โดย イノシシ

เข้าสู่เดือนนี้ทีไรก็อดคิดถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ไม่ได้ เพราะเป็นวันที่เราอยู่ที่โอซาก้า (Osaka) แล้วหิมะตก ปกติแล้วในตัวเมืองโอซาก้าแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีหิมะตกในหน้าหนาว แต่สภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้เป็นปีที่ญี่ปุ่นเจอพายุหิมะหนักกว่าปกติ และในภูมิภาคอื่นๆ ที่มีหิมะอยู่แล้วก็เจอกับพายุหิมะที่ตกหนักจนเดือดร้อนกันไปเลย อย่างโตเกียวในวันเดียวกันพายุหิมะตกหนักจนเกิดความเสียหายให้กับสนามบินและรถไฟก็หยุดให้บริการจนทำให้การสัญจรลำบาก แต่ที่โอซาก้าหิมะตกไม่หนักมาก เลยทำให้วิวเมืองดูสวยแปลกตาไปจากที่เคย… ราวกับว่าหิมะที่ตกลงมาจนทำให้ทั้งเมืองดูขาวโพลนนั้นกลับสร้างบรรยากาศโรแมนติกให้กับวันนี้ที่เป็นวันแห่งความรักพอดีเลย!

และวันนี้ก็เป็นวันสำคัญสำหรับเรา เพราะเป็นวันที่จะเดินทางไปยังคานาซาว่า (Kanazawa) ซึ่งเป็นเมืองในจังหวัดอิชิกาวะ (Ishikawa) ที่เราอยากไปมากๆ เลยทำให้รู้สึกว่าวันนี้พิเศษกว่าปกติ รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปที่นั่นเป็นครั้งแรก หวังว่าจะไม่มีสถานการณ์ใดๆ มาทำให้การเดินทางของเราต้องสะดุดลง

เรามาถึงสถานีรถไฟโอซาก้าขณะที่ข้างนอกหิมะก็ยังตกอยู่ ละอองหิมะสีขาวนวลโปรยปรายชวนให้อยากถ่ายรูปเป็นภาพขาวดำ จึงยกกล้องขึ้นมาพร้อมกับกดชัตเตอร์ขณะที่ยืนอยู่บนบันไดเลื่อนซึ่งกำลังเลื่อนขึ้นไปยังชั้นบนของสถานีรถไฟ

เราพกกล้อง Ricoh GR มาด้วย มันเป็นกล้องที่ถ่ายรูปขาวดำสวยมากๆ ให้เกรน (Grain) ภาพที่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของภาพขาวดำได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งก็เป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นที่ช่างภาพทั่วโลกให้การยอมรับ และก็เป็นเรื่องที่ Ricoh เองให้ความสำคัญอย่างมากเช่นกัน จึงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยซีรีส์ GR มีการพัฒนาจากรุ่นสู่รุ่นมานานกว่า 15 ปี เรียกว่าทุกรุ่นมีรากฐานจาก DNA เดียวกัน และปรับปรุงประสิทธิภาพให้สูงขึ้น จนปัจจุบันนี้มีรุ่นล่าสุดคือ Ricoh GRIII (นับเป็นรุ่นที่ 7) ที่เพิ่งฉลองความสำเร็จด้วยการเปิดตัวสีพิเศษภายใต้แนวคิด Street Edition ไปเมื่อปลายปี ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา

เดินทางไป Kanazawa กับ Limited Express JR Thunderbird

เรากำลังจะเดินทางไปเมืองคานาซาว่าด้วยขบวนรถไฟด่วนพิเศษลิมิเต็ด เอ็กซ์เพรส เจอาร์ธันเดอร์เบิร์ด (Limited Express JR Thunderbird) ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 40 นาที

วิวระหว่างทางไป Kanazawa

โชคดีที่โอซาก้าไม่เจอผลกระทบจากสถานการณ์พายุหิมะ ทำให้รถไฟออกเดินทางได้ตรงตามเวลาที่กำหนด แต่ว่าก็มีหิมะตกต่อเนื่องตลอดทาง บรรยากาศเลยปกคลุมไปด้วยละอองสีขาวชวนให้อยากถ่ายรูปสีขาวดำ เราจึง Snap ภาพวิวเป็นรูปขาวดำไปเรื่อยๆ ตามความเร็วของรถไฟที่แล่นอยู่

ภายในขบวนรถไฟสู่ Kanazawa

ภายในขบวนรถไฟมีระบบทำความร้อนช่วยบรรเทาความหนาว ร่างกายจึงรู้สึกอบอุ่นดีมาก ตู้โดยสารที่เราเลือกเป็นแบบต้องสำรองที่นั่งเท่านั้น ที่นั่งในโบกี้นี้ยังมีว่างพอสมควร เมื่อรถไฟแล่นไปสักพักใหญ่ก็มีเจ้าหน้าที่นำรถเข็นที่มีอาหารเครื่องดื่ม ของที่ระลึก หนังสือ อาหาร ขนมของว่างมาจำหน่าย แม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกหิวมากนัก แต่เราก็เลือกข้าวกล่องรถไฟ (Ekiben) มาหนึ่งเซ็ตเพื่อให้ได้บรรยากาศตามแบบที่เห็นในหนังสือการ์ตูน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังแนะนำว่านี่เป็นเมนูประจำฤดูกาล เมื่อเปิดออกดูก็พบว่าเป็นข้าวหุงกับถั่วแดง ท็อปด้วยเกาลัดสีเหลืองที่ดูสวยน่ากินมาพร้อมกับข้าวและเครื่องเคียงหลายอย่าง แม้ว่าเมื่อชิมแล้วรสชาติก็ธรรมดาทั่วไป แต่ด้วยความที่ได้นั่งกินบนรถไฟกลับรู้สึกพิเศษกว่าปกติอย่างปฏิเสธไม่ได้

ถ้าหิวก็สามารถซื้อของกินบนรถไฟได้

หลังจากกินอิ่มแล้วเราก็นั่งชมวิวไปเรื่อยๆ จะว่าไปก็ถือว่าโชคดีที่ตลอดเส้นทางไม่เจอพายุหิมะที่ตกหนักจนต้องหยุดขบวนรถไฟ และระหว่างทางเราเห็นหิมะสีขาวโพลนที่ตกหนักบ้างเบาบ้างสลับกันไป บวกกับความเร็วของรถไฟและความหนาวเย็นจากด้านนอก ทำให้ตรงหน้าต่างมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะ หรือไม่ก็ค่อยๆ สลายไปพร้อมความเร็วของรถไฟ นั่งดูไปเพลินๆ ก็สวยดี เป็นภาพที่ตื่นตาตื่นใจ เราจึงเก็บภาพความสุขมาฝากทุกคนด้วย

บางช่วงที่หิมะโปรยปรายลงมา ทำให้รู้สึกว่าอากาศด้านนอกหนาวมาก หรืออาจเป็นอิทธิพลจากวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ก็เป็นไปได้ แม้จะหนาวกายแต่ในขณะเดียวกันดูๆ ไปแล้วก็ชวนให้อบอุ่นในใจ

รถไฟแล่นเข้าชานชาลาคานาซาว่าราวบ่ายโมงตามกำหนดเวลา สถานีรถไฟคานาซาว่ามีขนาดใหญ่ มีร้านค้าจำหน่ายสินค้าต่างๆ รวมถึงร้านอาหารด้วย เวลาที่เราไปเที่ยวที่ใหม่ๆ เมื่อมาถึงจุดหมาย เรามักจะแวะที่ศูนย์ให้ข้อมูลการท่องเที่ยว ที่นี่เราจะพบกับเจ้าหน้าที่ที่แสนเป็นมิตรคอยให้คำแนะนำ เจ้าหน้าที่ถามเราว่ามาจากที่ไหน เมื่อเราตอบว่า “ประเทศไทย” เจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็ดูดีใจมาก แล้วบอกว่าเขามีเอกสารข้อมูลการท่องเที่ยวภาษาไทยด้วยนะ ก็เลยสลับมาเป็นเราที่รู้สึกดีใจมากแทน เพราะในช่วงนั้นการได้รับเอกสารภาษาไทยในญี่ปุ่นเป็นเรื่องน่ายินดีและตื่นเต้นมาก 

ปัจจุบันก็ยังน่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน อย่างครั้งหนึ่งเราพบว่าในเมืองเล็กๆ ของญี่ปุ่น มีความสนใจในภาษาไทยมากขึ้น และเมื่อรู้ว่าเราเป็นคนไทยก็มักขอให้เราช่วยดูว่าเขาเขียนภาษาไทยถูกต้องหรือไม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าญี่ปุ่นมีความเข้าใจและใส่ใจในเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดข้อมูลที่ชัดเจนขึ้นกับนักท่องเที่ยวต่างถิ่นต่างภาษา จะว่าไปแล้วมันก็ได้ผลดีทีเดียว เพราะในฐานะที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยคนหนึ่ง เราจะรู้สึกปลื้มปิติมาก เชื่อว่าหลายๆ คนหากได้รับการร้องขอให้ช่วยเหลือในเรื่องนี้ก็คงจะรู้สึกเหมือนเราเช่นกัน 

หลังจากที่ได้ข้อมูลการท่องเที่ยวของเมืองคานาซาว่าครบตามที่ต้องการแล้ว เราก็เดินไปยังโรงแรมที่จองไว้ซึ่งอยู่ติดกับสถานีเลย แต่พอเช็คอินได้ห้องพักไม่ทันไร พายุหิมะก็ตกกระหน่ำจนเราออกไปไหนไม่ได้!

มาคิดๆ ดูก็ต้องบอกว่าเป็นความโชคดี (อีกครั้ง) ที่เราเลือกโรงแรมอยู่ติดกับสถานีคานาซาว่า เพราะพอเห็นว่าพายุหิมะเริ่มลดความแรงลง ก็คิดว่าทางเดินที่เชื่อมต่อไปที่สถานีคานาซาว่าน่าจะพอเดินหลบหิมะที่ยังตกลงมาได้ เพื่อที่จะไม่ต้องจับเจ่าอยู่แต่ในห้องพัก เราก็เลยจะใช้เวลานี้ไปเดินเล่นกินข้าวและช็อปปิ้ง ขนมญี่ปุ่นของที่นี่อร่อยมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นขนมท้องถิ่นแบบดั้งเดิม แม้จะมีบางร้านปรับให้ทันสมัยขึ้นแต่ยังคงความรู้สึกเป็นขนมญี่ปุ่นอยู่ ในปีที่เราไปนี้ภายในสถานีมีการซ่อมแซมปรับปรุงก็เลยมีร้านขนมมาตั้งแผงอยู่ตรงกลางพื้นที่ ทีแรกเราคิดว่ามีการจัดอีเว้นท์ขนมญี่ปุ่น แต่จริงๆ เป็นร้านขนมนี่เอง เพราะพื้นที่เดิมกำลังปรับปรุงอยู่ ร้านขนมก็เลยมาอยู่กันตรงนี้ ซึ่งถือว่าก็ดีเหมือนกันเพราะเราจะได้เดินดูให้ทั่วทุกร้านเลย 

แวะช็อปของกินในสถานีรถไฟ Kanazawa ขนมญี่ปุ่นในสถานีรถไฟ Kanazawa

ปัจจุบันหลังจากที่ตัวสถานีที่ได้มีการปรับปรุงเสร็จเรียบร้อย มีการจัดโซนแบ่งพื้นที่ร้านค้าต่างๆ และทุกโซนเชื่อมต่อถึงกันได้ กลายเป็นพื้นที่ร้านค้าขนาดใหญ่มากกว่าเดิมหลายเท่า เนื่องจากครั้งล่าสุดที่ไปญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้ ก็พบว่าคานาซาว่ามีนักท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ก็ยังคงความน่าสนใจและน่าเที่ยวอยู่ ที่สำคัญคืออาหารทะเลอร่อยมาก ปูหิมะในหน้าหนาว (เฉพาะตัวที่ติดป้ายสีฟ้า) ถือว่าเป็นปูที่มีรสชาติอร่อย และมีเฉพาะหน้าหนาวเท่านั้น ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เราชอบเที่ยวญี่ปุ่นในหน้าหนาวมาก! 

 

คานาซาว่า เมืองแห่งสายฝนพรำ

เมืองนี้มีฝนตกอยู่บ่อยจนมีคำกล่าวว่า ลืมข้าวกล่องได้ แต่ห้ามลืมร่ม! เมื่อวานเป็นวันแรกที่มาถึงก็เจอพายุหิมะและวันนี้ฝนก็ตกแต่เช้า! เรายืมร่มจากโรงแรมแล้วก็เดินทางด้วยรถเมล์เพื่อไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในเมือง ใช่แล้วล่ะ ที่นี่มีรถเมล์ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย บนรถเมล์จะมีจอทีวีโชว์แผนที่เพื่อใช้บอกป้ายรถแต่ละจุดเป็นภาษาอังกฤษ มีอยู่ 3 เส้นทางคือ Kanazawa Loop Bus แบ่งย่อยเป็น 2 สาย คือ Left Loop (ตัวย่อ LL), Right Loop (ตัวย่อ RL) แบ่งตามการวิ่งไปทางซ้ายหรือขวานับจากจุดเริ่มต้นที่สถานีรถไฟนาคาซาว่า รถจะออกทุกๆ 15 นาทีตามลำดับ และ Kenrokuen Shuttle (ตัวย่อ S) รถออกทุก 20 นาที 

Kanazawa Loop Bus รถเมล์ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวก่อนขึ้นรถเราก็ Snap สักภาพหนึ่งบันทึกไว้เป็นไดอารี่

 ฝนตกตลอดวัน

 

ฮิกาชิชายะ (Higashi Chaya District)

แม้ว่าปกติจะไม่ชอบไปเที่ยวยามที่ฝนตกเพราะไม่สะดวกในการเดินทาง รวมทั้งถ่ายรูปก็จะได้ภาพสีหม่นเพราะไม่มีแสงแดด แต่สำหรับเมืองคานาซาว่าเป็นข้อยกเว้น เพราะรู้สึกว่าฝนตกพรำๆ ของที่นี่ให้ความรู้สึกที่สดชื่นและมีเสน่ห์ โดยเฉพาะเมื่อเดินอยู่ในถนนโรงน้ำชาฮิกาชิชายะ (Higashi Chaya District) ย่านดังประจำเมือง นอกจากนี้กล้องในมืออย่าง Ricoh GR ก็เก็บภาพได้สีสันที่เป็นธรรมชาติสวยงามถูกใจ 

คำว่า Chaya มีความหมายว่า “โรงน้ำชา” หรือสถานที่ของการเฉลิมฉลองและความบันเทิงที่มีมาแต่อดีต Chaya District ที่อยู่ในคานาซาว่ามีความน่าสนใจ เพราะเป็นเมืองที่รอดจากภัยสงครามโลกครั้งที่สองโดยไม่มีการถูกทำลาย ทำให้อาคารบ้านเรือนและสถาปัตยกรรมยังรักษาไว้ได้เหมือนเดิมตั้งแต่สมัยเอโดะและทั้งหมดถูกสร้างขึ้นตามข้อกำหนดของญี่ปุ่นในยุคศักดินา ในปัจจุบันมี Chaya District ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ 3 แห่ง ได้แก่ ฮิกาชิชายะ (Higashi Chaya District), นิชิชายะ (Nishi Chaya District) และคาซุเอะมาชิชายะ (Kazuemachi Chaya District)

ฮิกาชิชายะเป็นที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด มีอาคารบ้านเรือนที่ได้รับการอนุรักษ์และมีโรงน้ำชาสำคัญในอดีตเปิดให้เข้าชมได้ (มีค่าใช้จ่าย) นอกจากนี้ก็ยังมีร้านค้าจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือ ทองคำเปลว เพราะคานาซาว่าเป็นเมืองที่ที่มีชื่อเสียงในการผลิตทองคำเปลวและผลิตได้มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น!

Higashi Chaya District ถนนโรงน้ำชาฮิกาชิชายะใน Kanazawa

วันนี้ฝนตกเลยทำให้มือหนึ่งต้องถือร่ม แต่มืออีกข้างก็ยังสามารถถือกล้อง Ricoh GR ถ่ายรูปได้สบาย ด้วยประสิทธิภาพที่ดีของกล้องที่มีขนาดกะทัดรัด บันทึกได้รวดเร็ว จนทำให้เรามั่นใจ พอเจอมุมไหนที่ถูกใจก็กดชัตเตอร์เก็บไว้เป็นไดอารี่ภาพแห่งความทรงจำ อย่างรูปด้านบนนี้เป็นร้านขายตะเกียบที่มีคนมากมายแวะเข้าไปชม ก่อนเดินเข้าร้านก็เลย Snap ภาพนี้ เพราะรู้สึกว่าเป็นมุมที่ดูน่าสนใจและตลอดวันที่เดินเข้าออกร้านไหนก็จะต้องวางร่มไว้หน้าร้านแบบนี้ โดยไม่มีใครเคยหยิบร่มผิดคันกลับไปเลย

บรรยากาศใน Higashi Chaya District ที่ Kanazawaบรรยากาศในถนนโรงน้ำชาฮิกาชิชายะ, Kanazawa Higashi Chaya District, Kanazawa

ในฮิกาชิชายะมีร้านอาหารหลายร้าน พอถึงเวลาอาหารมื้อเที่ยง เราจึงเดินดูว่ามีร้านไหนน่าสนใจบ้าง สุดท้ายก็เลือกร้านนี้ที่ภายในร้านตกแต่งในสไตล์บ้านญี่ปุ่นโบราณ เมื่อเข้ามาในร้านสภาพแสงมีความสลัวและค่อนข้างมืด แต่ก็ดูอบอุ่นดี  

เราได้โต๊ะตรงเคาน์เตอร์ที่ออกแบบได้เก๋ ซึ่งทำเป็นพื้นต่างระดับ ด้านนอกเป็นที่นั่งบนพื้นและปูด้วยเสื่อทาทามิ ส่วนด้านในพื้นที่จะมีระดับลึกกว่า และในขณะที่ยืนขึ้นก็จะได้ระดับความสูงที่เสมอกับลูกค้าซึ่งนั่งอยู่ด้านนอก 

แวะทานมื้อกลางวันในร้านสไตล์ญี่ปุ่นที่ Higashi Chaya District, Kanazawa

อาหารที่สั่งเป็นชุดเบนโตะ (Bento) พร้อมเครื่องเคียงต่างๆ และขนมหวานเป็นไอศกรีมที่มีการตกแต่งด้วยทองคำเปลวทำให้ดูหรูหราและน่าอร่อยยิ่งขึ้น อาหารร้านนี้มีรสชาติดี ปรุงมาอย่างพิถีพิถันสมกับหน้าตาอาหารที่จัดมาอย่างสวยงาม 

ชุดเบนโตะ (Bento) แสนหรูในทริปเที่ยว Kanazawa

หลังมื้ออาหารเราใช้เวลาในฮิกาชิชายะตลอดช่วงบ่ายจนถึงเย็น ร้านค้าต่างๆ ในบริเวณเปิดให้บริการถึงราว 17:00 น. บางร้านก็ยังให้บริการอยู่จนกว่าลูกค้าจะออกจากร้าน 

อากาศวันนี้หนาวมากและฝนตกตลอด แม้จะมีบางช่วงที่หยุดตกบ้าง ทำให้เราได้รูปหยดน้ำฝนที่ค้างบนกิ่งไม้

หยดน้ำใสๆ ดูแล้วรู้สึกถึงความชุ่มฉ่ำและสดชื่น ทั้งหมดเป็นภาพที่ได้จากกล้อง Ricoh GR ซึ่งให้ความสดใสเป็นธรรมชาติแม้จะไม่มีแสงแดดให้เห็นเลย

เดินเที่ยวเมือง Kanazawa ในวันที่ฝนตก

จากความทรงจำของปี ค.ศ. 2014 นำมาเล่าเรื่องในปี ค.ศ. 2020 นี้ คิดว่าหากไม่มีภาพจากกล้อง Ricoh GR ที่คอยเก็บบันทึกไว้เหมือนเป็นไดอารี่ภาพตลอดการเดินทางของเราก็คงเล่าเรื่องราวได้ยากลำบากทีเดียว เพราะจากเดิมที่เคยใช้กล้องตัวโตพร้อมเลนส์นั้นค่อนข้างลำบากในการพกพา ยิ่งฝนตกแบบนี้ด้วยแล้ว ทว่าหากทริปนี้ไม่ได้ใช้ Ricoh GR ก็คงจะถ่ายรูปมาไม่ได้

การได้มารู้จักและสัมผัสกล้องขนาดเล็กอย่าง Ricoh GR ที่มีคุณภาพสูงๆ อย่างนี้ ทำให้การเดินทางท่องเที่ยว และมุมมองการถ่ายรูปของเราเปลี่ยนไป เรามีสมาธิและมีอิสระต่อการถ่ายรูปมากขึ้น ไม่ต้องมัวพะวงว่าจะใช้เลนส์ตัวไหนดี จะจัดองค์ประกอบอย่างไรดี เมื่อมีกล้อง Ricoh GR อยู่ในมือ เราจะสัมผัสถึงความสงบและผ่อนคลายอย่างไร้กฎเกณฑ์ บางทีอาจเป็นผลจากการออกแบบกล้อง GR ที่มีความเป็น Minimal ตามแบบของญี่ปุ่นที่ส่งมาถึงเจ้าของกล้องก็ได้ ทำให้การถ่ายรูปเป็นไปตามธรรมชาติและสะท้อนอารมณ์ของภาพออกมา ที่สำคัญทำให้เราคิดถึงความรู้สึกของวันที่ถ่ายรูปนั้น เพราะบางครั้งกาลเวลาก็ทำให้เราลืมประสบการณ์หลายๆ อย่าง แต่พอได้ระลึกถึงตอนนั้น ความสุขก็หวนกลับมาในระหว่างการรอคอยเวลาเพื่อเดินทางไปญี่ปุ่นอีกครั้ง

เที่ยว Kanazawa พร้อมเก็บรูปสวยๆ กับกล้อง Ricoh GR เที่ยว Kanazawa พร้อมเก็บรูปสวยๆ กลับ กล้อง Ricoh GR ตัวช่วยเก็บภาพความทรงจำระหว่างทริปที่ Kanazawa

หวังว่าสถานการณ์ Covid-19 ในญี่ปุ่นจะคลี่คลายลงในเร็ววัน! คานาซาว่าเป็นเมืองที่น่าสนใจจนเราอยากกลับไปเที่ยวอีก การกลับไปเที่ยวที่เดิมก็เป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะจะทำให้เราได้ประสบการณ์ต่างจากเดิมเพิ่มขึ้น เหมือนการได้รู้จักใครสักคนย่อมต้องใช้เวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกันไปเรื่อยๆ พร้อมกับความผูกพัน ไม่ต่างจากเรากับ Ricoh GR ยิ่งรู้จักกันผ่านการใช้งานก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นกล้องที่มากคุณภาพและมีเอกลัษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มียี่ห้อใดเสมอเหมือนได้

เราหวังว่าจะมีโอกาสมาเล่าเรื่องราวในที่ต่างๆ ของคานาซาว่าอีกครั้ง แล้วพบกันใหม่… สวัสดี! 

ข้อมูลเพิ่มเติม: www.japan-guide.com

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ