จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคโทโฮคุ ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายและอุดมไปด้วยพิพิธภัณฑ์ศิลปะดีๆ ที่รวบรวมงานของศิลปินจากทั่วโลก จากโตเกียวเพียงแค่พก JR East Pass Tohoku Area ก็สามารถนั่งชินคันเซ็นมายังอาโอโมริได้ง่ายๆ และถ้าจะเที่ยวให้ทั่วแนะนำว่าเช่ารถขับนั้นก็สะดวกมากแค่ตั้ง GPS โดยใช้เบอร์โทรศัพท์ของจุดหมายปลายทางก็สามารถไปได้ทุกที่และที่สำคัญวิวระหว่างทางก็สวยจนเพลินเลยล่ะ แพ็คกระเป๋าให้พร้อม แล้วไปเที่ยวอาโอโมริกัน : )

ที่เที่ยว อาโอโมริ (Aomori)

 

01 Oirase Gorge

Oirase Gorge จ.อาโอโมริ (Aomori)

ย้อนกลับไปเมื่อ 200,000 ปีที่แล้ว พื้นที่บริเวณนี้เป็นแหล่งภูเขาไฟที่เกิดการปะทุบ่อยครั้ง ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่และเกิดการกัดเซาะจนกลายเป็นลำธาร Oirase แห่งนี้ ความอุดมสมบูรณ์ทาธรรมชาติของที่นี่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศแวะเวียนมาไม่ขาดสาย เส้นทางเดินเทรลยาวกว่า 14 กิโลเมตร ทำให้เราสามารถเดินลัดเลาะสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ใครที่รักการเดินระยะไกลสามารถมาเดินเล่น ฟังเสียงสายน้ำกันเพลินๆ ได้ เป็นทางตรงเลียบลำธารเรื่อยๆ ไม่ซับซ้อน มีจุดพักเป็นระยะ ระหว่างทางมีน้ำตกอยู่หลายจุด หรือถ้าใครกลัวเดินไม่ไหวก็สามารถขับรถไปตามจุดจอดใหญ่ๆ และแวะเที่ยวเล่นได้เช่นกัน ซึ่งบรรยากาศที่นี่ก็จะเปลี่ยนมู้ดไปตามฤดูกาล

Oirase Gorge

เที่ยว Oirase Gorge

ฉันเริ่มจากจุดพักแรก Yakeyama (ถ้าเห็น Oirase Stream Museum เดินถัดไปอีกนิดก็จะเป็นป้าย Yakeyama) มุ่งสู่จุดพักปลายทาง Nenokuchi สิ่งที่ต้องเตรียมคือรองเท้าที่ใส่สบายที่สุด บวกกับขนมและน้ำดื่มเพื่อเติมพลังระหว่างทาง เพราะบางโซนกว่าจะถึงจุดพักก็ไกลอยู่ ตลอด 14 กิโลเมตร มีจุดที่ไฮไลท์ที่เราอยากแนะนำให้แวะ สำหรับคนที่ไม่เดินเทรลยาวๆ ก็สามารถขับรถเที่ยวแวะได้ 2 จุดใหญ่ๆ ด้วยกันคือ Kumoinotaki Falls และ Choshi-otaki Falls

เดินเที่ยว Oirase Gorge จ.อาโอโมริ (Aomori)

Oirase Gorge อาโอโมริ (Aomori)

 

Kumoinotaki Falls

Kumoinotaki Falls อาโอโมริ (Aomori)

น้ำตกสูงใหญ่ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ชิดติดถนนขนาดนี้ ไม่ต้องเดินไกลเลย ที่มาของชื่อน้ำตกนี้ Kumo แปลว่าก้อนเมฆ เป็นการเปรียบเทียบน้ำตกที่กระทบลงบนหินจะเป็นละอองเหมือนก้อนเมฆนั่นเอง แค่ชื่อก็น่ารักแล้ว เราเดินเข้าไปสำรวจรอบๆ สัมผัสกับความชื้นจากละอองน้ำ เสียงสายน้ำที่กระทบกับก้อนหิน ความเขียวชอุ่ม ทำให้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าที่เดินมาครึ่งค่อนวันได้บ้าง ฉันนั่งสูดอากาศสดชื่นจนเต็มปอด ฟังเสียงจากธรรมชาติเพลินๆ รู้ตัวอีกทีเวลาก็ล่วงเลยไป คงต้องออกเดินทางต่อ ฉันหันไปขอบคุณเจ้าน้ำตกก้อนเมฆที่ช่วยเติมความสดชื่นระหว่างวันให้กัน

 

Choshi-otaki Falls

Choshi-otaki Falls อาโอโมริ Aomori

น้ำตกนี้เป็นจุดที่ทำให้ใครหลายๆ คนอยากมา Oirase ภาพน้ำตกที่ดูนุ่มละมุนในหน้าโบรชัวร์ท่องเที่ยวทำให้ฉันยอมเดินทางมาถึงที่นี่ และก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ สายน้ำสีขาวกระทบกับลำธารที่มีฉากหลังล้อมรอบด้วยต้นไม้สีเขียวสดชื่น ช่วยให้วันร้อนๆ สดใสขึ้นมา ใครที่มาในช่วงใบไม้ร่วงก็น่าจะสวยไปอีกแบบ ความฮอตฮิตของที่นี่สังเกตได้จากผู้คนที่แวะเวียนมาถ่ายรูปด้วยอย่างไม่ขาดสาย ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ต้องมา ใครที่ไม่อยากเหนื่อยเกินไปเริ่มเดินจากฝั่ง Nenokuchi จะใกล้กว่า หรือขับรถมาจอดแวะก็ได้เหมือนกัน

 

แผนที่เส้นทางเดินเทรลที่ Oirase

Oirase route map

 

02 Lake Towada

Lake Towada จ.อาโอโมริ (Aomori)

ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของลำธาร Oirase ห่างจากป้าย Nenokuchi เพียงเล็กน้อยก็จะพบกับทะเลสาบ Towada บริเวณนี้จะเป็นจุดชมวิวทะเลสาบและจุดจอดรถบัส มีร้านอาหารและร้านขายของฝากอยู่บ้างใครที่เดินเหนื่อยมาจาก Oirase ก็แวะมาฝากท้องที่นี่ได้นอกจากนี้ยังมีท่าเรือ Sightseeing Boat สามารถนั่งเรือชมวิวแล้วข้ามไปเที่ยวอีกฟากฝั่งของทะเลสาบได้เหมือนกัน ใครที่อยากมาเดินเล่นรับลมชิลๆ ชมพระอาทิตย์ตก ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่เราอยากแนะนำ

นั่งเรือชมวิว Lake Towada

Lake Towada, Aomori

เที่ยวอาโอโมริ (Aomori)

Info
Lake Towada
Hours : เปิด 24 ชม.
Entrance Fee: ฟรี
Tel. : 0176-75-2425
Website : www.towadako.or.jp/en

 

03 Mt.Hakkoda

เที่ยว Mt.Hakkoda จ.อาโอโมริ (Aomori)

ภูเขา Hakkoda เป็นส่วนหนึ่งในอุทยานแห่งชาติ Towada Hachimantai เป็นอีกเส้นทางที่สายเดินเขามักจะแวะเวียนกันมาพิชิตความสูง 1,584.4 เมตรจากระดับน้ำทะเล นอกเหนือจากเส้นทางเดินเทรลระยะยาวแล้ว สำหรับนักท่องเที่ยวเวลาน้อยอย่างเรา ก็มีเส้นทางเดินสัมผัสธรรมชาติแบบสั้นๆ ให้ได้เดินเล่นกันอีกด้วย

Mt. Hakkoda Ropeway

โรปเวย์พาเรามาถึง Summit Wood Deck จุดชมวิวจุดแรกที่ทำให้เราเห็นวิวภูเขาในแบบพาโนรามา ความสูงและวิวทิวเขาที่สลับซับซ้อนหลายเลเยอร์ทำให้ฉันใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานพอสมควร เมื่อผ่อนคลายกับจุดชมวิวกันพอสมควรก็ถึงเวลาต้องออกเดินต่อแล้วล่ะ

Summit Wood Deck จุดชมวิวภูเขา Mt.Hakkoda แบบพาโนรามา

ฉันเลือกเดินเส้นทาง Hakkoda Gourd Line แบบระยะทาง 1.8 กิโลเมตร ที่เดินเป็นวงกลม ใช้เวลาประมาณ 60 นาที เส้นทางนี้เราจะได้ชมพื้นที่ลุ่มน้ำ Tamoyachi ที่มีพื้นหลังเป็นทิวเขา Hakkoda ระหว่างทางเดินมีป้ายบอกทางเป็นระยะ เส้นทางเดินง่ายชัดเจนไม่มีหลง ระหว่างทางเราจะได้เห็นพรรณไม้นานาชนิด และดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ตลอดทาง เดินเพลินๆ เผลอแป๊บเดียวเราก็มาถึงจุดชมพื้นที่ลุ่มน้ำ ฉันนั่งเล่นแถวนี้ชมวิวไปสักพัก ก็ออกเดินต่อไปเรื่อยๆ จนวนครบรอบมาถึงจุดขึ้นโรปเวย์ที่เดิม

ดอกไม้บนภูเขา Mt.Hakkoda จังหวัดอาโอโมริ

เส้นทางนี้ถึงแม้จะเป็นระยะสั้นๆ ใช้เวลาไม่มาก แต่วิวระหว่างทางขอบอกเลยว่าสวยทุกจุด และที่นี่สามารถมาเที่ยวได้ในทุกฤดู ใครที่รักการเดินเขาสัมผัสสีเขียวสดชื่นก็ต้องฤดูร้อนนี่แหละ หรือถ้าอยากเห็นวิวใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่คือสุดยอดจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่พลาดไม่ได้เลย เราจะได้เห็นวิวภูเขาสีแดงสลับสีส้มเหลืองไปสุดลูกหูลูกตา และสำหรับฤดูหนาวนั้นจะได้พบ Snow Monster (ปรากฏการณ์น้ำแข็งเกาะต้นไม้หรือที่เรียกกันว่า “จุเฮียว”) กับหิมะที่ปกคลุมไปทั่วภูเขา ใครชอบโทนสีไหนก็ลองเลือกช่วงเวลามาเที่ยวกันได้เลย

Mt.Hakkoda จ.อาโอโมริ (Aomori)

เกือบลืมไป แวะชิมน้ำแอปเปิ้ลอาโอโมริคั้นสด หรือหอยเชลล์ได้ที่หน้าสถานีโรปเวย์นะ อร่อยแหละ ต้องลอง 🙂

น้ำแอปเปิ้ลอาโอโมริคั้นสด หน้าสถานี Mt. Hakkoda Ropeway

Info
Mt. Hakkoda Ropeway
Hours : มีนาคม-ต้นพฤศจิกายน 9:00-16:20 น., กลางพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ 9:00-15:40 น.
Entrance Fee : ไป-กลับ ผู้ใหญ่ 2,000 เยน เด็กต่ำกว่า 13 ปี 700 เยน
เที่ยวเดียว ผู้ใหญ่ 1,250 เยน เด็กต่ำกว่า 13 ปี 450 เยน (เด็กอนุบาลไม่เสียค่าใช้จ่าย)

Tel. : 0177-38-0343
Website : www.hakkoda-ropeway.jp/english

 

Suiren-numa Pond

ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวภูเขา Hakkoda แบบพาโนรามา แต่เป็นมุมมองจากด้านล่าง ทำให้เราเห็นทิวเขาเรียงเป็นแนวนอนยาวออกไป โดยมีสระน้ำเล็กๆ ประกอบฉาก ใครที่ผ่านมาทางนี้เราอยากให้มาแวะถ่ายรูปกัน อยู่ในเส้นทางไปภูเขา Hakkoda เป็นมุมที่สวยไปอีกแบบล่ะ

Suiren-numa Pond จุดชมวิวภูเขา Hakkoda แบบพาโนรามา

 

04 Towada Art Center

Towada Art Center at Aomori

พิพิธภัณฑ์เล็กๆ แห่งนี้อัดแน่นไปด้วยงานศิลปะคุณภาพมากมาย โดยศิลปินชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งคอนเซ็ปต์ของที่นี่คือการผสมผสานกันระหว่างศิลปะกับสถาปัตยกรรม ผลงานหลายๆ ชิ้นนั้นมีวิธีการนำเสนอและการติดตั้งที่กลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของตัวอาคาร ซึ่งเพียงแค่ก้าวเข้ามาในส่วนทางเข้า ดูเผินๆ อาจจะเป็นแค่ทางเข้าพิพิธภัณฑ์ธรรมดา แต่เมื่อก้มมองพื้นห้องก็จะได้สัมผัสกับงานของ Jim Lambie ศิลปินจากสกอตแลนด์ เป็นการใช้เทปไวนิลสีสันสดใสสร้างเป็นแพทเทิร์นทำให้เกิดมิติบนพื้น ซึ่งงานชิ้นนี้สามารถชมจากด้านนอกอาคารได้ด้วย เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่เราได้ยืนซื้อตั๋วบนงานศิลปะแหละ

งานศิลปะภายใน Towada Art Center

ตัวอาคารนั้นเชื่อมด้วยทางเดินผนังกระจก ทำให้เราสามารถชมชิ้นงานต่างๆ ได้จากทั้งในและนอกอาคาร ทั่วทุกมุมแทรกซึมไปด้วยงานศิลปะถาวรจำนวน 38 ชิ้นงาน โดย 33 ศิลปิน ซึ่งนอกเหนือจากชิ้นงานที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์แล้ว ยังมีงานศิลปะกระจายอยู่รอบๆ พิพิธภัณฑ์มากมายรวมถึงงาน Street Furniture จะได้เห็นงานอาร์ตมาเป็นเก้าอี้ดีไซน์เก๋ๆ สามารถมานั่งเล่นพักผ่อนได้อีกด้วย ทั่วทุกอณูของที่นี่คือศิลปะจริงๆ

เดินชมงานศิลปะที่ Towada Art Center จ.อาโอโมริ (Aomori)

งานประติมากรรม ที่ Towada Art Center จังหวัดอาโอโมริ

ฉันเดินชมงานไปเรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลินจนมาถึงชั้นบนสุดของอาคารที่เป็นดาดฟ้า ซึ่งแม้กระทั่งพื้นที่ตรงนี้ก็ยังเป็นชิ้นงานของศิลปินชาวคอสตาริกา ชื่อว่า Federico Herrero เมื่อมาถึงตรงนี้ยืนมองทุกสิ่งรอบตัวจากมุมสูงของอาคาร พลางนึกย้อนไปถึงชิ้นงานต่างๆ ที่ฉันสัมผัสมา ทำให้รู้สึกว่าศิลปะไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือเป็นเรื่องเข้าใจยาก ที่นี่ทำให้งานอาร์ตเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ในชีวิตประจำวัน และสามารถสื่อสารได้กับทุกคน

Towada Art Center อาโอโมริ (Aomori)

นอกเหนือจากการดีไซน์อาคารและคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจแล้ว ชื่อเสียงของศิลปินก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางมาที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น Yoko Ono,Yayoi Kusama, Ron Mueck, Erwin Wurm, Yoshitomo Nara, Choi JeongHwa  และอื่นๆ อีกมากมาย ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเช็คลิสต์ที่หากมีโอกาสได้มาเมืองโทวาดะแล้วต้องมาเยือน

งานศิลปะที่ Towada Art Center จ.อาโอโมริ (Aomori)Info
Towada Art Center
 Hours : 9:00-17:00 น.
Holiday : วันจันทร์
Entrance Fee :  ผู้ใหญ่ Collection: 520 เยน, Exhibition: 800 เยน, Collection + Exhibition: 1,200 เยน, เด็กต่ำกว่า 18 ปี ฟรี
Tel. : 0176-20-1127
Website : www.towadaartcenter.com/en

Kiji’s Picks

Standing Woman by Ron Mueck

ฉันเดินมาถึงที่ห้องแรกของส่วนนิทรรศการเพื่อพบกับงานประติมากรรมของ Ron Mueck หญิงสูงวัยความสูง 4 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่จัดแสดง ฉันยืนมองเธอด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย สีหน้าที่บางมุมก็ดูเศร้าโศก บางมุมก็เหมือนเคร่งเครียดบึ้งตึง ทำให้ฉันยืนจินตนาการว่าอะไรนะที่ทำให้เธอมีสีหน้าแบบนั้น

Standing Woman by Ron Mueck at Aomori

Standing Woman by Ron Mueck - Aomori

Ron Mueck ศิลปินชาวออสเตรเลียที่ผลงานของเขาโดดเด่นในเรื่องของประติมากรรมรูปคนแบบไฮเปอร์เรียลลิซึ่ม เป็นรูปแบบประติมากรรมที่มีความเหมือนจริงทั้งในเรื่องของผิว, ริ้วรอยและส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยงานของรอนมักจะมีสเกลที่แตกต่างจากความเป็นจริง มีทั้งเล็กกว่าขนาดจริงและใหญ่โตมหึมาอย่างงานชิ้นนี้ Standing Woman จึงไม่ได้เป็นเพียงประติมากรรมธรรมดา แต่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ส่งผ่านทางสีหน้าและสายตาของเธอ และมันก็ถูกส่งต่อมายังผู้ชมอย่างฉันเข้าอย่างจัง

งานประติมากรรม Standing Woman by Ron Mueck จ.อาโอโมริ (Aomori)

งานประติมากรรม Standing Woman by Ron Mueck อาโอโมริ (Aomori)

 

Wish Tree for Towada by Yoko Ono

“Wish Tree” เป็นโปรเจกต์งาน Interactive Art (ศิลปะปฏิสัมพันธ์) ของ Yoko Ono ศิลปินชาวญี่ปุ่นชื่อดังและเป็นที่รู้จักในฐานะภรรยาของ John Lennon ซึ่งคอนเซ็ปต์คือการอธิษฐานเพื่อสันติภาพของโลก โดยเชิญชวนผู้คนมาเขียนคำอธิษฐานและนำไปผูกไว้กับ Wish Tree ซึ่งต้นไม้แห่งสันติภาพนี้ถูกกระจายไปตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งต้นไม้ที่ใช้ก็มีหลากหลายชนิดขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้ง และคำอธิฐานก็จะถูกฝังไว้ที่ Imagine Peach เมืองเรคยาวิก ประเทศไอซ์แลนด์

Wish Tree for Towada by Yoko Ono จ.อาโอโมริ (Aomori)

สำหรับ Wish Tree ของที่นี่คือต้นแอปเปิ้ล เพราะเป็นผลไม้ชื่อดังของจังหวัดอาโอโมริ ชิ้นงานถูกตั้งไว้ภายนอกอาคาร และก็สามารถชมจากภายในอาคารผ่านทางเดินเชื่อมกระจกได้เช่นกัน นอกเหนือจากนี้ผลงานของเธอยังมี Riverbed และ Bell of Peace ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กัน ใครที่แวะเวียนไปก็ลองไปอธิษฐานกันได้ ไม่แน่นะ คำขอของพวกเราอาจจะเป็นจริงก็ได้

Wish Tree for Towada by Yoko Ono จังหวัดอาโอโมริ

 

Fat House & Fat Car by Erwin Wurm

Fat House & Fat Car by Erwin Wurm จ.อาโอโมริ (Aomori)

บ้านรูปทรงแปลกประหลาดและรถที่มีรูปทรงผิดเพี้ยนนี้ตั้งอยู่นอกอาคารตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์ ผลงานของศิลปินชาวออสเตรียชื่อดัง Erwin Wurm เป็นประติมากรรมที่ฉีกกฎรูปทรงในแบบเดิมๆ เขาใช้รถยนต์ของจริงนำมาดัดแปลง ส่วนบ้านนั้นทำจากวัสดุ Polystyrene (พอลิสไตรีน) ประกอบขึ้นมา ถึงแม้บ้านและรถนี้จะดูน่าขบขันและผิดเพี้ยนบวมปูดแต่แฝงไปด้วยเรื่องราวเสียดสีสังคม ที่เขาเลือกนำเสนอของสองสิ่งนี้เพราะเป็นสิ่งที่แสดงฐานะทางสังคมในยุคนี้ชัดเจนที่สุดว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนั้นจะต้องมีบ้านและรถ Fat House & Fat Car จึงเป็นสัญลักษณ์ของลัทธิบริโภคนิยมที่ถูกค่านิยมทับซ้อนกันจนบวมอ้วนและล้นออกมา

งานประติมากรรม Fat House & Fat Car by Erwin Wurm

Fat House & Fat Car by Erwin Wurm

Erwin Wurm มักจะใช้ข้าวของในชีวิตประจำวันใกล้ตัวนำมาสร้างสรรค์ผลงานและที่สำคัญผู้ชมสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับชิ้นงานของเขาได้เสมอ ทำให้การเดินดูงานศิลปะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ  ผลงานของเขากระจายตัวอยู่ที่หอศิลป์ชั้นนำทั่วโลกใครที่สนใจก็สามารถแวะเวียนมาชมผลงานของเขาได้ที่นี่เช่นกัน

งานประติมากรรม Fat House & Fat Car by Erwin Wurm ที่ อาโอโมริ (Aomori)

 

05 Aomori Museum of Art

พิพิธภัณฑ์ศิลปะประจำจังหวัดอาโอโมริแห่งนี้เต็มไปด้วยผลงานศิลปะของศิลปินที่มีชื่อเสียงมากมายอาทิ Yoshitomo Nara ศิลปินร่วมสมัยชาวอาโอโมริอันโด่งดัง เจ้าของผลงานเด็กหญิงตาโตหน้าบึ้ง หรือน้องหมาหน้าตาง่วงๆ ที่หลายคนอาจจะคุ้นตามาบ้าง หรือ Marc Chagall ศิลปินชาวยิว-รัสเซีย ที่โดดเด่นทั้งงานภาพจิตรกรรมและงานประดับกระจกสี และ Shiko Munakata ศิลปินผู้เชี่ยวชาญงานภาพพิมพ์ชาวอาโอโมริอีกเช่นกัน

พิพิธภัณฑ์ศิลปะประจำจังหวัด อาโอโมริ

ตัวอาคารนั้นดีไซน์โดยสถาปนิก Aoki Jun โดยได้แรงบันดาลใจจาก Sannai-Maruyama แหล่งประวัติศาสตร์ที่อยู่ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์ โดยใช้สีขาวเป็นหลัก

ชมงานศิลปะที่ Aomori Museum of Art

พิพิธภัณฑ์ศิลปะ จ.อาโอโมริ

พื้นที่จัดแสดงงานมีหลายโซนด้วยกัน ใครที่สนใจอยากมาเที่ยวชมอยากให้เผื่อเวลาไว้สักหน่อยเพราะที่นี่มีสิ่งที่น่าสนใจหลายจุดเช่นกัน เริ่มจาก Aleko Hall จุดศูนย์กลางของพิพิธภัณฑ์ เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่จัดแสดงผลงานของ Marc Chagall ภาพวาดที่มีสีสันและลายเส้นเป็นเอกลักษณ์ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นภาพประกอบฉากบัลเล่ต์เรื่อง Aleko ที่อดไม่ได้จะหยุดดู

ผลงานของ Marc Chagall ที่ Aomori Museum of Art

ผลงานของ Yoshitomo Nara

และโซนที่เป็นไฮไลท์ที่ใครมาต้องแวะไปหาคือ Aomori-ken รูปปั้นน้องหมาหน้าง่วงสูง 8.5 เมตร ผลงานของ Yoshitomo Nara ความพิเศษคือเราจะได้สัมผัสอารมณ์ของน้องที่จะเปลี่ยนไปตามสภาพแสงและฤดูกาล ทางเดินไปเข้าไปชมอาจจะซับซ้อนสักนิด แต่ไม่ต้องห่วงเพราะทางพิพิธภัณฑ์มีแผนที่แจกและป้ายบอกทางชัดเจน นอกเหนือจาก Aomori-ken แล้วยังมีผลงานของ Yoshitomo Nara อีกมากมายทั้งในและนอกอาคาร ใครเป็นแฟนผลงานของเขาจะต้องรักที่นี่แน่นอน บอกเลยว่าคุ้ม น่าเสียดายที่พื้นที่ในอาคารจะถ่ายรูปได้บางจุดเท่านั้น แต่ด้านนอกอาคารสามารถถ่ายได้ปกติ ซึ่งขอบอกว่ามีมุมสวยๆ เพียบ ชาร์จแบตเตรียมเมมโมรี่การ์ดให้พร้อมได้เลย

Aomori Museum of Art จ.อาโอโมริ

ผลงานของ Yoshitomo Nara ที่ Aomori Museum of Art

Info
Aomori Museum of Art
Hours : มิถุนายนถึงกันยายน 9:00-18:00 น., ตุลาคมถึงพฤษภาคม 9:30-17:00 น.
Holiday : วันจันทร์ที่ 2 และ 4 ของเดือน, วันที่ 27 ธันวาคมถึง 1 มกราคม
Entrance Fee : ผู้ใหญ่ 510 เยน, นักศึกษาและนักเรียนชั้นมัธยมปลาย 300 เยน, นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น 100 เยน 
Tel. : 0177-83-3000
Website : www.aomori-museum.jp/en/

 

แผนที่เที่ยวอาโอโมริ

แผนที่เที่ยว อาโอโมริคลิกที่รูปเพื่อดาวน์โหลดแผนที่

 

วิธีการเดินทาง

รถยนต์

ถ้าอยากจะเที่ยวอาโอโมริให้ทั่วในเวลาจำกัด รถยนต์ก็ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะที่สุดเพราะบางสถานที่รถสาธารณะไม่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งการเช่ารถในญี่ปุ่นก็แสนจะง่ายดายเพียงแค่เข้าเว็บไซต์ www2.tocoo.jp/th/ ก็สามารถเลือกรถได้ตามความต้องการ มีข้อมูลภาษาไทย ที่สำคัญมีส่วนลดราคาพิเศษเฉพาะผู้อ่านคิจิเพียงใส่โค้ด THKJ24 ก็รับส่วนลดไปเลย 1,000 เยน (อ่านเงื่อนไขและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่) เพียงแค่มีใบขับขี่สากล เท่านี้ก็พร้อมตะลุยเที่ยวสัมผัสธรรมชาติสวยๆ ที่อาโอโมริกันได้เลย

วิธีการเดินทางเที่ยวใน จ.อาโอโมริ (Aomori)

 

รถไฟ

การเดินทางจากโตเกียวสามารถนั่งรถไฟชินคันเซนไปยังจังหวัดอาโอโมริได้ เพียงพกบัตรโดยสาร JR East Pass Tohoku Area ซึ่งสามารถซื้อได้จากประเทศไทยผ่านทาง JTB Thailand อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.jtbthailand.com/th/home/

นั่งรถไฟเที่ยวอาโอโมริ

 

Hotel Metropolitan Sendai

หลับเต็มอิ่ม เดินทางสะดวก ช็อปปิ้งสบาย

Hotel Metropolitan Sendai โรงแรมใจกลางเมืองเซนได

ใครที่กำลังมองหาที่พักในจังหวัดมิยากิอยู่และต้องการพักใจกลางเมืองเซนได มาที่นี่เลย Hotel Metropolitan Sendai โรงแรมที่มีโลเคชั่นเป็นเลิศ เพราะมีทางเชื่อมจากสถานีรถไฟ JR Sendai เข้าถึงตัวโรงแรม สามารถเดินจาก West Exit ของสถานี JR Sendai หรือสถานีรถไฟใต้ดิน Sendai เพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้น ด้วยความที่โรงแรมอยู่ในย่านดาวน์ทาวน์ บริเวณรอบๆ จึงรายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าหลายแห่งให้ช็อปปิ้งอย่างเพลิดเพลิน เช่น S-PAL, Loft, Parco เป็นต้น เดินบนสกายวอร์คไปนิดเดียวก็เชื่อมเข้าถึงตัวห้างเลย จะช็อปหนักแค่ไหนเดินกลับโรงแรมได้อย่างชิลๆ ไม่มีเหนื่อย

ภายในโถง โซนต้อนรับของ Hotel Metropolitan Sendai

ทางโรงแรมมีห้องพักให้บริการหลากหลายรูปแบบ พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทุกคนไม่ว่าจะมาเดี่ยว คู่ หรือมาเป็นครอบครัว หากต้องการความเป็นส่วนตัวมากๆ ขอแนะนำห้อง Executive Twin สุดพิเศษจะอยู่ที่ชั้น 19 และ 20 เท่านั้น ชั้น Executive จะมีประตูรักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าต้องใช้คีย์การ์ดเพื่อผ่านเข้าออก ห้องพักสไตล์โมเดิร์นเรียบหรูโทนสีเข้ม เห็นวิวเมืองเซ็นได มีโต๊ะบิวท์อินตัวยาวที่ใช้วางของหรือนั่งทำงานได้อย่างสบาย ห้องน้ำมีทั้งฝักบัวและอ่างอาบน้ำซึ่งจะอยู่แยกกันกับห้องส้วม ตำแหน่งที่วางเฟอร์นิเจอร์และการแบ่งโซนของห้องน้ำนั้นเป็นการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยในห้องได้อย่างลงตัวและมีประสิทธิภาพมาก ที่สำคัญมีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง อาทิ เครื่องชงกาแฟแคปซูล สมาร์ทโฟน ตู้เซฟคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปอย่างแน่นอน

ห้อง Executive Twin ของ Hotel Metropolitan Sendaiห้อง Executive Twin 

ที่ห้องอาหาร Serenity ชั้น 2 มีอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์สไตล์ญี่ปุ่นและตะวันตกกว่า 80 รายการให้บริการเลือกรับประทานได้ไม่อั้น จ่ายเพิ่มจากราคาห้องเพียงแค่ 2,500 เยนต่อคนเท่านั้น ก็ได้กินอาหารเช้าคุณภาพดีของโรงแรม อิ่มท้องมีแรงพร้อมก่อนออกไปเที่ยวแน่นอน

พื้นที่บาร์ของโรงแรม Hotel Metropolitan Sendai

ได้ยินมาว่าเทปปันยากิที่โรงแรมอร่อยมาก เพราะคัดสรรวัตถุดิบท้องถิ่นมาอย่างดีโดยเชฟมากฝีมือ ถ้ายังไม่เคยลองกินเนื้อเซนไดที่ละลายในปากอยากให้มาลองชิมที่นี่ นอกจากนี้ทางโรงแรมยังมีบาร์และห้องจัดเลี้ยงเหมาะสำหรับการเฉลิมฉลองและทุกโอกาสพิเศษ
คลิกที่นี่เพื่อจองโรงแรม Hotel Metropolitan Sendai
รายละเอียดเพิ่มเติม www.sendai.metropolitan.jp 

 

เช่ารถพร้อมรับส่วนลดกับ ToCoo!

อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นแต่ว่าโลเคชันที่จะไปรถไฟเข้าไม่ถึงรถบัสก็ไม่ผ่าน และอยากจัดทริปเองไม่อยากซื้อทัวร์อีก จะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร เรามีทางออกดีๆ มาแนะนำ ลองขับรถยนต์เที่ยวดูสิจะทำให้ทริปของคุณสะดวกสบายขึ้นมาทันที รู้ไหมว่าการขับรถในญี่ปุ่นง่ายกว่าที่คิดเยอะเพราะที่ญี่ปุ่นถนนหนทางดีมาก กฎจราจรก็เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน ขับรถทางด้านซ้ายของถนน พวงมาลัยคนขับอยู่ทางด้านขวาเหมือนไทยเลยนะ ถ้าอยากมีโรดทริปสุดเจ๋งเป็นของตัวเอง เช่ารถยนต์ขับเที่ยวดูสิเพลินแน่นอน

Tocoo เช่ารถขับในญี่ปุ่น

การเช่ารถยนต์ขับในประเทศญี่ปุ่นต้องทำอย่างไร เตรียมเอกสารอะไรบ้าง ค่าเช่าแพงไหม? เราจะมาตอบทุกคำถามที่ทุกคนสงสัยเกี่ยวกับการขับรถในญี่ปุ่นให้เองการจะขับรถยนต์ในญี่ปุ่นได้นั้นสิ่งแรกที่จะต้องทำจาก

ประเทศไทยไปคือ“ใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศ” ซึ่งสามารถติดต่อทำได้ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 และสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด ใช้เวลาดำเนินการเพียงแค่ไม่ถึง 15 นาที ก็รับใบขับขี่ระหว่างประเทศกลับไปได้เลย รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.dlt.go.th

 

ขั้นตอนการ เช่า-รับ-คืน รถ

ควรเลือกเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถืออย่างที่เราใช้คือ ToCoo! ซึ่งเป็นเว็บไซต์จองรถเช่าสำหรับชาวต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีการทำสัญญากับบริษัทรถเช่ากว่า 55 แห่ง (บริษัทใหญ่ๆ เช่น : TOYOTA, Nippon, Nissan ฯลฯ)  สามารถจองรถเช่าจากสาขาได้กว่า 3,000 แห่งทั่วญี่ปุ่น การจองจะเป็นแบบเรียลไทม์ มีออพชั่นเสริมให้เลือกมากมาย อาทิ WiFi Router และ ETC Card (สำหรับขึ้นทางด่วน) ที่สำคัญมีส่วนลดให้สูงสุดถึง 60% (ถือว่าถูกมากๆ) จองง่ายๆ ผ่านที่นี่ www2.tocoo.jp/th เว็บไซต์ภาษาไทยใช้งานสะดวก เลือกวัน-เวลา-สถานที่รับและจุดคืนรถเมื่อกรอกข้อมูลต่างๆ ในการเช่าเรียบร้อยจะมีอีเมลยืนยันการจองส่งมา วันที่รับรถให้นำบัตรเครดิต ใบขับขี่สากล พาสปอร์ตยื่นให้ กับพนักงานเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนและชำระค่าเช่าก่อนรับรถพนักงานจะพาตรวจสภาพรถภายนอกโดยรอบคันและอธิบายการใช้งานต่างๆ พร้อมกับให้คู่มือการเช่ารถมาด้วย รายละเอียดและข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการเช่ารถ จะอยู่ในคู่มือที่ได้รับมาทั้งหมดเมื่อถึงเวลาส่งรถคืนสิ่งที่ต้องทำก่อนคืนรถคือจะต้องเติมน้ำมันให้เต็มถังและแสดงใบเสร็จค่าน้ำมันให้กับร้านเช่ารถด้วย

 

วิธีใช้ GPS

วิธีใช้ GPS ใน ญี่ปุ่น

ในรถเช่าจะมีเครื่อง GPS มาให้เป็นระบบนำทางสำหรับรถยนต์ทุกประเภทซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ตัว GPS จะเซ็ตโลเคชั่นได้แค่เมื่อรถจอดอยู่เท่านั้น ระหว่างที่ขับรถจะไม่สามารถใช้งานได้ เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุระหว่างขับขี่นั่นเอง อันดับแรกก่อนออกรถต้องตั้งค่าการใช้งานเป็นภาษาอังกฤษก่อน GPS ของญี่ปุ่นใช้งานง่ายมากเพียงแค่ใส่เบอร์โทรศัพท์ของสถานที่ที่ต้องการจะไป GPS ก็จะแสดงโลเคชั่นของที่นั้นๆ ให้เลย เพราะง่ายและแม่นยำกว่ากรอกตัวอักษร *ที่สำคัญเลยผู้ขับขี่ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถยนต์นะ เพราะผิดกฎจราจรของญี่ปุ่น*

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ