เชื่อว่าในบรรดาผู้อ่านคงมีหลายคนที่เติบโตมากับแอนิเมชันเรื่องโปรดจากสตูดิโอภาพยนตร์แอนิเมชันคุณภาพสร้างสรรค์โดยสตูดิโอจิบลิ ซึ่งอาจจะได้ยินกันมาก่อนหน้านี้บ้างแล้วว่าจะมี Studio Ghibli Theme Park สวนสนุกสตูดิโอจิบลิ แห่งแรกในญี่ปุ่น มีแผนจะเปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 2020 แต่ด้วยสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ปัจจุบันไม่เป็นใจ การเปิดทำการจึงถูกเลื่อนออกไปและปัจจุบันได้มีประกาศอีกครั้งว่าจะเปิดทำการ 3 โซนแรกในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีค.ศ. 2022 และอีก 2 โซนในปีค.ศ. 2023 ตามลำดับ

ภาพร่าง สวนสนุกสตูดิโอจิบลิ แห่งแรกในญี่ปุ่น

Studio Ghibli Theme Park ตั้งอยู่ที่เมืองนากาคุเตะ (Nagakute) จังหวัดไอจิ (Aichi) ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับที่เคยจัดงาน World Expo เมื่อปี ค.ศ. 2005 หรือทางทิศตะวันออกของเมืองนาโกย่านั่นเอง จากโตเกียวสามารถใช้ Japan Rail Pass เดินทางโดยชินคันเซ็นมาได้สบาย 

ภายในจะแบ่งออกเป็น 5 โซน ได้แก่ Hill of Youth, Ghibli’s Large Warehouse, Mononoke’s Village, Valley of Witches and Dondoko Forest ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องดังที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เช่น My Neighbor Totoro (1988), Princess Mononoke (1997),  แอนิเมชันที่คว้ารางวัลออสการ์อย่าง Spirited Away (2001), Howl’s Moving Castle (2004) ฯลฯ ผสานเข้ากับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดไอจิอย่างลงตัว 

 

3 โซนที่จะเปิดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 2022

01 Hill of Youth

โซนที่ตั้งอยู่ใกล้กับประตูเข้าทางทิศเหนือของสวนสนุก เปรียบเสมือนประตูบานแรกที่ต้อนรับเเฟนๆ เข้าสู่โลกของจิบลิ ไอเดียหลักของโซนนี้ได้แรงบันดาลใจจากแอนิเมชันเรื่อง Howl’s Moving Castle (2004) สังเกตได้จากหอสังเกตการณ์และมีการสร้างลิฟต์ในอาคารที่ทั้งภายนอกและภายในจะตกแต่งแนว Steampunk ในช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นธีมหลักของแอนิเมชันเรื่อง Castle in the Sky และ Howl’s Moving

Steampunk คือ แนวไซไฟผสมความวินเทจ เป็นยุคเทคโนโลยีที่ใช้ระบบฟันเฟืองและเครื่องจักรไอน้ำ ดังที่เราจะเห็นในนิยาย หรือหนังเเนวนี้จะมีพวกเรือบินที่ขับเคลื่อนด้วยพลังจากไอน้ำ ตัวละครสวมชุดยุควิคตอเรียน รวมไปถึงตึกรามบ้านช่องที่ทำจากไม้และอิฐเป็นส่วนใหญ่

อาคารอิฐสไตล์ยุโรป ภาพจำจากร้านขายของโบราณในย่าน Seiseki-Sakuragaoka ให้แฟนแอนิเมชัน Whisper of the Heart ได้ฟินกันภายใน สวนสนุกสตูดิโอจิบลิ

ในโซนนี้ยังรวมเอาภาพจำสำนักงานแมวที่ได้แรงบันดาลใจจาก The Cat Returns และร้านขายของโบราณในย่านเซเซกิ ซากุระกาโอกะ (Seiseki-Sakuragaoka) ทางตะวันตกของกรุงโตเกียวให้แฟน Whisper of the Heart (1995) ได้รู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในโลกแอนิเมชัน

 

02 Ghibli’s Large Warehouse

สระว่ายน้ำที่ปิดตัวลงเมื่อปลายเดือนกันยายน ค.ศ. 2018 ได้รับการปรับปรุงใหม่เป็น Ghibli’s Large Warehouse คลังสินค้าในร่มขนาดใหญ่ของสตูดิโอจิบลิที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมระหว่างญี่ปุ่นและตะวันตก สามารถแวะมาเพลิดเพลินได้ตลอดทุกฤดูกาล ประกอบด้วย ร้านค้า ร้านอาหาร สนามเด็กเล่น ห้องจัดแสดงนิทรรศการ และโรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก 170 ที่นั่ง นอกจากนี้จะมีการสร้างพื้นที่ๆ จำลองเมืองลึกลับจากเรื่อง “Spirited Away” แอนิเมชันดังของจิบลิที่คว้ารางวัลออสการ์มาครองอีกด้วย ไม่ว่าแดดจะร้อนเกินไป ฝนโปรย หรือหิมะปก โซนนี้ก็ยังเปิดต้อนรับให้ผู้คนแวะมากิน ช็อป เดินเล่นได้ทุกสภาพอากาศ

03 Dondoko Forest

จำลองป่าในชนบทที่มีบ้านของซัตสึกิและเมตัวละครหลักจาก My Neighbor Totoro ภายใน สวนสนุกสตูดิโอจิบลิ

โซนป่าเขียวขจีที่จำลองทิวทัศน์บรรยากาศชนบทในสมัยโชวะ (ค.ศ. 1926-1989) ซึ่งเป็นเสน่ห์ของแอนิเมชัน My Neighbor Totoro โดยคำว่า Dondoko นั้นมาจาก Dondoko Odori ฉากเต้นรำใต้ต้นไม้ใหญ่ของซัตสึกิ เมย์ และโทโทโร่ เพื่อขอพรให้ต้นไม้เติบโตขึ้นมานั่นเอง ส่วนภาพที่มีการเปิดเผยออกมาล่าสุดเป็นภาพจุดประชาสัมพันธ์ที่ดีไซน์ตามแบบบ้านของสองพี่น้องซัทสึกิและเมย์ ทั้งนี้ยังมีศาลเจ้ากับเส้นทางเดินในป่าเหมือนในเรื่องโทโทโร่เพิ่มมาอีกด้วย

 

2 โซนที่มีกำหนดการเปิดตัวในปี ค.ศ. 2023

04 Mononoke’s Village

ดูจากชื่อโซนก็คงพอเดากันได้แล้วว่าโซนนี้ได้แรงบันดาลใจจากแอนิเมชันแฟนตาซีสุดเข้มข้นเรื่อง Princess Mononoke (1997) หรือชื่อไทยว่า เจ้าหญิงแห่งพงไพร ที่จะพาเราย้อนไปสัมผัสบรรยากาศเมืองทาทาราบะ (Tatara-ba) ชนบทญี่ปุ่นในยุคมูโรมาจิ (Muromachi) ช่วงปี ค.ศ. 1336-1573 โดยภายในจำลองสถานที่จากฉากคลาสสิกของเรื่องอย่าง หมู่บ้านเอมิชิ (Emishi Village) และ เมืองโลหะนคร หรือ ทาทาราบะ (Tataraba) ให้ได้เที่ยวชมกันอีก แน่นอนว่าคุณจะได้พบกับเทพหมูป่าและแมงมุมยักษ์เช่นเดียวกับในแอนิเมชันที่ปรากฏให้เห็นในพื้นที่ป่าอีกด้วย 

โซน Mononoke’s Village ด้านใน สวนสนุกสตูดิโอจิบลิ

 

05 Valley of Witches

แฟนตัวยงของแม่มดน้อยกิกิจาก Kiki’s Delivery Service (1989) และพ่อมดฮาวล์จาก Howl’s Moving Castle (2004) ต้องชอบโซนนี้ เพราะการออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจากแอนิเมชันดัง 2 เรื่องที่ตัวเอกมีความสามารถในการใช้เวทมนตร์ได้ มีกลิ่นอายสไตล์ยุโรป แน่นอนว่าภายในพื้นที่แฟนๆ จะได้พบกับความสนุกที่ถ่ายทอดออกมาจากแอนิเมชัน เช่น บ้านของแม่มดน้อยกิกิ เครื่องเล่นเจ้าแมวจิจิ ปราสาทเคลื่อนที่ของฮาวล์ ขนาดใหญ่ที่เหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูนเป๊ะๆ ฯลฯ

เนื่องจากพื้นที่แต่ละโซนภายใน สวนสนุกสตูดิโอจิบลิ จะเปิดให้บริการไม่พร้อมกัน โดยมี 3 โซน ได้แก่ Hill of Youth, Ghibli’s Large Warehouse และ Dondoko Forest จะเปิดทำการพร้อมสวนสนุกในปี ค.ศ. 2022 ส่วนอีก 2 โซนที่เหลือ ได้แก่ Mononoke’s Village และ Valley of Witches จะเปิดในฤดูใบไม้ร่วงของปีถัดไป ชื่นชอบพื้นที่ใดเป็นพิเศษก็ลองวางแผนเที่ยวกันตามสะดวก อย่างไรก็ตาม หากมีประกาศเพิ่มเติมคิจิจะมาอัพเดททางเว็บไซต์ ระหว่างที่ยังไปญี่ปุ่นไม่ได้ สามารถชมแอนิเมชันจากสตูดิโอจิบลิคลายความคิดถึงได้ทาง Netflix 

ที่มา: 
www.pref.aichi.jp
www.timeout.com/tokyo
www.fashion-press.net/news/39343

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ