บันทึกของคนชอบเที่ยวญี่ปุ่นกับกล้องตัวเล็กพริกขี้หนูคู่ใจ Ricoh GR III

Ricoh GR III
ฉันชอบเดินทางไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น โดยเฉพาะตอนที่ได้นั่งรถไฟ เดินเที่ยวชมตลาด หรือเดินเล่นสำรวจตามตรอกซอกซอยที่มักมีคาเฟ่ แกลเลอรี่ และร้านค้าท้องถิ่นที่น่าสนใจ ไม่ว่าทริปเที่ยวครั้งไหนๆ สิ่งที่ฉันมักจะทำอยู่เป็นประจำคือ “การบันทึก” บางคนถนัดเขียน บางคนก็ชอบวาด และสำหรับฉันที่รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้กดชัตเตอร์ จึงเลือกถ่ายภาพเก็บไว้เสมอ แต่ไม่ว่าวิธีการใดก็ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อบันทึกความทรงจำในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของการเดินทาง เพื่อไม่ให้จางหายไปเช่นเดียวกัน

การถ่ายรูปวิวข้างทางกลายเป็นกิจกรรมใหม่ในการนั่งรถไฟของฉันไปแล้ว ฉันกดชัตเตอร์ขณะที่รถไฟที่กำลังแล่น ในฟังก์ชั่นนี้กล้องทำได้ดีเลยทีเดียว

ระหว่างทางเดินไปศาลเจ้า Ise Jingu แต่ก็ยังให้รายละเอียดในส่วนมืดและสว่างได้ดี   

มีคนเคยบอกว่าถ้าอยากได้ภาพถ่ายที่สวยงามต้องใช้กล้อง DSLR ตัวโตๆ จากประสบการณ์พบว่ากล้องประเภทนี้ไม่ได้ช่วยให้ฉันได้ถ่ายรูปตามที่คิดไว้ อาจเพราะขนาดตัวกล้องที่ใหญ่และมีน้ำหนักมาก ซึ่งกลายเป็นภาระที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนพานให้ความสนุกในการถ่ายภาพลดน้อยลง ครั้นจะใช้สมาร์ทโฟนที่แม้น้ำหนักเบาก็จริงแต่ภาพที่ได้ขาดมิติและเสน่ห์ไป จนกระทั่งได้มารู้จักกล้อง Ricoh GR III จากเพื่อนช่างภาพมือโปร ครั้งแรกที่ได้สัมผัสก็แอบประทับใจในขนาดเล็กจิ๋วมาพร้อมดีไซน์มินิมัลสุดประณีตตามแบบฉบับของคนญี่ปุ่น และพอดีมีทริปจะไปญี่ปุ่นก็เลยได้โอกาสพกไปถ่ายภาพด้วย พอได้เห็นผลงานจากกล้องตัวนี้ก็อดไม่ได้ที่จะนำภาพเหล่านี้มาแบ่งปันให้ทุกคนด้อินไปด้วยกัน ทั้งความคมชัดเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ดี ที่ชอบมากที่สุดคือให้โทนสีของภาพในแบบกล้องฟิล์มที่ฉันชื่นชอบอีกด้วย GR III นี่มันเล็กพริกขี้หนูจริงๆ

บรรยากาศในเมืองโอตารุที่ฉันเดินไปสแนปภาพไประหว่างทาง เป็นภาพน่ารักที่ล้อกันระหว่างชุดที่เป็นลายดอกไม้บรรยากาศในเมืองโอตารุที่ฉันเดินไปสแนปภาพไประหว่างทาง เป็น 2 ภาพน่ารักของต้นไม้จริงที่เลื้อยไปตามตึกมีเส้นสายที่สวยงามภาพสุนัขดวงตาใสซื่อที่น่ารักจนต้องจนเอ่ยปากขอถ่ายรูปขณะที่อยู่บนรถรางของเมืองฮาโกดาเตะ ฉันขยับตัวถอยห่างเล็กน้อยและรีบกดชัตเตอร์ก็ให้ภาพที่คมชัดแม้ว่ารถกำลังวิ่งอยู่

อย่างที่ได้บอกไปตอนต้นว่าฉันมักเก็บความทรงจำทุกทริปการเดินทางด้วยภาพถ่าย และการเดินทางจะไม่สมบูรณ์แบบสำหรับฉันหากปราศจากความอร่อยของอาหารท้องถิ่น จึงเป็นเรื่องที่ต้องหาโอกาสไปลิ้มลองและเก็บภาพความอร่อยกลับมาด้วยเสมอ ไม่ว่าจะร้านริมทางหรือร้านหรู เมื่อได้ลิ้มลองก็ถูกใจจนอยากบันทึกไว้ ซึ่งกล้องตัวนี้ก็เก็บภาพได้น่าประทับใจ รวมถึงบางครั้งที่ฉันกำลังถือขนมก็ยังถ่ายภาพได้ และทำได้ดีจนรู้สึกสนุกสนานกับการถ่ายภาพด้วยมือข้างเดียว อีกทั้งยังสามารถสแนปภาพในระหว่างเดินชมบรรยากาศบ้านเมือง เมื่อเจอเหตุการณ์หรือวิวที่น่าสนใจก็สามารถหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกภาพได้ทันที กล้องตัวนี้จึงตอบโจทย์ฉันมาก เมื่อได้ย้อนกลับมาดูภาพถ่ายก็ชวนให้คิดถึงบรรยากาศดีๆ เหล่านั้น และการที่ได้กลับมานั่งเขียนถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา ก็กระตุ้นให้ฉันอยากวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกแล้ว

Kamameshi ข้าวอบจากร้านดังของหมู่บ้านออนเซ็นอาริมะ โดดเด่นที่ใช้น้ำแร่จากธรรมชาติ รวมถึงเลือกใช้ผักป่าและอาหารทะเลจากเกาะอาวาจิในท้องถิ่นเอง ฟังก์ชั่น Macro Mode ของ GRIII ช่วยให้การถ่ายภาพข้าวอบนี้ง่ายและน่าอร่อยขึ้นเยอะเลยฉันใช้โหมดมาโครถ่ายภาพอุนิที่ Isezushi ถือเป็นความทรงจำที่รสชาติดีสุดๆภาพชานชาลาของสถานีรถไฟ Ise โหมดสี Monotone ของ GRIII เล่าเรื่องราวได้ถูกใจฉันมากเมือง Toyama ในวันฝนตกแต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะออกมาเดินเล่น มือหนึ่งถือร่ม จึงต้องถ่ายภาพด้วยมือข้างเดียว รูปก็ยังชัดดีและสีสวยมาก ระบบกันสั่นก็ช่วยให้ประสบการณ์ออกไปถ่ายรูปด้วย GR III นั้นยอดเยี่ยมเหมือนเคย