What’s New in Valley of Witches (Ghibli Park): พาเที่ยวโซนใหม่ “หุบเขาแม่มด” ที่จิบลิพาร์ค จังหวัดไอจิ
สารบัญ
เมื่อ 2 ปีที่เเล้ว หลายคนน่าจะยังจำกันได้ดีกับข่าวใหญ่ที่ทำให้ฝันของใครหลายๆ คนเป็นจริงกับการเปิดตัวสวนสนุกสตูดิโอจิบลิ (Ghibli Park) ณ เมืองนากาคุเตะ จังหวัดไอจิ จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาระยะหนึ่งเเล้วที่สวนสนุกแห่งนี้ได้มอบความสุขให้กับทุกคน ซึ่งแน่นอนว่าแฟนๆ การ์ตูนสตูดิโอจิบลิทั่วโลกก็ยังคงหลั่งไหลมาเยี่ยมเยียนที่นี่ไม่ขาดสาย ล่าสุด สวนสนุกสตูดิโอจิบลิก็ได้เปิดโซนใหม่ที่มีชื่อว่า “Valley of Witches” ให้เข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป โดยเป็นพื้นที่ใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “ผลงานเกี่ยวกับแม่มด” 3 เรื่องด้วยกันคือ Kiki’s Delivery Service, Howl’s Moving Castle และ Earwig and the Witch เกริ่นมาแค่นี้ ก็รู้สึกได้ถึงความสนุกสนานเเละความตื่นเต้นที่กำลังรอเราอยู่ที่สวนสนุกเเล้วใช่ไหมล่ะ งั้นวันนี้คิจิขออาสาเป็นไกด์พาไปรู้จักกับโซนใหม่นี้ ให้ทุกคนได้ดูบรรยากาศพอเป็นน้ำจิ้มก่อนแพ็คกระเป๋าไปดูของจริงกัน🧙♀️🏰✨
The Mouth of Witch
โซน “หุบเขาแม่มด” โดยรอบทั้งหมดจะถูกออกแบบเป็นสไตล์ยุโรปที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแอนิเมชั่นเรื่องดัง 3 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ Kiki’s Delivery Service (แม่มดน้อยกิกิ), Howl’s Moving Castle (ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์) และ Earwig and the Witch (อาย่ากับเหล่าแม่มด) ซึ่งเราจะสังเกตเห็นได้เลยตั้งแต่ด้านหน้าประตูทางเข้าซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากแม่มดเบลลายากา จาก เรื่อง Earwig and the Witch ทักทายทุกคนด้วยปากอันใหญ่โตที่เปิดกว้างจนเมื่อเรามองผ่านปากของเธอไป เราสามารถเห็นงานศิลปะรูปทรงนาฬิกาที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาเล็กๆ และอาคารที่ทำด้วยอิฐสีแดงใกล้กับประตูทางเข้า
Guchokipanya Bakery
ถ้าเราพูดถึงการ์ตูนจากค่ายจิบลิ สิ่งที่แฟนๆ หลงใหลนอกจากพล็อตเรื่องที่แปลกใหม่ หรือตัวละครที่น่ารักเเล้วก็คือภาพแอนิเมชันอาหารที่เรียกได้ว่าทำออกมาสมจริง เเละน่ากินสุดๆ ดังนั้นสถานที่ต่อไปที่สายกินไม่ควรพลาดเลยก็คือ “ร้านเบเกอรี่ของคู่รักโอโซโนะซัง” จากเรื่องแม่มดน้อยกิกิ ที่ที่ตัวละครหลักอย่างแม่มดน้อยกิกิเเละแมวดำจิจิอาศัยเเละทำงานอยู่ โดยจุดสังเกตของร้านนี้คือจะมีป้ายรูปทรงเหมือนขนมปังเพรทเซลแขวนหน้าร้านแบบเดียวกับที่ปรากฏในภาพยนตร์
ภาพ: www.fashion-press.netภาพ: www.ghibli-park.jp/en/
โดยร้านนี้จะตั้งอยู่ชั้น 1 ของบ้านสองชั้นที่สร้างขึ้นในสไตล์ half-timber ซึ่งเป็นเทคนิคการก่อสร้างด้วยไม้แบบดั้งเดิมของยุโรป และเมื่อเดินขึ้นบันไดจากสวนหลังบ้านจะมีห้องใต้หลังคาของแม่มดน้อยกิกิ
ตรงในส่วนของร้านเบเกอรี่ บอกเลยว่าเป็นสวรรค์ของสายขนมหวาน เพราะเขามีขนมปังให้เลือกซื้อหลากหลาย เช่น ขนมปังบาแก็ต (Baguette), ขนมปังบูล (Boule) ที่ปรากฏในภาพยนตร์ เป็นต้น ซึ่งเราสามารถซื้อไปทานคู่กับมื้อเที่ยงหรือรับประทานเล่นในสวนสาธารณะตามอัธยาศัยได้เลย
*ในส่วนที่ขายขนมอาจจะมีปิดทำการ หากขนม sold out
The Okino Residence
ต่อไปจะเป็นสถานที่ที่เราสามารถสัมผัสชีวิตประจำวันของแม่มดน้อยกิกิ นั่นก็คือ “บ้านพักโอกิโนะ” เป็นบ้านที่แม่มดน้อยกิกิอาศัยอยู่ก่อนที่เธอจะออกไปฝึกเป็นแม่มด ตัวบ้านจะเป็นบ้านสองชั้น หน้าบ้านจะมีสวนดอกไม้ที่จะถูกตกแต่งตามฤดูกาล เเละบริเวณข้างบ้านเป็นโรงรถ
เมื่อเดินเข้าไปในบ้านชั้น 1 จะเจอร้านขายของแม่มด (The witch’s shop) ของโคคิริแม่ของกิกิอยู่ทางซ้ายมือ ในบริเวณเดียวกันมีห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น และห้องครัว
* สินค้าในร้านขายของแม่มด (The witch’s shop) มีไว้เพื่อจัดแสดงเท่านั้น ไม่ได้จำหน่ายจริง
ส่วนบนชั้น 2 เป็นห้องนอนของกิกิ และห้องทำงานของคุณพ่อ เมื่อเดินเข้าไปจะสัมผัสได้ถึงความโฮมมี่เเละอบอุ่น
*เฉพาะผู้ถือบัตร Ghibli Park O-Sanpo Day Pass Premium เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปใน The Okino Residence
Howl’s Castle
เมื่อเราเดินออกมาเล็กน้อย จะเห็นรูปทรงของอาคารสูง 20 เมตรที่ดูเหมือนมีชีวิต เด่นตระหง่านบนท่ามกลางทุ่งร้าง ทำให้รู้เลยว่านี่คือ “ปราสาทของฮาวล์” จากเรื่อง ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ เเละอีกอย่างที่ทำให้ทุกคนจำได้เลยทันทีนั่นก็คือเจ้าชายหัวผักกาดที่ยืนต้อนรับอยู่ทางด้านหน้า ถ้าหากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าโครงสร้างบางส่วนของปราสาทมีการเคลื่อนไหวเเละมีควันออกมาจากปราสาท 2-3 ครั้งต่อชั่วโมง ซึ่งทำให้เรารู้สึกสมจริงมากยิ่งขึ้น ราวกับว่าอยู่ในโลกแห่งเวทมนตร์
ชื่นชมภายนอกปราสาทจนสมใจเเล้ว เราจะพาทุกคนเข้าไปชมภายในปราสาทกัน เมื่อเดินเข้ามาจากบันไดเล็กๆ ด้านหน้าปราสาท เราจะเจอกับห้องนั่งเล่นกลางบ้านท่ามกลางไฟสลัวๆ ที่จะมีเตาผิงของคัลซิเฟอร์, อ่างล้างจาน, โต๊ะ, ห้องของโซฟี และอื่นๆ อีกมากมาย
บนชั้นสองเราจะได้เห็นห้องของมาร์เคิล เเละพื้นที่ส่วนตัวของฮาวล์ ได้แก่ ห้องนอน, ตู้เสื้อผ้า, สตูดิโอเเละห้องน้ำ
Hatter’s Millinery
ต่อไปเราจะพาทุกคนย้อนไปดูสถานที่ที่ที่เรียกได้ว่าเป็นฉากเปิดของเรื่อง “ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์” เลย นั่นก็คือที่ทำงานเเละที่พักอาศัยของโซฟี หรือ “ร้านหมวกแฮตเตอร์”👒✨
ร้านหมวกแฮตเตอร์ เป็นอาคารสองชั้นที่ออกแบบในสไตล์ half-timber ซึ่งเป็นเทคนิคการก่อสร้างด้วยไม้แบบดั้งเดิมของยุโรป เช่นเดียวกับร้านเบเกอรี่ของคู่รักโอโซโนะซัง ในส่วนของชั้นแรกจะมี 2 มุมด้วยกัน มุมแรกจะเป็นเวิร์คช็อปทำหมวก มุมที่สองคือพื้นที่ตั้งขายหมวก ซึ่งมีการจัดจำหน่ายหมวกเเละขนมลูกกวาดออฟฟิเชียลเฉพาะของที่สวนสนุกด้วย เเละถ้าเราเดินเลาะผ่านลานบ้านไปเรื่อยๆ เราจะสามารถมองทะลุผ่านหน้าต่างเห็นบริเวณที่โซฟีทำหมวกได้เช่นกัน
ข้างบนชั้น 2 จะมีร้านหนังสือชื่อ “Witches’ Book Stacks” หรือกองหนังสือแม่มด ซึ่งได้รวบรวมหนังสือเกี่ยวกับแม่มดและเวทมนตร์ให้เลือกซื้อมากมาย ใครที่เป็นสายหนังสือหรือสายสะสมอยู่เเล้ว โซนนี้ห้ามพลาดเลย!
*สินค้าบางอย่างมีจำนวนจำกัด
Lift for Witches
สำหรับใครที่ต้องการขึ้นไปยังชั้นสองของ Guchokipanya Bakery (ห้องใต้หลังคาของแม่มดน้อยกิกิ) และ Hatter’s Millinery ( ร้านหนังสือ Witches’ Book Stacks) ก็สามารถใช้บริการลิฟต์ได้ ซึ่งจะตั้งอยู่ระหว่าง Guchokipanya Bakery และ Hatter’s Millinery
*ผู้ที่ใช้เก้าอี้รถเข็นและรถเข็นเด็กจะได้รับสิทธิ์ก่อน
The House of Witches
พอเราเดินย้อนขึ้นมา เราจะเจอกับบ้านชั้นเดียวที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่อง “อาย่ากับเหล่าแม่มด” นั่นก็คือบ้านของ Earwig หรืออาย่า ซึ่งเป็นตัวละครหลักที่ถูกพาตัวไปอาศัยอยู่ที่นี่ ภายในบ้านถูกตกแต่งอย่างประณีต ตั้งแต่ปล่องไฟไปจนถึงหน้าต่างบานเล็ก รวมถึงห้องทำงานของแม่มดเบลลายากา, ห้องนอนของ อาย่าเเละอีกมากมาย
มุมทำงานของแม่มดเบลลายากา มีบรรยากาศชวนลึกลับและเต็มไปด้วยร่องรอยของส่วนผสมมหัศจรรย์ที่หกเลอะเทอะตามโต๊ะ
ห้องนอนของอาย่าจะมี “ช่องแอบมอง” ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ด้วย ซึ่งเราสามารถมองผ่านเข้าไปในช่องได้เช่นกัน
*เฉพาะผู้ถือบัตร Ghibli Park Walk Ticket เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปชมด้านในของบ้านแม่มด
Carousel
พอพูดถึงสวนสนุก ถ้าไม่มีเครื่องเล่นแสนสนุก เราจะเรียกว่าสวนสนุกได้ยังไงใช่มั้ย? โซนต่อไปที่จะพาไปดูเลยก็คือ โซนเครื่องเล่นม้าหมุนที่ทั้งผู้ปกครองและเด็กสามารถเพลิดเพลินด้วยกันได้ โดยโซนนี้จะถูกออกแบบภายใต้คอนเซ็ปจินตนาการว่าเป็นเครื่องเล่นตามงานแฟร์หรือคาร์นิวัลกลางแจ้งที่มาเยือน “หุบเขาแม่มด” ปีละครั้ง พร้อมกับตกแต่งเครื่องเล่นเป็นลวดลายสัตว์ สัญลักษณ์หรือตัวละครจากภาพยนตร์ของ Studio Ghibli เช่น Kiki’s Delivery Service, Howl’s Moving Castle, Princess Mononoke และอีกมากมาย
ระหว่างนั่งม้าหมุน เราจะได้ยินเพลง Merry Go-Round of Life จากภาพยนตร์ Howl’s Moving Castle เปิดคลอไปด้วย
■ ค่าบริการ: เด็กอายุ 3-12 ปี: 500 เยน, ผู้ใหญ่: 1,000 เยน
* เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ฟรี
*ซื้อตั๋วที่ Ticket Hut ด้านหน้า Okino Residence
*ในกรณีที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย การดำเนินการจะถูกยกเลิก โปรดตรวจสอบเว็บไซต์อย่างเป็นทางการสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Tower of Aviators
นอกจากนั้นยังมีโซนสำหรับเด็ก “หอเครื่องบิน” ที่ได้แรงบันดาลใจจากเด็กหนุ่มสองเรื่องคือ ทอมโบะ จาก แม่มดน้อยกิกิ และ ปาซู จาก ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา ที่ทั้งคู่ต่างปรารถนาที่จะบิน โดยจะตกแต่งด้วยบอลลูนขนาดจิ๋วเเละออร์นิฮอปเตอร์ (เครื่องบินกระพือปีก) ลอยอยู่บนเพดาน ตรงส่วนนี้จะเปรียบเสมือนสนามเด็กเล่นย่อมๆ ที่เด็กๆ สามารถปีนขึ้นจากชั้นหนึ่งไปยังชั้นสองอย่างสนุกสนานได้
*เด็กอายุ 12 หรือต่ำกว่าเท่านั้นที่สามารถปีนส่วนที่เชื่อมระหว่างชั้น 1 และชั้น 2 ได้
Flying Machine
ถัดมาจาก Tower of Aviators คือ “เครื่องเล่นประเภทเครื่องบิน” ที่มาในธีมโลกในจินตนาการจากภาพยนตร์เรื่อง ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา โดยตรงกึ่งกลางของเครื่องเล่นจะมีเกาะลาพิวต้าตั้งอยู่ เเละตัวเครื่องเล่นจะเป็นรูปทรงของยาน Tiger Moth
■ อายุ: 3 ถึง 12 ปี
*เฉพาะผู้ใหญ่ที่เดินทางพร้อมเด็กเท่านั้นที่สามารถโดยสารได้ (เด็ก 1 คนต่อผู้ใหญ่ 1 คน)
■ ค่าธรรมเนียม: 500 เยน
*ซื้อตั๋วที่ Ticket Hut ด้านหน้า Okino Residence
*ในกรณีที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย การดำเนินการจะถูกยกเลิก โปรดตรวจสอบเว็บไซต์อย่างเป็นทางการสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Avenue of Ruins / Clock Tower
Fountain
ตรงกึ่งกลางของโซนหุบเขาแม่มดยังมีน้ำพุที่ถูกสร้างด้วยหินในจัตุรัสทรงกลม เเละมีม้านั่งที่เราสามารถมานั่งพักผ่อนหย่อนใจเพื่อให้รู้สึกสดชื่นขึ้นได้
Flying OVEN
*สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมนูอาหารได้ที่ Official Website
*เวลาทำการอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
Hotdog Stand “Hot Tin Roof”
นอกจากร้านอาหารเเล้วก็มีคาเฟ่น่ารักๆ อีกด้วย ใครที่เป็นสายคาเฟ่ต้องรีบพุ่งตัวไปด่วนเลย! คาเฟ่ Hotdog Stand จะอยู่ใกล้ๆ กับตรงโซนทางออก แต่ด้วยตัวอาคารสีเหลืองอร่ามเเละป้ายไฟนีออนรูปแมวดำที่ทำหน้าตาอาละวาดอยู่ก็คงดึงดูดสายตาทุกคนให้ต้องแวะคาเฟ่นี้ก่อนกลับบ้านอย่างแน่นอน
โดยขนมขึ้นชื่อของคาเฟ่นี้เลยคือ Neko no Te Dog หรือ Cat’s Paw Dog เป็นฮอทดอกที่มีไส้กรอกชิ้นใหญ่ๆ ร้อนๆ ทำจากเนื้อหมูที่มาจากอ่าวมิคาวะทางตอนใต้ของจังหวัดไอจิ ประกบด้วยขนมปังขาวหรือขนมปังชาโคที่เป็นรูปอุ้งเท้าแมวแสนน่ารัก แนะนำให้ซื้อมันฝรั่งทอดและเบียร์ Witch’s Valley มากินคู่กันเพื่อเพิ่มความอร่อย
■ เวลาทำการ: 10.00-16.30 น
*เวลาทำการอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
*สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมนูอาหารได้ที่ Official Website
Witches Coven 13
*สินค้ามีจำนวนจำกัด
Types of Tickets
■ Ghibli Park O-Sanpo Day Pass
บัตรจะจำหน่ายล่วงหน้าสองเดือนในวันที่ 10 เวลา 14.00 น. (เวลาญี่ปุ่น) ผู้ถือบัตรนี้สามารถเข้าได้ 5 โซน ได้แก่ Ghibli’s Grand Warehouse, Hill of Youth, Dondoko Forest, Mononoke Village เเละ Valley of Witches แต่ก็สามารถเข้าถึงร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านค้า และเครื่องเล่นได้ในทุกพื้นที่ (อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม) เเละบัตรผ่านนี้จะมีการกำหนดเวลาเข้าโซน Ghibli’s Grand Warehouse
*ไม่สามารถใช้กับโซนดังต่อไปนี้ได้: World Emporium (Hill of Youth), Satsuki and Mei’s House (Dondoko Forest), The Okino Residence, Howl’s Castle เเละ The House of Witches (Valley of Witches)
ราคา: ผู้ใหญ่ 3,500 เยน (วันธรรมดา) /4,000 เยน (วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
เด็ก (อายุ 4 -12 ปี) 1,750 เยน (วันธรรมดา)/2,000 เยน (วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
*เด็กอายุไม่เกิน 3 ปีสามารถเข้าฟรี
เวลาเข้าที่กำหนดสำหรับโซน Ghibli’s Grand Warehouse:09:00 / 10:00 / 11:00 / 12:00 / 13:00 / 14:00 / 15:00
*กรุณาเข้าภายในหนึ่งชั่วโมงนับจากเวลาที่จองไว้
สถานที่จำหน่าย: เว็บไซต์ Boo-Woo Ticket, Loppy ที่ Lawson, ร้าน Ministop ทั่วประเทศเเละ เว็บไซต์ Law Ticket
■ Ghibli Park O-Sanpo Day Pass Premium
บัตรจะจำหน่ายล่วงหน้าสองเดือนในวันที่ 10 เวลา 14.00 น. (เวลาญี่ปุ่น) ผู้ถือบัตรนี้สามารถเข้าชมได้ทุกโซนดังต่อไปนี้ Ghibli’s Grand Warehouse, Hill of Youth, Dondoko Forest, Mononoke Village, Valley of Witches, World Emporium (Hill of Youth), Satsuki and Mei’s House (Dondoko Forest), The Okino Residence, Howl’s Castle เเละ The House of Witches (Valley of Witches) เเละยังสามารถเข้าถึงร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านค้า และเครื่องเล่นได้ในทุกพื้นที่ (อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม) เเละบัตรผ่านนี้จะมีการกำหนดเวลาเข้าโซน Ghibli’s Grand Warehouse
ราคา: ผู้ใหญ่ 7,300 เยน (วันธรรมดา)/7,800 เยน (วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
เด็ก (อายุระหว่าง 4 -12 ปี) 3,650 เยน (วันธรรมดา)/3,900 เยน (วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
*เด็กอายุไม่เกิน 3 ปีสามารถเข้าฟรี
เวลาเข้าที่กำหนดสำหรับโซน Ghibli’s Grand Warehouse:09:00 / 10:00 / 11:00 / 12:00 / 13:00 / 14:00 / 15:00
*กรุณาเข้าภายในหนึ่งชั่วโมงนับจากเวลาที่จองไว้
สถานที่จำหน่าย: เว็บไซต์ Boo-Woo Ticket, Loppy ที่ Lawson, ร้าน Ministop ทั่วประเทศเเละ เว็บไซต์ Law Ticket
ในที่สุดเราก็พาทุกคนทัวร์โซนใหม่ Valley of Witches จนครบเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว~! แค่เห็นรูปภาพบรรยากาศโซนต่างๆ ก็เดาว่าตอนนี้ใครที่เป็นแฟนสตูดิโอจิบลิคงตื่นเต้นอดใจรอไม่ไหวอยากรีบจองตั๋วมาสนุกสนานเเละเพลิดเพลินไปกับเครื่องเล่นเเละโซนต่างๆ เเล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โซนหุบเขาแม่มดเขาพร้อมเปิดให้ทุกคนมาเที่ยวกันเเล้วรับรองว่าใครก็ตามที่มา ทุกคนจะกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มเเละความทรงจำที่ยากจะลืมแน่นอน✨
Ghibli Park
Location: เมืองนากาคุเตะ จังหวัดไอจิ
Hours: จ.-ศ. 10:00-17:00 น., ส.-อา.และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 9:00-17:00 น.
Holiday: วันอังคาร (หากวันอังคารเป็นวันหยุด จะหยุดวันธรรมดาถัดไป) วันหยุดปีใหม่ และวันที่กำหนด เช่น การบำรุงรักษาสถานที่
Nearest Station: สถานีไอจิคิวฮะคุคิเน็นโคเอ็น (Ai-Chikyuhaku Kinen Koen Station)
Access: จากสถานีไอจิคิวฮะคุคิเน็นโคเอ็น เดินประมาณ 4 นาที
Website: https://ghibli-park.jp/en/