ถ้าคุณก็เป็นคนหนึ่งที่ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเที่ยวภูเขาหรือทะเล ขอให้นึกถึง Resort Shirakami รถไฟที่วิ่งตั้งแต่สถานีอาคิตะ (Akita Station) ในจังหวัดอาคิตะไปจนถึงสถานีอาโอโมริ (Aomori Station) ในจังหวัดอาโอโมริ ตลอดการเดินทาง 147 กิโลเมตรกับ 43 สถานี มีวิวทะเลที่สวยจับใจและวิวป่าเขาลำเนาไพรที่ทำให้สดชื่นชุ่มฉ่ำหัวใจในทันตา ยิ่งเจอความกรุบกริบของดีไซน์และบรรยากาศอบอุ่นจากไม้ที่เหมือนยกป่าโทโฮคุมาไว้ในรถไฟแบบเก๋ๆ ทำให้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงไหลเอื่อยอย่างรื่นรมย์ กลมกล่อมและผ่อนคลายสุดๆ ไม่แน่ว่ากว่าจะถึงที่หมายปลายทาง คุณอาจจะตัดสินใจง่ายขึ้นก็ได้

ว่าแต่ บอกรึยังนะว่ารถไฟขบวนนี้เขามีจอดให้ลงไปชู้ตบาสเล่นที่ชานชาลาด้วย?

อ๊ะ บอกแล้วใช่ไหมว่าเขามีการแสดงดนตรีสดบนรถไฟ?

โอ๊ะ บอกแล้วแน่ๆ เลยว่างานไม้ที่เห็นในรถไฟคือไม้ที่เกิดและเติบโตในท้องถิ่นนี้ทั้งหมดเลย

ขบวน Buna ภาพ: East Japan Railway Company

 

รถไฟ Hybrid ที่อยู่เคียงคู่กับธรรมชาติ

Resort Shirakami เป็นรถไฟสายโกะโน (Gono Line) ซึ่งวิ่งเลียบหาดของเทือกเขาชิราคามิ (Shirakami Sanchi) มรดกโลกทางธรรมชาติที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 โดยมีรถไฟ 3 ขบวน อาโออิเคะ (Aoike), คุมาเกระ (Kumagera) และบุนะ (Buna) คอยสลับกันทำหน้าที่อย่างแข็งขัน

ขบวน Aoike ภาพ: East Japan Railway Company

Resort Shirakami เดบิวต์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1997 ด้วย Aoike พร้อมกันกับการเดบิวต์รถไฟชินคันเซ็นที่จังหวัดอาคิตะ Buna ตามมาในปี ค.ศ. 2003 ส่วนน้องคนสุดท้อง Kumagera เข้ามาร่วมทีมในปี ค.ศ. 2006

การเดินทางครั้งนี้เราได้นั่ง Buna ลูกคนกลางที่เพิ่งได้รับการรีโนเวทไปในเมื่อ ค.ศ. 2016 ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ระบบเครื่องยนต์ก็ได้รับการปรับปรุงเป็น Hybrid ด้วย เครื่องยนต์ไฮบริดเป็นการผสมผสานการใช้น้ำมันดีเซลและแบตเตอรี่แบบลิเทียมในการทำให้มอเตอร์ทำงาน ข้อดีของมันคือรถไฟวิ่งเงียบและนิ่ง(สั่นน้อย) การเดินทางจึงไหลลื่นสะดวกสบาย ที่สำคัญยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

 

Compartment | ตู้โดยสารรถไฟ

Resort Shirakami รถไฟที่พาธรรมชาติเข้ามาอยู่ในตู้รถไฟ ดีไซน์ด้านนอกอาจจะดูไม่หวือหวาเมื่อเทียบกับรถไฟท่องเที่ยวขบวนอื่น เขาไล่โทนสีเขียวเข้มไปหาอ่อน รับกับลายเส้นที่วาดเป็นต้นไม้ใบหญ้า เพราะอยากจะสื่อถึงแสงแดดที่ส่องทะลุใบไม้ลงมา เมื่อรถไฟวิ่งอยู่ตามรางก็จะดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติ

ภาพ: East Japan Railway Company

ส่วนด้านในของขบวน Buna เน้นความโอ่โถงนั่งสบาย และทำให้ผู้โดยสารสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ Buna แปลว่าไม้บีช รถไฟขบวนนี้จึงตรงตามชื่อเลยคือใช้ไม้บีชเป็นหลักในการตกแต่งภายใน โดยมีเพื่อนไม้เวรี่เจแปนนีสชนิดอื่นๆ ที่ปลูกในย่านนี้มาช่วยเสริมความงดงามและอบอุ่นแบบคราฟต์ๆ อย่างไม้สนซีดาร์จากจังหวัดอาคิตะและไม้ฮิบะ (Hiba) จากจังหวัดอาโอโมริ

โดยมีทั้งหมด 4 ตู้ ตู้ 1,3 และ 4 เป็นที่นั่ง Reserved Seat แบบเบาะเรียงกันสองแถวทั่วไป แต่โอ่โถงมีพื้นที่ให้ยืดขาเหลือเฟือมากๆ พูดแบบไม่อวย เราคิดว่านั่งสบายกว่าชินคันเซ็นเสียอีก สีสันสดใสของเบาะที่นั่งก็สื่อถึงเทศกาลฤดูร้อนอันยิ่งใหญ่ของท้องถิ่น อีกอย่างที่ชอบมากของรถไฟขบวนนี้คือหน้าต่างใหญ่มาก! เสพวิวได้เต็มอิ่มไม่ต้องชะโงกหรือชะเง้อให้เหนื่อย และเมื่อรถไฟแล่นผ่านทะเลหรือทุ่งหญ้า สีสันของเบาะ สีน้ำตาลอ่อนนวลตาของไม้ในรถไฟช่วยส่งเสริมวิวด้านนอกอย่างลงตัว จะบอกว่าภาพที่เห็นด้านนอกและด้านในส่งเสริมกันและกันก็ว่าได้

ภาพ: East Japan Railway Company

ที่นั่งอาจจะธรรมดา แต่ว่าตู้ 1, 3, 4 แอบมีทีเด็ดซ่อนอยู่ ตู้ 1 และ 4 นั้นมี Event Space และ Observation Room การตกแต่งใช้งานคราฟต์ BUNACO ของจังหวัดอาโอโมริมาผสมผสาน ส่วนตู้ 3 เป็นตู้ที่มีอาหาร เครื่องดื่ม ขนมนมเนย และของที่ระลึกต่างๆ ขาย หลายๆ อย่างในนี้เป็นสินค้า Limited Edition ที่ซื้อได้บนรถไฟเท่านั้น เขามีกระทั่งงานฝีมือสุดเลอค่าของท้องถิ่นมาเรียงให้ชม (และช็อป) ในตู้โชว์ด้วยนะ และที่ไม่แนะนำไม่ได้เลยคือ เคาน์เตอร์ไม้ ORAHO ที่นั่งชมวิวที่กรุบกริบคู่ควรกับวิวมรดกโลกสุดๆ

ส่วนที่นั่งของตู้ 2 เป็นแบบ Box Seat ต้องจองล่วงหน้าเช่นกัน ซึ่งเก๋ชนะที่นั่งแบบ Box Seat ของขบวนอื่นตรงที่สามารถเลื่อนเบาะที่นั่งมาติดกันแปลงร่างเป็นเตียงหรือพื้นให้นอนเกลือกกลิ้งได้อย่างอิสระ จะนั่งยืดขา นั่งขัดสมาธิ หรือจะงีบเอาแรงก็ได้หมด

 

To Do List | ทำอะไรบนรถไฟได้บ้าง

รถไฟที่สร้างความสนุกให้เราอย่างเป็นธรรมชาติ ถ้านั่งตั้งแต่ต้นทางที่จังหวัดอาคิตะจนสุดสายที่จังหวัดอาโอโมริ เวลา 4 ชั่วโมงอาจจะดูยาวนานเหลือใจ แต่ขอบอกเลยว่า รถไฟขบวนนี้กิจกรรมแน่นอย่างไม่น่าเชื่อ มีหลายเลเวลทั้งแบบ Active ออกแรงไปจนถึงการทอดหุ่ยปรายตามอง เช่น

  • ชมวิวทะเลสวยๆ

ยามเมื่อรถไฟชะลอให้เสพความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ เช่นระหว่างสถานี Iwadate กับ Omagoshi, ระหว่างสถานี Fukaura กับ Hiroto และช่วงสถานี Senjojiki ซึ่งเป็นหาดหินสวยแปลกตา

ชมวิวสวยๆ จากห้องโดยสารบนรถไฟ Resort Shirakami

  • ชมการแสดงสดบนรถไฟ

บนรถไฟมีการแสดงดนตรีด้วย เช่น การแสดงดนตรีด้วยเครื่องดนตรีแบบดั้งเดิม Tsugaru Shamisen, การเล่าเรื่องตำนานท้องถิ่นต่างๆ ด้วยสำเนียงท้องถิ่น (อันนี้ชาวต่างชาติอย่างเราอาจจะไม่เข้าใจ ขอให้ชม Movement และอารมณ์ในการเล่าเรื่อง) และละครหุ่นเชิดแบบดั้งเดิมของ Tsugaru การแสดงต่างๆ เหล่านี้จะจัดที่ตู้ 1 ถ้าไม่อยากเดินไปดู เราสามารถชมผ่านจอทีวีที่ติดอยู่ในทุกตู้โดยสารได้เช่นกัน และตารางการแสดงต่างๆ แต่ละวันหรือแต่ละขบวนไม่เหมือนกัน ดังนั้นต้องตรวจสอบก่อนจองนะ

การแสดงดนตรีสดบน Resort Shirakami

  • ลงไปชู้ตบาสที่ชานชาลาสถานี Noshiro

เมืองโนชิโระมีทีมบาสเก็ตบอลม.ปลายที่แข็งแกร่งสร้างชื่อให้กับท้องถิ่น เมืองนี้จึงเป็นเมืองบาสเก็ตบอลไปโดยปริยาย ใครชู้ตลงเขามีงานฝีมือที่ทำจากไม้ในท้องถิ่นมอบให้เป็นที่ระลึกด้วยล่ะ

ความสนุกที่สถานีโนชิโระยังไม่จบแค่นั้น เมืองนี้ดังเรื่องงานคราฟต์ไม้ด้วย สังเกตุได้จากป้ายสถานีที่ทำจากไม้ชิ้นใหญ่ และโมเดลรถไฟ Resort Shirakami ความยาว 4 เมตรที่ทำจากไม้สนซีดาร์ของจังหวัดอาคิตะ จะสำรวจงานไม้ที่ชานชาลาก็เพลิน แถมมีคุณลุงนำงานไม้แฮนด์เมดที่ทำจากไม้สนซีดาร์ของอาคิตะมาขายในราคามิตรภาพมากจนอยากแถมเงินให้ เช่น แผ่นไม้ตัดเป็นรูปน้องหมาไว้สำหรับรองของร้อนหรือตั้งโชว์ ราคาเพียง 400-500 เยนเท่านั้น ใครซื้อไม่ทันเพราะมัวแต่ชู้ตบาสไม่ต้องกังวล เพราะคุณลุงเขาจะขึ้นมาเดินขายบนรถไฟด้วยสักพัก

  • ช็อปปิ้งของดีในรถไฟ

เริ่มจากของกินขอแนะนำขนมน้องหมาอาคิตะที่น่ารัก อร่อยและราคามิตรภาพ (แถมถ่ายรูปขึ้นอีกต่างหาก), Forest of Beech Ice-cream ไอศกรีมรสชาเขียวสุดลิมิเต็ด, กินเบนโตะที่มีขายเฉพาะบนรถขบวนบุนะเท่านั้น ส่วนสินค้ามีให้เลือกเยอะมากตั้งแต่พวงกุญแจ ตุ๊กตา และงานฝีมือสุดประณีต

Forest of Beech Ice-cream ไอศกรีมรสชาเขียวสุดลิมิเต็ดบน Resort Shirakami

  • ชมพระอาทิตย์ตกดิน

ใครนั่งรอบเย็นขอให้ตั้งใจชมวิวพระอาทิตย์ตกดินสีส้มประกายทองสะท้อนน้ำทะเลอันแสนโรแมนติกสวยจนเกือบหยุดหายใจ

 

Photo Spot | จุดถ่ายภาพที่สายแชะห้ามพลาด

  • เคาน์เตอร์ไม้ ORAHO

บริเวณตู้โดยสารที่ 3 นอกจากจะมีอาหารและของที่ระลึกจำหน่ายแล้ว ความเก๋อยู่ที่ ORAHO เคาน์เตอร์ไม้สวยๆ (มีเฉพาะขบวน Buna) ถือกาแฟหรือเครื่องดื่มซึ่งใช้น้ำของเทือกเขาชิราคามิ มรดกโลกทางธรรมชาติมาจิบพลางชมวิวที่ ORAHO เคาน์เตอร์ไม้สวยๆ นั่งถ่ายรูปมุมนี้ที่มีวิวนอกหน้าต่างเป็นทะเลคือสวยสุดใจ

ถ่ายรูปสวยๆ กับเคาน์เตอร์ไม้ ORAHO ใน Resort Shirakami

  • สถานี Senjojiki

สำหรับรถไฟขบวนนี้การถ่ายภาพธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ผ่านกระจกรถไฟคือมุมที่ดีที่สุดแล้ว ที่สถานีเซนโจจิกิเป็นหาดหินสวยแปลกตา สามารถลงจากรถไฟและเดินข้ามไปชมทะเลแบบใกล้ชิดได้นะ

  • สถานี Higashi Noshiro

ด้วยศักดิ์ศรีแห่งการเป็นสถานีแรกของรถไฟสายโกะโนและเมืองแห่งการอุตสาหกรรมป่าไม้ ที่นี่จึงมีมุมน่าถ่ายรูปหลายจุด เช่น ห้องนั่งรอรถไฟที่ดีไซน์เป็นรูปรถไฟ ใน Newdays ที่สถานีนี้มีเบนโตะพิเศษขายด้วย เป็นต้น

  • บนขบวนรถไฟ

แค่นั่งถ่ายรูปบนรถไฟก็คุ้มแล้ว! Buna แปลว่าไม้บีช รถไฟขบวนนี้จึงใช้ไม้บีชเป็นหลักในการตกแต่งภายใน โดยมีเพื่อนไม้เวรี่เจแปนนีสชนิดอื่นๆ มาช่วยเสริมความงดงามและอบอุ่นแบบคราฟต์ๆ ด้วย อย่างไม้สนซีดาร์จากจังหวัดอาคิตะและไม้ฮิบะจากจังหวัดอาโอโมริ

ภาพ: East Japan Railway Company

 

Tourist Attractions | นั่งขบวนนี้ไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง

ในบรรดา 43 สถานีตลอดการเดินทางนี้ มีที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจเยอะมากหลากสไตล์ที่ต้องมีสักแห่งที่เหมาะกับการท่องเที่ยวในแบบของคุณแน่ๆ เช่น

Akita City ในตัวเมืองอาคิตะก็มีโลเคชั่นสุดชิลล์มากมาย อาทิ Senshu Park สวนสาธารณะใจกลางเมืองที่เปรียบเหมือนหัวใจของอาคิตะ จะแวะไป Akita Museum of Art ชมงานศิลปะและสถาปัตยกรรมที่อันโดะ ทาดาโอะเป็นผู้ออกแบบ ต่อด้วยการเดินเล่น ช็อปปิ้ง หรือแวะคาเฟ่เก๋ๆ ที่ถนน Nakakoji ก็เพลินเพลินเกินกว่าที่คิด

※ บอกต่อโลเคชั่นสุดชิลล์ในตัวเมืองอาคิตะ ที่เดินเท้าจากสถานีรถไฟได้สบายมาก

นั่ง Resort Shirakami มาเที่ยว Akita

Aoike สายเขียวต้องไปเดินป่าใน Shirakami Sanchi มรดกโลกทางธรรมชาติที่อุดมไปด้วยป่าต้นบีชที่ยังบริสุทธิ์ในพื้นที่ประมาณ 320,000 เอเคอร์ ที่ขึ้นชื่อว่ากินพื้นที่กว้างที่สุดในโลก ยิ่งในฤดูใบไม้ร่วงจะสวยสุดๆ และอย่าลืมแวะไปที่สระมรกตอาโออิเคะด้วย สีสวยๆ ของน้ำเกิดจากแร่ธาตุตามธรรมชาตินั่นเองสามารถนั่งบัสจากสถานี Juniko ค่าโดยสารเที่ยวละ 360 เยน

WeSPa Tsubakiyama สายแช่ต้องไปลองออนเซ็นที่สถานี WeSPa Tsubakiyama ซึ่งเป็นอาคารสไตล์ยุโรปสุดๆ แต่ถ้าชอบออนเซ็นกลางแจ้งที่มองเห็นทะเลและพระอาทิตย์ตกดินซึ่งงามอย่างญี่ปุ่นแท้ๆ ขอแนะนำ Koganezaki Furofushi Hot Spring

Hirosaki City เราแวะเที่ยวที่ฮิโรซากิ ก็แอบไปแวะเก็บแอปเปิ้ลของดังประจำจังหวัดอาโอโมริกินกันสดๆ ที่เชิงเขาอิวากิ การได้ดูวิวเขาสวยๆ ไปพลางเก็บผลไม้สดนั้นแสนรื่นรมย์ เก็บของสดแล้วก็ถึงคิวของแปรรูป คาเฟ่ต่างๆ ในเมืองนี้มีของเด่นของดังคือ ‘แอปเปิ้ลพาย’ เมืองฮิโรซากิถึงขนาดทำ Hirosaki Apple Pie Guide Map เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเลยทีเดียว ใครใคร่กินพายแบบไหนก็เลือกตระเวนชิมกันได้เลยตามสะดวก

ขึ้น Resort Shirakami มาแวะเก็บแอปเปิ้ลของดังประจำจังหวัดอาโอโมริ

Must Know | เรื่องต้องรู้ก่อนขึ้น Resort Shirakami

  • เส้นทางให้บริการ

ระหว่างสถานีอาคิตะ (Akita Station) จังหวัดอาคิตะ (Akita) กับสถานีอาโอโมริ (Aomori Station) จังหวัดอาโอโมริ (Aomori)

  • วันให้บริการ

ส่วนใหญ่รถไฟจะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) ให้บริการเกือบทุกวัน ก่อนสำรองที่นั่งแนะนำให้ตรวจสอบวันเดินทางก่อนที่เว็บไซต์ www.jreast.co.jp

  • ตารางเวลา

ตรวจสอบตารางเวลารถวิ่งได้ที่เว็บไซต์ www.jreast.co.jp

  • วิธีสำรองที่นั่ง

ที่นั่งทั้งหมดบนรถไฟขบวนนี้ต้องสำรองที่นั่งเท่านั้นเท่านั้น หากมีบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถสำรองที่นั่งออนไลน์ล่วงหน้าฟรีได้ทางเว็บไซต์ eki-net.comก่อนไป 1 เดือน หรือที่ห้องจำหน่ายตั๋ว JR EAST Travel Service Center สีเขียวบริเวณสถานีใหญ่ๆ ที่ญี่ปุ่น เช่น สถานี Tokyo, Shinjuku, Shibuya, Ueno, Sendai, Shin-Aomori, Morioka, Koriyama ฯลฯ

หมายเหตุ:

วันให้บริการและตารางเวลาการเดินรถไฟ Resort Shirakami ที่แจ้งเป็นของขบวน Buna เพียงขบวนเดียว ส่วนขบวน Aoike และ Kumagera โปรดตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์

 

รถไฟสวยๆ คอนเซ็ปต์ดีๆ หลายขบวนอาจจะเกิดมาเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่สำหรับ Resort Shirakami เราคิดว่ามันคือรถไฟที่ทำให้เราได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติและเปลี่ยนการเดินทางเป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริง

 

Route Map | แผนที่

แผนที่เดินรถไฟของ Resort Shirakami

 

เกี่ยวกับบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area)

JR EAST PASS (Tohoku area) บัตรโดยสารสุดคุ้มที่ใช้โดยสารรถไฟในภูมิภาคโทโฮคุ ไม่ว่าจะเป็น อาโอโมริ อิวาเตะ อาคิตะ ฯลฯ นั่งรถไฟท้องถิ่นในเส้นทาง JR EAST Lines ชินคันเซ็น รถไฟท่องเที่ยว Joyful Train ก็สำรองได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมถึงสามารถใช้นั่งรถไฟ Narita Express จากสนามบินนาริตะ หรือ Tokyo Monorail จากสนามบินฮาเนดะได้ฟรีหมดภายในระยะเวลา 5 วัน โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อกันภายในระยะเวลา 14 วัน

ราคา: ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 19,350 เยน, เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 9,670 เยน

ซื้อได้ที่: เอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ได้แก่ Wendy Tour, HIS และ JTB

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ