Tohoku and Niigata Checklist : เก็บให้ครบทั้งกิน เที่ยว ชมธรรมชาติในภูมิภาคโทโฮคุและจังหวัดนีงาตะ

มา เที่ยว โทโฮคุ ทั้งที จะพลาดสถานที่และกิจกรรมเหล่านี้ได้ไง!

เราอาจรู้จักว่า “โทโฮคุ” เป็นภูมิภาคทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น 6 จังหวัดในภาคนี้ ได้แก่ อาโอโมริ อิวาเตะ มิยากิ อาคิตะ ยามากาตะ และฟุกุชิมะ ล้วนเด่นดังเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ มีเทศกาลน่าสนุก อาหารรสอร่อยสำหรับสายฟู้ดดี้ และสถานที่ชวนสัมผัสวิถีชีวิตคนญี่ปุ่น มือใหม่ เที่ยว โทโฮคุขอให้ตามเช็คลิสต์นี้มา เพราะว่าจะได้ไปครบทุกไฮไลท์สำคัญแน่นอน

เพิ่มเติมจังหวัดนีงาตะ เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันกับจังหวัดฟุกุชิมะในภูมิภาค โทโฮคุ ตั้งอยู่เป็นแนวยาวตามชายฝั่งจึงโด่งดังเรื่องอาหารทะเลและสาเกที่ผลิตจากข้าวคุณภาพดี เผื่อใครจะเอาไปเป็นไอเดียสำหรับทำทริปท่อง เที่ยว แบบไปรวดเดียวครบ

Aomori – อาโอโมริ

01 กินพายและเก็บแอปเปิ้ลที่เมือง Hirosaki

เมืองฮิโรซากิเรียกว่าเป็นเมืองของแอปเปิ้ลเลยก็ว่าได้ เพราะร้านค้าหรือคาเฟ่ต่างๆ จะนำเอาผลไม้ขึ้นชื่อของที่นี่ซึ่งก็คือ “แอปเปิ้ล” มาประยุกต์เป็นเมนูต่างๆ เช่น แอปเปิ้ลพายนั่นเอง แต่ถ้าถามว่าแล้วแอปเปิ้ลสดๆ ล่ะ เราสามารถพบเห็นได้ตามเมืองนี้หรือไม่ แน่นอนว่าสามารถพบเห็นได้ทั่วไปเลยล่ะ อีกทั้งยังมีสวนแอปเปิ้ลแสนน่ารักให้เราเข้าไปเก็บมาลองชิมด้วยนะ

Info
Hirosaki
Location: เมืองฮิโรซากิ (Hirosaki) จังหวัดอาโอโมริ
Nearest Station: สถานีฮิโรซากิ (Hirosaki Station)
Access: จากสถานีชินอาโอโมริ (Shin-Aomori Station) นั่งรถไฟ JR สายโออุ (Ou Main Line) มาลงที่สถานีฮิโรซากิ (Hirosaki Station) ประมาณ 36 นาที หรือจากสถานีอาโอโมริ (Aomori Station) ประมาณ 42 นาที
Website: www.tohokukanko.jp/en

02 ชมปราสาทสวยติดอันดับ Hirosaki Castle

ปราสาทฮิโรซากิถือเป็นปราสาทสวยติดอันดับ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะเป็นช่วงเวลาที่ปราสาทแห่งนี้สวยงามมากเป็นพิเศษ เพราะทั่วทั้งบริเวณจะมีดอกซากุระปกคลุมแทบทั้งหมด ส่วนในฤดูหนาวก็งดงามไม่แพ้กัน หิมะสีขาวโพลนมากระจายเต็มพื้นที่ โรแมนติกมากๆ ทั้งยังมีเทศกาลมากมายจัดขึ้นที่นี่ จึงมีเสน่ห์ต่างกันไปในทุกฤดู สามารถมาเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี 

03 เดินเทรลที่ลำธาร Oirase

โออิราเสะคือพื้นที่เคยเกิดการปะทุของภูเขาไฟมาเมื่อนานมาแล้ว ที่นี่มีเส้นทางเดินเทรลยาว 14 กิโลเมตร ให้เดินลัดเลาะสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด แถมยังแวะเที่ยวน้ำตกตามเส้นทางเหล่านี้ได้อีกด้วย เดินเทรลเสร็จแล้วยังพักจิตใจกับสายน้ำท่ามกลางธรรมชาตินั้นเป็นอะไรที่สุดพิเศษ

04 ล่องเรือชม Lake Towada

ทะเลสาบโทวาดะเป็นจุดเริ่มต้นของลำธาร Oirase บริเวณโดยรอบทะเลสาบมีร้านอาหารและร้านขายของฝากให้ได้เลือกซื้อกัน นอกจากนี้ยังมีท่าเรือ Sightseeing Boat ที่สามารถนั่งไปชมวิวทะเลสาบได้แบบ 360 องศา ใครที่อยากเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ หรือนั่งชิลล์ชมวิวทะเลสาบและพระอาทิตย์ตกในยามเย็นจากริมฝั่ง ที่นี่ก็เหมาะสมและบรรยากาศดีสุดๆ

Info
Lake Towada
Location: เมืองโทวาดะ (Towada) จังหวัดอาโอโมริ
Nearest Station: สถานีฮาจิโนเฮะ (Hachinohe Station)
Access: นั่งรถบัสจากสถานีฮาจิโนเฮะ นั่งรถบัสประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที
Website: www.towadako.or.jp/en

05 ฟินกับธรรมชาติบนภูเขา Hakkoda

ฮักโกดะเป็นภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ดีมาก มีเส้นทางให้ศึกษาธรรมชาติและเดินเทรลแบบระยะยาว หากเดินขึ้นไปถึง Summit Wood Deck ก็จะสามารถเห็นวิวภูเขาสุดตระการตาแบบพาโนรามาเลยล่ะ 

Info
Hakkoda Ropeway
Location: เมืองโทวาดะ (Towada) จังหวัดอาโอโมริ
Hours: มีนาคม-ต้นพฤศจิกายน 9:00-16:20 น., กลางพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ 9:00-15:40 น.
Entrance Fee: ไป-กลับ ผู้ใหญ่ 2,000 เยน เด็กต่ำกว่า 13 ปี 700 เยน / เที่ยวเดียว ผู้ใหญ่ 1,250 เยน เด็กต่ำกว่า 13 ปี 450 เยน (เด็กอนุบาลไม่เสียค่าใช้จ่าย)
Nearest Station: สถานีอาโอโมริ (Aomori Station)
Access: จากสถานีอาโอโมริ นั่งรถบัสประมาณ 1 ชั่วโมง
Website: www.hakkoda-ropeway.jp/english

06 กิน Nokke Don ที่ตลาดปลา Furukawa Fish Market

ฟุรุคาวะเป็นตลาดดังของอาโอโมริ มาแล้วต้องชิมเมนูขึ้นชื่ออย่าง “นกเกะด้ง (Nokke Don)” ซึ่งเราสามารถเลือกท็อปปิ้งอย่างปลาดิบมาโปะข้าวได้ตามใจชอบ ในตลาดแห่งนี้ยังมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่เป็นของฝากให้ซื้อกลับบ้านอยู่ที่ชั้น 1 ของอาคาร หรือจะซื้อแล้วนั่งรับประทานที่ชั้น 2 ก็ได้เช่นกัน ใครชอบเดินตลาดและอยากกินปลาสดๆ ห้ามพลาดเลย

Info
Furukawa Fish Market
Location: เมืองอาโอโมริ (Aomori) จังหวัดอาโอโมริ
Hours: พ.-จ. 7:00-16:00 น.
Holiday: วันอังคาร โดยช่วงโกลเดนวีค ช่วงจัดเทศกาลเนบูตะในเดือนสิงหาคม วันหยุดเทศกาลโอบ้ง และวันหยุดช่วงปีใหม่มีวันหยุดไม่แน่นอน
Nearest Station: สถานีอาโอโมริ (Aomori Station)
Access: จากสถานีอาโอโมริ เดินประมาณ 5 นาที
Website: www.nokkedon.jp

07 เช็คอินที่เทศกาล Aomori Nebuta Matsuri

เทศกาลประจำปีที่ใหญ่ระดับท็อปทรีของภูมิภาค โทโฮคุ ถึงขนาดได้รับเลือกให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมพื้นบ้านอันล้ำค่า ว่ากันว่าเทศกาลนี้เกิดขึ้นเพื่อขอพรให้ไม่มีโรคภัยหรือบางตำนานก็บอกว่าเป็นการส่งวิญญาณ ขบวนพาเหรดโคมไฟขนาดยักษ์ที่มีลายและสีสันโดดเด่นในยามค่ำคืนจะแล่นไปรอบตัวเมืองอาโอโมริ ซึ่งในแต่ละปีมีผู้เดินทางมา เที่ยว ชมเทศกาลนี้ 3 ล้านคนเลยทีเดียว

08 ดื่มด่ำงานอาร์ตในพิพิธภัณฑ์ Aomori Museum of Art

พิพิธภัณฑ์ศิลปะประจำจังหวัดอาโอโมริที่เต็มไปด้วยผลงานศิลปะของศิลปินที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ Marc Chagall จัดแสดงภาพวาดใช้ประกอบฉากบัลเล่ต์ดัง Aleko, Yoshitomo Nara ศิลปินร่วมสมัยเจ้าของภาพเด็กหญิงตาโตหน้าบึ้ง หรือน้องหมาหน้าง่วงนั่นล่ะ ตัวอาคารก็แสนเก๋ เพราะดีไซน์โดยสถาปนิก Aoki Jun โดยได้แรงบันดาลใจจาก Sannai-Maruyama แหล่งประวัติศาสตร์ที่อยู่ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์

09 ตื่นตาตื่นใจกับสระมรกต Aoike

สายเขียวต้องไปเดินป่าใน Shirakami Sanchi มรดกโลกทางธรรมชาติที่อุดมไปด้วยป่าต้นบีชที่ยังบริสุทธิ์ในพื้นที่ราว 130,000 เฮกตาร์ (812,500 ไร่) ที่ขึ้นชื่อว่ากินพื้นที่กว้างที่สุดในโลก แนะนำให้มาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะสวยสุดๆ และอย่าลืมแวะไปที่สระมรกตอาโออิเคะด้วย สีมรกตสวยๆ ของน้ำเกิดจากแร่ธาตุตามธรรมชาตินั่นเอง

10 ชมทิวทัศน์สุดอลังผ่านหน้าต่างรถไฟ Resort Shirakami

ภาพ: ©East Japan Railway Company

รถไฟในภูมิภาค โทโฮคุ ที่วิ่งตามแนวชายฝั่งทะเลเสนอภูมิทัศน์อันสวยงามของวิวมรดกโลก Shirakami Sanchi อีกทั้งเพลิดเพลินกับสถานที่ท่อง เที่ยว หลายแห่ง อย่างที่สถานี Noshiro สามารถชูตบาสเพื่อชิงรางวัลได้ หรือเดินข้ามไปชมทะเลแบบใกล้ชิดที่สถานี Senjojiki พร้อมๆ กับอีเว้นท์บนขบวนอย่างการแสดงเชิดหุ่นกระบอก เล่านิทานพื้นบ้าน และการบรรเลงเครื่องสายซามิเซ็น (Shamisen)

📌 อ่านแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมอื่นๆ ในจังหวัดอาโอโมริ เพิ่มเติมได้ที่นี่

• ตามเก็บให้ครบใน “อาโอโมริ” ทั้งพิกัดจุดกิน เที่ยว และชมธรรมชาติ

Akita – อาคิตะ

01 แช่ออนเซ็นสีน้ำนมในตำนานที่ Nyuto Onsen

นิวโตออนเซ็นเป็นชื่อเรียกหมู่บ้านออนเซ็นสีน้ำนมธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพ 7 แห่ง ตั้งอยู่ภายในหุบเขาลึกของอุทยานแห่งชาติโทวาดะฮาจิมันไตในเมืองเซมโบกุ แต่ละแห่งก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป มีทั้งแบบเรียวกังไม้โบราณอายุหลายร้อยปีและโรงแรมสไตล์โมเดิร์น จะแช่ออนเซ็นในร่มหรือชมธรรมชาติพร้อมแช่ออนเซ็นเอาท์ดอร์แบบฟินๆ ท่ามกลางป่าเขาก็ได้ทั้งนั้น 

02 เดินเล่นในหมู่บ้านซามูไร Kakunodate

อดีตคาคุโนะดาเตะเคยเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าซามูไร บ้านแต่ละหลังจะตั้งเรียงรายอยู่ตลอดเส้นถนนถนนบุเคะยาชิกิ (Bukeyashiki Street) แม้ปัจจุบันจะไม่ได้มีซามูไรหลงเหลืออยู่แล้ว แต่ยังคงอนุรักษ์บ้านโบราณอายุหลายร้อยปีเอาไว้ มีบางหลังที่เปิดให้เข้าชม ภายในจัดแสดงวิถีชีวิตของซามูไรในสมัยก่อนและวัตถุโบราณ บางแห่งยังเปิดเป็นคาเฟ่อีกด้วย

03 เที่ยวรอบทะเลสาบ Lake Tazawa

ทะเลสาบทาซาวะ ทะเลสาบสีสวยสะดุดตาที่ชวนให้รู้สึกตื่นเต้น เพราะสีของน้ำจะเปลี่ยนไปตามภูมิอากาศราวกับเวทมนตร์ บริเวณโดยรอบทะเลสาบมีสถานที่และกิจกรรมให้ทำมากมาย เช่น ล่องเรือ ไหว้ขอพรที่ศาลเจ้า นั่งกินลมชมบรรยากาศแบบคนชอบชิลล์ หรือจะแวะชักภาพกับรูปปั้นทัตสึโกะ หญิงสาวในตำนานของทะเลสาบก็เป็นกิจกรรมไม่ควรพลาดเลย    

04 ตามล่าหาสุนัข Akita Inu

มาถึงจังหวัดต้นกำเนิดสุนัขสายพันธุ์อาคิตะหรืออาคิตะอินุทั้งที ก็ต้องตามหาน้องกันหน่อย เราอาจเคยได้ยินชื่อของฮาจิโกะ สุนัขอาคิตะซึ่งเป็นเรื่องเล่าดังจนมีการสร้างรูปปั้นหน้าสถานีชิบูย่า เมืองโอดาเตะนั้นเป็นบ้านเกิดของฮาจิโกะ ทำให้ที่หน้าสถานีมีรูปปั้นของฮาจิโกะอยู่ด้วยเช่นกัน ถือเป็นจุดถ่ายรูปที่ระลึกที่ดีที่สุด และถ้าอยากเล่นกับสุนัขอาคิตะตัวเป็นๆ แนะนำให้ไปที่อาคิตะอินุโนะซาโตะ (Akita Inu no Sato)

05 เช็คอินที่แหล่งน้ำพุร้อนในหุบเขาลึก Oyasukyo

โอยาสุเคียว เป็นชื่อหุบเขาทางตอนใต้สุดของจังหวัดอาคิตะ โลเคชั่นดังคือบ่อนรกโอยาสุเคียวไดฟุนโตะ (Oyasukyo Daifunto) ที่นี่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติ มีเรียวกังพร้อมออนเซ็นในตัวให้เลือกพักอยู่หลายแห่ง แม้กระทั่งแหล่งน้ำเล็กๆ ก็ยังมีไอควันลอยให้รู้ว่าที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องน้ำพุร้อน ถ้ามีโอกาสอย่าลืมมาสัมผัสอุ่นไอออนเซ็นที่นี่ให้ได้ล่ะ

06 ลองทำอาหารพื้นเมือง Kiritanpo

คิริทัมโปะ ข้าวเสียบไม้ย่างไฟที่เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดอาคิตะ ความดีงามอยู่ที่วัตถุดิบ เพราะข้าวสวยของจังหวัดอาคิตะนั้นรสชาติดี บางครั้งคิริทัมโปะก็ถูกนำไปต้มในน้ำสต็อกไก่เรียกว่า คิริทัมโปะนาเบะ (Kiritanpo Nabe) เมนูคิริทัมโปะสามารถพบเจอได้ตามร้านอาหารทั่วไป แต่เพื่อให้ฟินขั้นสุดคงต้องลองทำและกินคิริทัมโปะฝีมือตัวเองสักครั้ง

07 กินเกาลัดยักษ์และพักสายตากับศิลปะบนทุ่งข้าวตามเส้นทาง Akita Nairiku Line

อาคิตะไนริคุเป็นรถไฟท้องถิ่น ภายในตกแต่งเป็นรูปสุนัขอาคิตะอินุ สัญลักษณ์ประจำจังหวัดอาคิตะ ตามเส้นทางรถไฟสายนี้มีจุดให้แวะเพียบ อาทิ กินเกาลัดยักษ์และลงทำกระดาษแฮนด์เมดที่สถานียัตสึ (Yatsu Station) หรือชมศิลปะบนนาข้าว (Tanbo Art) รถไฟจะแล่นเนิบๆ ให้เราได้ชมศิลปะกันอย่างเต็มอิ่ม ซึ่งมีเฉพาะในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น

08 ซู้ดและซดให้คล่องคอกับเมนู Inaniwa Udon

อินานิวะอุด้ง คือเมนูเส้นอันโด่งดังของอาคิตะเลยก็ว่าได้ ชื่อว่าอุด้งแต่กลับแตกต่างจากอุด้งที่เราคุ้นเคยกันอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่เส้นที่เรียวเล็กกว่าแต่คีบติดตะเกียบได้ง่าย ซู้ดคล่องคอกว่าเส้นอุด้งทั่วไปที่จะมีลักษณะอ้วนกลม หากจ้องดีๆ จะเห็นความนวลใสแวววับ ถือเป็น 1 ใน 3 สุดยอดอุด้งของญี่ปุ่นเลยด้วย

09 ทำความรู้จักยักษ์นามาฮาเงะที่ Namahage Museum 

นามาฮาเงะเป็นยักษ์รับใช้ของพระเจ้า ทำหน้าที่คอยสำรวจหาคนไม่ดี สามารถไปศึกษาเรื่องราวของยักษ์นามาฮาเงะได้ที่พิพิธภัณฑ์ แต่ถ้าอยากพบกับนามาฮาเงะที่เคลื่อนไหวได้ต้องไปอาคิตะช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ในสัปดาห์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ เพราะจะมีเทศกาลนามาฮาเงะ (Namahage Festival) ที่จัดขึ้นอย่างอลังการ

10 ชมเทศกาลดอกไม้ไฟสุดอลังการที่งาน Omagari Fireworks

งานประกวดดอกไม้ไฟจากทั่วญี่ปุ่นที่โอมาการิ นี่เป็นหนึ่งใน 3 เทศกาลดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็นหนึ่งใน 3 การประชันดอกไม้ไฟระหว่างผู้เชี่ยวชาญจากทั่วประเทศ ถ้าชื่นชอบดอกไม้ไฟ รับรองว่าอาคิตะจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

📌 อ่านแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมอื่นๆ ในจังหวัดอาคิตะ เพิ่มเติมได้ที่นี่

• ตามเก็บของอร่อยและแหล่งท่องเที่ยวครบทุกสไตล์ในจังหวัดอาคิตะ

Iwate – อิวาเตะ

01 ศึกษาประวัติศาสตร์เมืองมรดกโลก Hiraizumi

วัดชูซอนจิและโมสึจิในจังหวัดอิวาเตะนั้นเป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ในเมืองฮิราอิซุมิ ความพิเศษคือทั้งสองวัดได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมจากยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 บรรยากาศของทั้งสองวัดนั้นสงบและงดงามอย่างน่าประทับใจ ภายในมีวิหาร และวัตถุทางประวัติศาสตร์มากมายให้เยี่ยมชมได้เพลิดเพลิน 

02 กินสามเมนูเส้นขึ้นชื่อในเมือง Morioka

โมริโอกะ เป็นเมืองหลักของจังหวัดอิวาเตะที่รายล้อมไปด้วยภูเขาและมีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน หากพูดชื่อเมืองนี้ขึ้นมา ไม่แน่ใจว่าทุกคนจะนึกถึงอะไร แต่สำหรับเราแล้วก็คงนึกถึงอาหารการกินต่างๆ โดยเฉพาะเมนูดังประจำเมืองอย่าง Morioka Jajamen, Morioka Reimen และ Wanko Soba ทั้งน้ำซุปและวัตถุดิบต่างก็คัดมาแล้วอย่างดี อย่าลืมไปลองให้ได้นะ 

03 ชมพาเหรดกลองไทโกะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น Morioka Sansa Odori

พาเหรดสุดคึกครื้นที่ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีในเมืองโมริโอกะ โดยจะรวบรวมนักแสดงกว่า 34,000 คน ออกมาเต้นรำและตีกลองไทโกะบนถนนด้วยจังหวะสุดฮึกเหิม ทำให้มีผู้คนเดินทางมาชมเทศกาลนี้ปีละกว่า 1 ล้าน 4 แสนคน คนที่มารอชมก็สามารถเข้าร่วมระบำซันสะได้ คนที่นี่เขายินดีต้อนรับมากๆ 

04 ชมชิมช็อปงานคราฟต์เด็ดที่ Morioka Handi-Works Square

โมริโอกะถือเป็นเมืองที่อนุรักษ์งานแฮนด์เมดพื้นบ้านเอาไว้อย่างหลากหลาย งานเหล่านี้ได้พัฒนาและสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เกิดเป็นพื้นที่เล็กๆ ริมแม่น้ำที่รวบรวมงานฝีมือชั้นยอด อาทิ เครื่องเหล็กนัมบุ เซรามิก ผ้ามัดย้อม ฯลฯ ถูกใจชิ้นไหนก็สามารถอุดหนุนกลับมาได้ ทั้งยังมีเวิร์คช็อปเปิดให้คนทั่วไปเข้าร่วมอีกด้วย

05 เพลิดเพลินกับกิจกรรมมากมายที่ Koiwai Farm

ฟาร์มโคอิไวเป็นฟาร์มที่ตั้งอยู่ใกล้เชิงเขาอิวาเตะ ที่นี่มีทุ่งหญ้าอันสวยงามที่เรียกว่ามาคิบะเอ็น เราสามารถรีดนมวัว ขี่ม้า ชมการแสดงของแกะและสุนัขได้ ที่หอดูดาวมาคิบะ สามารถมาชมจุดบอดบนดวงอาทิตย์ได้ในเวลากลางวัน และชมดวงดาวบนท้องฟ้ากว้างใหญ่ในตอนกลางคืน นอกจากนี้ยังมีอีเว้นท์อื่นๆ อีกมากมายแตกต่างกันไปตามฤดูกาล

06 ล่องเรือโบราณและฟังเพลงพื้นบ้านที่ Geibikei Gorge

หุบเขาหินที่มีประวัติศาตร์ยาวนานกว่า 100 ปี ในญี่ปุ่นมีการล่องเรือที่เกบิเคแห่งเดียวเท่านั้นที่ขับเคลื่อนเรือด้วยไม้พายเพียงอันเดียว ขณะล่องเรือราว 90 นาทีจะมีฝีพายมาขับกล่อมด้วย Geibi Oiwake เพลงพื้นบ้านโบราณของญี่ปุ่นซึ่งหาฟังได้ยากในปัจจุบัน และอย่าลืมขว้างหินเสี่ยงทายที่ด้านในสุดของหุบเขาด้วยนะ เชื่อกันว่าถ้าขว้างหินเข้าไปในช่องได้ คำอธิษฐานของเราจะเป็นจริง

07 นั่งรถไฟสุดคาวาอี้ POKÉMON with YOU Train

ภาพ: ©East Japan Railway Company

อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจในการ เที่ยว โทโฮคุ ก็คือ การนั่งรถไฟโปเกมอนสุดคาวาอี้ ภายในรถไฟมีหลายมุมที่เอื้อให้ครอบครัวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างสนุกสนาน อีกทั้งจะได้พบกับปิกาจูอยู่เต็มไปหมดทั้งเบาะ ผ้าม่าน เพดาน ผนัง หรือแม้แต่ในห้องน้ำ! ซึ่งบอกได้เลยว่าจะไปกับเพื่อนหรือแฟนคลับโปเกมอนก็ฟินไม่แพ้กันแน่นอน

08 สัมผัสกำแพงหิมะ Hachimantai Aspite Line

Snow Corridor คือกำแพงหิมะที่เกิดจากการร่วมมือกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ซึ่งเกิดขึ้นโดยการใช้รถกวาดหิมะเคลียร์พื้นที่ถนนจนสองข้างทางกลายเป็นแนวกำแพงที่สูงหลายเมตร เป็นระยะทางประมาณ 27 กิโลเมตร พิเศษกว่าที่อื่นคือสามารถเพลิดเพลินกับหิมะได้พร้อมๆ กับการชมซากุระในฤดูใบไม้ผลิเลย

09 เดินชิลล์ริมหาด Jodogahama Beach

สถานที่พักผ่อนสุดชิลล์ในเมืองมิยาโกะ จุดเด่นของที่นี่คือโขดหินรูปทรงแปลกตากับต้นสนเรียงรายเป็นแถว สามารถปูผ้านั่งพักริมหาด เดินเล่น หรือล่องเรือได้ ไฮไลท์น่าสนใจคือการนั่งเรือลอดถ้ำสีน้ำเงิน (Ao no Dokutsu) ที่สีของน้ำจะเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิในแต่ละวันด้วย

10 ย้อนเวลาไปในอดีตกับรถจักรไอน้ำขบวนเก่า SL Ginga

รถไฟหัวจักรไอน้ำสุดวินเทจที่มีความพิเศษคือการออกแบบและตกแต่งโดยได้แรงบันดาลใจจากรถไฟในวรรณกรรมเรื่อง “รถไฟสายทางช้างเผือก” ของมิยาซาวะ เคนจิ (Kenji Miyazawa) ภายในตู้โดยสารมีการจัดแสดงผลงานของนักเขียน งานฝีมือท้องถิ่น และที่พลาดไม่ได้เลยคือการดูดาวในห้องดูดาวขนาดเล็กบนขบวน อีกทั้งสามารถชมทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างรถไฟโบราณได้ด้วย 

📌 อ่านแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมอื่นๆ ในจังหวัดอิวาเตะ เพิ่มเติมได้ที่นี่

• รวมฮิตที่เที่ยว “อิวาเตะ” ตะลอนชมประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และชิมเมนูเด็ดห้ามพลาด

Miyagi – มิยากิ

01 ชมปราสาท Sendai Castle (Aoba Castle)

ปราสาทเซนไดถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1601 และใช้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้ครองแคว้นในอดีต แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีตัวปราสาทอยู่แล้ว แต่ก็ยังมี VR เตรียมไว้ให้เราเดินชมปราสาทในสภาพสมบูรณ์แบบ 360 องศา ซึ่งสร้างใหม่โดยศึกษาจาก Drawing ของจริงที่ยังหลงเหลืออยู่ ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น

02 ชื่นใจกับซากุระนับพันที่ Hitome Senbonzakura

พื้นที่ชมวิวริมแม่น้ำชิโรอิชิที่ (Shiroishi River) สามารถมองเห็นซากุระได้ราว 1,000 ต้น ที่ตรงนี้ไม่ได้มีความโดดเด่นแค่จำนวนซากุระมหาศาล วิวโดยรวมนั้นผสมผสานกับภูเขาซาโอะ แม่น้ำ และพระเอกก็คือซากุระได้อย่างลงตัว จึงนับว่าเป็นวิวที่สมบูรณ์แบบมากๆ สามารถเดินเลียบแม่น้ำอันแสนร่มรื่นและเย็นสบาย ฤดูกาลที่แนะนำคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ

03 ชมทะเลและต้นสนบนเกาะที่ Matsushima

มัตสึชิมะ พื้นที่ติดทะเลในภูมิภาค โทโฮคุ ที่ถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 3 วิวสวยที่สุดของประเทศญี่ปุ่น คนที่ชอบธรรมชาติ ทะเล และต้นสนไม่ควรพลาด จะเดินเล่นชมวิวหรือนั่งคาเฟ่ชิลล์ๆ ก็มีครบ นอกจากนี้ ยังมีแหล่งท่อง เที่ยว ทางวัฒนธรรมด้วยทั้งวัดและศาลเจ้า พร้อมทั้งเมนูเด็ดที่ต้องลองอย่างหอยนางรม ฤดูที่อร่อยที่สุดคือช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม ห้ามพลาดมาชิมกันให้ได้ 

04 เที่ยวเทศกาลใหญ่ระดับท็อป Sendai Tanabata

หนึ่งในเทศกาลที่ใหญ่ระดับท็อปทรีของภูมิภาค โทโฮคุ เกิดจากตำนานความรักระหว่างสาวทอผ้ากับคนเลี้ยงวัวซึ่งถูกทางช้างเผือกขวางกั้นมิให้พบกัน ในหนึ่งปีจะสามารถพบกันได้เพียงแค่วันเดียวคือวันทานาบาตะ (7 กรกฎาคม) ส่วนเทศกาลเซนไดทานาบาตะจะจัดช่วง 1 เดือนหลังจากวันทานาบาตะ แต่ละปีจะมีผู้คนเดินทางมา เที่ยว ชมความงดงามของช่อประดับคำอธิษฐานมากกว่า 2 ล้านคน

05 กินของดีประจำเมืองเซนไดอย่าง Gyutan

ของอร่อยในเมืองเซนไดจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “กิวตัน” หรือลิ้นวัวย่าง มีร้านขายลิ้นวัวในเมืองเซนไดอยู่นับไม่ถ้วนทั่วเมือง เนื้อสัมผัสกรุบๆ เคี้ยวเพลิน จิ้มนัมบังมิโซะเล็กน้อยก่อนกินก็จะยิ่งฟินที่สุด นอกจากเมนูย่างแบบเบสิก คนท้องถิ่นยังนำลิ้นวัวไปประยุกต์เป็นเมนูต่างๆ อาทิ สตูว์ลิ้นวัว ข้าวหน้าลิ้นวัว ก็รสชาติดีไม่แพ้กัน

06 ตะลอนชิมผลิตภัณฑ์จากถั่ว Zunda

ถั่วซุนดะ (ถั่วแระ) เป็นผลิตผลทางการเกษตรชื่อดังของมิยากิ ซึ่งเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ปัจจุบันถูกนำไปแปรรูปมากมาย เช่น เมนูเบสิกอย่างซุนดะโมจิ โมจิเนื้อหนึบโปะด้วยถั่วแระบดรสหวานมัน นิยมกินคู่ชาร้อน ไทยากิซุนดะก็เป็นอีกเมนูที่อร่อยมาก ยิ่งผสมกับครีมสดที่หวานกำลังดีไม่เลี่ยนแม้แต่น้อย เพิ่มระดับความชิคขึ้นอีกหน่อย แนะนำให้ลองไอศกรีมหรือสมูทตี้ถั่วซุนดะ

07 ตรึงใจกับใบไม้เปลี่ยนสีที่หุบเขา Naruko Gorge

หนึ่งสิ่งที่หลายคนหมายปองเมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คือการได้ชมใบไม้แดง ที่หุบเขานารุโกะเป็นอีกถึงสถานที่ที่รู้กันว่ามีทิวทัศน์ในฤดูใบไม้ร่วงอันงดงามและน่าประทับใจเป็นอย่างมาก ช่วงพีคที่สวยที่สุดก็คือปลายเดือนตุลาคมถึงต้นพฤศจิกายน และอย่าลืมไปหามุมที่มองเห็นสะพานโอบุคาซาว่า (Obukasawa Bridge) ด้วยนะ ไม่งั้นก็เท่ากับว่ามาไม่ถึง

08 ช็อปปิ้งให้หนำใจในย่าน Ichibancho

ย่านช็อปปิ้งในร่มที่สามารถเลือกซื้อของได้ครบทุกอย่าง เพราะเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร แหล่งช็อปปิ้งสุดฮิตที่คนนิยมไปกัน เช่น Sun Mall, Vlan Dome, Clis Road ฯลฯ ที่ชอบมากคือรูปแบบของถนนมีหลังคา ทำให้สามารถเดินได้ทุกสภาพอากาศ อีกทั้งเปิดตั้งแต่ฟ้าสว่างไปจนถึงฟ้ามืด 

09 ชมความน่ารักของสุนัขจิ้งจอกส้มที่ Zao Fox Village

หากได้มาในช่วงฤดูหนาว แนะนำให้ไปชมความน่ารักของสุนัขจิ้งจอกสีส้ม แม้ว่าจะสามารถพบในฤดูกาลอื่นๆ ได้เช่นกัน แต่ถ้าเข้าสู่ฤดูหนาวโดยเฉพาะตอนที่หิมะทับถมกับเป็นกองพะเนินแล้วละก็ เจ้าสุนัขจิ้งจอกก็จะมีขนฟูฟ่องเพื่อป้องกันความหนาว แลดูน่ารักขึ้นอีกเท่าตัว ก็ยิ่งทำให้สามารถถ่ายภาพออกมาได้สวยงามมาก

10 พักผ่อนชมธรรมชาติที่ Akiu Otaki Falls

น้ำตกอากิอุโอทากิได้รับการกล่าวขานว่ามีความงดงามมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้ต่างๆ ในแถบนั้นก็จะร่วมใจกันเปลี่ยนสีไปที่ละเล็กละน้อยจนเต็มต้น ทำให้ทิวทัศน์บริเวณนั้นงดงามประหนึ่งภาพในฝัน บริเวณนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องน้ำพุร้อนและยังมีแหล่งรวมศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านของอากิอุ เช่น ตุ๊กตาโคเคชิ ตู้ไม้เซนได เป็นต้น

• แนะพิกัดสำหรับเที่ยวมิยากิครั้งแรก ครบถ้วนของดีและสถานที่เด็ดควรไป

Yamagata – ยามากาตะ

01 ค้างคืนที่หมู่บ้าน Ginzan Onsen

กินซังออนเซ็น เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงในการช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วย ประกอบกับพื้นที่สไตล์ย้อนยุคที่เต็มไปด้วยเรียวกังโบราณ ดูแล้วก็คล้ายกับฉากแอนิเมชัน Spirited Away แอบกระซิบว่าที่นี่จะสวยงามที่สุดในช่วงฤดูหนาว จะแวะเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับหรือค้างสักคืนก็ได้ทั้งนั้น

02 ลิ้มรสเนื้อวัวชั้นยอด Yonezawa Beef

เนื้อโยเนซาวะ เป็นหนึ่งในเนื้อวัวชั้นยอดของญี่ปุ่น เนื้อที่นี่พิเศษกว่าเนื้ออื่นตรงวิธีการเลี้ยงซึ่งวัวจะถูกเลี้ยงอย่างพิถีพิถันใส่ใจตั้งแต่อาหาร สภาพร่างกายและจิตใจของวัวตลอดระยะเวลา 33 เดือนนั่นเอง เพียงนั่งรถไฟมาลงที่สถานีโยเนซาวะ ก็จะพบร้านอาหารต่างๆ ซึ่งจำหน่ายเมนูจากเนื้อวัวของเมืองนี้อยู่เรียงรายเต็มไปหมด 

03 ไต่เขาสูงไปไหว้ขอพรที่วัด Yamadera

วัดยามาเดระ หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดริชาคุจิ (Risshakuji Temple) ตั้งอยู่บนเขาสูงสมกับชื่อวัดที่แปลว่า วัดบนเขา โดยเราต้องเดินขึ้นบันไดหินกว่า 1,000 ขั้นไต่ขึ้นไปสักการะ Godaido ซึ่งอยู่ด้านบนสุด วิวพาโนรามาที่สามารถมองเห็นหุบเขา แม่น้ำ ชุมชน ป่าสนซีดาร์ และอากาศบริสุทธิ์ จากด้านบนนี้นั้นสวยจับใจ 

04 เก็บผลไม้ที่เมือง Tendo City

Tendo City เป็นเมืองที่อัดแน่นไปด้วยสวนผลไม้อยู่ละลานตาให้เลือกแวะเก็บ ชิม หรือจะซื้อกลับบ้านก็ได้ หนึ่งในนั้นคือ Ohsyo Fruits Farm ฟาร์มผลไม้ตามฤดูกาลขนาดใหญ่ที่สุดในยามากาตะ ที่นี่เปิดให้เราได้เดินชมไปตามต้นแล้วเด็ดผลที่เล็งไว้กินสดๆ แบบบุฟเฟ่ต์ตลอด 30 นาที ส่วนผลไม้ยอดฮิตของที่นี่ก็คือ เชอร์รี่, พีช, องุ่น และแอปเปิ้ล แตกต่างไปตามฤดูกาล

05 ล่องเรือในแม่น้ำสายยาวที่สุด Mogami River

แม่น้ำโมกามิ เป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในจังหวัดยามากาตะและจัดให้อยู่ Top 3 แม่น้ำที่ไหลเชี่ยวที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย คนนิยมมาล่องเรือกันที่นี่ เพราะจะได้ชมวิวธรรมชาติสวยๆ ในอีกรูปแบบหนึ่ง โดยเรือจะเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ตลอดระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ทำให้เราสามารถเก็บรายละเอียดวิวสวยๆ ทุกอณูได้อย่างเต็มอิ่ม

06 อาบน้ำแร่แช่น้ำพุร้อนที่ Zao Onsen 

บ่อน้ำพุร้อนซาโอะ หนึ่งในบ่อน้ำพุร้อนเก่าแก่ที่โด่งดังของจังหวัดยามากาตะและยังเป็นหนึ่งในสามบ่อน้ำพุร้อนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ น้ำพุร้อนของที่นี่มีกำมะถันสูงและความเป็นกรดค่อนข้างมาก ซึ่งดีต่อผิวพรรณและยังช่วยรักษาโรคบางชนิดได้ อีกทั้งมีให้เลือกใช้บริการทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง 

07 ดูปีศาจหิมะบนภูขา Mt. Zao 

ภูเขาซาโอะ เป็นภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่ สถานที่ตรงนั้นจึงมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายซ่อนอยู่ โดยเฉพาะบ่อน้ำพุร้อน พิเศษสุดในช่วงฤดูหนาวภูเขาไฟลูกนี้จะมีหิมะทับถมจำนวนมาก เกิดเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ก้อนน้ำแข็งเกาะติดกับต้นไม้จนรูปร่างคล้ายปีศาจหิมะ หรือเรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า จุเฮียว (Juhyo) ก็ได้ ได้ชมวิวฝูงปีศาจหิมะขณะที่กำลังนั่งกระเช้านั้นเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษจริงๆ

08 ชมตู้แมงกะพรุนกินเนสส์บุ๊คที่ Kamo Aquarium

ภาพ: © www.kamo-kurage.jp 

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในจังหวัดยามากาตะ เป็นที่รู้จักกันดีกันในนาม Dream House of Jellies ดินแดนมหัศจรรย์ของเหล่าแมงกะพรุน ที่นี่มีจุดเด่นคือตู้แมงกะพรุนขนาดยักษ์ ใหญ่จนได้รับการบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ว่าเป็นตู้จัดแสดงแมงกะพรุนที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก น่าสนใจไม่น้อยใช่ไหมล่ะ สามารถมาแวะชมเหล่าแมงกะพรุนที่ Kamo Aquarium แห่งนี้ได้เลย

09 ศึกษาประวัติศาสตร์ที่ศาลเจ้า Uesugi Shrine

ศาลเจ้าอุเอสึกิ อีกหนึ่งสถานที่สำคัญของเมืองโยเนซาวะ เป็นศาลที่บวงสรวงอุเอสึกิ เคนชิน (Kenshin Uesugi) หนึ่งในนักรบที่มีชื่อเสียงมากของญี่ปุ่น แนะนำให้ไปตรงกับวันเสาร์และอาทิตย์ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ เพราะจะมีการจัดเทศกาลโคมไฟหิมะอุเอสึกิ (The Uesugi Snow Lantern Festival) ถือเป็นเทศกาลฤดูหนาวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองโยเนซาวะ

10 นั่งรถไฟออนเซ็น Toreiyu Tsubasa

ใครจะรู้ว่าในรถไฟก็สามารถแช่ออนเซ็นได้ด้วย ใช่แล้ว! Toreiyu Tsubasa รถไฟท่องเที่ยวจากจังหวัดยามากาตะ มีความพิเศษที่แตกต่างจากชาวบ้านไปสักหน่อย โดยความพิเศษที่ว่านั้นก็คือ การยกเอาบ่อออนเซ็นว่าไว้ที่ท้ายขบวน ให้ผู้โดยสารได้มาแช่เท้าเพื่อผ่อนคลายพลางนั่งเอื่อยจิบเครื่องดื่มท้องถิ่นล้อไปกับวิวธรรมชาติสวยตลอดเส้นทาง

📌 อ่านแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมอื่นๆ ในจังหวัดยามากาตะ เพิ่มเติมได้ที่นี่

• รวมแหล่งน่าเที่ยวในยามากาตะ ที่คนชอบธรรมชาติต้องแวะไปเช็คอิน

Fukushima – ฟุกุชิมะ

01 ชมดอกไม้นานาพันธุ์ในสวน Hanamiyama Park

สวนฮานามิยามะ คืออุทยานธรรมชาติขนาดใหญ่ตั้งอยู่ไม่ไกลสถานีรถไฟฟุกุชิมะ ภายในสวนตระการตาไปด้วยสีสันจากดอกไม้นานาพันธุ์ตามฤดูกาลมากกว่า 30 ชนิด อาทิ ซากุระ บ๊วย พีช คาโนล่า คามีเลีย ฯลฯ โดยเฉพาะดอกซากุระสายพันธุ์โซเมโยชิโนะ (Someiyoshino) ออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งกระจายไปทั่วเนินเขาโดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิ 

02 ชมฝูงหงส์อพยพที่ทะเลสาบ Lake Inawashiro

ทะเลสาบอินาวาชิโระ เป็นทะเลสาบดังของจังหวัดฟุกุชิมะ ที่แห่งนี้มีกิจกรรมให้ทำหลากหลายโดยเฉพาะในฤดูหนาว ไม่ว่าจะเป็นดูฝูงหงส์อพยพที่มารวมตัวกัน ชมงานประติมากรรมน้ำแข็งริมทะเลสาบซึ่งธรรมชาติเป็นผู้รังสรรค์ หรือจะนั่งตกปลาจากเหนือผิวทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง แต่กิจกรรมส่วนใหญ่ก็จะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ไปเยี่ยมเยือนด้วยนะ 

03 เดินเล่นในปราสาทเก่าแก่ Tsuruga Castle

ปราสาทสึรุกะ หรือมีอีกชื่อเรียกว่า ปราสาทไอสึวากามัตสึ อดีตเคยถูกใช้เป็นศูนย์กลางแคว้นไอสึในอดีต ที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นเป็นปราสาทที่บูรณะขึ้นใหม่หลังจากถูกทำลายลงในปี ค.ศ. 1874 สามารถเดินทางมาศึกษาประวัติศาสตร์หรือแวะดื่มชาที่โรงน้ำชาโบราณ บริเวณโดยรอบยังมีสวนสาธารณะที่เป็นจุดชมซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิได้ บรรยากาศดีมากๆ เลยล่ะ

04 กินเมนูดังประจำเมืองไอสึวากามัตสึ Sauce Katsudon

“ซอสคัตสึด้ง” หรือ “ข้าวหน้าหมูทอดราดซอส” เป็นเมนูท้องถิ่นชื่อดังของเมืองไอสึวากามัตสึ คัตสึด้งของไอสึแท้ๆ ต้องมี 3 ชั้น ใส่ข้าวญี่ปุ่นเป็นอันดับแรก ทับด้วยกะหล่ำปลีหั่นฝอย และโปะหน้าด้วยหมูชุบแป้งทอดชิ้นโต ราดด้วยซอสชุ่มฉ่ำสูตรดั้งเดิม กินพร้อมกันในคำเดียวคือสวรรค์น้อยๆ ของคนรักของทอด

05 แวะพักที่หมู่บ้านโบราณในสมัยเอโดะ Ouchi-juku

โออุจิจุคุ เป็นหมู่บ้านโบราณสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเอโดะ เดิมทีที่ตรงนี้ถูกใช้เป็นจุดพักแรมและเป็นเส้นทางในการขนส่งสินค้า จุดเด่นของบ้านเรือนคือการใช้ใบของต้นคายาบุกิมุงหลังคาสะท้อนวิถีชีวิตในสมัยก่อน ปัจจุบันบ้านแต่ละหลังถูกปรับเป็นพิพิธภัณฑ์และร้านค้า จุดถ่ายรูปยอดนิยมคือให้เดินขึ้นเนินเขาด้านหลัง จะเห็นวิวบ้านเรือนโบราณเรียงรายทั้งหมู่บ้านอย่างงดงาม

06 เช็คอินสถานีแมว Ashinomaki-Onsen

สถานีแมวขี้อ้อนสุดน่ารักในเมืองไอสึวากามัตสึ ความพิเศษคือจะมีนายสถานีแมวเป็นผู้ดูแลและคอยต้อนรับแขกที่มาเยือน ภายในสถานีมีคาเฟ่ที่ตกแต่งเอาใจคนรักแมวอีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีร้านขายของที่ระลึกมากมายที่บรรดาทาสแมวทั้งหลายต้องยอมควักเงินซื้อของติดไม้ติดมือกลับไปแน่นอนเมื่อเจอน้องแมวที่สถานีนี้แห่งนี้ออดอ้อน

07 จุดชมวิวบนเขา No.1 Tadami River Bridge Viewpoint

อีกหนึ่งจุดชมวิวบนเขาที่สวยที่สุดของฟุกุชิมะ คือจุดชมวิวสะพานข้ามแม่น้ำทาดามิหมายเลข 1 จากตรงนี้สามารถชมวิวรถไฟแล่นผ่านสะพานข้ามแม่น้ำที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ในทุกฤดูกาล เชื่อว่าหลายคนน่าจะเห็นตามโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์บ่อยๆ ความเมื่อยล้าจากการเดินขึ้นเขา พอได้สูดอากาศบริสุทธิ์ด้านบน พร้อมชมวิวมุมกว้างสุดลูกหูลูกตาแบบนี้ก็ชวนรู้สึกดีชะมัด

08 สักการะขอพรที่วัดต้นกำเนิดวัวแดง Enzoji Temple

วัดนิกายรินไซที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ อีกทั้งร่มเย็นไปด้วยแม่น้ำทาดามิไหลผ่าน ที่นี่เป็นวัดประจำของคนที่เกิดปีขาลและปีฉลู ภายในวัดจึงมีรูปปั้นวัวและรูปปั้นเสือเรียงรายกันอยู่ แถมยังเป็นต้นกำเนิดเรื่องราวของเจ้าวัวเเดงอากาเบโกะ มาสคอตประจำเมืองไอสึวากามัตสึด้วย

09 นั่งรถไฟที่เป็นดั่งคาเฟ่ขนมหวาน Fruitea Fukushima

ภาพ: ©East Japan Railway Company

FruiTea Fukushima เป็นรถไฟแสนสวยที่เป็นดั่งคาเฟ่ขนมหวานที่พกความอร่อยละมุนลิ้นมาให้ผู้โดยสารชิมไปพร้อมๆ กับการชมธรรมชาติอันงดงามของจังหวัดฟุกุชิมะตลอดการเดินทาง วัตถุดิบต่างๆ ที่นำมาทำขนมนั้นก็เป็นการคัดสรรผลไม้หอมๆ ที่เป็นชื่อเสียงของชาวฟุกุชิมะ แน่นอนว่าฟุกุชิมะก็เปรียบเสมือนดินแดนแห่งผลไม้ของญี่ปุ่นที่มีคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งเลยล่ะ

10 ชิมราเมนท็อปทรีราเมนรสเยี่ยมที่สุดในญี่ปุ่น Kitakata Ramen

เมืองคิตะคาตะ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งราเมน ซึ่งราเมนของเมืองคิตะคาตะนั้นติดอันดับท็อปทรีราเมนรสเยี่ยมที่สุดในญี่ปุ่น ลักษณะพิเศษของคิตะคาตะราเมนคือเส้นจะแบน หนานุ่ม และหยักคล้ายคลื่น เสิร์ฟมาพร้อมซุปใสแจ๋วที่ทำจากปลา กระดูกหมู และซอสโชยุ ส่วนด้านบนท็อปมาด้วยหน่อไม้ หมูที่ตุ๋นจนนุ่มกำลังดี ปิดด้วยต้นหอมซอย เป็นความอร่อยที่หาได้ที่เมืองคิตะคาตะเท่านั้น 

📌 อ่านแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมอื่นๆ ในจังหวัดฟุกุชิมะ เพิ่มเติมได้ที่นี่

• ตามเก็บจุดเที่ยวฟุกุชิมะ แบบที่คนชอบการกินและอินกับธรรมชาติต้องรัก

+Special
Niigata – นีงาตะ

01 ตะลอนรอบเกาะ Sado Island

เกาะซาโดะ เป็นเกาะที่มีทั้งภูเขาทัศนียภาพงามการันตีด้วย 2 ดาว Michelin Green Guide Japan และท้องทะเลสีครามมอบความสดชื่น บนเกาะมีกิจกรรมและสถานที่น่าสนใจมากมาย อาทิ ศูนย์อนุรักษ์นกโทคิ เหมืองทองซาโดะ พายเรืออ่าง หมู่บ้านชาวประมงชุคุเนะงิ ฯลฯ สามารถเดินทางด้วยรถบัสได้ทั่วเกาะ แต่มีรอบบริการน้อย ถ้าอยากไปให้ครบ แนะนำให้เช่ารถขับจะดีที่สุด

02 เที่ยวในเมืองศิลปะ Tokamachi

โทคามาจิเป็นหนึ่งในเมืองที่จัดแสดงงานศิลปะถาวร Echigo-Tsumari Art Field ซึ่งร่วมมือกันระหว่างศิลปินชื่อดังระดับนานาชาติกับชาวบ้านในชนบทของจังหวัดนีงาตะ นอกจากจะสามารถชมงานศิลปะได้ทั่วทั้งเมือง เรื่องความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติเมืองนี้ก็ไม่แพ้ที่ไหน อีกทั้งมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกได้ไม่มีเบื่อ อาทิ ปั่นจักรยาน แคมป์ปิ้ง พายเรือ เป็นต้น  

03 เพลิดเพลินอุโมงค์ศิลปะ Tunnel of Light (Kiyotsu)

อุโมงค์ศิลปะที่ได้รับการฟื้นฟูจากอุโมงค์เก่าคิโยสึ (Kiyotsu) ที่ในอดีตเคยพังทลาย ปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของงานอาร์ตใน Echigo-Tsumari Art Triennale ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี ภายในอุโมงค์สามารถสัมผัสศิลปะและธรรมชาติแตกต่างกัน 4 แพลตฟอร์ม คอนเซ็ปต์หลักของการดีไซน์คือการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติอย่างลงตัว 

04 ลองเล่นสโนว์บอร์ดที่ลานสกี GALA Yuzawa

ลานสกียอดฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวของจังหวัดนีงาตะ ด้วยเพราะอยู่ติดกับสถานีรถไฟชินคันเซ็นกาล่ายูซาว่าขนาดเดินเท้าได้ จึงทำให้เดินทางได้สะดวกมาก อีกทั้งสามารถซื้อตั๋วขึ้นสกีลิฟต์ เช่าอุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ ได้ที่ลานสกีโดยไม่ต้องพกอะไรมาเลย นอกจากนี้ยังมีสตาฟคนไทยประจำการคอยสอนมือใหม่หัดเล่นสกีหรือสโนบอร์ดอยู่ด้วย

05 ชิมสุดยอดซูชิของนีงาตะ Kiwami Sushi

คิวามิซูชิหรือสุดยอดซูชิของนีงาตะ ด้วยเพราะนีงาตะอยู่ติดแนวชายฝั่งทะเล การประมงจึงเฟื่องฟู จึงสามารถจับอาหารทะเลได้หลายชนิด สดใหม่และอร่อย เวลาเสิร์ฟมักจะมา 10 คำ 10 ชนิดไม่ซ้ำกัน และมีการจัดเรียงบนจานที่สวยงามราวกับงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ด้านบนเป็นอาหารทะเลสดๆ โปะมาบนข้าวคุณภาพดีของนีงาตะ สาวกซูชิไม่ควรพลาด

06 เดินชมธรรมชาติสุดอันซีนในป่าบีช Bijinbayashi

ป่าต้นบุนะหรือต้นบีชญี่ปุ่นเก่าแก่ราว 100 ปี ที่เรียงรายอย่างสวยงาม ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความงดงามของป่าแห่งนี้มากกว่า 1 แสนคน นับเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งที่สามารถเพลิดเพลินกับความงดงามของธรรมชาติในทุกๆ ฤดู ถ้าชอบป่าเขียวขจีให้มาช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคม แต่ถ้าชมป่าสีส้มต้องมาช่วงต้นถึงกลางเดือนพฤศจิกายนนะ 

07 นั่งรถไฟวินเทจแสนโรแมนติก SL Banetsu Monogatari

รถไฟหัวจักรไอน้ำสุดวินเทจอันแสนหรูหราสง่างาม คอนเซ็ปต์ของรถไฟขบวนนี้คือ ผืนป่า สายน้ำ และความโรแมนติกของรถไฟวินเทจ ซึ่งผู้โดยสารสามารถชมความงามทางธรรมชาติทั้ง 4 ฤดูของญี่ปุ่นจากหน้าต่างรถไฟได้อย่างเพลิดเพลิน ที่สำคัญยังมีอะไรสนุกๆ ให้ทำหลายอย่าง รับรองว่านี่ไม่ใช่การเดินทางอันแสนน่าเบื่ออย่างแน่นอน

08 กินซีฟู้ดสดใหม่ที่ Pier Bandai

สายซีฟู้ดห้ามพลาดเลย ตลาดรวมอาหารทะเลสดๆ ในราคาย่อมเยา สำหรับนักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อวัตถุดิบและให้ทางร้านปรุงให้พร้อรับประทานได้เลย นอกจากนี้ยังมีผักและผลไม้สดใหม่จากฟาร์ม ข้าวจากนีงาตะ รวมถึงของแห้งที่ซื้อกลับไปเป็นของฝากได้ และถ้าเดินไปด้านหลังอาคารจะพบกับวิวท่าเรือที่เหมาะกับการเดินเล่นชิลล์ๆ ชมวิวทะเลได้

• รวมที่เที่ยวเด็ดทั่วนีงาตะฉบับผู้เริ่มต้น แบบที่ถูกใจคนชอบศิลปะและธรรมชาติ