ใกล้ช่วงเทศกาลชมดอกซากุระเข้าไปทุกที ทุกคนคงเตรียมตัวที่จะมาชมซากุระตามสถานที่ต่างๆ อย่างในเมืองหลวงหรือเมืองท่องเที่ยวของญี่ปุ่นกัน แต่วันนี้อยากจะมาแนะนำจุดชมซากุระ 6 ที่ที่ต้องออกนอกเมืองออกไปหน่อย อย่างจังหวัด มิยากิ (Miyagi) จังหวัดในภูมิภาคโทโฮคุ บอกเลยว่าสวยไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ แน่นอน แต่จะสวยแค่ไหน เเละจะมีที่ไหนบ้าง เราไปดูกันเลย!

ถ้าพูดชื่อจังหวัดมิยากิอาจไม่คุ้น แล้วเซนไดล่ะ พอจะร้องอ๋อขึ้นมาได้บ้างไหม เซนไดเป็นเมืองหลักของจังหวัดมิยากิ แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้ว่า มิยากิ ยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอื่นๆ อีกเพียบ ยิ่งถ้าชื่นชอบในการ ชมซากุระ ยังไงก็ต้องจับรถไฟมาที่นี่ให้ได้สักครั้งเลยเชียว สำหรับคนที่ยังไม่เคยไปโซนนี้ โทโฮคุเป็นภูมิภาคที่แหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งไม่ได้อยู่ใกล้กันขนาดเดินไปได้แบบในโตเกียว

พื้นที่ชมซากุระหลักๆ จะอยู่เลียบแม่น้ำชิโรอิชิ (Shiroishi River) ระยะทางราว 8 กิโลเมตรเต็มไปด้วยดอกซากุระที่บานสะพรั่งช่วงฤดูใบไม้ผลิ นอกจากการเดินเล่นเหม่อมองซากุระสวยๆ แล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นให้ร่วมเพลิดเพลินอีก อาทิ ล่องเรือชมวิว นั่งสโลปคาร์ท่ามกลางต้นซากุระ และในเดือนเมษายนของทุกปีที่นี่จะจัดเทศกาลฮิโตเมะเซ็มบงซากุระ (Hitome Senbonzakura Festival) ให้ได้ชมซากุระอย่างชื่นบานใจ ตกบ่ายไปเดินเล่น Sakura Market และตอนเย็นก็หาที่นั่งชมไฟประดับ ซึ่งจะมีเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น

ภาพ: www.tohokukanko.jp

 

1. Hitome Senbonzakura

ฮิโตเมะเซ็มบงซากุระ เป็นพื้นที่ซึ่งเราสามารถชมวิวซากุระกว่า 1,000 ต้นเรียงรายริมแม่น้ำชิโรอิชินั่นเอง จากสถานีโอกาวาระ (หรือจะลงที่สถานีฟุนาโอกะก็ได้) เดินเท้าต่อไม่เกิน 5 นาทีจะได้พบกับทางเดินเลียบแม่น้ำอันร่มรื่นชวนชื่นบานเพราะมีต้นซากุระอันสวยหวานรอต้อนรับเต็มไปหมด

วิวซากุระที่นี่ไม่ได้โดดเด่นเรื่องจำนวนอันมหาศาลอย่างเดียว แต่ยังมีความพิเศษที่การผสมผสานกับวิวรอบๆ อย่างลงตัว เช่น ซากุระ แม่น้ำชิโรอิชิ และภูเขาซาโอะ (Mount Zao) ที่มีหิมะปกคลุมอยู่บนยอดเขา และทำนบน้ำนิรากะมิเซกิ (Niragamizeki Weir) เล็กๆ ที่เสียงน้ำไหลทำให้สดชื่นขึ้นไปอีก

นอกจากนี้วิวจากสะพานซากุระโฮโด (Sakurahodo Bridge) ก็น่าสนใจ ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันอ่อนช้อย งดงาม หันไปทางไหนก็สวยสดชื่นสบายตา 360 องศา แถมมีเก้าอี้ตั้งอยู่กลางสะพานให้เรานั่งมองวิวสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน หรือจะเดินไปชมวิวจากสะพานชิบาตะเซนโอเคียว (Shibata Senokyo Bridge) ก็จะได้วิวเก๋อีกนิด มีทั้งดอกไม้ แม่น้ำ ภูเขา และรถไฟด้วย! 

เปลี่ยนบรรยากาศ ชมซากุระ ใน มิยากิ มาที่บนสะพานกันบ้าง

Info 
Hitome Senbonzakura
Sakura Period: ต้น-กลางเมษายน
Hours: 24 ชั่วโมง
Entrance Fee: ฟรี
Nearest Station: สถานีฟุนาโอกะ (Funaoka Station), สถานีโอกาวาระ (Ogawara Station) 
Access: เดินเท้าประมาณ 5 นาที จากสถานีโอกาวาระ
Website: https://hitome-senbonzakura.jp/

 

2. Funaoka Castle Ruins Park

ถ้าชอบชมวิวพาโนรามาที่เห็นอาคารบ้านเมืองในท้องถิ่น ขอแนะนำให้ไปที่จุดชมวิวโมมิโนะกิวะโนคตตะ (Momi no Ki wa Nokotta) ในสวนสาธารณะปราสาทเก่าฟุนาโอกะ ซึ่งเดินมาจากสะพานชิบาตะเซนโอเคียวใกล้นิดเดียวเท่านั้น สวนสาธารณะแห่งนี้ก็เป็นจุด ชมซากุระ ยอดนิยมใน มิยากิ เช่นกัน และยังได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 จุดชมซากุระที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นด้วย มีสโลปคาร์พาขึ้นไปยังสวนดอกไม้และรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม (Funaoka Heiwa Kannon) ที่อยู่บนเขา วิวที่มองออกมาจากหน้าต่างรถรางระหว่างขึ้นลงนั้นก็สวยสุดๆ ไปเลย

วิวพาโนรามาของการชม ซากุระ ใน มิยากิวิวพาโนรามาจากโมมิโนะกิวะโนคตตะ (Momi no Ki wa Nokotta)

ใครชอบเดิน แถวนี้มี Walking Map แนะนำเป็นไอเดียให้หลายแบบเชียว ทั้งรูทเดินชมดอกไม้ รูทชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ เป็นต้น ถ้าสนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด Shibata Footpath Funaoka Area Course ได้เลย

ภาพ: www.flickr.com

Info
Funaoka Castle Ruins Park
Sakura Period: ต้น-กลางเมษายน
Hours: 24 ชั่วโมง
Entrance Fee: ฟรี
Nearest Station: สถานีฟุนาโอกะ (Funaoka Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 20 นาที จากสถานีฟุนาโอกะ
Website: www.skbk.or.jp/th

Info
Slope Car
Sakura Period: ต้น-กลางเมษายน
Hours: 9:00-17:00 น.
Entrance Fee: ไป-กลับ ผู้ใหญ่ 500 เยน/ 400 เยน สำหรับกลุ่ม 15 คนขึ้นไป, เด็ก 300 เยน/ 200 เยน สำหรับหมู่คณะ
Note: ปกติจะให้บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ช่วงเทศกาลซากุระจะให้บริการทุกวัน

 

 

3. Shiroishi Castle

ต่อกันด้วยปราสาทเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่มีชื่อว่าปราสาทชิโรอิชิ อาจจะไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวสักเท่าไร แต่เป็นจุดชมซากุระที่คนในพื้นที่นิยมกันมากทีเดียว

ปราสาทชิโรอิชิเป็นอีกหนึ่ง ชมซากุระ ใน มิยากิ ที่น่าสนใจปิดท้ายทริป ชมซากุระ ใน มิยากิ ด้วยสวนซากุระขนาดใหญ่แห่งนี้

ที่นี่เป็นปราสาทของตระกูลคาตาคุระซึ่งเป็นขุนนางที่รับใช้ตระกูลดาเตะ อาคารหลักมักถูกใช้เป็นเรือนรับรองเวลาที่ไดเมียวดาเตะมาแถวนี้ ตัวปราสาทเคยถูกทำลายไปในช่วงสมัยปฏิรูปเมจิ แต่ได้รับการบูรณะใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1995 ด้วยไม้สนญี่ปุ่นอย่างประณีต แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่าปราสาทคือสวนซากุระขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกัน กลีบซากุระสีชมพูอ่อนที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นหญ้าตัดกับสีเขียวดูสวยงามไม่แพ้ดอกที่กำลังบานสะพรั่งอยู่บนต้นเลยทีเดียว

Info
Shiroishi Castle
Hours: 9:00-17:00 น. (เฉพาะช่วงพ.ย.-มี.ค. 9:00-16:00 น.) 
Holiday: 28-31 ธันวาคม
Entrance Fee: 400 เยน (ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ฟรี สำหรับค่าเข้าโรงละคร 3 มิติ 400 เยน), 800 เยน (ค่าเข้าโรงละคร 3 มิติและบ้านพักซามูไรของตระกูลโอเซกิ)
Nearest Station: สถานีชิโรอิชิ (Shiroishi Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 10 นาที จากสถานีชิโรอิชิ
Website: sendai-travel.jp

 

4. Saigyo Modoshi no Matsu Park

หลังจาก ชมซากุระ ที่จังหวัด มิยากิ แล้วก็มาแวะชมวิวทะเลที่นี่กันต่อ

สวนไซเกียวโมโดชิโนะมัตสึ (Saigyo Modoshi no Matsu Park) สวนสนขนาดใหญ่ที่เราสามารถชมวิวอ่าวมัตสึชิมะ (Matsushima Bay) ได้แบบพาโนรามา ที่สำคัญสวนนี้มีต้นซากุระเรียงรายอยู่ไม่น้อย ทำให้วิวหมู่เกาะน้อยใหญ่ท่ามกลางท้องทะเลที่อยู่เบื้องหน้าดูอ่อนหวานขึ้นมาถนัดใจ

นอกจากจะได้ ชมซากุระ ใน มิยากิ แล้วยังได้ชมวิวเมืองสวยๆบนเขาอีกต่างหาก

Info
Saigyo Modoshi no Matsu Park
Sakura Period: ต้น-กลางเมษายน
Hours: 24 ชั่วโมง
Entrance Fee: ฟรี
Nearest Station: สถานีมัตสึชิมะไคกัง (Matsushima Kaigan Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 16 นาทีจากสถานีมัตสึชิมะไคกัง

 

5. Café le Roman

ชมซากุระ ใน มิยากิ เสร็จแล้วก็มาที่นี่กันต่อเลย เหล่าคาเฟ่ฮ็อปปิ้ง!

วิวเลอค่าราคาแพงที่มาครบทั้งเขา ฟ้า ทะเลและซากุระจะเพิ่มความพิเศษได้อีกระดับเมื่อเราได้นั่งจิบชากินขนมอร่อยๆ นั่งถอดหุ่ยชมวิวเหล่านั้น

หลังจาก ชมซากุระ ใน มิยากิ แล้วกฟ็มาต่อที่คาเฟ่วิวหลักล้าน พักเหนื่อยจากการเดิน ชมซากุระ ใน มิยากิ ด้วยการเข้าคาเฟ่สวยๆ

ร้านคาเฟ่ Café le Roman ตั้งอยู่บนเนินในสวนไซเกียวโมโดชิโนะมัตสึ จึงเป็นจุดที่เราสามารถชื่นชมวิวทั้งหมดที่ว่านี้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ร้านดีไซน์เรียบเก๋เหมือนอยู่ในเมือง แต่กำแพงกระจกใสทั้งบานรอบด้านทำให้เรายังรู้สึกเชื่อมต่อกับธรรมชาติ เมนูอาหารและขนมที่นี่เป็นสไตล์ตะวันตก ชากาแฟมีครบ ฝากท้องของว่างยามบ่ายได้เลย

Info
Café le Roman
Hours: พ.-จ. 11:00-17:00 น. 
Holiday: วันอังคาร
Nearest Station: สถานีมัตสึชิมะไคกัง (Matsushima Kaigan Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 20 นาทีจากสถานีมัตสึชิมะไคกัง
Website: www.shokado.eu

6. Fukuurabashi Bridge & Fukuura Island

ชมซากุระ ใน มิยากิ เสร็จแล้วก็มาเที่ยวสะพานฟุกุอุระบาชิกันต่อ

ฟุกุอุระบาชิ สะพานสีแดงพาดตัวยาวไปไกล ปลายทางคือเกาะขนาดกลางที่มีชื่อว่าฟุกุอุระ (Fukuura Island) ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนชอบเดินป่าแบบง่ายๆ เเละพักผ่อนหย่อนใจในคาเฟ่ท่ามกลางพืชพรรณกว่า 300 ชนิด แน่นอนว่าซากุระเป็นหนึ่งในนั้น เเละสามารถนั่งชมจากระเบียงของคาเฟ่ไม้ได้ด้วยล่ะ 

เกาะนี้เหมาะมากสำหรับคนชอบเดินป่าแบบง่ายๆ เบาๆ และพักผ่อนหย่อนใจในคาเฟ่ท่ามกลางธรรมชาติ เพราะที่นี่มีพืชพรรณกว่า 300 ชนิดสมศักดิ์ศรีความเป็นอุทยานประจำจังหวัด แน่นอนว่าซากุระเป็นหนึ่งในนั้น และเราสามารถนั่งชมจากระเบียงของคาเฟ่ไม้ Fukuurajima Island Teahouse ได้ด้วยล่ะ เดินเสพอากาศบริสุทธิ์และชมธรรมชาติจนหนำใจ ขอแนะนำให้สั่งไอศกรีมมานั่งกินพลางชมดอกไม้สวยๆ เพื่อยกระดับความฟิน

Info
Café Bayland
Hours: เม.ย.-ต.ค. 8:00-17:00 น., พ.ย.-มี.ค. 8:00-16:00 น.
Holiday:
Entrance Fee: ค่าเข้าเกาะ 200 เยน (ซื้อตั๋วได้ที่คาเฟ่ Café Bayland ที่อยู่หน้าสะพาน)
Nearest Station: สถานีมัตสึชิมะไคกัง (Matsushima Kaigan Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 14 นาทีจากสถานีมัตสึชิมะไคกัง

 

การเดินทางไปมิยากิ

โดยส่วนใหญ่มักจะนิยมไปพักที่เมืองหลักคือ เซนได เพราะเดินทางสะดวก จากนั้นค่อยนั่งรถไฟออกไปเที่ยวตามเมืองอื่นๆ ดังนั้นเราจึงแนะนำวิธีเดินทางไปเมืองเซนได ดังนี้  

จากโตเกียว:

ให้โดยสารรถไฟโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) หรืออาคิตะชินคันเซ็น (Akita Shinkansen) จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) หรืออุเอโนะ (Ueno Station) มาลงที่สถานีเซนได (Sendai Station) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งสามารถใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) สำรองที่นั่งชินคันเซ็นได้ทั้งออนไลน์และที่เคาน์เตอร์ในสถานีรถไฟโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

 

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ