โดย イノシシ

สำหรับคนที่ชอบไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น เชื่อว่าไม่มากก็น้อยที่หลงใหลการนั่งรถไฟ เพราะรถไฟที่ญี่ปุ่นก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะญี่ปุ่นขึ้นชื่อในการคิดสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ให้กลายเป็นเรื่องพิเศษได้อยู่เสมอ ส่วนตัวด้วยความชื่นชอบการไปเที่ยวที่ คานาซาว่า (Kanazawa) ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสวยงาม มีอาหารทะเลอร่อย รวมทั้งมีศิลปะในแบบดั้งเดิมและร่วมสมัยให้ได้สัมผัส

คานาซาว่า เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมโบราณที่ยังคงอยู่ มีย่านที่เป็นบ้านเรือนญี่ปุ่นโบราณปลูกสร้างมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ดังนั้นคนชอบความเป็นญี่ปุ่นมากๆ อย่างเราอยากกลับไปเที่ยวที่นี่อยู่เสมอ แต่ว่าที่เที่ยวในเมืองอื่นๆ เองก็น่าสนใจไม่น้อย จึงต้องหักห้ามใจไว้เพื่อจะได้เปิดโอกาสตนเองให้ไปสัมผัสที่ใหม่ๆ บ้าง แต่แล้วพอรู้ว่า
JR West เตรียมสร้างรถไฟขบวนสุดหรูสายนานาโอะ (Nanao Line) สำหรับวิ่งในเส้นทางของจังหวัด
อิชิกาวะ (Ishikawa) ระหว่างสถานีคานาซาว่า (Kanazawa Station) และวาคุระออนเซ็น (Wakuraonsen Station) โดยมีแนวคิดที่ต้องการให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับวัฒนธรรมในรูปแบบ Wa (วะ) หมายถึงความเป็นญี่ปุ่น และ
Bi
(บิ) หมายถึง ความงดงาม ดังนั้นจึงปักหมุดในใจว่าจะต้องหาโอกาสไปสัมผัสให้ได้สักครั้งหนึ่ง ซึ่งตามข่าวแจ้งว่ารถไฟขบวนนี้วางแผนทดลองเปิดให้บริการเพียง 150 วัน แต่ถ้าผลตอบรับดีก็อาจจะพิจารณาเปิดบริการต่อไปอีก ซึ่งเราเชื่อมั่นว่ายังไงก็น่าจะมีโอกาสเปิดให้บริการต่อเนื่อง เพราะรถไฟขบวนนี้ดูพิเศษน่าสนใจมากๆ น่าจะมีคนสนใจมาใช้บริการกันเยอะแน่ๆ และก็เป็นไปตามที่คาด… รถไฟขบวนพิเศษนี้ยังคงให้บริการอยู่ โดยจะมีการประกาศตารางเวลารอบการให้บริการเป็นแบบปีต่อปี และยังไม่มีข่าวกำหนดการสิ้นสุดของการเปิดบริการ ดังนั้นระหว่างที่ยังหาจังหวะวันที่จะเดินทางไปไม่ได้ก็เฝ้าติดตามข่าวคราวไปเรื่อยๆ…

 

จนกระทั่งถึงวันที่โอกาสของเรามาถึงในวันหนึ่ง…

นั่งรถไฟ HANAYOME NOREN เที่ยวคานาซาว่า (Kanazawa)

HANAYOME NOREN มีความหมายว่า Bride’s Goodwill หรือ ความปรารถนาดีต่อเจ้าสาว ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นชื่อนี้จะตรงกับวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นที่มีมาตั้งแต่ปลายยุคเอโดะจนถึงต้นยุคเมจิ โดยเป็นส่วนหนึ่งของพิธีแต่งงานตามขนบธรรมเนียมในท้องถิ่นนี้ ซึ่งในภาษาญี่ปุ่น HANAYOME แปลว่า “เจ้าสาว” ส่วน NOREN หมายถึง “ผ้าม่าน” โดยมีขนาดกว้าง 180-190 ซม. และยาว 170-180 ซม. ซึ่งในพิธีนี้ NOREN ที่ใช้จะต้องมีลักษณะเป็นผ้าที่สีสีสันสดใส วาดลวดลายงดงาม และมีตราประจำตระกูลครอบครัวของคู่แต่งงาน เมื่อถึงวันแต่งงานจะนำ NOREN มาแขวนไว้ที่หน้าบ้านของเจ้าบ่าว เพื่อให้เจ้าสาวได้เดินลอดผ่าน โดยมีความเชื่อว่าเมื่อลูกสาวที่เป็นเจ้าสาวได้เดินลอดผ้าม่านนี้ก็จะทำให้การแต่งงานอันหมายถึง การเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้พบแต่ความสุขและความราบรื่น จากความเชื่อในประเพณีนี้ จึงได้นำมาตั้งเป็นชื่อขบวนรถไฟ เพื่อสื่อถึงความปรารถนาดีต่อทุกคนที่ได้มาโดยสารรถไฟขบวนนี้แล้วก็จะพบแต่ความสุขและความราบรื่นเช่นเดียวกันนั่นเอง

การออกแบบตกแต่ง HANAYOME NOREN มาจากแนวคิดที่ต้องการสื่อให้เห็นถึงงานหัตถกรรมท้องถิ่นของภูมิภาคโฮคุริคุ (Hokuriku) ซึ่งมีงานศิลปะชั้นสูงที่ได้รับการยอมรับ จึงได้นำมาใช้ในการตกแต่งรถไฟขบวนนี้ทั้งหมด ตั้งแต่การใช้สีแดงกับสีทองที่สื่อถึงงานหัตถกรรมพื้นเมืองที่เรียกว่าอุรุชินุริ (Urushinuri) การนำลวดลายกิโมโนที่มีชื่อเสียงแบบคากะยุเซ็น (Kaga Yuzen) ที่วาดลวดลายอันสื่อถึงชุดกิโมโนที่งามสง่า โดยช่างฝีมือจากเมืองวาจิมะ (Wajima) แห่งจังหวัดอิชิกาวะ (Ishikawa)

ภายนอกมีการเคลือบแล็กเกอร์เพิ่มความเงางามเพื่อให้ดูมีความโดดเด่นทั้งขบวน ส่วนภายในรถใช้เบาะหนังสีแดงกับสีดำ เพื่อสื่อความหมายถึง เครื่องเขินวาจิมะนุริ (Wajima-nuri)

นอกจากนี้ยังได้นำแผ่นทองคำเปลวที่มีชื่อเสียงของเมืองคานาซาว่ามาใช้ในการประดับตกแต่งภายในขบวนรถ เพื่อให้มีความหรูหราและงดงาม

สัญลักษณ์ของรถไฟ HANAYOME NOREN

การออกแบบโลโก้ของขบวนรถไฟนั้น สะท้อนให้รู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ และส่งผ่านความสุขที่สะท้อนถึงประเพณีท้องถิ่นดังกล่าว ตามความหมายของ HANAYOME NOREN บนโลโก้มีลวดลายในแบบ คากะ มิซึฮิกิ (Kaga Mizuhiki) ซึ่งเป็นงานฝีมือแบบดั้งเดิมของอิชิกาวะ เป็นการแสดงความหมายว่าเป็น รถไฟที่ปรารถนาให้ผู้หญิงมีความสุข และเชือกที่ผูกแบบเงื่อนอาวาจิ (Awaji-musubi) อันเป็นรูปแบบของมิซึฮิกิ สื่อถึงความต้องการในความสัมพันธ์ระยะยาว (เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคลายปมเชือกนี้ให้คลี่คลายออกจากกัน) ส่วนวงแหวนที่เรียงต่อกันในโลโก้ หมายถึง การสร้างความสามัคคีของภูมิภาคโฮคุริคุเข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังแฝงความหมายเพื่อสื่อถึงความหวัง และการอวยพรให้การเดินทางนี้เกิดมิตรภาพ ความสุข และความสนุกสนานสำหรับทุกคน โดยมีความปรารถนาที่จะให้รถไฟขบวนนี้เป็นตัวแทนของ “การเชื่อมโยงผู้คนทั้งหมดด้วยหัวใจ”

 

ประสบการณ์การเดินทางไปสัมผัส HANAYOME NOREN

อย่างแรกต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง รถไฟขบวนนี้ไม่ใช่รถไฟขบวนยอดนิยมเหมือนที่อื่นๆ อย่างเช่นที่เกาะคิวชูที่มีรถไฟสายพิเศษๆ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของนักท่องเที่ยว สามารถหาข้อมูลอ่านได้มากมาย ดังนั้นการหาข้อมูลเกี่ยวกับ HANAYOME NOREN ในตอนที่จะไปนั้นค่อนข้างมีน้อย แต่เราก็ไม่ละความพยายามจนทราบว่าจะมีการแจ้งกำหนดการวิ่งของรถไฟล่วงหน้าเป็นตารางรอบเวลาแบบปีต่อปี โดยเริ่มนับเดือนแรก คือ เดือนมีนาคม ไปสิ้นสุดในเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไป ซึ่งรถไฟขบวนนี้จะเปิดให้บริการเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ของญี่ปุ่นเท่านั้น!!!

ผู้โดยสารทุกคนจะต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าก่อนวันที่เดินทาง 1 เดือน หรืออย่างน้อย 4 วันล่วงหน้า ทำให้เราต้องจัดตารางเวลาเหมาะๆ ให้ตรงกับช่วงที่รถไฟให้บริการ รวมทั้งต้องไปถึงญี่ปุ่นก่อนถึงวันที่จะนั่งรถไฟอย่างน้อยก็ 4-5 วัน เพราะต้องไปจองซื้อตั๋วรถไฟล่วงหน้าก่อนตามที่ระบุ (หากใครมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่สามารถจองซื้อตั๋วก่อนได้ก็จะดีมาก เพราะไม่ต้องมาลุ้นกันหน้างาน)

ไม่ว่าจะต้องพบสถานการณ์ หรือเงื่อนไขใดๆ ในที่สุดเราก็สามารถกำหนดวันเดินทางไปญี่ปุ่นที่ลงตัวได้ในช่วงต้นเดือนมีนาคมพอดี ซึ่งเป็นเดือนเริ่มต้นของตารางเวลาการให้บริการของรถไฟ ดังนั้นในช่วงเวลาที่เรากำลังจัดการวางแผนทริป จึงยังไม่มีข้อมูลของตารางใหม่ แต่คิดว่าคงไม่เป็นไรหรอกเพราะญี่ปุ่นตรงต่อเวลามาก พอถึงเวลาก็คงมีข้อมูลออกมาเอง (ยกเว้น JR West จะยกเลิกไม่บริการต่อก็เท่านั้นแหละ) ให้กำลังใจตนเองว่ายังไงรถไฟก็ยังให้บริการต่อเนื่องแน่ๆ ไม่มีทางที่รถไฟสวยๆ พิเศษๆ แบบนี้จะยกเลิกการบริการหรอกนะ เมื่อตั้งใจแล้วเราก็เดินหน้าต่อวางแผนที่เที่ยวพร้อมจองที่พักไว้ก่อนอย่างกระตือรือร้นที่จะได้เดินทางไปสัมผัสรถไฟขบวนพิเศษนี้ แม้ลึกๆ ก็แอบหวั่นๆ อยู่บ้างเหมือนกัน เพราะจนกว่าจะมีตารางเวลาออกนั่นแหละค่อยหายใจได้คล่องหน่อย เแต่ว่านับวันก็ใกล้ถึงวันเดินทางแล้ว แต่ข้อมูลบนเว็บไซต์ก็ยังไม่อัพเดทตารางใหม่สักที ทำไงดี!!!

 

เมื่อหัวใจเรียกร้องเราก็ต้องหาหนทางไปให้ได้…

ในที่สุดก็หาช่องทางที่สามารถติดต่อสอบถามกับ JR West ได้ (บริษัทที่ให้บริการรถไฟเส้นทางนี้ของญี่ปุ่น) หลังจากที่สื่อสารกันด้วยความถนัดคนละภาษา ถ้าใครที่เคยหาข้อมูลแล้วจำเป็นต้องสื่อสารกับคนญี่ปุ่นคิดว่าคงเข้าใจและเห็นภาพการสื่อสารที่อาจจะดูยุ่งวุ่นวาย แต่ก็เป็นไปแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยและมีความพยายามสื่อสารกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันจนได้ หลังจากสื่อสารกันอยู่หลายวัน สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าตารางใหม่ออกแล้วนะบนเว็ปไซต์ที่เป็นส่วนในภาษาญี่ปุ่น!

จากนั้นเจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็ส่งข้อมูลลิงค์นั้นมาให้เรา เอาล่ะสบายใจได้จริงๆล่ะนะทีนี้ มีตารางออกแล้วที่เหลือก็รอลุ้นเรื่องตั๋วว่าเราจะเป็นผู้โชคดีได้จองซื้อตั๋วที่นั่งได้ตามวันที่เราต้องการหรือเปล่า!!! ก็เท่านั้นเอง หวังว่าช่วงเวลาต้นเดือนมีนาคมแบบนี้ที่ยังไม่เข้าช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวคนคงไม่เยอะหรอก… ก็ต้องมาลุ้นกัน!!!

วันแรกเมื่อถึงสนามบิน หลังจากจัดการสิ่งสำคัญรวมทั้งสัมภาระอะไรต่างๆ เรียบร้อยก็รีบไปสำนักงานของ JR เพื่อจองตั๋วรถไฟในช่วงวันหยุดปลายสัปดาห์ที่จะถึง ผลก็คือเจ้าหน้าที่หันหน้าจอมาให้เราดูแผนผังที่นั่งที่ดูเหมือนถูกจองเต็มไปหมดแล้ว เอาล่ะซิ!!! ในขณะที่ความรู้สึกเริ่มจะ… ก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่พูดขึ้นมา และชี้ว่าตรงนี้มีที่นั่งตรงนี้เหลือพอดี 2 ที่นั่ง กับอีก… 1 ที่นั่งตรงนี้นะ เป็นเสียงแห่งสวรรค์ชัดๆ เลย เอาล่ะตอนนี้บอกได้เต็มที่เลยว่าดีใจมากกกก… โชคดีจริงๆ เลยเรา พอซื้อตั๋วมาได้แล้วก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะเลยล่ะ และเราก็ได้ไปเที่ยวที่อื่นๆ ก่อนวันนั่งรถไฟได้อย่างสบายใจสุดๆ

เรามาถึงคานาซาว่าล่วงหน้าก่อน 1 วัน พอเช้ารุ่งขึ้นเราก็มาสถานีรถไฟ ซึ่ง HANAYOME NOREN จอดรอเราอยู่ที่ชานชาลาหมายเลข 4 ซึ่งถ้าไม่ได้ย้อนดูอัลบั้มรูปที่ถ่ายเก็บไว้ก็ลืมรายละเอียดเรื่องนี้ไปแล้ว แต่โชคดีที่เราบันทึกการเดินทางของเราเสมอด้วยกล้อง Ricoh GR ตัวเก่งของเรา เพราะการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่น มีอุปสรรคเล็กๆ ในเรื่องภาษาที่ไม่คุ้นเคย แต่ก็ยังโชคดีที่ยังมีป้ายแสดงข้อมูลภาษาอังกฤษสลับกับภาษาญี่ปุ่น จึงต้องอาศัยการยกกล้องขึ้นมาช่วยเก็บภาพให้ทัน ซึ่งกล้อง GR ที่คล้องคอไว้ตลอดนั้นสามารถตอบสนองการใช้งานเช่นนี้ได้อย่างฉับพลัน ทำให้ไม่พลาดจังหวะสำคัญๆ ในยามที่เราต้องการตัวช่วย 

รถไฟ HANAYOME NOREN

ที่จริงเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่สามารถทำภารกิจนี้สำเร็จได้ในวันนี้ เพราะการหาช่วงเวลาลงตัวที่จะมาญี่ปุ่นเพื่อสัมผัสประสบการณ์กับ HANAYOME NOREN เป็นความท้าทายในการกำหนดเวลา และลุ้นว่าจะมีที่นั่งให้เราตามต้องการหรือไม่ จึงเป็นเรื่องที่วิเศษสุดที่ได้ทำตามความตั้งใจได้สำเร็จ หรือจะบอกว่าเป็นการเดินทางเพื่อมาตามฝันก็ว่าได้ และพอเราเดินมาเห็นขบวนรถไฟก็เลยรู้สึกเกิดความอิ่มเอมในใจ รถไฟสีแดงสวยงามนั้นจอดรอเราอยู่ที่ชานชาลาหมายเลข 4 มี Noren แขวนอยู่เสมือนเป็นการต้อนรับและอวยพรให้เรา และเมื่อเดินลอดผ่านเข้ามาก็พบกับเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับทักทายช่วยถ่ายรูปให้กับผู้โดยสารคู่กับรถไฟเป็นที่ระลึกก่อนขึ้นรถไฟ วันนี้เป็นเช้าวันที่อากาศสดใสดี จึงเพิ่มความรู้สึกที่ดีมากยิ่งขึ้น เพราะปกติที่คานาซาว่ามักมีฝนตกบ่อยจนมีคำกล่าวว่า “ลืมข้าวกล่องได้ แต่ห้ามลืมร่ม!”

ที่นั่งภายในรถไฟ HANAYOME NOREN

ที่นั่งบนรถไฟถูกจัดเป็นโซน มีรูปแบบที่นั่งหลากหลายรองรับทั้งแบบที่มาคนเดียว มาเป็นคู่ หรือมาเป็นหมู่คณะ โดยออกแบบในแนวคิดที่สื่อถึงความหมายต่างๆ ที่เป็นมงคล นอกจากนี้ยังมีบริการมื้ออาหาร หรือชุดของว่างที่ปรุงโดยเชฟที่มีชื่อเสียง ประเภทของเมนูที่จะเสิร์ฟขึ้นกับรอบเวลาที่เราเดินทาง สามารถดูข้อมูลและสั่งจองได้ล่วงหน้าได้จากเว็บไซต์ สำหรับคนที่ไม่ได้สั่งจองก็ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะบนขบวนรถไฟมีขนม เครื่องดื่ม และของที่ระลึกที่ออกแบบเป็นพิเศษจำหน่ายเฉพาะบนรถไฟเท่านั้น! ซึ่งคนที่ชอบเที่ยวญี่ปุ่นก็คงมีประสบการณ์กันดีว่าความพิเศษเฉพาะนี้เป็นศิลปะที่มักทำให้เราเสียทรัพย์ได้อย่างง่ายดายและเต็มใจ 

การตกแต่งภายในรถไฟ HANAYOME NOREN

ผู้โดยสารสามารถเดินชมการตกแต่งภายในของรถไฟได้ เมื่อรถไฟวิ่งออกไปพักใหญ่ก็จะมีเจ้าหน้าที่นำป้ายที่ออกแบบลวดลายสวยงาม มีลงวันที่ที่เดินทางไว้ เพื่อนำมาเป็นกรอบภาพสำหรับถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก และก่อนที่การเดินทางด้วยขบวนรถไฟสุดพิเศษนี้จะเทียบชานชาลา เราก็เลือกรถไฟจำลองคันเล็กๆ น่ารักๆ ติดมือกลับมาเป็นของที่ระลึกด้วย

ของที่ระลึกที่จำหน่ายบนรถไฟ HANAYOME NOREN

รถไฟค่อยๆ ลดความเร็วลง เมื่อเริ่มเข้าสู่สถานีปลายทาง Wakuraonsen สถานีรถไฟเล็กๆ ที่ดูเงียบสงบ แต่พอรถไฟจอดเทียบชานชาลาก็เห็นทีมเจ้าหน้าที่มายืนรอต้อนรับทักทายผู้โดยสารที่มากับขบวนรถไฟพิเศษนี้ บรรยากาศจึงมีความคึกคักขึ้นเป็นพิเศษ

มองไปที่ทางเข้าสถานีเห็นมีป้ายไฟต้อนรับอีกด้วย ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นที่ดูแล้วคงมาเที่ยวและพักค้างคืนกันที่เมืองออนเซ็นแห่งนี้ ส่วนเราก็ตั้งใจว่าจะเข้าเมืองเพื่อเดินเที่ยวเล่นชมเมืองก่อน…

Wakuraonsen station สถานีปลายทางของรถไฟ HANAYOME NOREN

เราตรงไปที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเพื่อขอข้อมูลการเที่ยวในเมืองนี้ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่ามีการปิดถนนหลักในเมือง เพราะวันนี้มีงานแข่งขันวิ่งมาราธอน การเที่ยวในตัวเมืองจะไม่ค่อยสะดวกนัก เอาล่ะสิ มารู้เอาตอนนี้จะทำไงดีล่ะ

คงต้องปรับแผนเที่ยวใหม่! ดีนะที่เรามักมีแผนสำรอง (แผนสำรอง คือ ที่ที่อยากไปเช่นกัน) จากที่คิดว่าจะเข้าตัวเมืองไปเดินเที่ยวเล่นที่วาคุระออนเซ็นก่อน แล้วถ้ามีเวลาพอเราคิดว่าอยากไปเมืองนานาโอะ (Nanao) ซึ่งมีตลาดปลาที่น่าสนใจอย่างโนโตะโชคุไซอิจิบะ (Noto Shokusai Ichiba) และถนนอิปปอนสึกิโดริ (Ipponsugi Dori) ถนนย่านการค้าเล็กๆ ที่มีอาคารทรงโบราณด้วย แต่พอดูตารางรถไฟที่วิ่งประจำเส้นทางนี้ที่จะไปนานาโอะ เราต้องรออีก 1 ชั่วโมง ส่วนเจ้าหน้าที่ศูนย์การท่องเที่ยวที่สื่อสารได้เพียงภาษาญี่ปุ่น แต่ก็พร้อมให้บริการเต็มที่ (เรารักญี่ปุ่นตรงนี้) รีบบอกเราว่ามีรถเมล์ด้วยการชี้ไปที่รูปรถเมล์ที่ติดบนผนัง เธอก้มมองดูตารางเดินรถแล้วเงยหน้าขึ้นมาให้ข้อมูลกับเราเป็นภาษาญี่ปุ่นไปพร้อมกับทำท่า “วิ่ง” พยายามอธิบาย และชี้ทิศทางไปด้วย และจบลงด้วยการชี้หน้าปัดนาฬิกาบนข้อมือของเธอ ทุกอย่างคือภาพและเสียงในฟิล์มภาษาญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นรวดเร็วฉับพลับ ซึ่งกระตุ้นให้เรารีบประมวลผลข้อมูลด้วยสัญชาตญาณให้เข้าใจโดยเร็วที่สุด และในตอนนั้นพอเข้าใจแล้ว เราก็รีบร่ำลา แต่ไม่ลืมเอ่ยคำขอบคุณเธอเป็นอย่างมากก่อนรีบข้ามถนนขนาดกว้าง 4 เลน และเลี้ยวขวาไปยังป้ายรถเมล์ทันทีตามที่เธอบอก!

เมื่อเราข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้าม และรีบเลี้ยวขวาไปยังป้ายรถเมล์ ในจังหวะนั้นเราเห็นรถเมล์กำลังแล่นตรงมา ทำให้เราต้องวิ่งเร่งสปีดให้เร็วขึ้น แต่รถเมล์ก็แล่นผ่านเราไปพอดี และจอดเทียบป้ายรถเมล์อย่างช้าๆ จนจอดสนิทก็เปิดประตูออกเพื่อรับผู้โดยสาร เราก็วิ่งมาถึงพอดีเลย โชคดีมากที่รถเมล์ที่ญี่ปุ่นมีความนุ่มนวลในการให้บริการ เพราะไม่งั้นเราคงมาไม่ทันแน่ๆ และที่สำคัญอีกอย่าง คือ สัมภาระไม่หนัก ทำให้เรามีความคล่องตัวที่จะเร่งฝีเท้าวิ่งมาได้จนทัน ต่อให้เราพกอุปกรณ์กล้องถ่ายรูปมาด้วย แต่เพราะเราใช้ RICOH GR ที่เป็นกล้องคอมแพคขนาดเล็กคุณภาพสูงก็เลยไม่เป็นภาระ แถมยังถ่ายรูปได้ทุกเวลาที่ต้องการได้สบายๆ ถึงแม้จะเร่งรีบแค่ไหน เราก็ยัง Snap รูปรถเมล์มาได้ด้วยกล้อง Ricoh GR เพื่อเป็นความทรงจำ และระลึกถึงเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นในวันนั้น

แม้แผนการอาจจะไม่เป็นไปตามที่วางไว้ทั้งหมด แต่มันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินทางท่องเที่ยวเอง แถมเรายังมีกล้องขนาดเล็กคุณภาพดีๆ อย่าง Ricoh GR ที่ช่วยเราบันทึกภาพสวยๆ แล้วกลับมานั่งชื่นชมภาพการเดินทางได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งตอนนี้ไปญี่ปุ่นไม่ได้ด้วย การได้มาดูรูปก็รู้สึกได้ชดเชย และเติมเต็มความฝันที่จะวางแผนทริปครั้งหน้า แม้จะยังไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ก็ตาม แต่ก็มีความสุขและมีความหวัง ดั่งคำกล่าวที่ว่า…ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง

ตอนหน้าเราจะเล่าเรื่องที่ได้ไปเดินเที่ยวที่ นานาโอะ เมืองที่เงียบสงบ ซึ่งการได้พบปะผู้คนที่นี่ทำให้เราได้สัมผัสถึงความใจดีมีน้ำใจที่เป็นความน่ารักแบบเฉพาะของคนญี่ปุ่นที่ขาดหายไปมากตามเมืองขนาดใหญ่หรือแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ดังนั้นช่วงเวลาสั้นๆ ในนานาโอะได้สร้างความประทับใจให้กับเรา จนอยากออกแบบเส้นทางการเดินทางเพื่อจะกลับไปท่องเที่ยวอีกสักครั้ง อย่างไรก็ตามขอเชิญติดตามเรื่องราวต่อได้ในครั้งหน้า แล้วพบกันใหม่…สวัสดี

 

ข้อมูลเพิ่มเติมของ HANAYOME NOREN: www.westjr.co.jp/global/en/train/hanayomenoren

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ