FruiTea Fukushima : รถไฟสายหวานที่พาเราวิ่งสู่ความอร่อยของขนมและผลไม้จากฟุกุชิมะ

หนึ่งในเป้าหมายหลักในการเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นของใครหลายๆ คนน่าจะมี ‘เรื่องกิน’ เกี่ยวข้องเป็นแน่ ทั้งเนื้อย่าง ซูชิ ราเมน หรือผลไม้เมืองหนาวที่หากินอร่อยในราคามิตรภาพได้ยากในบ้านเราอย่างสตรอว์เบอร์รี ลูกพีช เมลอน นอกจากนี้ยังมีขนมหวานทั้งแบบญี่ปุ่นออริจินอลและแบบตะวันตกที่เชฟญี่ปุ่นสามารถสร้างสรรค์ออกมาได้ถูกปากชาวไทยจนติดใจกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นโมจิ, เค้กเนื้อบางเบา (เบาจนกินแล้วไม่รู้สึกผิด), ชูครีมไส้คัสตาร์ดหอมๆ, ทาร์ตผลไม้ชิ้นโตอันแสนสดใหม่ หรือพุดดิ้งเนื้อเนียนรสเข้มข้นหอมคาราเมล

แต่ถ้าคุณเจอปัญหาเวลามีน้อย ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติก็อยากไป ผลไม้ ขนมกรุบกริบเก๋ไก๋ก็อยากกิน…เรามีทางออกมาแนะนำค่ะ! นั่นคือการนั่ง FruiTea Fukushima

ภาพ: East Japan Railway Company

FruiTea Fukushima (อ่านว่า ฟรุตเทีย ฟุกุชิมะ) รถไฟแสนสวยที่เป็นดั่งคาเฟ่ขนมหวานที่พกความอร่อยละมุนลิ้นมาให้ผู้โดยสารชิมไปพร้อมๆ กับการชมธรรมชาติอันงดงามของจังหวัดฟุกุชิมะตลอดการเดินทาง

จุดเริ่มต้นความหวาน

แค่เห็นชื่อรถไฟ FruiTea Fukushima น่าจะเดากันได้ว่านางเอกของรถไฟขบวนนี้ก็คือ Fruit ที่แปลว่าผลไม้ ซึ่งเป็นของดังที่ชาวฟุกุชิมะภาคภูมิใจนั่นเอง ชาวญี่ปุ่นเปรียบฟุกุชิมะเป็นเหมือนดินแดนแห่งผลไม้ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว เพราะที่นี่เป็นแหล่งปลูกผลไม้แสนอร่อยมากมาย เช่น พีช แอปเปิ้ล สาลี่ องุ่น และผลไม้เหล่านี้นี่เองคือวัตถุดิบหลักของเหล่าของหวานบนรถไฟขบวนนี้ ส่วนคำว่า Tea หรือน้ำชานั้นใช้เพื่อสื่อถึงความเป็นคาเฟ่ ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์หลักของ FruiTea Fukushima

ทั้งด้านนอกและด้านในของรถไฟนั้นใหม่เอี่ยมอ่องเพราะเพิ่งเปิดตัวไปในปี ค.ศ. 2015 เส้นทางที่วิ่งมี 2 สาย ได้แก่ สาย Ban-Etsusai (Ban-Etsu West) จากสถานีโคริยามะ (Koriyama Station) สู่สถานีคิตะคาตะ (Kitakata Station) และสาย Tohoku-Honsen จากสถานีโคริยามะสู่สถานีเซนได (Sendai Station) ที่นั่งบนรถไฟทั้งหมดเป็นแบบจองล่วงหน้า และขายพร้อมแพ็กเกจขนมหวานและเครื่องดื่มในราคา 4,800-5,400 เยนแล้วแต่เส้นทาง

Compartment | ตู้โดยสารรถไฟ

รถไฟขบวนนี้มีเพียงแค่ 2 ตู้เท่านั้น แค่เห็นดีไซน์ด้านนอกก็สัมผัสได้ถึงความเป็นคาเฟ่หรูหราตามเมืองใหญ่ สีครีม สีดำ และสีแดงตัดกันให้ความรู้สึกสดใส ส่วนโลโก้รูปกาน้ำชากับผลไม้ชวนให้รู้สึกถึงความกุ๊กกิ๊กแบบญี่ปุ่น เมื่อเดินขึ้นรถไฟเจอพนักงานในชุดเมดแบบตะวันตกรอต้อนรับ ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนเข้าไปในคาเฟ่จริงๆ

• ตู้โดยสารที่ 1

ตู้แรกเป็นเคาน์เตอร์ร้านค้าขายขนม ของฝาก และเครื่องดื่มต่างๆ รวมไปถึงมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ที่หันหน้าเข้าหากระจกให้ชมวิวพลางกินขนมอย่างเพลิดเพลิน ปกติที่นี่จะมี Drink Bar ด้วย แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันจึงปรับรูปแบบเป็นการสั่งเครื่องดื่มจากที่นั่งแทน

ภาพ: East Japan Railway Company

• ตู้โดยสารที่ 2

เป็นที่นั่งโอ่โถง มีโต๊ะและโซฟาแบ่งเป็นสัดส่วนเหมือนคาเฟ่ไม่มีผิด อินทีเรียด้านในหรูหราคาเฟ่ไฮโซมาก สีน้ำตาล สีครีม และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ช่วยทำให้บรรยากาศต่างกับรถไฟทั่วไปโดยสิ้นเชิง เมื่อสีนวลตาและความโค้งมนของโซฟาอยู่ภายใต้แสงไฟสีส้มอุ่นๆ ทำให้รู้สึกถึงความอ่อนหวาน อ่อนโยน ผ่อนคลายไปกับบรรยากาศ แน่นอนว่าเขาเลือกใช้กระจกบานใหญ่ให้เราชมวิวสวยๆ ด้านนอกได้เต็มที่ Box Seat เป็นโซฟานุ่มซึ่งนั่งได้มากที่สุด 4 คน หรือจะมาคนเดียวก็ไม่ต้องกังวล เขามีที่นั่งเดี่ยวเตรียมไว้เช่นกัน เป็นแบบเคาน์เตอร์หันหน้าชมวิวเน้นๆ

To Do List | ทำอะไรบนรถไฟได้บ้าง

• ตั้งใจกินขนมอย่างละเมียดละไม

ขนมบนรถไฟนี้ใช้ผลไม้ตามฤดูกาลในจังหวัดฟุกุชิมะเป็นหลัก โดยได้ร้านขนมชื่อดังในจังหวัดมาช่วยสร้างสรรค์เมนูออริจินอลของ FruiTea Fukushima ยิ่งทำให้รถไฟขบวนนี้กลายเป็นคาเฟ่เต็มรูปแบบ

ในเซ็ตขนมหวานที่ผู้โดยสาร 1 คนจะได้รับประกอบด้วย ขนมหวานเมนูออริจินอลที่ทำจากผลไม้ของฟุกุชิมะ, น้ำผลไม้ที่ใช้ผลไม้ของฟุกุชิมะ, กาแฟร้อน และสามารถสั่งชาเย็นและกาแฟเย็นได้ไม่จำกัดตลอดการเดินทาง

เราได้นั่ง FruiTea Fukushima No.2 ซึ่งรอบนั้นร้าน Takino เป็นผู้สร้างสรรค์เมนูขนมหวานในเข่งที่ดูเหมือนติ่มซำ 2 ชั้น จริงๆ แล้วเข่งนี้เรียกว่า Wappa เป็นงานคราฟต์ที่ใช้เป็นภาชนะอาหารท้องถิ่นแบบดั้งเดิม จุดเด่นอยู่ที่กลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้ที่ทำให้อาหารหรือขนมน่าทานขึ้นไปอีก ส่วนร้านทาคิโนะนั้นเป็นร้านเก่าแก่ที่ทำ Wappa-meshi อาหารท้องถิ่นแบบดั้งเดิมใส่เจ้าวัปปะเสิร์ฟลูกค้า ในการปรับมาทำขนมหวานใส่วัปปะครั้งนี้ ร้านทาคิโนะจึงร่วมมือกับร้านขนมหวานในท้องถิ่นเพื่อความสมบูรณ์ที่สุดของเมนู

เมื่อเปิดมาชั้นแรกก็ร้องกรี๊ดเลย เพราะเจอเค้กบามคูเฮน (Baumkuchen) วงใหญ่มากพร้อมท็อปปิ้งผลไม้สดชิ้นโต แป้งที่ใช้คือแป้งที่ทำจากข้าวพันธุ์โคชิฮิคาริของเมืองไอสึ ผลไม้มีเมล่อนจูงมือองุ่นและลูกฟิกมาเสริมความอร่อย ชั้นที่ 2 เซอร์ไพรส์เราด้วยการกลับสู่โหมดขนมญี่ปุ่นดั้งเดิมคือ โมจิไส้ถั่วแดงบดที่มีลูกเล่นคือองุ่นเคียวโฮแช่น้ำผึ้ง นอกจากนี้ยังมีชูครีมไส้แอพริคอตเชื่อมและชูครีมไส้ลูกพีชต้มที่ในน้ำผึ้งด้วย หน้าตาขนมน่ารักมากจนแทบไม่กล้าทาน

• ช็อปของฝากที่ตู้ 1

กินอิ่มแล้วลองเดินไปดูของฝากที่ตู้ 1 เผื่อจะเจอของถูกใจ บนรถไฟมีสินค้า Limited Edition ขายอยู่หลายชนิด แต่ละอย่างน่ารักมากทั้งนั้น เช่น Tote Bag, Masking Tape, แฟ้มพลาสติกใส่เอกสาร, ผ้าขนหนู, แก้วกาแฟ ถ้ายังกินขนมหวานไม่จุใจก็มีขายเพิ่มเติม เช่น ไอศกรีม, ผลไม้อบแห้ง, เยลลี่ลูกพีช

• ชมวิวแสนเพลิดเพลิน

นอกจากจะมีของดังในท้องถิ่นให้กินจนอิ่มหนำตลอด 1 ชั่วโมงครึ่งแล้ว บนขบวนยังมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์หันหน้าเข้าหากระจกใสบานใหญ่ให้ชมธรรมชาติระหว่างทาง กินไป คุยเล่นกับเพื่อนไป ชมวิวไปด้วยแสนเพลิดเพลิน

Photo Spot | จุดถ่ายภาพที่สายแชะห้ามพลาด

• ขบวนรถไฟ

ไม่ว่าจะด้านนอกด้านในดีไซน์ก็เก๋ไก๋ควรค่าแก่การหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปสุดๆ ด้านนอกขบวนเป็นสีครีม ดำ และแดงตัดกัน มีโลโก้รูปน้ำชากับผลไม้กุ๊กกิ๊กสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนภายในตกแต่งด้วยโทนสีนวลตา ทำให้รู้สึกถึงความอ่อนหวาน ผ่อนคลายไปกับบรรยากาศ

• ป้าย いってらっしゃい

ที่สถานีต้นทางและปลายทางของขบวนจะมีสตาฟรถไฟสวมชุดคลุมอันเป็นเอกลักษณ์มายืนต้อนรับและบอกลาด้วยป้าย ‘いってらっしゃい’ (อ่านว่า อิตเตะรัชชัย) ที่มีความหมายแฝงความห่วงใยให้เราเดินทางปลอดภัย แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเก็บไว้ก็น่ารักเชียวล่ะ

ภาพ: East Japan Railway Company

• สถานี Kitakata

ส่วนปลายทางที่สถานี Kitakata นั้น แม้จะเป็นสถานีที่ไม่ใหญ่มาก แต่ครบเครื่อง มีจุดแลกตั๋วและศูนย์ให้ข้อมูลการท่องเที่ยวด้วย ใครไปแบบไม่มีแผนการลองเข้าไปปรึกษาได้ หรือจะดูแผนที่บอกจุดท่องเที่ยวรอบๆ สถานีก็ได้เช่นกัน ส่วนตัวอาคารของสถานีนี้สวยกว่าที่คิด เป็นอาคารอิฐแดงที่มีป้ายชื่อสถานีที่ทำจากเหล็ก ดูวินเทจ และกำแพงที่ใช้งานคราฟต์โบราณอย่าง Namako Wall ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยเอโดะที่นอกจากจะสวยเท่สะดุดตา ยังทนน้ำทนไฟยิ่งนัก

Tourist Attractions | นั่งขบวนนี้ไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง

Koriyama อีกหนึ่งจุดชมซากุระเริ่ดๆ ในเมืองโคริยามะ Miharu Takizakura เป็นต้นซากุระสายพันธุ์ Beni Shidare Zakura เก่าแก่กว่า 1,000 ปีในตำนานที่ครองผลโหวตมากมายทั้งซากุระที่สวยเป็นอันดับหนึ่ง หรือ 1 ใน 3 ต้นซากุระที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

Aizu-Wakamatsu เมืองไอสึวากามัตสึ อดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าซามูไรในสมัยเอโดะ บ้านเรือนส่วนใหญ่จึงถูกอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้แวะเวียนมาเยี่ยมชม จะเดินถ่ายรูปเล่นก็เชื่อว่าจะได้รูปสวยๆ กลับไปเพียบ
※ 4 ร้านอร่อยน่าลองในเมือง “ไอสึวากามัตสึ”

Oichi-juku หมู่บ้านโบราณตั้งแต่สมัยเอโดะที่ยังคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมดั้งเดิม ใช้ใบจากมุงหลังคา ปัจจุบันถูกปรับเป็นพิพิธภัณฑ์และร้านค้าคอยให้บริการ อีกทั้งมีศาลเจ้าเล็กๆ ให้แวะสักการะขอพรด้วย ถ้าชอบถ่ายรูปแนะนำให้เดินขึ้นเนินเขาด้านหลัง จะเห็นวิวบ้านโบราณเรียงรายทั้งหมู่บ้าน
※ สัมผัสเสน่ห์สไตล์ย้อนยุคที่เมืองชิราคาวะ

Kitakata City เมืองคิตะคาตะเป็นที่รู้จักในหมู่คนรักราเมน ว่ากันว่ามีร้านราเมนภายในเมืองมากกว่า 100 ร้าน ลักษณะพิเศษคือเส้นจะแบน หนานุ่ม และหยักคล้ายคลื่น เป็นความอร่อยที่หาได้ที่เมืองคิตะคาตะเท่านั้น อีกทั้งรอบๆ เมืองก็เต็มไปด้วยอาคารโบราณ สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ควรค่าแก่การเดินสำรวจ
※ 5 ร้านโลคอลแสนอร่อยในเมืองคิตะคาตะ

Sendai City เมืองใหญ่ของจังหวัดมิยากิ ได้ฉายาที่ดีต่อใจคนรักษ์โลกว่า “เมืองแห่งต้นไม้” มีโลเคชั่นที่น่าสนใจมากมาย อาทิ วิถีคนโลคอลที่ตลาดเช้า Sendai Asaichi Morning Market, ช็อปปิ้งที่ย่าน Ichibancho, แวะชม Sendai Castle ประจำเมืองเซนไดที่คนท้องถิ่นรู้จักกันในชื่อว่าปราสาทอาโอบะ และแน่นอนว่าไม่พลาดกินของดังประจำเมืองอย่างลิ้นวัว ฯลฯ
※ ตกหลุมรักเมืองนอกสายตาที่ “เซนได” และ “โมริโอกะ”

ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งบนรถไฟขบวนนี้แทบไม่ต่างจากเวลาที่เราใช้ในคาเฟ่ทั่วไป แต่คาเฟ่ร้านนี้ 2 in 1 มีของดังในท้องถิ่นให้กิน แถมพาเราไปเที่ยวชมธรรมชาติพร้อมกันเลย อร่อยและเพลิดเพลินเป็นที่สุด

Route Map | แผนที่

• เส้นทาง Koriyama – Kitakata Station

• เส้นทาง Koriyama – Sendai Station

เกี่ยวกับบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area)

JR EAST PASS (Tohoku area) บัตรโดยสารสุดคุ้มที่ใช้โดยสารรถไฟในภูมิภาคโทโฮคุ ไม่ว่าจะเป็น อาโอโมริ อิวาเตะ อาคิตะ ฯลฯ นั่งรถไฟท้องถิ่นในเส้นทาง JR EAST Lines ชินคันเซ็น รถไฟท่องเที่ยว Joyful Train ก็สำรองได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมถึงสามารถใช้นั่งรถไฟ Narita Express จากสนามบินนาริตะ หรือ Tokyo Monorail จากสนามบินฮาเนดะได้ฟรีหมดภายในระยะเวลา 5 วัน โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อกันภายในระยะเวลา 14 วัน

ราคา: ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 19,350 เยน, เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 9,670 เยน

ซื้อได้ที่: เอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ได้แก่ Wendy Tour, HIS และ JTB