โดย イノシシ

วันนี้จะเรียกว่าเป็น One day trip แบบสบายๆ ที่ไม่มีแผนการอะไรมากนักก็คงได้ เพราะหลังจากจบภารกิจที่เป็นเป้าหมายหลักในวันนี้แล้วก็คือ การขึ้นรถไฟสายพิเศษ HANAYOME NOREN ที่ได้เล่าไปในบทความก่อนหน้านี้ แต่หากใครยังไม่ได้อ่านแล้วสนใจก็สามารถอ่านได้จากลิงค์ที่จะลงไว้ท้ายบทความนี้!

เริ่มแรกที่เรารู้จักชื่อ นานาโอะ (Nanao) เพราะขบวนรถไฟ HANAYOME NOREN วิ่งจากต้นทางคานาซาว่า (Kanazawa) ไปยังสุดทางที่สถานีวาคุระออนเซ็น (Wakuraonsen Station) แต่จะมีจอดแวะกลางทางคือ สถานีรถไฟนานาโอะ (Nanao Station) ก็อยากรู้ว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจบ้างเลยลองหาข้อมูลไว้เผื่อจะได้มาเที่ยว แล้วเราก็ได้ใช้ข้อมูลอันน้อยนิดที่เผื่อไว้ในการมาที่นี่ ซึ่งเท่าที่ทราบนานาโอะเป็นเมืองสำคัญในแถบนี้ เพราะดูจะเป็นจุดเชื่อมโยงเมืองรอบๆ บนคาบสมุทรโนโตะ (Noto Peninsula) ไว้ด้วยกัน

หากคุณเป็นคนชอบอะไรชิลล์ๆ สบายๆ มีเวลาที่จะอิ่มเอมไปกับบรรยากาศ อาหารท้องถิ่น และไม่มีเป้าหมายรัดตัวมากนักในการใช้เวลาเที่ยวที่ญี่ปุ่น บางทีนานาโอะก็อาจจะเป็นเมืองที่น่าสนใจสำหรับคุณเหมือนเราก็ได้…

เริ่มทริปเที่ยว Nanao

 

ตลาดปลาโนโตะ โชคุไซ อิจิบะ (Noto Shokusai Ichiba)

สิ่งที่ชวนให้เราสนใจนานาโอะ ก็เพราะเราพบข้อมูลเกี่ยวกับ Noto Shokusai Ichiba ตลาดปลาของเมืองนานาโอะที่ตั้งอยู่ห่างจากจากสถานีรถไฟนานาโอะไป 1 กิโลเมตร เมื่อเราลงรถไฟที่สถานีแล้วก็ไปขอข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และแน่นอนว่าพูดได้เพียงภาษาญี่ปุ่น แต่ยังไงก็ดีการได้แผนที่มารวมกับการเตรียมข้อมูลล่วงหน้าก็ช่วยเราได้มาก เมื่อดูแผนที่แล้วก็คิดว่าสามารถเดินไปได้ไม่ยากเลย ซึ่งวันนี้อากาศหนาวมากท้องฟ้ามีเมฆครึ้มบ้างเป็นระยะ การเดินก็จะทำให้เราได้ออกกำลังกายสร้างความกระฉับกระเฉงได้ดีทีเดียว เราจึงเดินไปเรื่อยๆ สบายๆ พร้อมสำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัวระหว่างทางที่เดินไปก็ถือเป็นการทำความรู้จักเมืองนี้ไปด้วย การได้เดินไป ชมเมืองไป แถมยกกล้อง Snap ไปก็ช่วยให้รู้สึกว่าเราเดินไม่ไกล เพราะมีความเพลิดเพลินที่ได้ถ่ายรูปเล่น เผลอแป๊ปเดียวก็เดินมาถึงหน้าตลาดแล้ว

Noto Shokusai Ichiba ตลาดปลาของเมืองนานาโอะ (Nanao)

ด้านทางเข้าตลาดที่เป็นอาคารขนาดใหญ่ ตรงประตูทางเข้าตลาดมีป้ายประชาสัมพันธ์ของรถไฟขบวนพิเศษ HANAYOME NOREN ที่เราได้ไปสัมผัสมาแล้ว ซึ่งเป็นรถไฟที่ออกแบบตกแต่งได้สวยงามมากทั้งขบวน ประทับใจมากจริงๆ

ภายในตลาดปลาของเมืองนานาโอะ (Nanao)

แม้ว่ามองจากด้านนอกจะดูเงียบๆ แต่ในตลาดมีคนมากพอสมควร ส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นที่ขับรถกันมา เพราะโนโตะโชคุไซอิจิบะเป็นตลาดปลาที่ตั้งอยู่ในท่าเรือประมงนานาโอะ (Nanao Port) ที่ใหญ่ที่สุดบนคาบสมุทรโนโตะซึ่งเป็นท่าเทียบเรือด้วย รวมทั้งยังเป็น Roadside Station สำหรับคนที่ขับรถมาได้แวะจอดพักรับประทานอาหารหรือจับจ่ายซื้อของ ดังนั้นที่นี่จึงมีสินค้าท้องถิ่นจำหน่าย โดยเน้นเป็นผลิตภัณฑ์ของโนโตะ ทั้งยังมีศูนย์ให้คำแนะนำการท่องเที่ยวด้วย

อาหารทะเลสดๆ ส่งตรงจากท่าเรือประมงนานาโอะ (Nanao Port)

คาบสมุทรโนโตะอยู่ในเขตจังหวัดอิชิกาวะ มีชื่อเสียงเรื่องอาหารทะเลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปูหิมะหรือปูลายจุด เพราะจะมีจุดสีดำเกาะอยู่ที่กระดองปู ยิ่งมีจุดที่กระดองมากก็หมายถึงว่าปูตัวนั้นมีความอร่อยมาก ในญี่ปุ่นแต่ละเมืองก็มีการแข่งขันกัน มีการรับรองคุณภาพอย่างที่คานาซาว่าก็จะมีปูที่มีคุณภาพดีและราคาสูงไปตามคุณภาพ ซึ่งจะรับรองด้วยการติดป้ายสีฟ้าที่ตัวปู (ในรูปนี้ปูที่อยู่ซ้ายมือ หากสังเกตดีๆ จะมีป้ายสีฟ้าคล้องรัดอยู่ที่ขาปู ราคาที่ติดอยู่นี้ถือว่าราคาดีแล้วสำหรับปูหิมะป้ายสีฟ้า) อีกเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องปูหิมะก็คือ เมืองฟุกุอิ (Fukui) ที่ใช้ป้ายสีเหลืองเป็นการรับรองคุณภาพ ซึ่งต่างก็บอกว่าปูหิมะที่จับได้ในทะเลที่เมืองของตนตั้งอยู่นั้นมีคุณภาพที่ดี ซึ่งการรับรองด้วยป้ายที่เป็นสัญลักษณ์ก็สร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ ที่ญี่ปุ่นก็มีความซื่อตรงต่อการให้การรับรอง แต่แม้หากใครจะลิ้มลองปูที่ไม่มีป้าย และมาในช่วงฤดูกาลของปูหิมะอย่างในหน้าหนาวแบบนี้ที่อาหารทะเลมีความอุดมสมบูรณ์มาก เราเชื่อว่ายังไงก็ได้ความสดอร่อยอย่างแน่นอน ซึ่งปูหิมะจะมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล มีรสหวานและชุ่มฉ่ำตามธรรมชาติของเนื้อปูสูงมาก ซึ่งถ้าหากมีเวลาพักอยู่ที่คานาซาว่าลองแวะไปที่ตลาดโอมิโช (Omicho Market) ในตัวเมืองคานาซาว่า เพราะมีปูให้เลือกมากมาย รวมทั้งอาหารทะเลและพืชผักผลไม้อาหารท้องถิ่นอื่นๆ ของเขตอิชิกาวะอีกด้วย

นอกจากปูก็มีอาหารทะเลสดอื่นๆ ที่จับได้ในตอนเช้ามาจำหน่าย มีทั้งแบบสดและแบบปรุงสุกให้พร้อมรับประทานได้เลย ซึ่งตรงนี้แหละที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราที่จะมีโอกาสได้ลิ้มลอง ที่สำคัญคือมีอาหารทะเลหลากหลายชนิดมาก บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของคาบสมุทร โดยเฉพาะปลาทะเลที่น่าสนใจมาก อีกทั้งราคาอาหารทะเลของที่นี่ก็ไม่แพงเลยจริงๆ ต้องบอกว่าถูกมากๆ เลยทีเดียว ซึ่งเราได้ชิมปลาย่างทั้งตัวขนาดกลางๆ ในราคา 350 เยน เท่านั้น! แล้วก็ในตลาดมีโซนบริการเตาปิ้งย่างด้วย สามารถซื้อของสดในตลาดมาย่างเองได้ แต่ช่วงที่เราไปตรงกับช่วงมื้อเที่ยงก็เลยมีคนใช้บริการค่อนข้างมาก เราก็เลยเลือกที่จะซื้อจากร้านต่างๆ มานั่งกินในโซนที่จัดโต๊ะไว้บริการ ซึ่งก็ดีเหมือนกันช่วยประหยัดเวลาเพราะเรายังมีสถานที่อี่นที่อยากไปในนานาโอะอีก

ร้านค้าต่างๆ ในตลาดนี้ใจดีมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น หรือคนในท้องถิ่นเอง ดังนั้นบรรยากาศที่ได้รับจึงเป็นแบบที่เราชื่นชอบอยู่แล้ว เราคิดว่าใครที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นบ่อยๆ แล้วมีความหลงใหลในเรื่องอาหารการกิน และชื่นชมวิถีชีวิตความเป็นญี่ปุ่น ก็น่าจะถูกใจที่นี่เหมือนเราเช่นกัน

เที่ยว Nanao พร้อมช็อปอาหารทะเลสดๆ

นอกจากโซนอาหารต่างๆ ก็ยังมีส่วนที่วางการจำหน่ายสินค้าที่น่าสนใจด้วย เช่น เครื่องใช้ในครัวเรือนอย่างถ้วยชามงานเคลือบแบบวาจิมะอันเลื่องชื่อ หรือเครื่องดื่มท้องถิ่น รวมถึงเครื่องปรุงรสที่สำคัญอย่างเกลือของโนโตะที่ขึ้นชื่อมาก และนับวันจะเริ่มหมดไป เหตุจากไม่ค่อยมีการสืบทอดการทำต่ออีก เพราะกรรมวิธีผลิตยากลำบากมีขั้นตอนมากมาย ถ้าใครเคยดูซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องมาเระ (Mare : まれ) ในเนื้อเรื่องตัวละครอยู่ที่โนโตะมีการพูดถึงการทำเกลือ และการทำเครื่องเคลือบของวาจิมะด้วย

ในรูปคือเกลือทะเลจากโนโตะที่มีวิธีการทำแบบโบราณที่เป็นเอกลักษณ์มีหลากหลายยี่ห้อ เมื่อมาถึงถิ่นจึงรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ เพราะประทับใจกับเรื่องราวของซีรีส์มาเระ (Mare : まれ) อยู่แล้วก็เลยเลือกเกลือของโนโตะติดมือกลับมา และในชั้นที่วางขายก็มีเครื่องปรุงอื่นๆ มากมายให้เลือกซื้ออีก ยิ่งเราชอบทำอาหารอยู่แล้วก็อดใจไม่ได้ และแม้จะซื้อมาอย่างละเล็กละน้อยพอรวมกันก็มากพอสมควร โชคดีที่เรามีพื้นที่ในกระเป๋าว่างอยู่ หากเป็นแต่ก่อนคงต้องได้แต่ดู เพราะแค่พกกล้องและอุปกรณ์ขนาดใหญ่ก็หนักแล้ว แต่พอเป็น Ricoh GR ก็เลยสบายมากเพราะขนาดเล็กๆ ไม่เปลืองที่ จะเรียกว่ามีแค่กล้อง Ricoh GR ตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว นอกจากเที่ยวได้ทั่วถ่ายรูปสนุกแล้วยังได้ช็อปปิ้งอีก

วิวทะเลกว้างที่เงียบสงบของอ่าว Nanao

ส่วนบริเวณด้านหลังของตลาดเป็นลานกว้าง สามารถเห็นวิวทะเลกว้างใหญ่ที่เงียบสงบของอ่าว Nanao ซึ่งการได้ออกมาเดินเล่นตรงนี้ก็ได้บรรยากาศผ่อนคลายที่ดีไม่น้อยเลย

 

ถนนอิปปอนสึกิโดริ (Ipponsugi Dori)

สถานที่อีกแห่งที่เราสนใจก็คือ ถนนอิปปอนสึกิโดริ ซึ่งอยู่ระหว่างกลางสถานีรถไฟนานาโอะกับตลาดปลาโนโตะโชคุไซอิจิบะ ดังนั้นเราจึงก็เดินย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อที่จะไปถนนอิปปอนสึกิโดริ แต่พอเดินมาได้สักพักฝนก็ตกลงมา เราก็เลยเร่งฝีเท้า เดินลัดเลาะแล้วมาแวะหลบฝนในร้านหนึ่งที่อยู่ตรงปากทางด้านหน้าของ Ipponsugi Dori

ร้านที่ว่าก็คือ Zakka Cafe เป็นร้านที่มีอาหารเครื่องดื่มจำหน่ายและมีสินค้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันวางขาย การเข้ามาหลบฝนถือว่าเป็นความคิดที่ถูกต้องเลยทีเดียว เพราะเมื่อได้เครื่องดื่มร้อนๆ และขนมเค้กอร่อยๆ ที่ทางร้านทำเองแล้วก็รู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นขึ้นมาก ลืมเม็ดฝนเมื่อสักครู่ไปเลย

เที่ยว Nanao : แวะจิบชา ทานขนมหวานที่ Zakka Cafe

แต่เราไม่พลาดการได้ใช้เวลาในร้าน เดินดูสินค้าต่างๆ และยังได้มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าของร้านที่มีความน่ารักเป็นกันเอง ซึ่งสำหรับเราแล้ว คือเสน่ห์ของการมาเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง เพราะเรามีเวลาที่จะใช้ไปกับสิ่งที่สนใจและมีความสุขได้อย่างเต็มที่ตามต้องการ ในร้านบรรยากาศดี ดูอบอุ่นสบายๆ แม้สภาพแสงไม่ได้สว่างมาก แต่กล้อง Ricoh GR ก็เอาอยู่เสมอ

สินค้าพื้นเมืองของ Nanao

สินค้าในตลาดที่จัดวางเรียงรายอย่างน่าสนใจล้วนมีข้อมูลการผลิต ทำให้รู้ว่ากว่าจะออกเป็นสินค้าแต่ละชิ้นมีที่มาอย่างไรบ้าง ที่นี่มีตั้งแต่สินค้ากระจุกกระจิก เครื่องใช้จิปาถะที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ขนมขบเคี้ยว ซองใส่ปากกาดินสอที่ทำจากผ้าท้องถิ่นที่เย็บขึ้นรูปด้วยมือ ถ้วยช้อนจานชามเซรามิค ถุงผ้า สบู่ที่ทำจากพืชผักท้องถิ่น และอื่นๆ ที่ดูน่ารักน่าเลือกซื้อไปหมด ซึ่งเราก็ชอบความคาวาอี้ของสินค้าลักษณะนี้อยู่เป็นทุนเดิม ดังนั้นกว่าจะออกมาจากร้านได้ ฝนก็หยุดตกพอดี…

Ipponsugi Dori ถนนย่านการค้าใน Nanao

Ipponsugi Dori คือถนนย่านการค้าที่มีมานานกว่า 600 ปี ถนนสายนี้มีความยาวเริ่มตั้งแต่สะพานสีแดงที่ข้ามแม่น้ำมิโซกิ (Misogi Station) ใกล้สถานีนานาโอะไปจนถึงวัดโคโตคุจิ (Kotoku-ji Temple) ตลอดระยะทาง 450 เมตร จะมีร้านค้าประมาณ 50 แห่งที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมถนน บางแห่งเป็นอาคารโบราณที่มีหลังคาทรงปั้นหยาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรม และในทุกฤดูใบไม้ผลิจะมีการจัดงานเทศกาลสำคัญเกี่ยวกับการแสดง Noren ซึ่งใช้ในประเพณี Hanayome Noren ที่มีมานานและยังคงสืบต่อประเพณีนี้จนถึงปัจจุบัน

ย่านการค้าใน Nanao เดินเที่ยวย่านร้านค้าใน Nanao

อาจเป็นเพราะฝนที่ตกลงมาก็เลยไม่ค่อยมีคนมาเดิน แต่ร้านค้าต่างๆ ก็ยังเปิดบริการตามปกติ และมีลูกค้าเดินเข้าออกแวะเวียนในแต่ละร้านอยู่บ้าง แม้บรรยากาศภายนอกจะดูเงียบๆ ก็ตาม!

สิ่งหนึ่งที่ชอบเวลามาเดินดูอาคารบ้านเรือนก็คือ กระถางต้นไม้ที่หน้าบ้าน ไม่ว่าจะมีลักษณะใดก็รู้สึกว่าดูน่ารักน่าสนใจดี

ต้นไม้บางต้นก็ดูแปลกตามาก อย่างต้นนี้ ก็เลยอยากได้ภาพใกล้ๆ และระบบมาโครของกล้อง Ricoh GR ก็ช่วยเก็บรายละเอียดให้เราได้ดี แม้ว่า Ricoh GR เป็นกล้องคอมแพคตัวเล็ก แต่จริงๆ แล้วมันเป็นกล้องที่มีระบบถ่ายภาพที่ทำให้คนที่ชอบถ่ายรูปสนุกมาก และได้ภาพตามที่ต้องการเสมอ

นานาโอะ เมืองนี้อาจจะดูเป็นเมืองที่ไม่มีสถานที่เที่ยวยอดนิยม แต่หากชอบที่จะได้เดินชมบรรยากาศและได้รับประทานอาหารทะเลสดในราคาสบายกระเป๋า ที่นี่ก็นับว่าน่าสนใจมาก รวมทั้งผู้คนที่ได้พบเจอล้วนแต่ให้ความรู้สึกถึงมิตรไมตรี เสมือนหนึ่งเราได้รับพลังบวกเข้ามาในใจ และเกิดความสุขใจที่ยากจะอธิบาย สำหรับเราแล้วความประทับใจนี้ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองที่คิดถึงเสมอ และอยากหาโอกาสกลับไปเยือนอีกอย่างแน่นอน… แล้วพบกันใหม่นะนานาโอะ

อ่านบทความการท่องเที่ยวกับขบวนรถไฟสายพิเศษ HANAYOME NOREN ย้อนหลังได้ที่นี่

เที่ยว Nanao พร้อมเก็บภาพสวยๆ กับกล้อง Ricoh GR

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ