Happy Drive Around West Kyushu : ขับรถเที่ยวคิวชูข้ามจังหวัดนางาซากิและซากะแบบมองเขาคู่ทะเลพร้อมเสพงานคราฟต์ 4 วัน 3 คืน
สารบัญ
- Day 1 Saga – Nagasaki | เมือง Imari – Arita – Hasami – Sasebo ไล่ล่างานคราฟต์ขึ้นชื่อที่เมืองดังด้านเซรามิกของญี่ปุ่น
- Day 2 Nagasaki | เมือง Sasebo – Saikai ล่องเรือชมธรรมชาติ ท่องโลกใต้ทะเล และรื่นเริงไปกับสวนสนุกสุดอลังการ
- Day 3 Nagasaki | เมือง Sasebo เอาตัวไปอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติและสัตว์โลกแสนน่ารัก
- Day 4 Nagasaki | เมือง Hirado – Sasebo ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์แบบสนุกและกินของดีแบบจุกๆ ไปเลย
- ตัวเลือกอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- ของฝาก
- ขับรถเที่ยวคิวชูให้สนุกกว่าเดิมกับ Drive Japan West Kyushu
ซาเซโบะ (Sasebo), อาริตะ (Arita), ฮาซามิ (Hasami), ฮิราโดะ (Hirado), ไซไก (Saikai) ฯลฯ อาจจะไม่ใช่ชื่อเมืองท่องเที่ยวในเกาะคิวชูที่คนไทยคุ้นหู ตั้งอยู่ในจังหวัด นางาซากิ (Nagasaki) และ ซากะ (Saga) แต่กล้าบอกเลยว่ามาแล้วต้องร้องโอ้โห เพราะธรรมชาติย่านนี้งดงามไม่แพ้ใคร โดดเด่นเกรียงไกรด้วยวิวเขาและทะเลเคียงคู่ แถมอู้ฟู่วิชางานช่างเครื่องปั้นดินเผาเก่าแก่แต่โบราณ เรื่องอาหารเด็ดดวงทั้งซีฟู้ดและเนื้อวัว ขอแนะนำให้เช่ารถขับเที่ยวจะสะดวกที่สุด เพราะหลายที่อยู่บนเขา รถสาธารณะอาจจะมีไม่มากนัก อีกทั้งยังทอดหุ่ยชมวิวได้นานตามที่ใจต้องการ
คราวนี้เราขอแนะนำแผนเที่ยวแบบ 4 วัน 3 คืนใน นางาซากิ และ ซากะ ที่พาเที่ยวครบของเด็ด The Must แห่งการเดบิวต์ความบันเทิงในแถบคิวชูตะวันตก (West Kyushu) พร้อมแล้วไปเที่ยวพร้อมกันเลย!
Day 1 Saga – Nagasaki | เมือง Imari – Arita – Hasami – Sasebo
ไล่ล่างานคราฟต์ขึ้นชื่อที่เมืองดังด้านเซรามิกของญี่ปุ่น
Okawachiyama Village
เปิดทริปกันที่เมืองอิมาริ จ.ซากะทั้งที ต้องมาที่หมู่บ้านโอคาวาจิยามะ (Okawachiyama Village) เพราะที่นี่คือหมู่บ้านในหุบเขาที่สมัยก่อนมีช่างฝีมือมารวมตัวกันอยู่อย่างลับๆ เพื่อทำเครื่องปั้นดินเผาสำหรับถวายตระกูลโชกุนตั้งแต่อดีต สาเหตุที่ย้ายมาอยู่ในหุบเขาเพราะสมัยที่เซรามิกบูมๆ เรียกได้ว่าการแข่งขันสูงมากจนต้องพายอดฝีมือมาหลบบนเขาเพื่อไม่ให้วิชาและเทคนิคการผลิตรั่วไหล! ส่วนปัจจุบันนอกจากจะมีเซรามิกสวยๆ ให้ชมตลอดทาง มีร้านรวงให้เลือกซื้อมากมาย มีสวนสาธารณะบนเนินชมวิวพาโนรามา บรรยากาศที่นี่ก็ร่มรื่นดีต่อใจ มาช่วงฤดูใบไม้ร่วงคือสวยสะท้านวิญญาณ
Ryusenso Komorebi Café
เที่ยวชมธรรมชาติและงานฝีมือไปแล้ว ลงเขามาต้องแวะจิบกาแฟคั่วเองคู่กับขนมปังโฮมเมดซึ่งใช้ยีสต์ที่หมักเองเพิ่มพลังสักหน่อย Komorebi Café เป็นคาเฟ่ที่อยู่ใน Ryusenso ร้านอาหารดังของท้องถิ่น เขาทำเป็นบ้านไม้อบอุ่นที่มองออกไปเห็นวิวป่าอันเขียวชอุ่ม นอกจากวิวดี อาหารก็ดีมากด้วยล่ะ
Info
Hours: ร้านค้า 11:00-17:00 น., คาเฟ่ 11:30-16:30 น. (L.O.16:00 น.)
Holiday: วันพุธและพฤหัสบดี
Access: ขับรถจากสถานีอาริตะ (Arita Station) ใช้เวลา 10 นาที
Website: ryusenso.jp/komorebi
Gen-emon
Gen-emon เป็นโรงงานเครื่องปั้นดินเผาเก่าแก่ในเมืองอาริตะที่สืบทอดวิชาดั้งเดิมกันมานานและมีมุมขายสินค้าอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เน้นความวิจิตรและแฮนด์เมดตั้งแต่งานปั้นไปจนถึงงานวาดลงสี คุณภาพดีระดับได้ทำให้พระสันตะปาปาใช้มาแล้วตอนมาเยือนญี่ปุ่น! อีกทั้งที่นี่ยังมีโซนสตูดิโองานช่างที่เปิดให้เราเข้าไปชมช่างฝีมือระดับท็อปของญี่ปุ่นทำงานอย่างใกล้ชิด
แม้ที่ผ่านมาเขาจะขายเซรามิกซึ่งใช้เทคนิคที่สืบทอดกันมาเป็นหลัก แต่ตอนนี้เปิดไลน์ใหม่เอาใจวัยรุ่น โดยคอลแลปกับดีไซเนอร์ดังระดับโลกอย่าง nendo! ทาง Gen-emon จะใช้เทคนิคตามขนบมาผสมผสานกับดีไซน์โมเดิร์นแสนยูนีคของ nendo ที่สำคัญราคาเอื้อมถึงได้และมีขายเฉพาะที่เมืองอาริตะเท่านั้น
Info
Hours: จ.-ศ. 8:00-17:00 น., ส.-อา. 9:00-17:00 น.
Holiday: ไม่แน่นอน
Access: ขับรถจากสถานีมิไดบาชิ (Midaibashi Station) ใช้เวลา 5 นาที
Website: www.gen-emon.co.jp
Maruhiro Flagship Store
มารุฮิโระคือเทรดเดอร์ผู้พาการทำเซรามิกแบบดั้งเดิมของฮาซามิมาสู่ความทันสมัย พวกเขาออกแบบเครื่องปั้นดินเผาเก๋ๆ แล้วนำไปให้ช่างฝีมือในท้องถิ่นสร้างสรรค์ขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นงานเซรามิกที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและดีไซน์เต็มเปี่ยม นอกจากนี้ยังทำคอลแลปกับศิลปินต่างๆ เป็นระยะ ใครใจไม่แข็ง แวะมาที่นี่ รับรองได้ของติดมือกลับไปเพียบ
Info
Hours: 10:00-18:00 น.
Holiday: วันหยุดไม่แน่นอน
Access: ขับรถจากสถานีอาริตะ (Arita Station) ใช้เวลา 6 นาที
Website: www.hasamiyaki.jp/flagship-store
Seishun no Sato (Lunch)
กระแส Farm to Table กำลังมาแรง ใครชอบกินอาหารที่ทำมาจากผลผลิตทางการเกษตรในท้องถิ่นควรมาร้าน Seishun no Sato แห่ง Minami-denen คอมเพล็กซ์แสนน่ารัก ที่นี่เน้นใช้วัตถุดิบที่ซื้อจากเกษตรกรโดยตรงและใช้ผักตามฤดูกาล เมนูอาหารมีทั้งญี่ปุ่นและตะวันตก พิซซ่าที่อบในเตาหินคือเมนูยอดฮิตของที่นี่ แต่อาหารญี่ปุ่นอย่างข้าวหมูทอดทงคัตสึหรือแกงกะหรี่อบก็อร่อยมากจริงๆ เก๋สุดคือถ้วยชามต่างๆ คือเครื่องปั้นดินเผาของเมืองฮาซามิไงล่ะ
Info
Hours: 11:30-15:00 น., 17:30-20:00 น.
Holiday: วันพุธ-วันพฤหัสบดี
Access: ขับรถจากสถานีมิคาวาจิ (Mikawachi Station) ใช้เวลา 10 นาที
Website: minami-denen.jp/restaurant
Nishinohara
ที่นี่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่น่ารัก กรุบกริบที่สุดในเมืองฮาซามิ! เขานำสตูดิโอผลิตเซรามิกในอดีตมารีโนเวทเป็นร้านเก๋ๆ เช่น ร้านขายของกระจุกกระจิก Monne Porte และแน่นอนว่ามีหลายร้านที่ขายงานเซรามิกของฮาซามิซึ่งต่างจากงานของอาริตะตรงที่ดีไซน์โมเดิร์นและรูปทรงเน้นใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่า เช่นร้าน Minami Souko นอกจากนี้ยังมี Isozaki Coffee Shady ร้านกาแฟ่คั่วเองที่สืบทอดกิจการมาจากรุ่นพ่อ และ Kourigama Ice Kometama ร้านไอศกรีมที่ทำสดให้ลูกค้าใหม่ๆ ตามออเดอร์
Info
Hours: แตกต่างกันไปในแต่ละร้าน
Holiday: แตกต่างกันไปในแต่ละร้าน
Access: ขับรถจากสถานีอาริตะ (Arita Station) ใช้เวลา 15 นาที
Website: 24nohara.jp
Onigi Tanada
โอนิกิทานาดะเป็นนาขั้นบันไดชื่อดังของเมืองฮาซามิ ความสวยงามทางธรรมชาติไม่ต้องพูดถึง แจ่มว้าวด้วยสีเขียวของไร่นาที่มองแล้วสบายใจ จุดเด่นของที่นี่ไม่ใช่ “ไร่นา” แต่เป็น (หุ่น) “ไล่กา” แห่งเทศกาล Onigi Tanada ซึ่งจัดทุกปีในเดือนกันยายน จะมีการนำหุ่นไล่กาแฮนด์เมดมาจัดแสดง ถ้ามาช่วงงานเทศกาล รับรองจะได้เห็นทุ่งนาที่เต็มไปด้วยหุ่นไล่กาดีไซน์เก๋ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งอาจจะไล่กาสำเร็จ แต่ดึงดูดมนุษย์ให้ไปชมสุดๆ
Brick Mall Sasebo (Crossroads Coffee+Little Bake)
คอมมูนิตี้มอลล์เล็กๆ แห่งนี้เหมาะเป็นที่พักผ่อนเบาๆ ระหว่างทริปมาก มีทั้งร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ ร้านขายเสื้อผ้าตะวันตกต่างๆ ให้เลือกตามใจชอบ บรรยากาศตกแต่งแบบปูนเปลือยผสมอิฐแดงเก๋ๆ พื้นที่โอ่โถงแถมมีโซฟานุ่มวางให้นั่งพักตามอัธยาศัย จะซื้อกาแฟจากร้าน CROSSROADS COFFEEหรือขนมจาก Little bake มานั่งกินก็ได้
Info
Hours: แตกต่างกันไปในแต่ละร้าน
Holiday: แตกต่างกันไปในแต่ละร้าน
Access: เดินจากสถานีซาเซโบะ (Sasebo Station) ใช้เวลา 7 นาที
Website: www.facebook.com/brickmallsasebo
Sunset at Ishidake Observatory
Kujukushima คือชื่อเรียกหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 200 เกาะที่กระจายตัวอยู่ในระยะ 25 กม. ของอ่าวซาเซโบะทำให้เกิดทิวทัศน์ที่งดงามมาก ดังนั้นการชมวิวแบบพาโนรามาจึงเป็นเรื่องที่พลาดไม่ได้ เราเลือกมาที่ Ishidake Observatory ซึ่งตั้งอยู่บนเขาอิชิดาเกะตอนเย็น เพราะนอกจากจะได้ชมเกาะและทะเลสวยๆ จะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ด้วย แสงส้มสะท้อนกับสีฟ้าของน้ำทะเลช่วยยกระดับความสวยของที่นี่ขึ้นไปอีก สวยระดับหนังฮอลลีวูดเรื่อง The Last Samurai ยังมาถ่ายทำที่นี่เลย!
ภาพ: 佐世保観光コンベンション協会提供
Info
Hours: เปิด 24 ชั่วโมง
Holiday: –
Access: นั่งแท็กซี่สถานีซาเซโบะ (Sasebo Station) ใช้เวลา 15 นาที หรือ นั่งรถบัส 25 นาทีมาลงป้าย Doushokubutsuenmae เดินต่ออีก 10 นาที (รถคันที่ไป Shimofunakoshi ที่ผ่าน Doushokubutsuenmae หรือรถที่ไป Tenkaiho ที่ผ่าน Doushokubutsuenmae)
Website: www.city.sasebo.lg.jp/tosiseibi/kouenk/ishidake.html
Agodashi Ramen (Dinner)
ราเมนขึ้นชื่อของคิวชูต้องซุปทงคตสึหรือซุปต้มกระดูกหมู แต่ถ้ามาเมืองซาเซโบะ อยากให้เปิดใจลองอาโกะดาชิราเมนของเมืองซาเซโบะ เพราะที่นี่เขาเก๋กว่าเพื่อนด้วยราเมนซุปที่ทำจาก “ปลา” มีความหอมและรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมไปอีกแบบ เช่น ร้าน Ago Ramen Hompo
Info
Hours: ศ.-ส. 21:00-1:00 น.
Holiday: วันอาทิตย์-วันพฤหัสบดี
Access: เดินจากสถานีซาเซโบะชูโอ (Sasebo-Chuo Station) ใช้เวลา 4 นาที
Day 2 Nagasaki | เมือง Sasebo – Saikai
ล่องเรือชมธรรมชาติ ท่องโลกใต้ทะเล และรื่นเริงไปกับสวนสนุกสุดอลังการ
Kujukushima Pearl Sea Resort (Kujukushima Yatch Sailing & Umi Kirara Aquarium)
เมื่อวานชมวิวเกาะ Kujukushima จากที่สูงไปแล้ว วันนี้เรามาล่องเรือชมแบบใกล้ชิดกันบ้าง Kujukushima Pearl Sea Resort เป็นท่าเรือที่มีทั้งพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึกและแน่นอนว่ามีเรือหลายรูปแบบให้เราเลือก ทั้งเรือใหญ่ เรือเล็กแบบชิลล์ๆ และเรือยอร์ชที่เก๋สุดๆ แถมราคาถูกกว่าเมืองไทย (บางช่วงมีนั่งเรือยอร์ชชมพระอาทิตย์ตกดินด้วยนะ ดีงามมาก) โดยทั่วไปเรือ 1 รอบใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ใครถนัดพายเรือก็มีคายัคให้เช่า รอบเรือสามารถติดตามได้จากเว็บไซต์ซึ่งมีภาษาอังกฤษ ส่วนตั๋วไม่ต้องจองล่วงหน้า มาซื้อที่ท่าเรือได้เลย
ชื่นชมสายน้ำเสร็จแล้วแวะมาชมสัตว์น้ำต่อที่ Umi Kirara พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่อยู่ติดกันซึ่งดีไซน์เท่แถมยังมีสัตว์น้ำมากมาย ดาวเด่นของที่นี่คือแมงกะพรุน! บางสายพันธุ์มีให้ชมที่นี่เท่านั้น เพราะพิพิธภัณฑ์อุมิคิราระเพาะพันธุ์สัตว์น้ำได้ดี เลี้ยงแมงกะพรุนถึง 120 สายพันธุ์ วิธีการนำเสนอก็เก๋ไก๋ นอกจากจะมีในตู้ ยังมีห้อง Jellyfish Symphony Dome ด้วย ดาวเด่นอีกคนคือน้องปลาโลมา โชว์ยาว 20 นาทีของน้องน่ารักและสนุกสนาน ข้อดีคือสามารถชมได้อย่างใกล้ชิดมากเมื่อเทียบกับที่อื่น ส่วนตู้ปลายักษ์ก็เริ่ด ใช้แสงธรรมชาติทั้งหมดแถมพยายามจำลองให้เหมือนทะเลซาเซโบะให้มากที่สุด Umi Kirara ขนาดกำลังดี เดินเพลินๆ ใช้เวลาประมาณ 60-90 นาที
Info
Hours: มี.ค.-ต.ค. 9:00-18:00 น., พ.ย.-ก.พ. 9:00-17:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 1,470 เยน, เด็กอายุ 4 ขวบถึงชั้นมัธยมต้น 730 เยน, เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ฟรี
Access: ขับรถจากสถานีซาเซโบะชูโอ (Sasebo-Chuo Station) ใช้เวลา 10 นาที
Website: pearlsea.jp/en
Big man burger (Lunch)
อาหารขึ้นชื่อของซาเซโบะต้องพูดถึง Sasebo Burger ซึ่งชาวบ้านได้รับเรียนรู้วิธีทำเบอร์เกอร์จากทหารสหรัฐในช่วงปี ค.ศ. 1950 และใช้สูตรนั้นเป็นแรงบันดาลใจในการทำเบอร์เกอร์ เราแวะมากินที่ร้านดังประจำท้องถิ่นอย่าง Big Man ที่เริ่มกิจการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 เราเลือกสาขา Kamikyomachi เพราะเดินทางสะดวกแถมร้านสวย เมนูมีให้เลือกหลากหลาย ให้เครื่องถึงใจ แถมราคาย่อมเยา ราคาเริ่มต้นที่ 350 เยน เราสั่ง Bacon Cheese Burger เมนูฮิตของร้านราคา 700 เยนเท่านั้น
Info
Hours: 9:00-20:00 น.
Holiday: ไม่แน่นอน
Access: ขับรถจากสถานีซาเซโบะชูโอ (Sasebo-Chuo Station) ใช้เวลา 3 นาที
Website: www.sasebo-bigman.jp
Huis Ten Bosch
สำหรับเราที่นี่คือสวนสนุกที่สวยอลังการที่สุดในคิวชู แม้จะไม่มีคาแรคเตอร์ดังเป็นแม่เหล็ก แต่มีเสน่ห์แบบยุโรปอันเป็นเอกลักษณ์ อาคารต่างๆ ถอดแบบมาจากเนเธอร์แลนด์ วัสดุอย่างพื้นหินต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นของนำเข้าจากยุโรปและสร้างได้เหมือนที่ยุโรปจริงๆ แค่เดินชมสวนดอกไม้ที่มักเปลี่ยนไปตามฤดูกาลก็เพลินแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุ่งดอกทิวลิปที่มีกังหันลมเป็นฉากหลัก
Huis Ten Bosch มีความเป็นเมืองมากกว่าสวนสนุก ภายในพื้นที่ที่ใหญ่เท่ากับ 2 โตเกียวดิสนีย์แลนด์ นอกจากจะมีเครื่องเล่นกว่า 40 ชนิดที่หลายอันได้บริษัทเกมส์ดังอย่าง SQUARE ENIX มาช่วยโปรดิวส์ ยังมีร้านอาหาร ร้านขายสินค้ามากมาย เครื่องเล่นยอดนิยมได้แก่ โซน Adventure Park ที่มีกิจกรรมให้ร่วมทำมากมายไม่ว่าจะเป็นซิบไลน์ เครื่องเล่นปีนป่าย และ VR หลายชนิดที่สมจริงและสนุกสุดๆ (ขอแนะนำให้เล่นบันจี้จัมป์ VR สนุกมาก!) ที่นี่มีตู้กาจาปองขนาดใหญ่ยักษ์ที่เราว่าใหญ่ที่สุดในประเทศด้วย!
สำหรับสายมูแนะนำห้อง Ogon no Yakata ที่ทุกอย่างทำจากทอง! ผนังและเพดานแปะทองคำเปลวโดยช่างฝีมือ ซึ่งเชื่อกันว่าจะนำโชคดีมาให้ แถมยังมีทองแท่งของแท้ให้ลองจับด้วย นอกจากนี้ปี ค.ศ. 2021 จะมีโซนใหม่เปิดชื่อ Hikari no Fantasy ภายในมีสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบดิจิตอลมากมายโดยใช้เทคนิคล้ำสมัยหลายอย่าง เช่น NAKED, INC อีกทั้ง Huis Ten Bosch ขึ้นชื่อเรื่อง Illumination อยู่แล้ว การแสดงไฟที่นี่อลังการมากใช้ไฟ LED ทั้งหมด 13 ล้านดวง เยอะที่สุดในโลก! ที่น่าประทับใจกว่าคือค่าเครื่องเล่นเกือบทุกอย่างรวมอยู่ในราคาตั๋ว แค่เดินถ่ายรูปหรือเล่นเครื่องเล่นไม่กี่เครื่องก็คุ้มแล้ว
ที่นี่มีโรงแรมให้เลือกเยอะมาก ถ้าอยากฟินกับการเที่ยวให้สุดๆ แนะนำให้เข้าพักโรงแรม Hotel Amsterdam ที่อยู่ใจกลางโซนเมืองภายในสวนสนุก และถ้าอยากลองใช้เวลาพักผ่อนแบบเดียวกับคนดัง ต้องลองพักที่ Hotel Europe ซึ่งเป็นโรงแรมหรูที่สุดของ Huis Ten Bosch เลย
Info
Hours: จ.-ศ. 10:00-22:00 น., ส.-อา. 9:00-22:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 7,000 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมต้น 6,000 เยน, นักเรียนชั้นประถม 5,000 เยน, เด็กเล็ก 3,500 เยน
Access: นั่งรถไฟ Seasideliner จากสถานีนางาซากิ (Nagasaki Station) มาลงสถานีเฮาส์เทนบอช (Huis Ten Bosch) ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือนั่งรถไฟด่วนพิเศษจากสถานีฮากาตะ (Hakata) มาลงสถานีเฮาส์เทนบอช ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที
Website: www.huistenbosch.co.jp
Day 3 Nagasaki | เมือง Sasebo
เอาตัวไปอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติและสัตว์โลกแสนน่ารัก
Panorama Outdoor Hot Spring
เมื่อคืนเราเลือกนอนที่ Saikaibashi Corazon Hotel รีสอร์ทสุดเก๋ริมทะเลเพราะนอกจากใช้เวลาขับรถจาก Huis Ten Bosch แค่ 10 นาที ยังมีบ่อออนเซ็นกลางแจ้งที่มองเห็นวิวทะเลแบบ Infinity Pool จะหาที่แช่น้ำแร่ดีๆ และชมวิวหมู่เกาะกลางทะเลไปพร้อมกันแบบนี้นั้นเป็นประสบการณ์อันแสนเลอค่า เพื่อเสพวิวสูงสุดเราเลยเลือกมาแช่ตอนเช้า นับเป็นการเริ่มต้นวันที่สบายตัวสบายใจมากเชียว (อาหารที่นี่อร่อยและมีซอฟต์ดริงค์ฟรีที่ล็อบบี้เกือบทั้งวันด้วยนะ)
Info
Access: ขับรถจากสถานีเฮาส์เทนบอช (Huis Ten Bosch) ใช้เวลา 12 นาที
Website: corazon.ooedoonsen.jp
Shinsaikaibashi Bridge
ขับรถมาจากโรงแรมนิดเดียวก็ถึง สะพานชินไซไกบาชิ (Shinsaikaibashi Bridge) ยาว 300 เมตร มีทางเดินใต้ถนนที่รถวิ่งให้เราเดินเล่นชมวิวทะเลในอีกรูปแบบ ตรงกลางทางเดินมีเก้าอี้ให้นั่งพักและข้อมูลการท่องเที่ยวอีกนิดหน่อย ใครใจถึง ลองไปยืนบนพื้นกระจกที่มองลงไปเห็นน้ำทะเลจากระดับความสูง 43 เมตรดูนะ จากตรงนี้สามารถมองเห็นวิวกระแสน้ำวนใต้สะพานไซไคบาชิอันโด่งดังได้อีกด้วย
Info
Access: ขับรถจากสถานีเฮาส์เทนบอช (Huis Ten Bosch) ใช้เวลา 11 นาที
Yokoseura Park
สวนโยโกเสะอุระ (Yokoseura Park) เป็นจุดชมวิวทะเลที่มีความเป็นยุโรปหน่อยๆ เพราะปรับให้เข้ากับเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ภายในสวนมีรูปปั้นของ Luís Fróis มิชชันนารีชาวโปรตุเกส จุดชมวิวลักษณะคล้ายโบสถ์ คลังเอกสารที่เป็นจุดให้ข้อมูลความรู้ทางประวัติศาสตร์ และอื่นๆ
Info
Hours: เปิด 24 ชั่วโมง
Holiday: –
Access: ขับรถจากสถานีเฮาส์เทนบอช (Huis Ten Bosch) ใช้เวลา 25 นาที
Saikaidon (Lunch)
มาเมือง Saikai ทั้งทีก็ต้องกินไซไคด้ง! มันคือข้าวโปะวัตถุดิบดีๆ ที่หาได้ในท้องถิ่น ทั้งเนื้อสัตว์และผักสด เช่น ปลาหมึกเอเบสึดาโกะ (Ebesudako) ซีฟู้ดสดจากทะเล วากิวนางาซากิ หมูไซไค เป็นต้น เป็นเมนูที่ร้านในท้องถิ่นช่วยกันคิดขึ้นมา หากินได้เฉพาะย่านนี้เท่านั้น
Nagasaki Biopark
ที่นี่คือสวนสัตว์ที่เราชอบมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเลย บรรยากาศเหมือนได้เดินอยู่ในป่าจริงๆ เพราะต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น มีการขึ้นลงเนินเป็นระยะสนุกสนาน ที่สำคัญมีสัตว์ให้ชมหลายชนิด พระเอกของที่นี่คือเจ้าคาปิบาร่า ที่มักจะลงไปแช่บ่อน้ำร้อนกลางแจ้งโชว์เราในช่วงฤดูหนาว แพนด้าแดงก็น่ารัก จิงโจ้ก็คึกคัก และยังมี Paw โซนสัตว์เลี้ยงก็น่าสนใจ เราสามารถไปเล่นกับน้องหมาหรือกระต่ายได้ราวกับเป็น Pet Café ที่นี่กว้างขวางมาก ประมาณ 300,000 ตร.ม. มีเรือนนกระจกดอกไม้ให้ดูด้วย อยู่ได้เพลินๆ ทั้งวัน
Info
Hours: 10:00-17:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 1,700 เยน, นักเรียนชั้นมัธยม 1,100 เยน, เด็กเล็ก 800 เยน
Access: นั่งรถชัตเทิลบัสรับส่งฟรีจากสถานีเฮาส์เทนบอช (Huis Ten Bosch) มีวันละ 3 รอบ จองที่นั่งทางเว็บไซต์หรือโทรศัพท์
Website: www.biopark.co.jp
Onyoku Musuem
Onyoku Musuem ตั้งอยู่ในภูเขาอันเงียบสงบ เป็นอาคารไม้ที่ใช้อดีตตึกเรียนของโรงเรียนประถมทำเป็นพิพิธภัณฑ์เสียงดนตรี ช่วงนี้แผ่นเสียงกลับมาฮิตอีกครั้ง คนที่สะสมต้องรักที่นี่มากแน่ๆ เพราะที่นี่มีแผ่นเสียงมากถึง 160,000 แผ่น ซึ่งเป็นของที่รวบรวมมาตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1970 นอกจากนี้ยังมีเครื่องเสียงวินเทจต่างๆ มากมายที่สามารถเข้าไปดูใกล้ๆ ได้ ราวกับเป็นคลังสมบัติลับของเสียงดนตรีจากอดีต
Info
Hours: ศ.-พ. 10:00-18:00 น.
Holiday: วันพฤหัสบดี, 29 ธ.ค.-3 ม.ค.
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 750 เยน, นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น 320 เยน, เด็กเล็ก ฟรี
Access: ขับรถจากสถานีเฮาส์เทนบอช (Huis Ten Bosch) ใช้เวลา 38 นาที
Website: onyoku.org
Fish Bus Stop
ขับยาวๆ ข้ามไปยังเกาะคากิโนะอุระ (Kakinoura Island) เพราะเกาะนี้มีน้องปลายักษ์สีแดงที่โด่งดังเป็นไวรัลในเน็ตรอเราอยู่ น้องที่ว่านั้นคือน้องปลาที่ป้ายรถประจำทางซึ่งอ้าปากกว้างให้เป็นที่นั่งพัก ในเกาะนี้ยังมีน้องปลากระจายตัวอีกกว่าพันแห่ง การขับเจอตัวอื่นๆ โดยบังเอิญก็สนุกดีนะ
33rd Parallel North Observatory
ไหนๆ ก็มาทิศนี้แล้ว ขอข้ามสะพานมาอีกเกาะที่มีชื่อว่าซากิโตะ (Sakito Island) จุดชมวิวของที่นี่ตั้งอยู่ที่ Latitude 33 ชิดริมขอบเกาะมากที่สุดจึงสามารถชมวิวแบบ 360 องศา วิวฟ้ากับน้ำไล่ระดับสีฟ้าก็สวย แต่พระอาทิตย์ตกดินก็สวยไม่แพ้กัน
Info
Hours: เปิด 24 ชั่วโมง
Holiday: –
Access: ขับรถจากสถานีเฮาส์เทนบอช (Huis Ten Bosch) ใช้เวลา 47 นาที
Day 4 Nagasaki | เมือง Hirado – Sasebo
ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์แบบสนุกและกินของดีแบบจุกๆ ไปเลย
Eikyuzan Jufuku Temple
มาไหว้พระที่วัดนี้ นอกจากจะได้สิริมงคลยังได้ชมวิวใบไม้แดงที่สวยแปลกตาสุดๆ ในอาคารหลักเก่าแก่อายุ 300 ปีของวัด มีห้องที่ติดกับสวนญี่ปุ่นซึ่งใบไม้เปลี่ยนสีสวยมาก ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิทางวัดยังช่างคิดนำเสื่อทาทามิออกแล้วปูแผ่นอะคริลิกแทนเพื่อให้เกิดเงาของทิวทัศน์สะท้อนสวยแบบดับเบิ้ล ซึ่งเขาได้ไอเดียมาจากตอนจิบชาที่ห้องนี้แล้วเห็นเงาสะท้อนของต้นไม้บนโต๊ะ ที่นี่เปิดให้ชมปีละ 2 รอบคือฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง รอบละราว 10 วันเท่านั้น เพราะอยากจะโชว์เฉพาะช่วงที่สวยที่สุดจริงๆ ราคาค่าเข้าชม 500 เยน
Info
Hours: 9:00-17:00 น.
Holiday: ไม่แน่นอน
Entrance Fee: 500 เยน
Access: เดินจากสถานีเอมุคาเอชิกามาจิ (Emukaeshikamachi Station) ใช้เวลา 10 นาที
Hirado Castle
ปราสาทฮิราโดะถือว่าได้โลเคชั่นเก๋มากเมื่อเทียบกับเพื่อนปราสาทด้วยกันเพราะตั้งตระหง่านอยู่บนเนินติดทะเล เห็นวิวหมู่เกาะน้อยใหญ่สวยๆ ภายในปราสาทมีวัตถุโบราณหลายอย่างของตระกูลมัตซึอุระ ซึ่งเป็นผู้สร้างปราสาทแห่งนี้ในปี ค.ศ. 1599 ที่ตั้งดีขนาดนี้ เชื่อว่าหลายคนฝันจะได้นอนปราสาทสักครั้ง ฝันคุณเป็นจริงแล้ววันนี้! เพราะปราสาทฮิราโดะมีเรือนเล็กที่เขาปรับปรุงให้เป็นวิลล่าหรูอยู่เพลินพร้อมอาหารและประสบการณ์แบบเวรี่เจแปนนีส มีการแสดงให้ชม มีคลาสสอนขี่มา เคนโด้ ฯลฯ เรียกได้ว่า ได้สัมผัสชีวิตเจ้าของปราสาทเบาๆ สนนราคาคืนละ 600,000 เยน/หลัง พักได้สูงสุด 5 คน
Info
Hours: 8:30-17:30 น.
Holiday: 30-31 ธ.ค.
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 510 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมปลาย 300 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมต้นและประถม 200 เยน
Access: ขับรถจากสถานีนิชิทาบิระ (Nishi-Tabira Station) ใช้เวลา 10 นาที
Hirado Dutch Trading Post
เนื่องจากฮิราโดะเป็นเมืองท่าที่ค้าขายกับตะวันตกเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนเธอร์แลนด์ Hirado Dutch Trading Post แห่งนี้จึงเป็นที่เก็บรวบรวมข้อมูลความสัมพันธ์เนเธอแลนด์-ญี่ปุ่นตลอด 400 ปี ใครสนใจประวัติศาสตร์ลองเข้าไปชมด้านใน แต่ถ้าชอบสถาปัตยกรรมสวยดูจากด้านนอกก็ได้ เมื่อหันไปมองฝั่งตรงข้ามจะเจอปราสาทฮิราโดะตั้งเด่นสวย
Info
Hours: 8:30-17:30 น.
Holiday: วันอังคาร พุธ พฤหัสบดีในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมิถุนายน
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 310 เยน, เด็ก 210 เยน
Access: ขับรถจากสถานีนิชิทาบิระ (Nishi-Tabira Station) ใช้เวลา 11 นาที
Website: hirado-shoukan.jp
Hand & Foot Onsen
เมืองริมทะเลแบบนี้ก็มีออนเซ็นกับเขานะ อะชิยุหรือออนเซ็นสำหรับแช่เท้าแห่งนี้เป็นสาธารณูปโภคที่ทางเทศบาลทำไว้ให้ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวใช้บริการฟรี โดยนำน้ำมาจากแหล่งกำเนิดน้ำพุร้อนที่อยู่ในตัวเมือง ใครขี้เกียจถอดถุงเท้าแช่แค่มือก็ได้ เขามีอ่างสำหรับแช่มือเตรียมไว้ด้วย (ป.ล. ผ้าขนหนู/ทิชชู่ต้องพกมาเองนะ)
Info
Hours: จ. 12:00-21:00 น., อ.-อา. 8:00-21:00 น.
Holiday: –
Access: ขับรถจากสถานีนิชิทาบิระ (Nishi-Tabira Station) ใช้เวลา 10 นาที
Hirado Wagyu Yakiniku Suzu (Lunch)
อาหารขึ้นชื่อของเมืองฮิราโดะคือ เนื้อวากิว! วัวฮิราโดะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีท่ามกลางธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ของที่นี่ จุดเด่นคือความนุ่มและความหวานของเนื้อ! เราแวะมากินข้าวเที่ยงที่ร้าน Hirado Wagyu Yakiniku Suzu เพราะเป็นร้านดังในท้องถิ่นในราคามิตรภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกลางวัน Hirado Gyu Yakiniku Set ราคา 2,000 เยนเท่านั้น หรือจะสั่งเนื้อมาย่างเองก็ได้ คารุบิชั้นดีราคาเริ่มต้นที่จานละ 1,400 เยน
Info
Hours: พฤ.-อ. 11:30-15:00 น., 17:00-22:00 น.
Holiday: วันพุธ
Access: ขับรถจากสถานีนิชิทาบิระ (Nishi-Tabira Station) ใช้เวลา 10 นาที
Wagashi Tsutaya
อาคารไม้สวยๆ แห่งนี้คือร้านขนมญี่ปุ่นที่มีอายุกว่าร้อยปี! และเป็นสาขาใหญ่สุดของร้าน Tsutaya สร้างขึ้นตั้งแต่ 500 ปีที่แล้ว มีขนมสไตล์ญี่ปุ่นให้เลือกมากมาย ขนมขึ้นชื่อของทางร้านคือ Casdoce ซึ่งลักษณะคล้ายเค้กฝอยทอง ซื้อแล้วมานั่งกินพร้อมจิบกาแฟในห้องเสื่อทาทามิก็ได้
Info
Hours: 9:00-19:00 น.
Holiday: –
Access: ขับรถจากสถานีนิชิทาบิระ (Nishi-Tabira Station) ใช้เวลา 9 นาที
Website: www.hirado-tsutaya.jp
Kawachi Toge Pass
สายถ่ายรูปลงไอจีห้ามพลาดที่นี่ สันเขาคาวาจิโทเกะตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองฮิราโดะ มีต้นซึซึกิปลิวไสวอยู่บนเนินสูงที่เราสามารถชมวิวหมู่เกาะและท้องทะเลสุดลูกหูลูกตาได้อย่างเพลิดเพลิน จะมองทางซ้ายหรือขวา ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ตรงหน้านั้นสวยจนแทบลืมหายใจ
Kasuga Village
ในเมืองฮิราโดะมี World Heritage กับเขาด้วยนะ! Kasuga Village ได้รับการขึ้นทะเบียนด้วยคุณค่าทางธรรมชาติและวัฒนธรรมเพราะอดีตเคยเป็นชุมชนลับของชาวคริสต์สมัยที่การนับถือศาสนาคริสต์เป็นเรื่องต้องห้าม แลนด์สเคปของที่นี่ยังคงถูกรักษาไว้เหมือนเดิมกับสมัยก่อน เราสามารถเรียนรู้เรื่องราวในอดีตได้ที่ Information Center ซึ่งมีอาสาสมัครประจำอยู่เสมอ มีที่นั่งให้พักจิบชากินขนมฟรีด้วย ถ้าอยากชมวิวไร่นาขั้นบันไดที่มองเห็นทะเล แนะนำให้เดินไปที่ Maruo-yama เหนื่อยนิดหน่อยแต่คุ้มค่า มีจุดชมวิวไร่นาอันสมบูรณ์ทอดตัวยาวไปฝั่งทะเลสวยงามมาก
Info
Hours: 8:30-17:30 น.
Holiday: 31 ธ.ค.-3 ม.ค.
Access: ขับรถจากสถานีนิชิทาบิระ (Nishi-Tabira Station) ใช้เวลา 27 นาที
Website: www.city.hirado.nagasaki.jp
Ikitsuki Sunset Way (Sunset Drive)
ขับรถออกมาอีกสักพักใหญ่ก็มาถึง Ikitsuki Sunset Way (เส้นทางนี้เริ่มต้นตั้งแต่ขับข้ามสะพานอิคิซึกิมาจากเกาะฮิราโดะ) ขับรถเลียบทะเลชมวิวสวยสองข้างทางท่ามกลางอาทิตย์อัสดง ที่นี่พิเศษกว่าถนนอื่นตรงที่มีทั้งวิวภูเขาและทะเลให้ชมพร้อมๆ กัน ไม่น่าแปลกใจที่บริษัทรถยนต์หลายเจ้ามาถ่ายโฆษณาโทรทัศน์ที่นี่
Shopping Street
วันสุดท้ายต้องช็อปสักหน่อย ถ้าชอบเดิน Shopping Street สไตล์ญี่ปุ่น แนะนำ Saruku City 403 Arcade ในเมืองซาเซโบะ เพราะมีร้านค้าในท้องถิ่นมากมาย จะแปลกตาจากเมืองใหญ่อย่างโตเกียว แต่ถ้าอยากได้สินค้าแบรนด์ดัง อย่าง MUJI, ABC-Mart, Tsutaya ต้องแวะห้าง Gobangai ซึ่งโลเคชั่นดีมาก ติดทะเล ชมวิวเดินเล่นได้เพลินๆ
Info
Hours: แตกต่างกันไปในแต่ละร้าน
Holiday: แตกต่างกันไปในแต่ละร้าน
Access: เดินจากสถานีซาเซโบะชูโอ (Sasebo-Chuo Station) ใช้เวลา 5 นาที
Hachi no Ya (Dinner)
อาหารขึ้นชื่ออีกอย่างของเมืองซาเซโบะคือ Lemon Steak! เนื้อชั้นดีจะถูกเสิร์ฟมาบนกระทะร้อนที่มีเลมอนฝานบางๆ วางอยู่ด้านบน ราดซอสเลมอนที่รสเข้มข้นหวานเค็มกลมกล่อมติดเปรี้ยวนิดๆ กำลังดี ยิ่งละลายเนยลงไปด้วยยิ่งเพิ่มความฟิน ในเซ็ตเลือกได้ทั้งข้าวสวยหรือขนมปัง คนในพื้นที่แนะนำมาว่าถ้าเอาข้าวมาคลุกซอสยิ่งอร่อย! ตบท้ายด้วยของหวานขึ้นชื่อประจำร้าน น้องชูครีมไซส์จัมโบ้! ความประเสริฐไม่ได้อยู่แค่ความกรอบเบาของแป้งชู และคัสตาร์ดครีมบางเบา แต่ด้านในมีเซอร์ไพรส์ด้วย นั่นคือผลไม้สดแสนอร่อยนั่นเอง
Info
Hachi no Ya
Hours: 11:30-14:30 น., 17:30-19:45 น. *เฉพาะวันจันทร์ 11:30-14:30 น.
Holiday: –
Access: เดินจากสถานีซาเซโบะชูโอ (Sasebo-Chuo Station) ใช้เวลา 5 นาที
Website: hachinoya.business.site
ตัวเลือกอื่นๆ ที่น่าสนใจ
Togei no Yakata / Hasami Town
สำหรับคนที่ชอบเซรามิก ควรแวะมาที่นี่ด้วย เขามีสวนที่จัดแสดงเตาเผาเซรามิกหลายชนิดจากทั่วโลก ในอาคารที่เป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก็มีโซนสินค้าจากสตูดิโอและช่างในท้องถิ่นอีกมากมาย ถ้าไม่มีเวลาแวะหลายเจ้า ที่นี่ที่เดียวได้ช็อปสินค้าของหลายร้านเลย
Info
Hours: 9:00-17:00 น.
Holiday: 31 ธ.ค.-2 ม.ค.
Access: ขับรถจากสถานีอาริตะ (Arita Station) ใช้เวลา 11 นาที
Website: hasami-kankou.jp
Arita Porcelain Park / Arita Town
ที่นี่ดูยุโรปแต่มีสิ่งที่น่าสนใจของเมืองอาริตะมากมาย มีทั้งร้านขายของฝากขนาดใหญ่ ร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาที่อยู่ด้านในปราสาท ปราสาทนี้สร้างจาก Drawing ของปราสาท Zwinger Palace ของจริง นอกจากนี้ด้านในยังมีสวนโอ่โถงที่ดูยุโรปไม่แพ้กัน ที่นี่เข้าฟรี เสียเงินเฉพาะค่าเข้าพิพิธภัณฑ์
Info
Hours: 9:00-17:00 น.
Holiday: –
Access: ขับรถจากสถานีอาริตะ (Arita Station) ใช้เวลา 8 นาที
Website: www.arita-touki.com
Note: พิพิธภัณฑ์ปิดชั่วคราวเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19
Doya Tanada / Matsu-ura Town
ย่านนี้มีไร่นาขั้นบันไดน่าสนใจเยอะเหลือเกิน Doya Tanada ในเมือง Matsu-ura นับเป็นตัวท็อปของที่นี่เลย แค่อยู่ติดทะเลก็สวยมากอยู่แล้ว วิวพระอาทิตย์ตกดินยิ่งสวยจับใจ เพราะแสงอาทิตย์สะท้อนมายังผิวน้ำบนไร่นาด้วย ราวกับเป็นไร่นากระจก ถ้าอยากชมไร่นาแบบโรแมนติก ขอแนะนำเทศกาล Doya Tanada Fire Festival ที่นำโคม 300 ตัวมาวางประดับเพิ่มความอบอุ่นในหัวใจ
Doya Tanada Fire Festival
Sonogi Green Tea / Higashi-sonogi Town
เฮลโหล นางาซากิไม่ได้มีแต่นาขั้นบันได แต่ก็มีไร่ชาเขียวกับเขานะ แถมเป็นชาเขียวชั้นดีที่ส่งออกไปขายต่างประเทศทั้งยุโรปและอเมริกา เมือง Higashi-sonogi เป็นแหล่งปลูกชาชื่อดังประจำจังหวัด ถ้ามาเดือนพฤษภาคมจะได้เห็นไร่ชาเรียงตัวสวยแบบในโฆษณา แต่ถ้ามาเดือนอื่น แค่แวะมาซื้อชาคุณภาพ ชิมขนมหวานที่ทำจากชาเขียวอร่อยๆ ก็คุ้มแล้ว
Chiwata Station / Higashisonogi Town
สถานีรถไฟ JR Chiwata เป็นสถานีรถไฟริมทะเลที่สวยกรุบกริบที่สุดแห่งหนึ่งเลย สวยแค่ไหน ก็ได้ลงโปสเตอร์โฆษณาของ JR เลยทีเดียว ตัวสถานีอาจจะเล็กแต่ความเป็นบ้านไม้ทำให้ดูมีเสน่ห์เข้ากับบรรยากาศริมทะเลสุดๆ ที่สำคัญ รางรถไฟที่อยู่ติดกับทะเลอย่างใกล้ชิดแบบนี้เป็นวิวที่หาชมยากและถ่ายรูปสวยสุดๆ ความดีงามอีกอย่างของที่นี่คือในละแวกนั้นมีคาเฟ่ให้นั่งส่องรถไฟและทะเลไปพร้อมกันเพลินๆ ด้วย
ของฝาก
ของฝากที่น่าสนใจจากย่านนี้เราคิดว่า…
- Porcelain คือ The Must ไม่ว่าจะสายอาริตะหรือฮาซามิ เดี๋ยวนี้นอกจากดีไซน์จะทันสมัย น้ำหนักเบาไม่เป็นภาระในการเดินทาง แค่ต้อง Handle with Care
- Lemon Steak Sauce ซอสดีมีชัย ใครทำอาหารไม่เก่งแค่ไหนก็รอด ของดีซาเซโบะที่ทั้งถูกปากและถูกใจ
- Kakuni-manju แห่งร้าน Iwasaki Honpo หมั่นโถวไส้หมูสามชั้นเนื้อนุ่มละลายได้รสในปากนี้ ใครได้ลองแล้วยากจะลืม แต่ซื้อกินร้อนๆ เลยที่ร้านก็ดีที่สุด
จบทริปขับรถชิลล์ 4 วัน 3 คืน ได้สัมผัสเสน่ห์เมืองริมท่าและเมืองคราฟต์ของจังหวัด “นางาซากิ” และ “ซากะ” อย่างจุใจ พอได้รู้จักความสวยของเขาที่อยู่คู่ทะเลแบบนี้แล้วก็ติดใจอยากเที่ยวที่สวยแพ็กคู่แบบนี้อีกเรื่อยๆ เลย
ขับรถเที่ยวคิวชูให้สนุกกว่าเดิมกับ Drive Japan West Kyushu
ข่าวดี! ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 ที่จะถึงนี้จะเปิดตัวเว็บไซต์แนะนำการขับรถเที่ยวในจังหวัด นางาซากิ และ ซากะ ของภูมิภาคคิวชูฝั่งตะวันตก พร้อมบอกต่อจุดกินเที่ยว สถานที่พักผ่อน จุดเช่ารถ และข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับขับรถเที่ยวอื่นๆ ที่จะทำให้การท่องเที่ยวในคิวชูสนุกยิ่งขึ้น ซึ่งรองรับถึง 3 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ ญี่ปุ่น และจีน ติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.travel.sasebo99.com/drive/en