ของกิน นางาซากิ ที่จัดว่าเด็ด!

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวในนางาซากิแล้วเราก็อดไม่ได้เลยที่จะต้องแนะนำ “ของกิน” หากถามว่าเราชอบอะไรใน นางาซากิ เราชอบความเป็นนางาซากิเนี่ยแหละ จะอธิบายยังไงดีล่ะ เราชอบที่เมืองนี้ยังคงมีกลิ่นอายเหมือนได้ย้อนกลับไปในสมัยก่อน มีการผสมผสานของวัฒนธรรมของชาวต่างชาติแต่ก็ยังคงความเป็นนางาซากิไว้ ไม่ใช่แค่สถานที่อย่างเดียวนะ ของกินก็ด้วย ตอนเราอยู่ที่นี่น้ำหนักเราขึ้นตั้ง 10 กิโลแหนะ เพราะของกินช่างล่อตาเหลือเกิน น่าลองไปหมดซะทุกอย่าง

ของกิน ที่มีชื่อเสียงของจังหวัด นางาซากิ อันแรกที่เรารู้จักคือนางาซากิจัมปงว่ากันว่าบะหมี่จัมปงเนี่ยได้รับอิทธิพลมาจากจีน อารมณ์คล้ายๆ ราเมนเลย แต่จะมีลักษณะเฉพาะก็คือแค่มองก็รู้เลยว่าชามนี้คือจัมปง เพราะจะใช้เส้นบะหมี่อันเหนียวหนึบและด้านบนจะเต็มไปด้วยเครื่องแน่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ผักกะหล่ำ แครอท กุ้ง เนื้อหมู ถั่วงอก ราดด้วยน้ำซุปต้มกระดูกหมูผสมน้ำต้มกระดูกไก่ซึ่งมีรสชาติกลมกล่อม

 

01 จัมปง 

 

จัมปง ของกิน นางาซากิ ที่ไม่กินไม่ได้ภาพ: happycruise.jp

 

ความเป็นมาของจัมปง (Champon) เนี่ยเริ่มจากที่แต่ก่อนจะมีนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวจีนมาที่มานางาซากิ แล้วเหมือนพ่อครัวได้สังเกตชีวิตการกินการอยู่ของนักเรียนแลกเปลี่่ยนแล้วพบว่าเรื่องอาหารการกินไม่ค่อยดีนัก เขาจึงริเริ่มคิดค้นที่จะทำอาหารให้คนเหล่านี้ ซึ่งสิ่งที่เขาคิดค้นเเรกๆ เลยก็คือเมนูอาหารที่ชื่อว่า ชินะอุด้ง และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น จัมปง ในภายหลัง ตอนนั้นถือว่าเป็นที่แปลกใหม่มากทั้งชาวจีนที่มาแลกเปลี่ยนและชาวญี่ปุ่นเองก็ด้วย ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาอาหารหรือรสชาติ จึงไม่แปลกที่จัมปงยังคงเป็นที่รู้จักกันจนถึงทุกวันนี้ 

 

02 ซาระอุด้ง 

 

ซาระ อุด้ง เมนูเส้น ของกิน ยอดฮิตที่ นางาซากิภาพ: imcfukuoka.com

 

เมนูที่ดังไม่แพ้นางาซากิจัมปงอีกเมนูก็คือซาระ อุด้ง(Sara Udon) ที่มองแล้วเหมือนราดหน้าหมี่กรอบและจัมปงแบบไม่ใส่น้ำรวมกัน ด้วยความกรอบของเส้นหมี่ที่ราดด้วยหมูผักและสารพัดอาหารทะเลที่ถูกผัดจนได้ที่ ช่างเข้ากันได้ดีทีเดียว เครื่องของซาระอุด้งก็ล้นไม่แพ้จัมปง บอกเลยว่ากัดคำแรกก็กรอบเพลิน หรือหากใครชอบแบบนิ่มๆก็โดนใจไม่แพ้กัน

 

ร้านอาหารชิไคโร

ภาพ: shikairou.com

 

ร้านที่เราไปสืบมาว่าอร่อยสุดในย่านและเป็นร้านที่เก่าแก่มากชื่อว่า ร้านชิไคโร (Shikairo Chinese Restaurant) หากไปร้านนี้ร้านเดียวสามารถเก็บเมนูดังได้ถึง 2 เมนูเลยนะ 

ตัวอาคารจะมี 5 ชั้นด้วยกัน ภายในจะมีทั้งโซนร้านขายของฝากและโซนที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติของจัมปง ซาระอุด้ง และประวัติความเป็นมาของร้านอาหารชิไคโร ส่วนโซนห้องรับประทานอาหารจะแบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่โซนนั่งโต๊ะแบบตะวันตกหรือหากอยากสัมผัสกลิ่นอายญี่ปุ่นมากขึ้นสามารถจองห้องรับประทานอาหารแบบญี่ปุ่นได้ นั่งบนเบาะแบบสบายๆ พร้อมซู้ดจัมปงไปด้วยก็ได้ฟีลไม่น้อย ส่วนชั้นด้านบนสุดจะเป็นชั้นที่สามารถมองเห็นวิวท่าเรือของเมืองนางาซากิได้ทั่วเลย เห็นกระทั่งภูเขาอินาสะ (Mt. Inasa) เลยแหละ

 

ภาพ: shikairou.com

Info
ชิไคโร (Shikairo)
Holiday: วันพุธ
Hours: 11:30-15:00 น., 17:00-21:00 น. (L.O. 20:00 น.)
Access: ขึ้นรถบัสจากสถานี JR นางาซากิ (JR Nagasaki Station) ไปลงที่ป้ายสวนโกลเวอร์ (Glover Garden Entrance) ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีและเดินเท้าอีก 1 นาที หรือสามารถนั่งรถรางไปเปลี่ยนสายที่สถานีชินจิ(Shinchi Station) ขึ้นสายที่ไปสถานีอิชิบาชิ (Ishibashi Station) แล้วลงที่สถานีโออุระเท็นชูโดชิตะ (Ouratenshudo-shita) ใช้เวลาประมาณ 15 นาที และเดินอีก 1 นาที

 

 

03 ข้าวหน้าตุรกี

 

ข้าวหน้าตุรกี ของกิน รสชาติดีที่ นางาซากิภาพ: scoop.it

 

แค่ชื่อก็งงแล้ว มาถึงนางาซากิแต่กลับได้ลองเมนูอันเลิศรสอย่างข้าวหน้าตุรกี  (Toruko Rice / Turkish Rice) ที่โด่งดังมากๆ อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วว่านางาซากิเนี่ยจะมีกลิ่นอายของชาวต่างชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจีน ชาติตะวันตกอื่นๆ จึงไม่แปลกที่จะพบร้านอาหารต่างชาติที่หลากหลาย แต่ใช่ว่าจะเป็นต้นตำรับจากประเทศนั้นๆ ทีเดียวนะ เมนูเหล่านี้ได้มีการนำมาดัดแปลงรสชาติให้เหมาะแก่คนญี่ปุ่นด้วย หนึ่งในนั้นคือเมนูตะวันตกอย่างข้าวหน้าตุรกีที่มีมาตั้งแต่สมัยโชวะแล้ว แค่เห็นก็น้ำลายสอ เมนูนี้จะประกอบไปด้วยอาหาร 3 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ ข้าวพิราฟ (Piraf)จากจีน ผสมกับสปาเก็ตตี้สไตล์ตะวันตกและโปะด้วยทงคัตสึที่เป็นอาหารจากญี่ปุ่นอีกที ว่ากันว่าที่มิกซ์อาหารไว้ด้วยกันเนี่ยก็คงเหมือนที่จังหวัดนางาซากิได้มีการผสมผสานของวัฒนธรรมเข้าด้วยกันนั่นเอง 

 

04 มิลค์เชค

 

ภาพ: saswbo99.com

 

ากนึกถึงของหวานที่มีชื่อเสียงของนางาซากิแล้วล่ะก็ มิลค์เชค (Milkshake) เป็นของหวานที่ควรจะต้องมาลิ้มลองสักหน่อย มิลค์เชคของร้านสึรุจัง (Tsuruchan) ที่นางาซากิก็คือจะเป็นเหมือนเนื้อน้ำแข็งปั่นละเอียดๆ ก็ไม่ใช่ นวลเหมือนเนื้อไอศกรีมก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าหากทานเข้าไปก็จะเจอกับความละมุนและความลื่น ด้านบนประดับไปด้วยเชอรี่ที่วางตระหง่าน ที่แปลกอีกอย่างก็คือที่นี่เขาจะไม่ยกแก้วดื่มเหมือนมิลค์เชคทั่วไป จะสังเกตว่าเขาจะเสิร์ฟช้อนมาพร้อมกับมิลค์เชคเลยก็ว่าได้ 

 

ภาพ: tabisuke.arukikata.co.jp

 

ร้านอาหารที่ขายข้าวตุรกีจะอยู่ในตัวเมืองนางาซากิซะส่วนใหญ่ หนึ่งในนั้นคือร้านสึรุจังซึ่งเป็นร้านกาแฟที่เก่าแก่ที่สุดในคิวชูซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1925  เมนูขึ้นชื่อก็คือข้าวตุรกีและมิลค์เชค มิลค์เชคที่นี่จะแตกต่างจากทั่วไป (อีกแล้ว) เพราะมิลค์เชคของนางาซากิก็ได้นำมาปรับรสชาติให้เป็นแบบฉบับเป็นของตัวเองเช่นกัน หากไปร้านสึรุจังล่ะก็ อย่าลืมที่จะสั่งมิลค์เชคมาทานคู่กับข้าวตุรกีอันเลิศรสด้วยนะ

Info
สีรุจัง (Tsuruchan)
Holiday : ไม่มี
Hours : 9:00-21:00 น.
Access : เดินจากสถานีรถรางชิอัมบาชิ (Shiambashi Station) 1 นาที

 

 

05 ไอศกรีมชิริน ชิริน

 

ไอศกรีมชิริน ชิริน ของกิน นางาซากิ ต้องกิน!ภาพ: gurutabi.gnavi.co.jp

 

ชิริน ชิริน (Chirin Chirin Ice cream) เราว่าชื่อน่ารักมากเลยนะ ความคิวท์เข้าสิงเลย คำว่า “ชิริน ชิริน” ตั้งมาจากเสียงกริ๊งๆ จากกระดิ่งนั่นแหล่ะ นึกภาพรถขายไอศกรีมมาจะต้องได้ยินเสียงกระดิ่งดังกริ๊งๆ มาแต่ไกล ถ้าเปลี่ยนเป็นชื่อไทยก็คงจะชื่อว่า กรุ๊งกริ๊ง ไอศกรีม(อันนี้เราตั้งเอง) เจ้าไอศกรีมชิรินชิรินเนี่ยยังเป็นที่รักของเด็กๆ ในเมืองนางาซากิมาตั้งแต่สมัยโชวะเลยนะ (ประมาณ ค.ศ.1960)  เอกลักษณ์ของไอศกรีมนี้มองปุ๊บก็รู้ปั๊บเลยว่าเป็นไอศกรีมชิรินชิรินเพราะตัวเนื้อไอศกรีมด้านบนจะมีลักษณะเป็นเหมือนดอกกุหลาบ เนื้อของไอศกรีมจะเป็นเนื้อเหมือนไอศกรีมเชอเบทเลย (ที่จะไม่ใช่เนื้อครีมนม)

ส่วนมากมักจะพบไอศกรีมชิรินชิรินได้ตามสถานที่ท่องเที่ยวหรือในที่คนเยอะๆ หากเดินไปเจอรถเข็นเล็กๆ ไม่ว่าจะสีเขียว สีชมพู หรือสีน้ำเงิน นั่นก็คือร้านขายไอศกรีมนี่เอง ราคาตกอันละ 150 เยน ได้ข่าวว่าไอศกรีมนี้มีแค่ 37 แคลอรีเองนะ กินไปชื่นชมวิวไปก็คงจะสุขใจไม่น้อยเหมือนได้ย้อนกลับไปตอนเป็นเด็กเลย

 

06 เค้กคาสเทลล่า

 

เค้กคาสเทลล่า ของกิน นางาซากิ

 

เค้กคาสเทลล่า (Castella Cake) มีมาตั้งแต่ในสมัยเอโดะแล้ว เริ่มมาจากที่มิชชันนารีชาวโปรตุเกสและสเปนพกเข้ามาจนกลายมาเป็นเค้กคาสเทลล่าในปัจจุบัน  ดูแล้วรูปทรงจะเหมือนเค้กฟูๆ อย่างสปันจ์เค้กและชิฟฟ่อน แต่อันที่ไม่เหมือนเลยก็คือเค้กคาสเทลล่าจะไม่ใช้ส่วนประกอบที่มีไขมันต่างๆ อย่างนมวัวและเนย พอกินเข้าไปล่ะก็จะสัมผัสได้ถึงความหวานและความหอมของน้ำตาลและความหอมของไข่อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าเค้กคาสเทลล่าจะมีส่วนผสมเบสิคๆ อย่าง ไข่ไก่ แป้ง น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง และน้ำเชื่อม แต่ก็ทำให้คนตกหลุมรักโดยไม่น้อยเลยนะ และคาสเทลล่าที่โด่งดังนี้ยังสามารถที่จะซื้อเป็นของฝากหรือของขวัญให้คนอื่นได้ด้วย

 

 

ลองจินตนาการจิบชายามบ่ายพร้อมเค้กคาสเทลล่าก็สุขไปอีกแบบ หรือจะรับประทานคู่กับกาแฟ นมสดอุ่นๆ หรือเครื่องดื่มนานาชนิดเอาเป็นว่าเค้กคาสเทลล่าสามารถจับคู่ได้หลากหลาย เราชอบจริงๆ ความเรียบง่ายแต่รสชาติเกินคาดเนี่ยถ้ามีโอกาศได้ไปนางาซากิก็ลองซื้อมาทานก็ไม่เสียหายเลยนะ

นอกจากเค้กคาสเทลล่าที่เป็นแบบดั้งเดิมแล้ว ในปัจจุบันนี้ยังมีรสชาติอื่นๆ ให้ได้เลือกลิ้มลองด้วย ไม่ว่าจะเป็นคาสเทลล่ารสชาเขียว รสช็อกโกแลต หรือคาสเทลล่าที่อาจผสมน้ำผึ้งลงไปด้วย ส่วนแบรนด์ที่มี่ชื่อเสียงที่สุดก็คือคาสเทลล่าโกะซังยากิในร้านอิซุมิยะ (Izumiya) ที่วางขายคาสเทลล่ามากมาย 

ที่มาของชื่อโกะซังยากินั้นมาจากการใช้ส่วนผสมของไข่แดงและไข่ขาว 5 ต่อ 3 (โกะในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง 5 ส่วนซังหมายถึง 3) ซึ่งไม่ใช่ไข่ธรรมดาๆ นะ แต่เป็นไข่อย่างดีส่งตรงมาจากฟาร์มที่นางาซากิเลย พออบเสร็จก็จะเป็นสีเหลืองทองเนื้อนุ่มฟูเลยแหล่ะ ซึ่งคาสเทลล่าโกะซังยากิเนี่ยจะคงคอนเซ็ปความหรูหราและความอร่อยเอาไว้

 

07 หมูสามชั้นตุ๋นพะโล้หรือคาคุนิ 

 

หมูสามชั้นตุ๋นพะโล้หรือคาคุนิ ไป นางาซากิ แล้วเป็น ของกิน ที่ต้องกิน

 

แค่ชื่อก็น้ำลายไหลแล้ว หมูสามชั้นตุ๋น (Kakuni) ในน้ำซอสสูตรเฉพาะของญี่ปุ่นที่เหมือนน้ำพะโล้ ถูกเคี่ยวมาจนได้ที่  จนเนื้อหมูเนี่ยแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับน้ำซอสเลยก็ว่าได้ พอเข้าปากปุ๊บแทบละลายในปาก แล้วหมูสามชั้นที่เขาใช้เนี่ยเป็นหมูที่คัดสรรมาอย่างดี รับรองทานแล้วจะไม่ผิดหวังเลย ยิ่งกินกับข้าวญี่่ปุ่นร้อนๆ นะ บอกได้คำเดียวว่าเด็ด

นอกจากนี้ยังมีเมนูที่ชื่อว่าคาคุนิมังด้วยนะ คือแป้งมันจูที่สอดไส้หมูตุ๋นคาคุนิด้านในแล้วนำไปนึ่งคล้ายๆ กับซาลาเปา อันนี้ก็อร่อยไม่แพ้กันเลย แป้งมันจูนุ่มๆ กินกับหมูตุ๋นคือเข้ากันมาก สามารถหาซื้อได้ที่นางาซากิชินจิไชน่าทาวน์เลย ห้ามพลาดเลยจริงๆ

Info
ไชน่าทาวน์นางาซากิชินจิ (Nagasaki Shinchi China Town)
Hours: 10:00-21:00 น.
Holiday: –
Access: จาก JR Nagasaki ให้นั่งรถรางสาย 1 หรือ 5 มาลงที่สถานีรถรางสุคิมาชิ (Tsukimachi Tram) หรือถ้านั่งแท็กซี่ใช้เวลาประมาณ 5 นาที

 

08 โกะโตอุด้ง

 

ภาพ: nagasaki-tabinet.com

 

โกะโตอุด้ง (Goto Udon) จัดอยู่ในท็อปทรีสุดยอดอุด้งของญี่ปุ่นเลยนะ เพราะมีจุดเด่นคือซู้ดแล้วคล่องคอ ตัวเส้นจะเหนียวหนึบเคี้ยวเพลินดีจริงๆ ตัวเส้นจะไม่แห้งเลยเพราะมีขั้นตอนการผลิตที่พิถีพิถันมาก โดยใช้น้ำมันของดอกคามิเลียหรือที่บ้านเราจะคุ้นหูว่าน้ำมันสึบากิ (Tsubaki Oil) ทาลงบนเส้นอุด้งนั่นเอง

 

ภาพ: dashibonz.owst.jp

 

หากทานคู่กับน้ำซุปที่ทำจากปลาบิน (ปลาชนิดหนึ่งที่นิยมนำไข่มาทำเป็นซูชิ) ล่ะก็อร่อยอย่าบอกใครเลย ทางคิวชูจะเรียกซุปประเภทนี้ว่าซุปอะโกะดาชิ (Agodashi) ซึ่งเป็นซุปที่ทำจากปลาบินที่นำไปรมควันทำให้แห้ง ดังนั้นรสชาติจะกลมกล่อม หอมกลิ่นปลา มีขายเป็นแบบสำเร็จรูปด้วยนะ

 

ภาพ: twitter.com/hitoshizoom

 

ร้านที่ขึ้นชื่อของโกโตอุด้งก็คือร้านสไตล์อิซากายะที่ชื่อว่าดาชิบนซุ (Dashibonzu) เป็นร้านยอดฮิตของคนนางาซากิเลยก็ว่าได้ นอกจากเมนูอาหารแล้วยังมีเมนูอิซากายะอีกมากมาย

Info
อิซากายะดาชิบนสุ (Izakaya Dashibonzu)
Hours : 11:00 น.-22:00 น.
Holiday : ไม่มี
Access :จากสถานีจูโอบาชิ (Chuobashi Station) ให้นั่งไปลงสถานีฮามาโนะมาจิ (Hamanomachi Station) เลี้ยวขวาที่ Cocokara Fine แล้วเลี้ยวซ้ายก่อนถึงร้านมิสเตอร์โดนัท (Mister Donut) ก็จะเจอร้านเลย

 

 

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ