉดน้ำเงินพิมพ์ลายของดีประจำจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นผลไม้อย่างเชอร์รี่ หมากรุกญี่ปุ่นโชกิ รวมถึงดอกเบนิบานะ ดอกไม้ประจำจังหวัดยามากาตะ
- ตู้เลานจ์
ในส่วนของเลานจ์จะปักหมุดอยู่ ณ ตู้ที่ 15 องค์ประกอบอีกทั้งดีเทลต่างๆ ภายในให้บรรยากาศญี่ปุ่นแบบร่วมสมัย อย่างที่นั่งก็ปูด้วยเสื่อทาทามิไร้พนักพิงคั่นด้วยโต๊ะไม้ซากุระขัดมัน อีกฝั่งคือเคาน์เตอร์บาร์จำหน่ายของกินเล่นและเครื่องดื่มท้องถิ่น นอกจากนี้ผู้โดยสารคนไหนที่ต้องการสำรองออนเซ็นสามารถซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์บาร์นี้ด้วยเช่นกัน
- ตู้ออนเซ็น
มาถึงไฮไลท์ของขบวนอย่างจุดแช่ออนเซ็นบ้าง ภายในบรรยากาศผ่อนคลายเป็นส่วนตัวด้วยระแนงไม้ช่วยพรางสายตา ส่วนตัวบ่อและที่นั่งสีแดงตั้งใจให้เราหันหน้าเข้าหาหน้าต่าง นัยว่าระหว่างแช่เท้า 15 นาทีต่อจากนี้ก็เชิญดื่มด่ำกับวิวริมทางได้เลยเต็มที่ไม่มีใครว่า ข้างๆ กันคือโซฟาที่เป็นงานฝีมือจากเมืองเทนโด ขณะที่ 1 รอบสามารถแช่พร้อมกันได้ 8 คน และมีค่าใช้จ่าย 450 เยน/คน (รวมภาษี) แต่ในช่วงโควิด-19 รองรับได้สูงสุดเพียง 4 คนเท่านั้น
ขึ้นรถไฟ Toreiyu Tsubasa ทั้งทีมี To do list อะไรบ้าง
- ออนเซ็นเท้าเหม่อมองนอกหน้าต่าง
ระหว่างที่เราหย่อนเท้าลงไปแช่ในบ่อ อุณหภูมิน้ำที่อบอุ่นพอดิบพอดี มีระบบไหลวนพอให้เรารู้สึกเพลินๆ เป็นกิจกรรมที่นักเหม่อชอบนั่งมากกว่าเดินอย่างเราถูกใจเป็นที่สุด แถมนอกหน้าต่างยังมีวิวธรรมชาติเข้ามาช่วยบำบัดสายตา จะบอกว่าเวลา 15 นาทีช่างรวดเร็วจนน่าใจหาย และต้องขอเน้นขีดเส้นใต้อีกครั้งว่าตั๋วแช่เท้าควรจะซื้อไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทันทีที่ขึ้นรถไฟให้พุ่งไปยังตู้ที่ 5 (car 15) เพื่อซื้อตั๋วแช่เท้าที่เคาน์เตอร์ สามารถเช็คว่าตอนนี้บ่อออนเซ็นว่างอยู่หรือไม่ได้ตรงหน้าจอที่ตู้โดยสาร 2-5 เข้าใจง่ายด้วยมีทั้งภาษาอังกฤษ จีน และญี่ปุ่น
ภาพ: East Japan Railway Companyภาพ: East Japan Railway Company
- จิบเครื่องดื่มท้องถิ่น กินไอศกรีมจากผลิตผลในยามากาตะ
อย่างที่บอกไปว่าที่เลานจ์มีจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ของยามากาตะ ตั้งแต่เครื่องดื่มท้องถิ่น น้ำผลไม้ขึ้นชื่อ เจลาโต้หลากรส ของกินเล่น และขนมขบเคี้ยว ยิ่งถ้าได้กินหลังแช่เท้าจะบอกว่าเป็นอะไรที่ชื่นใจเอามากๆ แต่ถ้าใครต้องการอุ่นท้องก่อนไปลุยมื้อหลักหลังจากนี้ที่เคาน์เตอร์บาร์ก็มีเบนโตะให้ซื้อหามารับประทานอยู่เหมือนกันนะ
- สำรวจงานคราฟต์ฝีมือชาวยามากาตะ
ในเลานจ์ตู้โดยสารที่ 5 นอกจากจะมีมุมอร่อยออเดอร์ได้ดั่งใจตรงเคาน์เตอร์บาร์ เขายังจัดแสดงงานฝีมือโดยชาวยามากาตะให้เราได้แวะมาชื่มชมอีกด้วย สำหรับใครที่ชอบงานคราฟต์และมีโอกาสเดินทางด้วยรถไฟขบวนนี้ลองเดินมาโซนนี้ดูน่าจะถูกใจอยู่ไม่น้อยเชียวแหละ
Toreiyu Tsubasa x Photo Spot ที่สายแชะห้ามพลาด
- ถ่ายสตอรี่ลงไอจียาวๆ อวดว่าเรากำลังแช่ออนเซ็น
มันจะเก๋มากถ้าช่วงที่เราแช่เท้ามือก็กดถ่ายสตอรี่ยาวๆ ลงไอจีอวดชาวบ้าน แนะนำให้แพนกล้องขึ้นมาเก็บภาพวิวธรรมชาติอันงดงามที่ซื้อหาด้วยเงินไม่ได้ไปด้วย ไม่แน่นะว่าหนุ่มที่เล็งไว้อาจจะทักมาก็ได้
- อินทีเรียภายในสวยงามน่าเก็บภาพ
ภายในขบวนมีการตกแต่งอย่างประณีตสวยงาม เทียบกับบรรดา Joyful Train ด้วยกันก็มีเพียง Toreiyu Tsubasa ที่ลงดีเทลยันที่นั่ง นั่นก็คือการบุด้วยเสื่อทาทามิ ในฐานะที่เราเป็นผู้โดยสารเห็นแบบนี้แล้วก็ประทับใจ ว่าแล้วก็แชะภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเราเคยนั่งรถไฟที่สวยขนาดนี้มาแล้ว
นั่ง Toreiyu Tsubasa ไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง
Fukushima ถ้าไปในช่วงฤดูใบไม้ผลิ อย่าพลาดแวะสวนฮานามิยามะ (Hanamiyama Park) ชมดอกซากุระสายพันธุ์โซเมโยชิโนะ (Someiyoshino) ที่จะบานสะพรั่งไปทั่ว แต่ถ้าไปในช่วงเวลาอื่นๆ ก็ยังสามารถชมดอกไม้ตามฤดูกาลได้มากกว่า 30 ชนิด อาทิ ซากุระ บ๊วย พีช คาโนล่า คามีเลีย ฯลฯ
Yonezawa แวะชิมของดังประจำเมือง เนื้อโยเนซาวะ (Yonezawa Beef) เนื้อที่นี่พิเศษกว่าเนื้ออื่นตรงที่วิธีเลี้ยงซึ่งเน้นการขุนอย่างประคบประหงมตลอดระยะเวลา 33 เดือน เนื้อวัวที่นี่ดังไม่ดังเอาเป็นว่าแค่ลงรถไฟที่สถานีโยเนซาวะ (Yonezawa Station) ก็เจอรูปปั้นน้องวัวรอต้อนรับแล้ว
Yamadera วัดนี้คนเรียกกันติดปากว่าวัดยามาเดระ แต่จริงๆ แล้วมีชื่อว่าวัดริชชาคุจิ (Risshakuji Temple) เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 860 ไม่ต้องชอบวัดก็มาที่นี่ได้ เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา มีแม่น้ำไหลเอื่อย ธรรมชาติรอบๆ ช่างยิ่งใหญ่และงดงาม ไต่เขาขึ้นมาแล้ว ขอให้ไปให้สุดถึง Godaido วิวพาโนรามาจากบนนี้สวยจับใจจนลืมเหนื่อยไปเลยล่ะ
Tendo City เมืองเทนโดมีสวนผลไม้ให้เลือกแวะเด็ด ชิม ช็อปมากมาย หนึ่งในนั้นคือ Ohsyo Fruits Farm ฟาร์มผลไม้ตามฤดูกาลขนาดใหญ่ที่สุดในยามากาตะ ที่นี่เปิดให้เราได้เดินไล่ไปตามต้นแล้วเด็ดผลที่เล็งไว้กินสดๆ แบบบุฟเฟ่ต์ตลอด 30 นาที ที่นี่ปลูกทั้งเชอร์รี่, พีช, องุ่น และแอปเปิ้ลตามแต่ฤดูกาล
Ginzan Onsen หมู่บ้านออนเซ็นในบรรยากาศราวกับหลุดไปในสมัยโบราณ ตั้งอยู่ในหุบเขาลึกของจังหวัดยามากาตะ มีเรียวกังเก่าแก่ให้เลือกพักอยู่พอสมควร อีกทั้งบริเวณใกล้เคียงก็มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจอยู่มาก คนส่วนใหญ่จึงนิยมค้างคืน แต่ต้องจองลวงหน้าค่อนข้างนาน หรือหากจองไม่ทันก็สามารถใช้บริการแช่น้ำพุร้อนแบบชั่วคราวได้เช่นกัน
เรื่องต้องรู้ก่อนขึ้น Toreiyu Tsubasa
- เส้นทางให้บริการ
ระหว่างสถานีฟุกุชิมะ (Fukushima Station) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) กับสถานีชินโจ (Shinjo Station) จังหวัดยามากาตะ (Yamagata)
- วันให้บริการ
รถไฟจะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) และไม่ได้บริการทุกวัน ส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์ ก่อนสำรองที่นั่งแนะนำให้ตรวจสอบวันเดินทางก่อนที่เว็บไซต์ www.jreast.co.jp
- ตารางเวลา
สถานี / เวลา | ขาไป (Fukushima – Shinjo Station) | ขากลับ (Shinjo – Fukushima Station) |
Fukushima | 10:02 (ออก) | 17:41 (ออก) |
Yonezawa | 10:36 (ออก) | 17:07 (ออก) |
Takahata | 10:44 (ออก) | 16:52 (ออก) |
Akayu | 10:50 (ออก) | 16:45 (จอด) |
Kaminoyama-onsen | 11:08 (ออก) | 16:23 (ออก) |
Yamagata | 11:26 (ออก) | 16:13 (ออก) |
Tendo | 11:37 (ออก) | 15:40 (ออก) |
Sakurambo-higashine | 11:45 (ออก) | 15:34 (จอด) |
Murayama | 11:50 (ออก) | 15:28 (ออก) |
Oishida | 12:00 (ออก) | 15:16 (ออก) |
Shinjo | 12:16 (ออก) | 15:00 (ออก) |
- วิธีสำรองที่นั่ง
ที่นั่งทั้งหมดบนรถไฟขบวนนี้ต้องสำรองที่นั่งเท่านั้นเท่านั้น หากมีบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถสำรองที่นั่งออนไลน์ล่วงหน้าฟรีได้ทางเว็บไซต์ eki-net.com ก่อนไป 1 เดือน หรือที่ห้องจำหน่ายตั๋ว JR EAST Travel Service Center สีเขียวบริเวณสถานีใหญ่ๆ ที่ญี่ปุ่น เช่น สถานี Tokyo, Shinjuku, Shibuya, Ueno, Sendai, Yamagata ฯลฯ
แผนที่
คลิกที่รูปเพื่อดาวน์โหลดแผนที่
02 FruiTea Fukushima
Route: Koriyama Sta. ~ Kitakata Sta. (Fukushima) และ Koriyama Sta. ~ Sendai Sta. (Miyagi)
แค่เห็นชื่อรถไฟ FruiTea Fukushima น่าจะเดากันได้ว่านางเอกของรถไฟขบวนนี้ก็คือ Fruit ที่แปลว่าผลไม้ ซึ่งเป็นของดังที่ชาวฟุกุชิมะภาคภูมิใจ ที่นี่เป็นแหล่งปลูกผลไม้แสนอร่อยมากมาย เช่น พีช แอปเปิ้ล สาลี่ องุ่น และผลไม้เหล่านี้นี่เองคือวัตถุดิบหลักของเหล่าของหวานบนรถไฟขบวนนี้ ส่วนคำว่า Tea หรือน้ำชานั้นใช้เพื่อสื่อถึงความเป็นคาเฟ่ ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์หลักของ FruiTea Fukushima
ภาพ: East Japan Railway Company
ทั้งด้านนอกและด้านในของรถไฟนั้นใหม่เอี่ยมอ่องเพราะเพิ่งเปิดตัวในปี ค.ศ. 2015 ที่นั่งบนรถไฟทั้งหมดเป็นแบบจองล่วงหน้า โดยจะขายพร้อมแพ็กเกจขนมหวานและเครื่องดื่มในราคา 4,800-5,400 เยนแล้วแต่เส้นทาง
ส่องตู้โดยสารขบวน Fruitea Fukushima
- ตู้โดยสารที่ 1
ตู้แรกเป็นเคาน์เตอร์ร้านค้าขายขนม ของฝาก และเครื่องดื่มต่างๆ รวมไปถึงมีที่นั่งแบบหันหน้าเข้าหากระจกให้ชมวิวพลางกินขนมอย่างเพลิดเพลิน ปกติที่นี่จะมี Drink Bar ด้วย แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันจึงปรับรูปแบบเป็นการสั่งเครื่องดื่มจากที่นั่งแทน
- ตู้โดยสารที่ 2
ตู้นี้มีโต๊ะและโซฟาแบ่งเป็นสัดส่วนเหมือนคาเฟ่ไม่มีผิด อินทีเรียด้านในหรูหรา เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ช่วยทำให้บรรยากาศต่างกับรถไฟทั่วไปโดยสิ้นเชิง แน่นอนว่าเขาเลือกใช้กระจกบานใหญ่ให้เราชมวิวสวยๆ ด้านนอกได้เต็มที่ Box Seat เป็นโซฟานุ่มซึ่งนั่งได้มากที่สุด 4 คน หรือจะมาคนเดียวก็ไม่ต้องกังวล เขามีที่นั่งเดี่ยวเตรียมไว้เช่นกัน
ภาพ: East Japan Railway Company
ขึ้นรถไฟ FruiTea Fukushima ทั้งทีมี To do list อะไรบ้าง
- ตั้งใจกินขนมอย่างละเมียดละไม
ขนมบนรถไฟนี้ใช้ผลไม้ตามฤดูกาลเป็นหลัก โดยได้ร้านขนมชื่อดังในจังหวัดมาช่วยสร้างสรรค์เมนูให้ในเซ็ตขนมหวานที่ผู้โดยสาร 1 คนจะได้รับประกอบด้วย ขนมหวานเมนูออริจินอลและน้ำผลไม้ที่ทำจากผลไม้ของฟุกุชิมะ กาแฟร้อน และสามารถสั่งชาเย็นและกาแฟเย็นได้ไม่จำกัดตลอดการเดินทาง
- ช็อปของฝากที่ตู้ 1
บนรถไฟมีสินค้า Limited Edition ขายอยู่หลายชนิด แต่ละอย่างน่ารักมากทั้งนั้น เช่น Tote Bag, Masking Tape, แฟ้มพลาสติกใส่เอกสาร, ผ้าขนหนู, แก้วกาแฟ ถ้ายังกินขนมหวานไม่จุใจก็มีขายเพิ่มเติม เช่น ไอศกรีม, ผลไม้อบแห้ง, เยลลี่ลูกพีช เป็นต้น
- ชมวิวแสนเพลิดเพลิน
นอกจากจะมีของดังในท้องถิ่นให้กินจนอิ่มหนำตลอด 1 ชั่วโมงครึ่งแล้ว บนขบวนยังมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์หันหน้าเข้าหากระจกใสบานใหญ่ให้ชมธรรมชาติระหว่างทางพลางลิ้มรสขนมหวานได้อย่างเพลิดเพลิน
Fruitea Fukushima x Photo Spot ที่สายแชะห้ามพลาด
- ขบวนรถไฟ
ไม่ว่าจะด้านนอกด้านในดีไซน์ก็เก๋ไก๋ควรค่าแก่การหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปสุดๆ ด้านนอกขบวนเป็นสีครีม ดำ และแดงตัดกัน มีโลโก้รูปน้ำชากับผลไม้กุ๊กกิ๊กสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนภายในตกแต่งด้วยโทนสีนวลตา ทำให้รู้สึกถึงความอ่อนหวาน ผ่อนคลายไปกับบรรยากาศ
- ป้าย いってらっしゃい
ที่สถานีต้นทางและปลายทางของขบวนจะมีสตาฟรถไฟสวมชุดคลุมอันเป็นเอกลักษณ์มายืนต้อนรับและบอกลาด้วยป้าย ‘いってらっしゃい’ (อ่านว่า อิตเตะรัชชัย) ที่มีความหมายแฝงความห่วงใยให้เราเดินทางปลอดภัย แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเก็บไว้ก็น่ารักเชียวล่ะ
ภาพ: East Japan Railway Company
- สถานี Kitakata
ตัวอาคารของสถานีนี้สวยกว่าที่คิด เป็นอาคารอิฐแดงที่มีป้ายชื่อสถานีที่ทำจากเหล็ก ดูวินเทจ และกำแพงที่ใช้งานคราฟต์โบราณอย่าง Namako Wall ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยเอโดะที่นอกจากจะสวยเท่สะดุดตา ยังทนน้ำทนไฟยิ่งนัก
นั่ง Fruitea Fukushima ไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง
Koriyama อีกหนึ่งจุดชมซากุระเริ่ดๆ ในเมืองโคริยามะ Miharu Takizakura เป็นต้นซากุระสายพันธุ์ Beni Shidare Zakura เก่าแก่กว่า 1,000 ปีในตำนานที่ครองผลโหวตมากมายทั้งซากุระที่สวยเป็นอันดับหนึ่ง หรือ 1 ใน 3 ต้นซากุระที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
Aizu-Wakamatsu เมืองไอสึวากามัตสึ อดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าซามูไรในสมัยเอโดะ บ้านเรือนส่วนใหญ่จึงถูกอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้แวะเวียนมาเยี่ยมชม จะเดินถ่ายรูปเล่นก็เชื่อว่าจะได้รูปสวยๆ กลับไปเพียบ
Ouchi-juku หมู่บ้านโบราณตั้งแต่สมัยเอโดะที่ยังคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมดั้งเดิม ใช้ใบจากมุงหลังคา ปัจจุบันถูกปรับเป็นพิพิธภัณฑ์และร้านค้าคอยให้บริการ อีกทั้งมีศาลเจ้าเล็กๆ ให้แวะสักการะขอพรด้วย ถ้าชอบถ่ายรูปแนะนำให้เดินขึ้นเนินเขาด้านหลัง จะเห็นวิวบ้านโบราณเรียงรายทั้งหมู่บ้าน
Kitakata City เมืองคิตะคาตะเป็นที่รู้จักในหมู่คนรักราเมน ว่ากันว่ามีร้านราเมนภายในเมืองมากกว่า 100 ร้าน ลักษณะพิเศษคือเส้นจะแบน หนานุ่ม และหยักคล้ายคลื่น เป็นความอร่อยที่หาได้ที่เมืองคิตะคาตะเท่านั้น อีกทั้งรอบๆ เมืองก็เต็มไปด้วยอาคารโบราณ สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ควรค่าแก่การเดินสำรวจ
Sendai City เมืองใหญ่ของจังหวัดมิยากิ ได้ฉายาที่ดีต่อใจคนรักษ์โลกว่า “เมืองแห่งต้นไม้” มีโลเคชั่นที่น่าสนใจมากมาย อาทิ วิถีคนโลคอลที่ตลาดเช้า Sendai Asaichi Morning Market, ช็อปปิ้งที่ย่าน Ichibancho, แวะชม Sendai Castle ประจำเมืองเซนไดที่คนท้องถิ่นรู้จักกันในชื่อว่าปราสาทอาโอบะ, กินลิ้นวัวย่าง (Gyutan) ของขึ้นชื่อประจำเมืองเซนได ฯลฯ
เรื่องต้องรู้ก่อนขึ้น FruiTea Fukushima
- เส้นทางให้บริการ
มี 2 เส้นทางให้บริการ ได้แก่ ระหว่างสถานีโคริยามะ (Koriyama Station) กับสถานีคิตะคาตะ (Kitakata Station) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) และ ระหว่างสถานีโคริยามะ (Koriyama Station) จังหวัดฟุกุชิมะ กับสถานีเซนได (Sendai Station) จังหวัดมิยากิ (Miyagi)
- วันให้บริการ
รถไฟจะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) และไม่ได้บริการทุกวัน ส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์ ก่อนสำรองที่นั่งแนะนำให้ตรวจสอบวันเดินทางก่อนที่เว็บไซต์ www.jreast.co.jp
- ตารางเวลา
เส้นทาง Koriyama – Kitakata Station
สถานี / เวลา | ขาไป (Koriyama – Kitakata Station) | ขากลับ (Kitakata – Koriyama Station) |
Koriyama | 9:52 (ออก) | 17:07 (จอด) |
Bandai-Atami | 10:11 (ออก) | 16:54 (ออก) |
Inawashiro | 10:40 (ออก) | 16:32 (ออก) |
Aizu-Wakamatsu | 11:30 (ออก) | 15:55 (ออก) |
Kitakata | 11:52 (จอด) | 15:30 (ออก) |
เส้นทาง Koriyama – Sendai Station
สถานี / เวลา | ขาไป (Koriyama – Sendai Station) | ขากลับ (Sendai – Koriyama Station) |
Koriyama | 10:25 (ออก) | 17:07 (จอด) |
Fukushima | 11:09 (จอด) 11:28 (ออก) | 16:10 (ออก) 15:50 (จอด) |
Sendai | 12:40 (จอด) | 14:35 (ออก) |
- วิธีสำรองที่นั่ง
ต้องสำรองที่นั่งที่ห้องจำหน่ายตั๋ว JR EAST Travel Service Center สีเขียวบริเวณสถานีใหญ่ๆ ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น เช่น สถานี Tokyo, Shinjuku, Shibuya, Ueno, Sendai, Yamagata ฯลฯ อีกทั้งราคาจะเปลี่ยนแปลงไปตามเส้นทางที่ให้บริการ
หมายเหตุ:
1. บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ไม่สามารถใช้โดยสาร FruiTea Fukushima ได้ แต่สามารถใช้เพื่อโดยสารรถไฟธรรมดา รถไฟชินคันเซ็นไปจนถึงสถานีโคริยามะหรือคิตะคาตะได้
2. เส้นทาง โคริยามะ – เซนได จะให้บริการในช่วงฤดูหนาว (ธันวาคมถึงมีนาคม) เท่านั้น
แผนที่
- เส้นทาง Koriyama – Kitakata Station
คลิกที่รูปเพื่อดาวน์โหลดแผนที่
- เส้นทาง Koriyama – Sendai Station
คลิกที่รูปเพื่อดาวน์โหลดแผนที่
03 SL Banetsu Monogatari
Route: Niitsu Sta. (Niigata) ~ Aizu-Wakamatsu Sta. (Fukushima)
SL Banetsu Monogatari เป็นรถไฟหัวจักรไอน้ำที่ตั้งใจทำงานอย่างแข็งขันมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1946 จนเข้าสู่วัยเกษียณตามกำหนด จบตำนานอย่างสวยงาม แต่แล้วก็ต้องหวนคืนรางอีกครั้งเพราะชาวเมืองแสนคิดถึงจนเรียกร้องขอให้เธอกลับมา คุณป้าจึงยกเครื่องใหม่ กลับมาอย่างไฉไลกว่าเดิม
สายบังเอ็ตสึเวสท์ (Ban’etsu West Line) ที่รถไฟขบวนนี้แล่นผ่านนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องผืนป่า สายน้ำ และความโรแมนติกของรถไฟวินเทจ ซึ่งผู้โดยสารสามารถชมความงามทางธรรมชาติทั้ง 4 ฤดูของญี่ปุ่นจากหน้าต่างรถไฟได้อย่างเพลิดเพลิน ส่วนมาสคอตที่ดูเหมือนกระรอกนั้น จริงๆ แล้วคือ Okojiro สัตว์ในตระกูลเดียวกับพังพอน ซึ่งเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่รถไฟขบวนนี้แล่นผ่าน ด้วยความน่ารักสดใส น้องโอโคจิโรเลยได้รับบทเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ SL Banetsu Monogatari ไปด้วยซะเลย
ส่องตู้โดยสารขบวน SL Banetsu Monogatari
- ตู้ที่ 1 Okojo Observation Car
ตู้นี้อยู่ติดกับหัวรถจักรไอน้ำ เมื่อเดินเข้าไปจะรู้สึกเหมือนอยู่ในสวนสนุกขนาดย่อม เพราะมีโซนของเล่นเด็กและสไลเดอร์ต่างๆ เพื่อคุณหนูๆ โดยเฉพาะ ส่วนผู้ใหญ่เมื่อเดินเข้าไปลึกอีกหน่อยจะได้พบกับต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง รอบๆ เป็นกระจกใสบานใหญ่ทำให้เรานั่งชมวิวได้อย่างเต็มอิ่มจุใจ หรือใครจะมองควันลอยขึ้นฟ้าก็ไม่ว่ากัน
- ตู้โดยสาร
ตู้ที่ 2, 3, 5, 6 และ 7 เป็นตู้โดยสาร การตกแต่งหลายๆ อย่างเช่น ลายไม้ เบาะที่นั่งสีแดงเข้ม ไฟสีส้ม หรือแม้กระทั่งชั้นวางสัมภาระเหนือศีรษะก็ยังดูวินเทจชวนให้นึกถึงอดีต อาจจะดูเก่าแต่สะดวกสบายและสะอาด ถ้าต้องการความสบายอีกระดับ แนะนำให้จองกรีนคาร์ซึ่งเบาะกว้างกว่าและมีห้องชมวิวพาโนรามาส่วนตัวสุด Exclusive
- ตู้อีเว้นท์
ตู้ 4 แสนโอ่โถง บรรยากาศวินเทจมากด้วยสีแดงเลือดหมู เครื่องใช้ทองเหลืองและพัดลมติดเพดานอันอ่อนช้อย ยามที่ไม่มี COVID-19 มักใช้พื้นที่นี้จัดอีเว้นท์ต่างๆ มีโซฟาหันหน้าเข้าหากระจกให้เราทอดหุ่ยชมธรรมชาติได้อย่างสงบ มีมุมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับรถไฟและมีตราประทับให้ปั๊มเป็นที่ระลึก แต่ที่เก๋สุดๆ คือมีตู้ไปรษณีย์ให้ส่งต่อความคิดถึงด้วย!
- ตู้จำหน่ายสินค้า
ตู้ 5 แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นตู้เสบียง ที่นี่มีสินค้า Limited Edition จำหน่ายเฉพาะบนรถไฟขบวนนี้หลายอย่าง เช่น เบนโตะ SL Banetsu Monogatari เครื่องเขียน พวงกุญแจ สินค้ากระจุกกระจิกลายรถไฟ ขนม และเครื่องดื่มนานาชนิด แน่นอนว่ามีโปสการ์ดและแสตมป์ขายด้วย
ขึ้นรถไฟ SL Banetsu Monogatari ทั้งทีมี To do list อะไรบ้าง
- ชมการเติมถ่านให้หัวรถไฟ
ตลอดการเดินทางรถไฟจะหยุดพักเป็นระยะเพื่อเติมถ่านหิน โดยเฉพาะที่สถานี Tsugawa จะจอดนานหน่อย ภาพพนักงานรถไฟตรวจเช็คสภาพเครื่องและปีนขึ้นไปตักถ่านหินอย่างแข็งขันท่ามกลางผู้คนที่มุงดูจากรอบทิศ นอกจากจะหาชมสดๆ ได้ยาก ยังสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของพนักงานและความชื่นชมของทุกคนที่มารอดู สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันของคนในชุมชนกับรถไฟไม่น้อยเลย
- ส่งโปสการ์ดจากบนรถไฟ
นี่ถือเป็นกิจกรรมที่แสนโรแมนติกและวินเทจไม่แพ้รถไฟขบวนนี้เลยที่เราได้บันทึกความรู้สึก ความทรงจำ หรือความประทับใจขณะเดินทางลงไปยังหน้ากระดาษแบบเรียลไทม์และอนาล็อกสุดๆ (ใครไม่ได้พกเครื่องเขียนใดใดมาก็ไม่ต้องกังวล อุปกรณ์มีขายครบถ้วนที่ตู้เสบียงหมายเลข 5)
- ปั๊มตราประทับเป็นที่ระลึก
ส่งโปสการ์ดหรือจดหมายเสร็จแล้ว อย่าลืมเดินไปปั๊มตราประทับที่ระลึกซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันด้วยนะ ตัวปั๊มอันใหญ่ มีด้ามจับให้กดลง ใช้ง่ายมาก ใครที่ปกติปั๊มแล้วสีไม่ค่อยสม่ำเสมอ มาลองเครื่องนี้ดู
- กินเบนโตะ SL Banetsu Monogatari
การชิมอาหาร Limited Edition เป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้อยู่แล้ว! เบนโตะถูกห่อด้วยรูปรถไฟสวยๆ ชวนชิม ด้านในเป็นของโปรดชาวไทยหลายคนอย่างแซลมอนย่าง หอยเชลล์ ปลาซาบะย่าง ไก่ย่างปรุงรส และไข่ปลาแซลมอน เมื่อได้นั่งกินข้าวพลางมองวิวสวยๆ นอกหน้าต่าง อาหารก็ยิ่งอร่อยกว่าเดิม
- ลงไปซื้อสินค้า OTOP ของดีในท้องถิ่นตามสถานีต่างๆ
ลองนึกภาพรถไฟเมืองไทยที่มักจะมีพ่อค้าแม่ค้าขึ้นรถไฟมาเดินขายของ สำหรับญี่ปุ่นนั้นคล้ายๆ กัน แต่เป็นพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งแผงที่ชานชาลารอขายพวกเราอย่างเป็นระเบียบ สินค้ามีหลากหลาย เช่น เบนโตะ ไอศกรีม ของที่ระลึกต่างๆ เราแนะนำให้ซื้อไอศกรีมกินเป็นของหวานตบท้ายเบนโตะลิมิเต็ด ลงตัวสุดๆ
- เสพความงดงามของธรรมชาติ
ในขบวนมีจุดนั่งชมวิวสวยๆ มากมาย ทั้งตู้หมายเลข 1 Okojo Observation Car และตู้หมายเลข 4 ถ้าใครอยากมองควันจากปล่องรถไฟด้วยเชิญตู้ 1 แต่ถ้าชอบความสงบตู้หมายเลข 4 คือ โซฟาที่หันหน้าเข้าหาหน้าต่างคือมุมโปรดของเราเลย
SL Banetsu Monogatari x Photo Spot ที่สายแชะห้ามพลาด
- ขบวนรถไฟ
รถไฟขบวนนี้สวยทุกมุมทั้งด้านนอกและด้านใน แม้ในตู้โดยสารธรรมดาก็ยังดูวินเทจ ถ่ายรูปสวยทุกมุม แต่มุมเด็ดต้องยกให้ ตู้หมายเลข 1 Okojo Observation Car และตู้หมายเลข 4 นอกจากนี้ภาพรถไฟที่กำลังมีควันพวยพุ่งออกมาก็ถือว่าเป็นมุม Iconic ที่ต้องถ่ายไว้สักใบ
- แวะถ่ายรูปกับ Okojiro ที่สถานี Tsugawa กับ Niitsu
บนชานชาลาของสถานี Tsugawa เขาตกแต่งห้องนั่งรอรถไฟเป็นตัวน้อง Okojiro เลย ด้านในมีเก้าอี้ที่ทำเป็นเหมือนตอไม้ให้นั่งเก๋ๆ ส่วนด้านนอกก็มีรูปปั้นน้องให้ถ่ายรูปเล่นด้วย และที่สถานี Niitsu ก็มีน้องปรากฏตัวอยู่ตามจุดต่างๆ ให้ตามถ่ายรูป เช่น ม้านั่งที่มีน้องนั่งเป็นเพื่อน บันไดชานชาลา 2-3 นอกจากนี้ยังมีน้องตัวจิ๋วซ่อนอยู่ตามเสา เพดาน พื้น และอีกมากมาย
นั่ง SL Banetsu Monogatari ไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง
Aizu-Wakamatsu City ถ้าเป็นคนชอบเดินเล่น ที่เมืองไอสึวากามัตสึก็เหมาะสมที่สุด ในอดีตเมืองนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าซามูไรในสมัยเอโดะ ทำให้อาคารบ้านช่องมีบรรยากาศย้อนยุคสวยๆ ที่ชวนให้คิดถึงอดีต มีปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle) ให้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และปิดท้ายด้วยถนน Nanukamachi ให้เดินช็อปปิ้งงานคราฟต์ชิคๆ รวมไปถึง Café Hopping เก๋ๆ ใครชอบข้าวหน้าหมูทอด ที่นี่เขามีร้านดังให้เลือกชิมหลายเจ้าเลย
NiitsuCity เมืองนีตสึที่ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งรถไฟ” บริเวณโดยรอบสถานีนีตสึมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย อาทิ Lake Hyoko ทะเลสาบที่มีชื่อเสียงในการเป็นที่อยู่อาศัยของหงส์อพยพกว่า 5,000 ตัว ถ้าอยากดูแนะนำให้มาในช่วงกลางเดือนตุลาคม ไฮไลท์ที่น่าสนใจคือจะมีการให้อาหาร 3 ครั้งต่อวันและอนุญาตให้นักท่องเที่ยวให้อาหารฝูงหงส์ได้ด้วยนะ
ไม่ไกลจากสถานีโกเซ็น (Gosen) ช่วงกลางถึงปลายเมษายนของทุกปี ที่นี่จะมีเทศกาล Gosen City Tulip Festival รวมทิวลิปกว่า 1.5 ล้านต้น อีกทั้งบริเวณโดยรอบยังมีแผงขายอาหารและเครื่องดื่มให้ได้เดินเล่นเพลินๆ
เรื่องต้องรู้ก่อนขึ้น SL Banetsu Monogatari
- เส้นทางให้บริการ
ระหว่างสถานีนีตสึ (Niitsu Station) จังหวัดนีงาตะ (Niigata) กับสถานีไอสึ วากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu Station) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima)
- วันให้บริการ
รถไฟจะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) และไม่ได้บริการทุกวัน ส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์ ก่อนสำรองที่นั่งแนะนำให้ตรวจสอบวันเดินทางก่อนที่เว็บไซต์ www.jreast.co.jp
- ตารางเวลา
สถานี / เวลา | ขาไป (Niitsu – Aizu Wakamatsu Station) | ขากลับ (Aizu Wakamatsu – Niitsu Station) |
Niitsu | 10:05 (ออก) | 18:40 (จอด) |
Gosen | 10:22 (จอด) 10:23 (ออก) | 18:24 (ออก) 18:22 (จอด) |
Sakihana | 10:40 (จอด) 10:41 (ออก) | 18:07 (ออก) 18:06 (จอด) |
Mikawa | 10:58 (จอด) 10:59 (ออก) | 17:49 (ออก) 17:48 (จอด) |
Tsugawa | 11:12 (จอด) 11:28 (ออก) | 17:34 (ออก) 17:19 (จอด) |
Hideya | 11:43 (จอด) 11:45 (ออก) | 17:06 (ออก) 17:05 (จอด) |
Nozawa | 12:17 (จอด) 12:19 (ออก) | 16:35 (ออก) 16:25 (จอด) |
Yamato | 12:40 (จอด) 12:50 (ออก) | 16:06 (ออก) 16:05 (จอด) |
Kitakata | 13:06 (จอด) 13:08 (ออก) | 15:51 (ออก) 15:48 (จอด) |
Shiokawa | 13:18 (จอด) 13:20 (ออก) | (ไม่จอด) |
Aizu-Wakamatsu | 13:35 (จอด) | 15:25 (ออก) |
- วิธีสำรองที่นั่ง
ที่นั่งทั้งหมดบนรถไฟขบวนนี้ต้องสำรองที่นั่งเท่านั้นเท่านั้น หากมีบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถสำรองที่นั่งออนไลน์ล่วงหน้าฟรีได้ทางเว็บไซต์ eki-net.com ก่อนไป 1 เดือน หรือที่ห้องจำหน่ายตั๋ว JR EAST Travel Service Center สีเขียวบริเวณสถานีใหญ่ๆ ที่ญี่ปุ่น เช่น สถานี Tokyo, Shinjuku, Shibuya, Ueno, Sendai, Yamagata ฯลฯ
หมายเหตุ:
1 บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ครอบคลุมระหว่างสถานี Aizu-Wakamatsu ถึง Nozawa ในเขตจังหวัดฟุกุชิมะเท่านั้น หากลงตั้งแต่สถานีถัดไปซึ่งเป็นเขตจังหวัดนีงาตะจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามจำนวนสถานี
2 ถ้าต้องการนั่งตู้ Green Car ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
แผนที่
คลิกที่รูปเพื่อดาวน์โหลดแผนที่
ทำความรู้จักบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area)
บัตร JR EAST PASS (Tohoku area) ตัวช่วยให้เที่ยว ยามากาตะ ฟุกุชิมะ และ มิยากิ ได้คุ้มที่สุด
JR EAST PASS (Tohoku area) บัตรโดยสารสุดคุ้มที่ใช้โดยสารรถไฟในภูมิภาคโทโฮคุ ไม่ว่าจะเป็น ยามากาตะ ฟุกุชิมะ มิยากิ ฯลฯ นั่งรถไฟท้องถิ่นในเส้นทาง JR EAST Lines ชินคันเซ็น รถไฟท่องเที่ยว Joyful Train ก็สำรองได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมถึงสามารถใช้นั่งรถไฟ Narita Express จากสนามบินนาริตะ หรือ Tokyo Monorail จากสนามบินฮาเนดะได้ฟรีหมดภายในระยะเวลา 5 วัน โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อกันภายในระยะเวลา 14 วัน
ราคา: ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 19,350 เยน, เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 9,670 เยน
ซื้อได้ที่: เอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ได้แก่ Wendy Tour, HIS และ JTB
ตัวอย่างรีวิวเที่ยว ยามากาตะ ฟุกุชิมะ และ มิยากิ ด้วยบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) เพิ่มเติม