Sado Island : 10 ที่เที่ยวสุดชิลล์รอบ ‘เกาะซาโดะ’ แบบที่คนชอบทั้งทะเลและภูเขาต้องหาเวลาไปเช็คอิน
สารบัญ
ในวันที่ฉันกับเพื่อนนั่งเถียงกันเรื่องแพลนเที่ยวช่วงฤดูร้อน ว่าด้วยอีกคนชอบภูเขาแต่เราดันชอบ ไปทะเล เมื่อหาข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็ได้พบกับ เกาะซาโดะ (Sado Island) ในจังหวัดนีงาตะ ซึ่งฉันก็พบว่าที่นี่แหละตอบโจทย์ที่สุดแล้ว!
เกาะซาโดะ เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่มีทั้งภูเขาทัศนียภาพงามการันตีด้วย 2 ดาว Michelin Green Guide Japan และท้องทะเลสีครามมอบความสดชื่นให้เราในหน้าร้อน อะไรจะดีไปกว่า การได้ขับรถชิลล์ๆ ลัดเลาะรอบเกาะที่ขนาบไปด้วยทะเลและภูเขาตัดสลับกับทุ่งข้าวสีเขียวล่ะ แค่นึกก็ตื่นเต้นแล้ว เราจึงตัดสินใจเพิ่มเกาะซาโดะลงไปในแพลนเที่ยว
จากท่าเรือ Sado kisen Terminal ที่เมืองนีงาตะ มุ่งหน้าไปยัง Ryotsu Port โดยเรือ Jetfoil ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็พาเรามาถึงเกาะซาโดะอย่างปลอดภัย สำหรับการเดินทางภายในเกาะ เช่ารถขับจะสะดวกสุดซึ่งเราจองผ่าน ToCoo เว็บไซต์จองรถเช่าที่รวมรถจากหลากหลายบริษัทพร้อมโปรโมชั่นมากมายซึ่งการจองก็สะดวกมากเพราะมีเว็บไซต์ภาษาไทย ซึ่งครั้งนี้เราเลือกบริษัท Nippon Rent a Car ซึ่งจากท่าเรือ Ryotsu มีบริการรถรับส่งจากท่าเรือไปยังจุดรับรถด้วย เมื่อรถพร้อมใจพร้อมก็ออกเดินทางกันเลย
01 Toki Forest Park
คือศูนย์อนุรักษ์นกโทคิ (Toki) นกหายากที่เคยสูญพันธุ์ไปแล้วในญี่ปุ่น เมื่ออดีตนกโทคิสามารถพบเห็นได้ทั่วไป แต่ในช่วงยุคเมจิเนื้อและขนของนกโทคิมีมูลค่าสูงทำให้เกิดการล่า ตลอดจนการใช้สารเคมีทางการเกษตรและการทำลายสิ่งแวดล้อมก็ล้วนทำให้นกโทคิมีจำนวนลดน้อยลงเรื่อยๆ ต่อมาจึงมีการขยายพันธุ์แต่ก็ไม่เป็นผลจนกระทั่งในปี ค.ศ. 1999 ก็สามารถผสมเทียมได้สำเร็จ จากนกโทคิที่ได้รับมาเป็นของขวัญจากประเทศจีน ที่นี่จึงเป็นศูนย์เพาะพันธุ์ที่หาดูได้ที่นี่ที่เดียว น้องจึงเป็นสัตว์ที่สำคัญบนเกาะซาโดะ สังเกตได้จากผลิตภัณฑ์ของฝากมากมายบนเกาะก็เป็นรูปน้องๆ นี่แหละ
ภายในศูนย์อนุรักษ์แบ่งออกเป็นสองโซนใหญ่ๆ คือโซนที่เราสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้และโซนวิจัยและเพาะพันธุ์นก ในโซนที่อนุญาตให้เข้าไปเที่ยวชมได้นั้นเราสามารถเข้าไปชมนิทรรศการเรื่องราวของน้องโทคิ นอกจากนี้ยังสามารถชมน้องๆ ผ่านกล้องที่ทางศูนย์จัดเตรียมไว้ให้ตามจุดต่างๆ ทั้งมีทีมงานคอยอำนวยความสะดวกและยื่นนกกระดาษมาให้เราเป็นที่ระลึกอีกด้วย (น่ารักจัง)
เดินเล่นกันได้สักพักก็ถึงเวลาต้องโบกมือลาน้องๆ ขากลับเราแวะร้านของฝากด้านหน้าศูนย์ ซื้อซอฟต์ครีมมาดับร้อนสักหน่อยซึ่งก็มีให้เลือกหลากหลายรสชาติและอร่อยมากจนต้องขอเบิ้ลกันเลยทีเดียว ใครที่แวะเวียนมาที่นี่มาลองชิมกันได้นะ
Info
Hours: 8:30-17:00 น. (ปิดจำหน่ายบัตรเข้าชม 16:30 น.)
Holiday: วันจันทร์ในเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์และวันปีใหม่ (29 ธันวาคม – 3 มกราคม)
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 400 เยน, เด็ก 100 เยน
Tel: 0259-22-41233
Access: จากท่าเรือ Ryotsu ขับรถประมาณ 20 นาที หรือนั่งรถบัสสาย Minami-sen Line ลงป้าย Tokino-mori Koen
Website: http://tokinotayori.com/en/
02 Sado Kinzan Gold Mine
พิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของชาวเหมืองซึ่งในอดีตเคยเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ของเกาะซาโดะ ที่นี่มีเส้นทางศึกษาประวัติศาสตร์ให้เราเลือกดูอยู่หลายคอร์สด้วยกัน แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัดเลยเลือกคอร์ส Edo (Sohdayu Tunnel) ซึ่งใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ ทางเข้าที่เพียงแค่ก้าวขาเข้าไปก็ได้สัมผัสถึงความชื้น ของอากาศ ภายในเป็นการเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมา ขั้นตอนวิธีการทำเหมือง ตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งในแต่ละจุดต่างๆ จะมีหุ่นจำลองคอยบอกเล่าเรื่องราวแต่ละตอนดูสมจริงราวกับพิพิธิภัณฑ์มีชีวิตเหมือนได้ย้อนเวลาไปอยู่ในโลกของเหมืองทองเลยจริงๆ
เมื่อผ่านโซนหุ่นจำลองขั้นตอนต่างๆ แล้วถัดมาจะเป็นส่วนนิทรรศการ ตรงนี้จะมีกิจกรรมให้เราได้ร่วมสนุก ใครที่สามารถยกทองคำแท่งน้ำหนัก 12.5 กิโลกรัมออกจากจากกล่องได้ ก็รับของที่ระลึกไปได้เลย ไม่รอช้าเราต้องขอลองบ้าง แต่น่าเสียดายที่ต้องวืดอดได้ของที่ระลึกกลับไปเพราะยกไม่ไหวจริงๆ (ยอมแพ้)
จุดสุดท้ายนี้จะเป็นโซนร้านขายของที่ระลึก ที่นี่มีซอฟต์ครีมโรยด้วยทองคำด้วยนะ มาถึงเหมืองทองไม่ลองก็ไม่ได้แล้วแหละ อร่อยดับร้อนได้ดีทีเดียว ถ้าใครอยากรู้จักเกาะซาโดะให้มากขึ้นก็เพิ่มที่นี่ลงในลิสต์ได้เลย
Info
Hours: เมษายนถึงตุลาคม 8:00-17:30, พฤศจิกายนถึงมีนาคม 08:30-17:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: คอร์ส Edo ผู้ใหญ่ 900 เยน เด็ก 450 เยน, คอร์ส Meji ผู้ใหญ่ 900 เยน เด็ก 450 เยน, คอร์ส Edo & Meji ผู้ใหญ่ 1,400 เยน เด็ก 700 เยน
Tel: 0259-74-2389
Access: จากท่าเรือ Ryotsu ขับรถประมาณ 50 นาที หรือนั่งรถบัสสาย Honsen Line ลงป้าย Gold Mine
Website: http://www.sado-kinzan.com/en/
03 Senkakuwan Bay
หน้าผาและโขดหินรูปทรงแปลกตาตัดกับน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม เสียงคลื่นลมที่กระทบชายฝั่งเป็นระลอกๆ ทางเดินยาวเหยียดและประภาคารอันโดดเด่น เมื่อทุกอย่างประกอบรวมกันทำให้ที่นี่เป็นสุดยอดจุดชมวิวแห่งหนึ่งบนเกาะซาโดะเลยทีเดียว
ที่นี่ไม่ได้เป็นแค่จุดชมวิวสวยๆ อย่างเดียวเท่านั้น เพราะมีกิจกรรมอื่นๆ ให้เราทำด้วย อย่างการนั่งเรือท้องกระจกออกไปชมอ่าว (เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม) และตรงที่ประภาคารก็มีอควาเรียมเล็กๆ ให้เข้าไปเดินเล่นเยี่ยมชมได้ หรือใครที่ชอบถ่ายรูปแค่เดินเล่นรอบๆ ก็เพลินแล้วเพราะมีจุดถ่ายรูปมากมาย และที่สำคัญใครหิวท้องกิ่วก็มาฝากท้องกันได้ด้วยที่นี่มีอาหารและเครื่องดื่มครบ หรือจะซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านก็มีให้เลือกช็อปมากมายรวมของดีของดังเกาซาโดะไว้เพียบ
ในวันที่อากาศดีดีแบบนี้แค่ได้มาเดินเล่นนั่งชมวิวสวยๆ ก็สามารถเติมเอเนอร์จี้ระหว่างวันได้แล้ว เราเดินเล่นถ่ายรูปกันจนแบตกล้องร้องเตือนหลายทีเพราะเดินเพลินจนลืมเวลาไปเลย
Info
Hours: มีนาคมถึงเมษายน 8:00-17:00 น., พฤษภาคมถึงตุลาคม 8:00-17:30 น., พฤศจิกายน 8:30-17:00 น., ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ 8:30-16:30 น.
Holiday: –
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 550 เยน เด็ก (6-12 ปี) 280 เยน (หากนั่งเรือท้องกระจก ผู้ใหญ่ 1,100 เยน เด็ก (6-12 ปี) 550 เยน)
Tel: 0259-75-2311
Access: จากท่าเรือ Ryotsu ขับรถประมาณ 55 นาที หรือนั่งรถบัสสาย Honsen Line ป้าย Aikawa และต่อด้วย Kaifu Line ลงป้าย Senkakuwan Ageshima-yuen
04 Onogame
ภูเขาโอโนกาเมะ (Onogame) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะซาโดะ ถ้าเดินทางจากท่าเรือเรียวซึ (Ryotsu) โดยรถยนต์ก็ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง บนเส้นทางลัดเลาะริมทะเลและภูเขาที่ต้องขอบอกว่าอย่าเผลอหลับเป็นอันขาด เพราะอาจจะพลาดวิวสวยๆ ระหว่างทางเอาได้ ซึ่งก็เผลอแป๊บเดียวเราก็มาถึงที่ระดับความสูง 167 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ความดีงามของที่นี่คือมีเส้นทางเดินเที่ยวชมภูเขาที่เดินง่าย เป็นเส้นทางระยะสั้นๆ จอดรถปุ๊บก็สัมผัสกับทัศนียภาพรอบๆ ได้เลย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ใครที่ไม่ใช่สายลุยก็มาได้ และถ้ามาในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน ก็จะได้เห็นทุ่งดอกลิลลี่สีเหลืองบานสะพรั่งไปทั่วภูเขาเพิ่มสีสันให้ภูเขาโอโนกาเมะน่ารักสดใสขึ้นไปอีกเท่าตัว การันตี 2 ดาวโดย Michelin Green Guide ซึ่งจะได้สัมผัสท้องฟ้า ผืนน้ำ และภูเขาแบบพาโนรามาที่มองไปมุมไหนก็สวยไปหมด
เรามาถึงที่นี่ช่วงเวลาสุดท้ายของวันกับแดดอ่อนๆ ที่เตรียมลับขอบฟ้า วิวหลักล้านแบบนี้ทำให้ถ่ายรูปกันจนเพลิน ก่อนกลับฉันเดินลัดเลาะไหล่เขา ฟังเสียงคลื่นลมกระทบกับชายฝั่ง เป็นโมเมนต์ที่ใช่ว่าจะสัมผัสกันได้บ่อยๆ ธรรมชาตินี่ฮีลใจได้จริงๆ
Info
Hours: 24 ชั่วโมง
Holiday: –
Entrance Fee: ฟรี
Access: จากท่าเรือ Ryotsu ขับรถประมาณ 1 ชั่วโมง หรือนั่งรถบัสสาย Uchikaifu Line ลงป้าย Senkakuwan Ono-game
05 Tarai Bune
ชื่อเสียงของซาโดะส่วนหนึ่งน่าจะมาจากภาพของการนั่งเรืออ่างกลมๆ ทำจากไม้ รูปทรงมินิมอล ชมวิวทะเลสีครามที่เรียกกันว่า Tarai Bune นี่แหละ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มาที่นี่แล้วห้ามพลาดเลยนะ ใครที่เป็นแฟนแอนิเมชันของ Studio Ghibli อาจจะเคยเห็นเรืออ่างผ่านตาจากเรื่อง Spirited Away หากใครจำได้จะเป็นฉากที่ Rin พายเรืออ่างไปส่ง Chihiro ที่สถานีรถไฟลอยน้ำ ซึ่งเจ้าเรือนี้ชาวซาโดะมีไว้สำหรับหาสาหร่ายวากาเมะ, หอยเป๋าฮื้อ, ฯลฯ สาเหตุที่ต้องมีรูปทรงกลมก็เพื่อง่ายต่อการพายเข้าถึงจุดที่ยากๆ อย่างโขดหินและที่แคบอย่างแนวหินปะการังนั่นเอง
เมื่อได้ตั๋วเรือมาอยู่ในมือ เรามุ่งตรงไปที่ท่าเรือก็พบกับคุณป้าที่แต่งตัวน่ารักๆ ยืนรอต้อนรับอยู่ ฉันค่อยๆ ก้าวลงเรืออย่างระมัดระวัง ระหว่างทางคุณป้าก็คอยชี้ให้ดูวิวหรือชะลอเรือให้เราเก็บภาพ บรรยากาศบ้าง แถมยังใจดีให้เราได้ลองพายเอง แต่เห็นแบบนี้พายยากกว่าที่คิดนะ เผลอแป๊บเดียวก็พาเรือไปแบบไร้ทิศทางจนแทบจะชนกับขอบฝั่ง เลยต้องคืนไม้พายยกให้เป็นหน้าที่ของคุณป้าเหมือนเดิมดีกว่า
เรืออ่างก็ยังคงลอยล่องไปเรื่อยๆ เมื่อลอดผ่านสะพานสีแดงสดก็จะเห็นกับวิวท้องทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา คุณป้าพายวนให้ฉันได้ดื่มด่ำบรรยากาศสักพักก็พาเรากลับฝั่งอย่างปลอดภัยและพาลูกค้ากลุ่มใหม่ลงเรือไปต่อ ความพิเศษของที่นี่นอกเหนือจากรูปทรงเรือที่ไม่เหมือนใครคือท้องฟ้าสีสด น้ำทะเลใสๆ ตัดกับสะพานสีแดงกลางน้ำที่ทำให้เพลิดเพลินจนละสายตาไม่ได้ และที่ขาดไม่ได้คือคุณป้าที่คอยต้อนรับเราด้วยรอยยิ้มเสมอ ซึ่งแม้ว่าอากาศจะร้อนเดือดสักแค่ไหน ก็ไม่ทำให้ความน่ารักของที่นี่ลดลงเลย
Info
Yajima Experience & Exchange Centre
Hours: เมษายนถึงตุลาคม 8:00-17:00 น.
Holiday: 21 ตุลาคมและพฤศจิกายนถึงมีนาคม
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 500 เยน, เด็ก (6-12 ปี) 300 เยน
Access: จากท่าเรือ Ryotsu ขับรถประมาณ 1 ชั่วโมง หรือนั่งรถบัสสาย Shonan Line, Ogi Line, Shukunegi Line, Akadomari Line และ Maehama Line ลงที่ป้าย Ogi
Tel: 0259-86-2992
Website: www.sumasui.jp
06 Shukunegi Village
บ้านเรือนดีไซน์สะดุดตาดึงดูดให้เรามากันที่นี่ หมู่บ้านชุคุเนะงิในยุคเอโดะเคยเป็นแหล่งต่อเรือและท่าเรือที่รุ่งเรืองแห่งเกาะซาโดะ ซึ่งที่นี่ก็ยังคงอนุรักษ์ไว้ให้เราได้ชื่นชมกัน ทางเดินเล็กๆ ตามตรอก พาเราย้อนไปสัมผัสเรื่องราววิถีความเป็นอยู่ของชาวประมงในยุคนั้น ความพิเศษของบ้านเรือนที่นี่คือวัสดุที่นำมาสร้างล้วนมาจากกระดานเรือ โดยบางหลังเราสามารถเข้าไปเยี่ยมชมภายในบ้านได้ บางหลังมีอายุกว่า 200 ปีเลยทีเดียว
ในขณะที่บ้านสามเหลี่ยม (Sankakuya) แลนด์มาร์คของหมู่บ้านเมื่อก่อนไม่ได้อยู่บริเวณนี้ แต่ถูกย้ายมาจาก Hamochi Ohashi อีกโซนหนึ่งของเกาะซาโดะ เนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วมในปี ค.ศ. 1846 ทำให้ต้องโยกย้ายมาอยู่ที่นี่ ซึ่งแต่ก่อนเป็นบ้านที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมตามปกติ แต่พอย้ายเข้ามาเลยต้องปรับให้เข้ากับพื้นที่ซึ่งมีมุมค่อนข้างเยอะ เลยปรับให้เป็นรูปทรงสามเหลี่ยมตามที่เห็นกันอย่างทุกวันนี้
บ้านภายในหมู่บ้านบางหลังนั้นได้เปิดเป็นที่พักด้วย เราสามารถมาสัมผัสบรรยากาศแบบโลคอลกันได้ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่น่ารักๆ ซ่อนตัวในหมู่บ้านแห่งนี้ ใครที่สนใจเที่ยวแบบสายวัฒนธรรมก็ลองมาเดินเล่นเที่ยวชมที่หมู่บ้านนี้กันได้
Info
Hours : พ.-จ. 9:00-17:00 น.
Holiday: วันอังคาร
Entrance Fee: ฟรี (แต่ถ้าอยากเข้าชมภายในบ้านต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
Access: จากท่าเรือ Ryotsu ขับรถประมาณ 70 นาทีหรือนั่งรถบัสสาย Shonan Line ลงที่ป้าย Ogi และต่อรถบัสสาย Shukunegi Line ลงที่ป้าย Shukunegi
Tel.: 0259-86-2077
Website: www.shukunegi.com/en
07 Yakichi Maru
ใครที่เป็นปูเลิฟเวอร์ห้ามพลาดเลย เพราะที่นี่มีปูสดๆ มากมายให้เราได้ลิ้มลองกัน ขนาดก็หลากหลายให้เลือกในราคามิตรภาพ ความดีงามคือมีวิธีแกะปูทำเป็นรูปภาพแปะไว้ให้ด้วย เหมาะกับคนแกะปูไม่เป็นอย่างเราเป็นอย่างมาก (เลิฟ) หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาที่นี่กันได้
Info
Hours : 8:30-17:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee : –
Access: จากท่าเรือ Ryotsu ขับรถประมาณ 60 นาที
Tel.: 0259-87-3146
Photo Spot Sado Hidden Place
การเที่ยวในเกาะซาโดะถ้าจะให้สะดวกสุดก็ต้องขับรถยนต์ ซึ่งข้อดีของการขับรถเที่ยวคือเจอจุดไหน น่าสนใจก็แวะลงได้เลย ซึ่งเกาะนี้มีมุมสวยๆ เพียบ จากที่เราแวะมาตลอดทางขอแนะนำ 3 จุดที่ต้องจอด แชะ ชิลล์ ถ่ายรูป เชื่อเถอะว่าได้รูปสวยๆ กลับไปอย่างแน่นอน
08 Minimal Bus Stop
ระหว่างที่เราขับรถเลาะริมชายหาดอยู่เพลินๆ ผ่านป้ายรถเมล์สีขาวมินิมอลตัดกับสีฟ้าและผืนน้ำ ดูสะดุดตา เลยอดไม่ได้ที่ต้องหาที่จอดรถเก็บรูปโปรไฟล์ นอกจากป้ายรถบัสสีขาวแล้ว ขับรถไปอีกนิดก็จะเจออีกป้ายรถเมล์สีน้ำตาลที่น่ารักไม่แพ้กัน
พิกัด:ระหว่าง Sawata Beach กับ Sobama Beach
ป้ายสีขาว:
ป้ายสีน้ำตาล:
09 Free as a Bird
จุดนี้อยู่ทางฝั่ง Maehama Coast ระหว่างที่เรากำลังจะมุ่งหน้าไปท่าเรือเรียวซึ (Ryotsu) ก็เห็นกลุ่มคุณลุงคุณป้ากำลังให้ขนมกับฝูงนกอยู่ ซึ่งนอกเหนือจะมีฝูงนกสีขาวน่ารักๆ แล้ว ยังมีโขดหินรูปร่างแปลกตาเป็นพื้นหลังสวยจนต้องเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก
พิกัด: ฝั่ง Maehana Coast
10 Somewhere Beyond The Sea
สะพานคอนกรีตทอดยาวไปในท้องทะเลที่เราพบเจอโดยบังเอิญขณะกำลังหาที่กลับรถ แล้วก็พบว่าเป็นอ่าวที่มีเรือประมงขนาดเล็กจอดเทียบเต็มไปหมด เลยแวะเดินเล่นสักหน่อย พูดเลยว่าบรรยากาศดีมาก ใครผ่านแถวนี้แวะมาเดินเล่นกันได้
พิกัด: ฝั่ง Mano bay
การเดินทางไป เกาะซาโดะ (Sado Island)
รถยนต์
ถ้าอยากจะเที่ยวเส้นทางนี้ให้ทั่วในเวลาที่มีจำกัด รถยนต์ก็เป็นทางเลือกที่เหมาะที่สุดเพราะบางสถานที่รถสาธารณะไม่สามารถเข้าถึงได้ ส่วนตัวเราเลือกบริษัท Nippon Rent a Car ซึ่งก็แสนจะง่ายดายเพียงแค่เข้าเว็บไซต์ www2.tocoo.jp/th/ ก็สามารถเลือกรถได้ตามความต้องการ มีหลากหลายบริษัทให้เลือก มีข้อมูลภาษาไทย ที่สำคัญมีส่วนลดราคาพิเศษที่ต้องขอบอกว่าคุ้มสุด เพียงแค่มีใบขับขี่สากล เท่านี้ก็พร้อมตะลุยเที่ยวทุกที่ได้แบบสบายๆ
รถบัส
ดาวน์โหลดตารางการเดินรถบัส: www.visitsado.com/wp-content/uploads/2020/04/2020_mer3.pdf
เรือ
จะข้ามไปเกาะซาโดะ ต้องนั่งเรือจากนีงาตะ ท่าเรือ Sado Kinsen Terminal ไปยัง Ryotsu Port บนเกาะซาโดะ ซึ่งสามารถเลือกได้ 2 แบบ จะแตกต่างกันที่เวลาและราคา รายละเอียดตารางเวลาและราคาสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.sadokisen.co.jp/language/en/
1.Car Ferry เป็นเรือขนาดใหญ่สามารถนำรถยนต์ข้ามไปได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที
2.Jetfoil เป็นเรือเร็วขนาดเล็กไม่สามารถนำรถยนต์ข้ามไปได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 5 นาที
การเดินทางจาก Niigata station – Sado Kinsen Ferry Terminal
ขึ้นรถบัสจากหน้าสถานีรถไฟ Niigata ที่ช่องหมายเลข 3 รถบัสสาย Sado Kinsen Ferry Terminal ราคา 210 เยน
รถไฟ
การเดินทางจากโตเกียวสามารถนั่งรถไฟชินคันเซนไปยังจังหวัดนีงาตะได้ เพียงพกพาส JR East Pass Nagano, Niigata Area สามารถซื้อได้จากประเทศไทยผ่านทาง JTB Thailand อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.jtbthailand.com/th/home/