เยือนโออิตะคราวนี้นอกจากเราจะพาไปเที่ยวเมืองยอดนิยมของจังหวัด อย่าง เบปปุ (Beppu) และ ยูฟุอิน (Yufuin) แล้ว แต่ก็ได้เพิ่มเมืองเล็กๆ ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยไปนั่นก็คือ ฮิตะ (Hita) เมืองที่เป็นบ้านเกิดของผู้แต่งอนิเมะชื่อดังเรื่อง Attack on Titan

 

Day 1: Hakata → Beppu

เราใช้รถไฟเดินทางเหมือนกับทริปก่อน และแน่นอนว่าต้องใช้ JR Northern Kyushu Rail Pass (Northern Kyushu) ชนิด 3 วัน สนนราคา 10,000 เยน เช่นเดิม ที่ตัดสินใจซื้อก็เพราะว่าพาสนี้ครอบคลุม 3 เมืองที่เราต้องการจะเที่ยว (แต่ก็มีที่ต้องใช้บริการรสบัสบ้าง ส่วนมากจะเป็นการเดินทางในเมืองเบบปุ) สำหรับ JR Northern Kyushu Rail Pass (Northern Kyushu) นั้นหาซื้อได้ง่ายมากแต่ขอแนะนำว่าให้ซื้อก่อนไปญี่ปุ่นเพราะจะได้ราคาประหยัดมากกว่า

เมื่อไปถึงสถานีฮากาตะ (Hakata Station) ให้เอา QR Code ของพาสที่เราซื้อออนไลน์มาไปแลกเป็นบัตรจริงที่ JR Kyushu Ticket Offices ส่วนใครที่อยากสำรองที่นั่ง แนะนำว่าหลังจากได้ตั๋วจริงมาแล้วให้นำไปจองผ่านเครื่องจองตั๋วได้เลย

สำหรับใครอยากนั่งรถไฟสายโรแมนติก Yufuin no Mori เราอยากให้จองล่วงหน้ากันหน่อยเพราะรอบมีจำกัดมาก เพราะอย่างครั้งที่เราไปจะบอกเลยว่าช่วงเช้าแน่นสุดๆ ว่างอีกทีคือบ่าย แนะนำให้เช็คตารางที่เว็บไซต์ของเขาก่อนจะดีที่สุด

เมื่อมาถึงเมือง เบปปุ ใครที่ตั้งใจว่าจะทัวร์บ่อนรก เมื่อออกจากสถานีเบบปุ (Beppu Station) แล้วเดินมายังจุดขึ้นรถบัสหมายเลข 3 มุ่งหน้าสู่คันนาวะออนเซ็น (Kannawa Onsen) จุดหมายที่เราจะได้เห็นนานาบ่อนรก

สำหรับบ่อแรกสุดที่ทุกคนต้องมา! บ่อนรกอุมิ จิโกกุ (Umi Jigoku) เป็นบ่อทะเลสีฟ้า มีเสาโทริอิสีแดงสวยงามเห็นเป็นฉากหลัง หรือใครอยากจะลองต้มไข่ออนเซ็นหรือกินพุดดิ้งจากที่นี่ก็ได้เช่นกัน

ต่อมาเป็นบ่อที่ 2 อยู่ข้างๆ กับบ่อสีฟ้าอุมิ จิโกกุเลย นั่นก็คือบ่อโอนิอิชิ โบสุ จิโกกุ (Oniishi Bozu Jigoku) ซึ่งเป็นบ่อโคลนสีเทาที่มีความร้อนมากถึง 99 องศาเซลเซียส

เดินไปอีกไม่ไกลก็จะเจอกับบ่อที่ 3 อย่างบ่อคามาโดะ จิโกกุ (Kamado Jigoku) เป็นบ่อที่มีบ่อแยกข้างในให้เราชมกันอย่างจุใจไปอีก 6 บ่อ

ส่วนบ่อที่ 4 อยู่ตรงข้ามกันเลย เป็นบ่อโอนิยามะ จิโกกุ (Oniyama Jigoku) ซึ่งใกล้ๆ มีบ่อจระเข้ให้ชมกันด้วย

บ่อที่ 5 เดินมาอีกหน่อย เป็นบ่อสีขาวขุ่นๆ ชิราอิเกะ จิโกกุ (Shiraike Jigoku) ที่มองดูแล้วก็รู้สึกสบายตา

ซึ่งครั้งนี้เราเลือกเที่ยวชมกัน 5 บ่อ เพราะสามารถเดินถึงกันได้เลย ไม่จำเป็นต้องขึ้นรถบัสต่อไปอีก แต่ถ้าใครยังมีเวลา แนะนำไปให้ครบทั้ง 7 บ่อเลยจะดีที่สุด

ถัดมาที่จะพาไปแนะนำคือพิพิธภัณฑ์จิโกคุออนเซ็น (Beppu Kannawa Jigoku Onsen Museum) ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับบ่อสีขาวชิราอิเกะ จิโกกุเลย เพิ่งเปิดทำการไปเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมา นี่เลยเป็นครั้งแรกเลยที่เราได้ลองเข้าไปเยี่ยมชมข้างในพิพิธภัณฑ์กัน สำหรับค่าเข้าราคาผู้ใหญ่นั้นจะอยู่ที่ 1,500 เยน ใครที่สนใจอยากไปชมบ้างสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของเขาได้เลย

ข้างในพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็นทั้งหมด 4 โซน อธิบายความเป็นมาของออนเซ็นที่เราใช้แช่กันทุกวันนี้ มีโซน Stamp Rally ให้เราเลือกปั้มโปสการ์ดฉบับของตัวเองได้ตามใจชอบ และสุดท้ายจะมีป้ายเฉลยว่าที่เราปั้มมาเป็นออนเซ็นที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุใดบ้าง

ก่อนออกยังมีบริเวณห้องนิทรรศการเล็กๆ ให้เราได้ชมกันเพิ่มเติม รวมถึงไอเดียของงานเทศกาลที่สร้างขึ้นมาเพื่อพิพิธภัณฑ์นี้อีกด้วย

 

Day 2: Beppu → Yufuin

วันถัดมาเราเลือกออกเดินทางกันแต่เช้าเพื่อไปเดินเล่นที่เมืองยูฟุอิน โดยออกเดินทางจากสถานีเบปุ (Beppu Station) แล้วเปลี่ยนขบวนที่สถานีโออิตะ (Oita Station) ใช้เวลานั่งรถไฟรวมๆ แล้วประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึง

เบปปุ - ยูฟุอิน - ฮิตะ

เราอยู่ยูฟุอินใช้เวลาเดินเล่นจนถึงประมาณบ่าย 2 กว่าๆ ก็เดินทางกลับไปที่เมืองเบปปุอีกครั้ง ซึ่งขากลับรอบรถไฟที่เราเช็คนั้นไม่ต้องไปเปลี่ยนรถไฟอีก สามารถยิงตรงกลับเข้าเมืองเบปปุได้เลย

เบปปุ - ยูฟุอิน - ฮิตะ

หลังจากที่เรากลับมาถึงก็เดินทางไปต่อยังเฮียวตันออนเซ็น (Hyotan Onsen) ซึ่งเป็นออนเซ็นที่เปิดให้บริการแบบไป-กลับเท่านั้น

เบปปุ - ยูฟุอิน - ฮิตะ

ในครั้งนี้เราขออนุญาตก่อนถ่ายทำและเลือกจองห้องแบบไพรเวทออนเซ็น ห้องแบบกลางแจ้ง เมื่อเข้าไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ด้านทางเข้าก็จะได้รับเซ็ตตะกร้าตามที่เห็นในรูปเลย ข้างในจะมีเหรียญสำหรับใช้หยอดที่ตู้ภายในห้อง (พนักงานจะอธิบายให้ฟังเมื่อรับตะกร้ามา)

เบปปุ - ยูฟุอิน - ฮิตะ

เมื่อใดที่จะเข้าไปใช้บริการในห้องก็ให้นำป้ายมาแขวนไว้ และหลังจากที่เข้าไปก็ให้นำเหรียญที่พนักงานให้มาเมื่อซักครู่หยอดลงไปที่ตู้ข้างกระจก รอไม่นานน้ำออนเซ็นก็จะไหลออกมาลงสู่บ่อ

เบปปุ - ยูฟุอิน - ฮิตะ

บรรยากาศภายในห้องส่วนตัว ถ้าใครมาช่วงอากาศเย็นๆ หนาวๆ ได้แช่ออนเซ็นก็คือฟินมากกกก ซึ่งราคาอยู่ที่ 2,400 เยน (1 ชั่วโมง) เท่านั้น ณ เฮียวตันออนเซ็นแห่งนี้ยังมีบริการอื่นๆ ทั้งอบทรายร้อน ทั้งมีห้องอาหารให้เราได้ทดลองทำจิโกคุมุชิหรืออาหารนึ่งนรกได้เองด้วย เรียกว่าสามารถมาอยู่ได้ทั้งวันเลย ใครที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่นี่

 

Day 3: Beppu → Hita → Hakata

สำหรับวันนี้เราออกเดินทางจากเมืองเบปปุตรงไปยังเมืองฮิตะซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ตรงกลางระหว่างกลับฮากาตะพอดี โดยเมือง ฮิตะ แห่งนี้หลายๆ คนน่าจะเริ่มรู้จักกันบ้างแล้ว เนื่องจากเป็นบ้านเกิดของอาจารย์นักเขียนชื่อดังอย่างอิซายามะ ฮาจิเมะ ผู้เขียนการ์ตูนสุดฮิตอย่าง “Attack on Titan”

เบปปุ - ยูฟุอิน - ฮิตะ

ซึ่งจากเมืองเบปปุเรานั่งรถไฟสาย Nichirin Express Limited ไปต่อที่สถานีโออิตะ (Oita Station) เปลี่ยนเป็นรถไฟสาย Yufu No.2 Express Limited ใช้เวลาทั้งหมดรวมๆ แล้วประมาณ 2 ชั่วโมง

เบปปุ - ยูฟุอิน - ฮิตะ

บรรยากาศบริเวณหน้าสถานีฮิตะ (Hita Station) ซึ่งเราก็จะได้พบกับหุ่นตัวละครในเรื่องผ่าพิภพไททันที่หน้าสถานีด้วย

เบปปุ - ยูฟุอิน - ฮิตะ

วันนี้เราจะมาเช่าจักรยานปั่นไปเที่ยวย่านมาเมดามาจิ (Mamedamachi) ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากประมาณ 1 กิโลเมตรจากสถานี แต่อยากแนะนำให้ทุกคนได้เช่าจักรยานปั่นกันดู เพราะจะได้ความรู้สึกคนละแบบ แถมยังสดชื่นรับได้ลมเย็นฟินๆ อีกด้วย

สำหรับค่าเช่าก็เริ่มตั้งแต่ 300 เยน และเพิ่มขึ้น 200 เยน ทุกๆ ชั่วโมง แต่ถ้าจะเช่าเกิน 5 ชั่วโมงแนะนำเป็นเช่าเรทราคาทั้งวันจะคุ้มกว่า

เบปปุ - ยูฟุอิน - ฮิตะ เบปปุ - ยูฟุอิน - ฮิตะ เบปปุ - ยูฟุอิน - ฮิตะ

บรรยากาศภายในเมืองมาเมดามาจิ ก็จะเป็นสไตล์ลิตเติลเกียวโตของโออิตะ เป็นเมืองโบราณเล็กๆ น่ารักๆ มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร มีพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาฮินะ มีโรงงานสาเก มีขายเกี๊ยะมากมาย เพราะที่เมืองฮิตะแห่งนี้เป็น 1 ใน 3 ของเมืองในญี่ปุ่นที่ผลิตเกี๊ยะมากที่สุด

เบปปุ - ยูฟุอิน - ฮิตะ

ส่วนอาหารเที่ยงวันนี้ของฝากท้องไว้กับร้าน Hita Mabushi Senya ซึ่งเป็นร้านข้าวหน้าปลาไหล ตอนปั่นจักรยานผ่านมาก็คือหอมไม่ไหว ต้องจัดซักหน่อย ใครมาช้าอาจจะต้องรอคิวนิดนะคะ เพราะลูกค้าค่อนข้างเยอะ มีทั้งนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้และคนญี่ปุ่น

เบปปุ - ยูฟุอิน - ฮิตะ

ราคาก็อยู่ที่ 3,500 เยน (ชุดกลาง) และราคา 4,600 เยน (ชุดใหญ่) ซึ่งในเซ็ตจะมีเครื่องเคียงให้เราลองชิมตามลำดับด้วย ก่อนจะปิดท้ายด้วยโอฉะสึเกะ (Ochazuke) หรือข้าวราดชานั่นเอง

เบปปุ - ยูฟุอิน - ฮิตะ

หลังจากเที่ยวที่ย่านมาเมดามาจิเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่กลับเข้าฮากาตะ ซึ่งในครั้งนี้เราได้จองที่นั่งรถไฟ Yufuin no Mori ไว้รอบ 16:52 น. ตามตารางก็จะถึงที่ฮากาตะเวลาประมาณ 18:10 น.

 

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับแพลนเที่ยวในครั้งนี้ ใครที่มีตั้งใจจะไปเที่ยวคิวชูแล้วยังคิดไม่ออกว่าจะไปไหนดี ลองเอาแพลนนี้ไปปรับดูได้นะ

 

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ