ฟุกุชิมะ 4 วัน 3 คืน นั่งรถไฟท้องถิ่น กินเที่ยวชมซากุระในบรรยากาศที่ชวนให้ใจชื่นบาน
สารบัญ
- DAY 1 : Tokyo → Fukushima Station → Hanamiyama Park
- แผนที่วันที่ 1
- DAY 2 : Fukushima Station → Koriyama Station → FruiTea Fukushima (Joyful Train) → Ouchi Juku → Tonkatsu Katsuichi
- แผนที่วันที่ 2
- DAY 3 : Aizu Wakamatsu Food Guide→ Tsuruga Castle → No.1 Tadami River Bridge Viewpoint → Kaneyama Fureai Hiroba → Shirifukitoge
- แผนที่วันที่ 3
- DAY 4 : Kitakata Food Guide → Nicchusen Weeping Cherry Tree
- แผนที่วันที่ 4
เราไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่า “ฟุกุชิมะ” ที่เคยเกิดเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดเพราะภัยพิบัติแผ่นดินไหวใหญ่และสึนามิเมื่อปี ค.ศ. 2011 จะเป็นจังหวัดที่น่ารักและมีความหลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ขนาดนี้
มีทั้งขบวนรถไฟที่ถูกออกแบบให้เป็นคาเฟ่เคลื่อนที่ เมืองเก่าหมู่บ้านโบราณที่เห็นแล้วทำให้อยากเดินเล่น วิวธรรมชาติงดงามแบบที่หลายคนคาดไม่ถึง จุดชมซากุระสวยๆ ก็มี อาหารรสชาติดีเพียบ รวมทั้งยังเป็นแหล่งผลิตผลไม้ที่สำคัญและมีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น
ทั้งหมดทั้งมวลแล้วจะบอกว่า ฟุกุชิมะ เป็นจังหวัดที่ควรมาให้ได้จริงๆ!
DAY 1 : Tokyo → Fukushima Station → Hanamiyama Park
01 เดินทางจากโตเกียวไปฟุกุชิมะโดย JR EAST PASS (Tohoku area)
หลังจากตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าทริปนี้จะปักหลักอยู่ที่จังหวัดฟุกุชิมะ เราจึงซื้อบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ล่วงหน้าจากเมืองไทยทันที ที่อยากพูดถึงก็เพราะว่าตลอดการเดินทางสามารถใช้บัตรโดยสารใบนี้สำหรับการขึ้นรถไฟธรรมดาและชินคันเซ็นได้ทั้งหมด ยกเว้นขบวนรถไฟ FruiTea Fukushima ที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเล็กน้อย
จากสนามบินนาริตะสามารถใช้บัตร JR EAST PASS ต่อรถไฟ Narita Express เข้าตัวเมืองโตเกียวได้โดยตรง จากโตเกียวเราก็ยังสามารถใช้บัตรโดยสารสำรองที่นั่งโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) หรือยามากาตะชินคันเซ็น (Yamagata Shinkansen) ไปลงที่สถานีฟุกุชิมะ (Fukushima Station) ได้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่ไปลงสถานีนี้ก่อนก็เพราะไม่ไกลจากสถานีมีจุดชมซากุระที่หลายคนแนะนำว่าดีต่อใจจนเราอยากไปเหลือเกิน อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) เพิ่มเติมได้ท้ายบทความ
02 สวนฮานามิยามะ | Hanamiyama Park
มาถึงฟุกุชิมะแล้วขอเริ่มทริปด้วยกิจกรรมแสนจรรโลงใจอย่างการชมซากุระที่สวนฮานามิยามะ อุทยานธรรมชาติขนาดใหญ่ตั้งอยู่ไม่ไกลสถานีรถไฟฟุกุชิมะ ภายในถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันจากดอกไม้นานาพันธุ์ตามฤดูกาลมากกว่า 30 ชนิด อาทิ ซากุระ บ๊วย พีช คาโนล่า คามีเลีย ฯลฯ โดยเฉพาะดอกซากุระสายพันธุ์โซเมโยชิโนะ (Someiyoshino) ออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งกระจายไปทั่วเนินเขาแบบที่หันกล้องไปทางไหน ถ่ายรูปมุมใดก็สวยถูกใจไปหมด
ด้านบนนี้มีบางส่วนที่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล แต่ถึงอย่างนั้นผู้เป็นเจ้าของก็ใจดีเปิดให้คนทั่วไปได้เข้ามาใช้เวลาดื่มด่ำในบรรยากาศแสนผ่อนคลายที่สวนดอกไม้แห่งนี้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ สวนกว้างขนาดนี้ถ้ามีแพลนไปที่อื่นต่อคงต้องเผื่อเวลาสักหน่อย ส่วนเราไม่ได้รีบไปไหน ก็ตั้งใจจะใช้เวลาในสวนแห่งนี้ให้เต็มที่เลย
โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่มักจะเดินทางมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะเป็นช่วงที่จะได้เห็นซากุระบานสบายตาไปทั่วทั้งเนิน การเดินทางไปสวนจากสถานีฟุกุชิมะ จะมี Shuttle Bus รถบัสรับ-ส่งเฉพาะสวนฮานามิยามะ ซึ่งวันให้บริการแตกต่างกันไปในแต่ละปี พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือตลอดช่วงดอกซากุระบาน มาถึงแล้วสามารถไปซื้อตั๋วและขึ้นรถที่ป้ายรสบัสหมายเลข 6 ได้เลย แต่หากไปในฤดูกาลอื่นๆ แนะนำให้ใช้บริการรถแท็กซี่ก็ใช้เวลาราว 15 นาทีเท่านั้น
Info
Admission: ฟรี
Sakura Period: ต้น-ปลายเมษายน
Nearest station: สถานีฟุกุชิมะ (JR Fukushima Station)
Access: ขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 6 อยู่ตรงทางออกทิศตะวันออก ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีจากสถานีฟุกุชิมะ (มีเฉพาะช่วงเทศกาลซากุระ) มาลงที่ป้ายทางเข้าสวนฮานามิยามะ จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 10 นาทีจากป้ายรถบัส
Note: แต่ละปีจุดขึ้นรถบัสอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบก่อนใช้บริการ
นั่งบัสกลับมาที่สถานีฟุกุชิมะ จากนั้นเราเดินเล่นบริเวณโดยรอบของสถานีต่ออีกหน่อย หาของอร่อยกินให้เต็มพุง แล้วค่อยกลับไปพักโรงแรม JR East Hotel Mets Fukushima ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีมากแบบที่มีทางเชื่อมถึงกัน ถ้ามีแพลนไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ต่อ เราว่าที่นี่ก็สะดวกในการเดินทางนะ
แผนที่วันที่ 1
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดแผนที่วันที่ 1
DAY 2 : Fukushima Station → Koriyama Station → FruiTea Fukushima (Joyful Train) → Ouchi Juku → Tonkatsu Katsuichi
03 รถไฟคาเฟ่ฟรุตเทีย ฟุกุชิมะ | FruiTea Fukushima
เราเขียนไว้ในตอนต้นว่า ฟุกุชิมะ เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตผลไม้ที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะพีช ลูกแพร์ แอปเปิ้ล และองุ่น ที่อยู่ดีๆ เราก็พูดเรื่องผลไม้ขึ้นมาเพราะเราค้นเจอการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ ‘Travelling Cafe’ นั่งรถไฟที่ขบวนถูกออกแบบให้เป็นคาเฟ่เคลื่อนที่ จิบชา กินขนมหวานที่ทุกชิ้นล้วนมีผลไม้ท้องถิ่นฟุกุชิมะเป็นส่วนประกอบหลัก
ภาพ: East Japan Railway Company
เราตั้งใจมานั่ง FruiTea Fukushima ที่ต้นสาย จึงนั่งชินคันเซ็นราว 15 นาที จากสถานีฟุกุชิมะมาลงที่สถานีโคริยามะ 9:52 น. รถไฟค่อยเคลื่อนตัวออกจากชานชาลาส่วนตัวเราสำรองแพ็กเกจเซ็ต 4,200 เยน รวมไว้ซึ่งค่าโดยสารและชุดน้ำชาที่ประกอบไปด้วยทาร์ตผลไม้ตามฤดูกาลหรือเค้ก 2 ชิ้น น้ำผลไม้คั้นสด และกาแฟ ขณะที่ชานั้นสามารถยกมือเติมได้ไม่อั้นเลยตลอดเส้นทาง นอกจากจะได้เพลิดเพลินกับบรรดาขนมหวานแบบจุกๆ แล้วอย่าลืมเจียดเวลามาซึมซับบรรยากาศระหว่างทางที่ชวนให้รู้สึกดีจนแอบทดไว้ในใจว่า ถ้าได้มาอีกก็อยากพาคนที่บ้านมานั่งด้วยกันอีกครั้ง
ภาพ: East Japan Railway Company
ภาพ: East Japan Railway Company
นับเป็นรถไฟที่อันซีนสุดๆ เพราะจำกัดเพียง 34 ที่นั่ง อีกทั้งจะเปิดการเดินรถเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น ทำให้แต่ละเที่ยวจองเต็มอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเพื่อความชัวร์จำเป็นต้องสำรองที่นั่งตั้งแน่เนิ่นๆ นะ
ปลายทางของขบวนรถไฟ FruiTea Fukushima คือสถานีคิตะคาตะ แต่เราเลือกลงก่อนที่สถานีไอสึวากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu Station) เพราะแพลนเอาไว้ว่าจะเที่ยวเมืองนี้ก่อน ขณะนี้เวลา 11:30 น. เราก็ถึงจุดหมายที่เมืองไอสึวากามัตสึแล้ว เฮ้!
Info
Route: ระหว่างสถานีโคริยามะ ถึง สถานีคิตะคาตะ (Koriyama – Kitakata Station) / สถานีโคริยามะ ถึง สถานีเซนได (Koriyama – Sendai Station)
Available Date: โดยปกติแล้วจะเปิดการเดินรถทุกๆ วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยวิ่งระหว่างสถานี Koriyama ถึง Kitakata สาย Ban’etsu West Line ไม่เหมือนกับในช่วงฤดูหนาวที่รถไฟจะเปลี่ยนเส้นวิ่งเริ่มต้นตั้งแต่สถานี Koriyama แล้วสิ้นสุดที่ Sendai ของสาย Tohoku Line แทน
Website: www.jreast.co.jp/e/joyful/fruitea.html
Note: บัตรโดยสาร JR EAST PASS ไม่สามารถใช้โดยสาร FruiTea Fukushima ได้ แต่สามารถใช้เพื่อโดยสารรถไฟธรรมดาหรือรถไฟชินคันเซ็นไปจนถึงสถานีที่ให้บริการได้
04 หมู่บ้านโบราณโออุจิจุคุ | Ouchi-juku
เก็บสัมภาระที่โรงแรมเรียบร้อยแล้วนั่งรถไฟท้องถิ่นต่อมาที่สถานียูโนคามิออนเซ็น (Yunokamionsen Station) หลังจากลงรถไฟแล้วอย่าเพิ่งรีบไปไหน แนะนำให้สอดส่ายสายตาไปรอบๆ บริเวณสถานีจะเห็นว่ามีซากุระเบ่งบานต้อนรับอย่างเป็นใจ ก่อนจะต่อแท็กซี่ประมาณ 10 นาที ก็จะถึงอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดฟุกุชิมะ ‘โออุจิจุคุ’ หมู่บ้านโบราณสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเอโดะ ที่ถูกใช้เป็นจุดพักแรมและเป็นเส้นทางในการขนส่งสินค้าระหว่างฟุกุชิมะ นีงาตะ และโทชิกิ
จุดเด่นของบ้านเรือนในหมู่บ้านแห่งนี้คือใช้ใบของต้นคายาบุกิมุงหลังคาซึ่งเป็นการสะท้อนวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นโบราณ ปัจจุบันบ้านแต่ละหลังก็จะปรับเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านขายของฝาก ร้านอาหารให้นักท่องเที่ยวเข้าไปใช้บริการ จุดถ่ายรูปยอดนิยมคือให้เดินขึ้นเนินเขาด้านหลัง จะเห็นวิวบ้านเรือนโบราณเรียงรายทั้งหมู่บ้านงดงามตามคาด
ชื่นชมสถาปัตยกรรมของหมู่บ้านโบราณจนอิ่มใจ เลยแวะกิน ‘Negi Soba’ จนอิ่มท้อง เมนูนี้ล่อใจเราด้วยตะเกียบวิเศษ คือร้านจะเสิร์ฟโซบะมาพร้อมกับต้นหอมญี่ปุ่นที่จะใช้ตะเกียบนั่นเอง คีบเส้นโซบะทานพร้อมๆ กับกัดต้นหอมเข้าไปด้วย เส้นโซบะนุ่มๆ กับความกรอบของต้นหอม เข้ากันดีเชียวล่ะ!
Info
Nearest Station: สถานียูโนคามิออนเซ็น (Yunokamionsen Station)
Access: จากสถานีไอสึวากามัตสึนั่งรถไฟสายทาดามิ (Tadami Line) ต่อด้วยสายไอสึเท็ตสึโด (Aizu Tetsudo Line) ต่อมาราว 30 นาที มาลงที่สถานียูโนคามิออนเซ็น (Yunokamionsen Station) จากนั้นให้ต่อแท็กซี่ประมาณ 10 นาที หรือขึ้นบัสจากป้ายหน้าสถานียูโนคามิออนเซ็นไปลงที่ป้ายโออุจิชิโมะ (Ouchishimo) ก็จะถึงหมู่บ้านโบราณโออุจิจุคุ
Website:ouchi-juku.com
Note: ใช้ JR EAST PASS (Tohoku area) ขึ้นรถไฟสายทาดามิและไอสึเท็ตสึโดได้
05 ทงคัตสึ คัตสึอิชิ | Tonkatsu Katsuichi
ปิดท้ายวันด้วยมื้อหนักอย่าง ‘คัตสึด้ง’ หรือ ‘ข้าวหน้าหมูทอด’ อีกหนึ่งเมนูท้องถิ่นขึ้นชื่อของเมืองไอสึวากามัตสึ สังเกตได้จากมีร้านจำหน่ายเฉพาะคัตสึด้งกระจายตัวอยู่หลายแห่งในเมือง เราปักหมุดไปที่ร้าน Tonkatsu Katsuichi เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟและโรงแรมที่พัก
คัตสึด้งของไอสึแท้ๆ ต้องมี 3 ชั้น ใส่ข้าวญี่ปุ่นเป็นอันดับแรก ทับด้วยกะหล่ำปลีหั่นฝอย และโปะหน้าด้วยหมูชุบแป้งทอดชิ้นโต ราดด้วยซอสชุ่มฉ่ำสูตรดั้งเดิม กินพร้อมกันในคำเดียวคือสวรรค์น้อยๆ ของคนรักของทอด ในเซ็ตของร้านนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมผักดอง ถั่วแระต้ม และมิโซะซุปไว้ซดให้คล่องคอ
Info
Hours: 11:00-14:00 น. และ 17:00-22:00 น.
Holiday: วันอาทิตย์ในสัปดาห์ที่ 1 และ 3 ของเดือน
Nearest Station: สถานีไอสึวากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu Station)
Access: เดินเท้า 4 นาที (350 เมตร) จากสถานีไอสึวากามัตสึ
Note: เวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบก่อนเดินทาง
แผนที่วันที่ 2
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดแผนที่วันที่ 2
DAY 3 : Aizu Wakamatsu Food Guide→ Tsuruga Castle → No.1 Tadami River Bridge Viewpoint → Kaneyama Fureai Hiroba → Shirifukitoge
06 เมืองไอสึวากามัตสึ | Aizu Wakamatsu Food Guide
ช่วงเช้าวันที่สองเราตั้งใจว่าจะเที่ยวเล่นในเมืองไอสึวากามัตสึที่โด่งดังในฐานะแหล่งผลิตข้าวและข้าวหมัก ทั้งยังมีจุดท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นมากมาย พร้อมเดินชมอาคารบ้านช่องของคนท้องถิ่น สัมผัสบรรยากาศย้อนยุคด้วยเพราะเมืองนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าซามูไรในสมัยเอโดะ
แวะเข้าร้านค้าโลคอล นั่งคาเฟ่ชาวบ้านจิบกาแฟและกินขนมเท่าที่ใจอยาก สำหรับเราถ้าวัดกันจริงๆ อาหารการกินน่าจะเป็นหนึ่งสิ่งที่สะท้อนวิถีชีวิตของคนบ้านเมืองนั้นๆ ได้ดีที่สุด จึงไม่พลาดสำรวจร้านอร่อยในเมืองไอสึวากามัตสึอย่างเพลิดเพลินพุง
Aizu Ichibankan
อยากเริ่มวันใหม่ให้สดใส จะมีอะไรเพลิดเพลินไปกว่าการได้นั่งจิบกาแฟหอมกรุ่นในพื้นที่แสนสงบ ร้านแรกที่แวะไปคือ Aizu Ichibankan คาเฟ่สไตล์เรโทรในอาคารเก่าตั้งแต่สมัยเมจิร้านกาแฟตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ส่วนชั้น 2 เป็นพิพิธภัณฑ์
คนที่มานั่งที่ร้านส่วนใหญ่จะชอบดื่มกาแฟทุนเดิม เพราะที่ร้านมีเมล็ดกาแฟคุณภาพดีหลากหลาย นอกเหนือจากนี้ยังมีเมนูเบาท้องอย่างแซนด์วิช ขนมเค้ก โทสต์ และพุดดิ้งให้เลือกสั่งมากินคู่กันได้ ภายในร้านตกแต่งด้วยไฟสลัวจากโคมไฟสุดวินเทจ โต๊ะไม้สีโอ๊ก และแน่นอนว่ามีเจ้าวัวเเดงอากาเบโกะ มาสคอตประจำเมืองไอสึอยู่ด้วย
Info
Hours: 8:00-20:00 น.
Holiday: –
Nearest station: สถานีไอสึวากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu Station)
Access: เดินเท้า 15 นาที (1.2 กิโลเมตร) จากสถานีไอสึวากามัตสึ
Mitsutaya
เดินเท้าต่อมาอีกประมาณ 280 เมตร เราพบกับ Mitsutaya ร้านค้าเก่าแก่ตั้งแต่ช่วงปลายสมัยเอโดะที่จำหน่ายมิโซะเดงกาคุ (Miso Dengaku) บุกก้อนย่างราดซอสมิโซะที่ว่ากันว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูโลคอลต้องกินหากมาถึงเมืองไอสึวากามัตสึ
ปกติแล้วเรามักจะพบบุกในเมนูโอเด้ง หรือบุกแบบเส้นในชาบูชาบู แต่เจ้าเมนูที่ว่านี้ใช้บุกแบบก้อนเสียบไม้แล้วนำไปย่างไฟอ่อนๆ ก่อนจะเสิร์ฟพร้อมราดซอสมิโซะรสหวานเค็ม ในบริเวณเดียวกันนี้ยังมีโซนจำหน่ายสินค้าสำหรับซื้อกลับบ้านด้วย
Info
Hours: 10:00-17:00 น.
Holiday: เดือนมกราคมถึงมีนาคม หยุดทุกวันพุธ, เดือนเมษายนถึงธันวาคม หยุดทุกวันพุธในสัปดาห์ที่ 1, 2, 3 ของเดือน ยกเว้นในกรณีที่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปิดให้บริการ
Website: https://www.mitsutaya.jp/
Nearest station: สถานีไอสึวากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu Station)
Access: เดินเท้า 16 นาที (1.3 กิโลเมตร) จากสถานีไอสึวากามัตสึ
Kohikan Kura
อีกร้านที่อยากบอกต่อให้สายหวาน Kohikan Kura ร้านอาหารเก่าแก่ที่ซ่อนตัวอยู่หลังทางเข้าอิฐเล็กๆ ของอาคารทรงสวยแปลกตา เปิดทำการมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 ภายในร้านเลือกใช้ของเก่ามาตกแต่งร้านได้อย่างน่ารัก เลี้ยงปลาทองในทีวีเครื่องเก่า ฟิกเกอร์โบราณก็ตั้งในตู้ไม้รอบๆ ร้าน ฯลฯ
ที่ร้านจะเสิร์ฟทั้งของคาว ของหวาน และเครื่องดื่มต่างๆ แต่ด้วยความที่ท้องยังแน่นจึงเลือกสั่งเพียงขนมและกาแฟดำ ซึ่งเป็นขนมหวานที่รสชาติถูกปากเราเป็นพิเศษ พนักงานแสนสุภาพเดินมาเสิร์ฟอาหารพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ก็ยิ่งทวีความประทับใจขึ้นไปอีก สัญญาว่าถ้ามีโอกาสไปอีกจะเผื่อท้องไว้สั่ง Hayashi Rice ข้าวหน้าสตูว์เนื้อสไตล์ญี่ปุ่น เมนู Recommended ของร้านให้ได้!
Info
Hours: 8:00-21:00 น.
Holiday: –
Nearest station: สถานีไอสึวากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu Station)
Access: เดินเท้า 15 นาที (1.2 กิโลเมตร) จากสถานีไอสึวากามัตสึ
07 ปราสาทสึรุกะ | Tsuruga Castle (Tsuruga-jo)
อิ่มท้องจากอาหารคาวหวานเจ้าเด็ดมากมายในเมืองไอสึวากามัตสึแล้ว เราขอเดินย่อยต่อไปสำรวจสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ ‘ปราสาทสึรุกะ’ หรือมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า ‘ปราสาทไอสึวากามัตสึ’ ด้วยเพราะเคยถูกใช้เป็นศูนย์กลางแคว้นไอสึในอดีต ของเดิมถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1384 แต่ที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นเป็นปราสาทที่บูรณะขึ้นใหม่หลังจากถูกทำลายลงในปี ค.ศ. 1874 นั่นเอง
นอกจากอาคารหลักแล้วยังมีโรงน้ำชาริงคาคุ (Rinkaku) ที่ถูกสร้างใหม่ขึ้นพร้อมๆ กัน ภายในมีพิธีชงชาแบบดั้งเดิมให้คนทั่วไปได้เข้าร่วม บริเวณโดยรอบปราสาทยังมีสวนสาธารณะปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle Park) ที่นับเป็นอีกจุดชมซากุระยอดนิยมในฤดูใบไม้ผลิ แนะนำว่าให้ซื้อขนมนมเนยมานั่งปูผ้าปิกนิกชมวิวซากุระบานก็ชิลล์ไปอีกแบบ อีกทั้งยามฟ้ามืดจะมี Illumination ไฟหลากสีประดับประดาก็ยิ่งทำให้ซากุระและปราสาทดูสวยน่ามองขึ้นไปอีก
Info
Hours: 8:30-17:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: Castle Tower และ Rinkaku ผู้ใหญ่ 520 เยน, นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น 150 เยน, เด็กเล็กและผู้ทุพพลภาพ เข้าฟรี
Nearest Station: สถานีไอสึวากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 30 นาที (2.7 กิโลเมตร) จากสถานีไอสึวากามัตสึ
Website: http://www.tsurugajo.com/language/eng/
08 จุดชมวิวสะพานข้ามแม่น้ำทาดามิหมายเลข 1 | No.1 Tadami River Bridge Viewpoint
รถไฟเจอาร์สายทาดามิ (JR Tadami Line) เป็นสายรถไฟท้องถิ่นที่เชื่อมระหว่างเมืองไอสึวากามัตสึกับจังหวัดนีงาตะที่โด่งดังในเรื่องของทิวทัศน์อันงดงามระหว่างทาง จนได้รับความนิยมสูงถึงขนาดได้เสียงโหวตเป็นอันดับ 1 ในการจัดอันดับสายรถไฟท้องถิ่นสายญี่ปุ่นตะวันออกที่คนชื่นชอบมากที่สุด ถ้าเดินทางมาในฤดูใบไม้ผลิก็จะได้เห็นวิวซากุระสีชมพูเกือบตลอดทาง เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ให้สายตาได้พักจากสมาร์ทโฟนในมือ
พร้อมๆ กันนี้เราก็ถือโอกาสจัดทริปถ่ายรูปรถไฟตามจุดชมวิวสูงๆ ซึ่งจะเดินทางโดยรถไฟสายทาดามินี่แหละ เพราะสามารถใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ขึ้นรถไฟสายนี้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สายประหยัดอย่างเราซื้อมาทั้งทีก็ต้องใช้ให้คุ้มหน่อย จุดแรกที่อยากแนะนำเป็นจุดถ่ายภาพรถไฟแล่นผ่านสะพานข้ามแม่น้ำที่ถูกโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ในทุกฤดูกาล เชื่อว่าหลายคนน่าจะเห็นตามโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์บ่อยๆ ความเมื่อยล้าจากการเดินขึ้นเขา พอได้สูดอากาศบริสุทธิ์ด้านบน พร้อมชมวิวมุมกว้างสุดลูกหูลูกตาแบบนี้ก็ชวนรู้สึกดี
การเดินทางถ้าไม่ได้เช่ารถขับจะยุ่งยากไปบ้าง แต่ถ้าอยากประหยัดก็หนทางที่ดี จากสถานีไอสึวากามัตสึต้องโดยสารรถไฟไปลงที่สถานีไอสึมิยาชิตะ แล้วเปลี่ยนมานั่งรถบัสไปลงที่จุดพักรถโอเซไคโด มิชิมะจูคุ (Ozekaido Mishima Juku Roadside Station) จากนั้นเดินขึ้นทางด้านข้างอุโมงค์ต่ออีกเล็กน้อยจะถึงจุดหมาย ข้อควรระวังคือรอบรถบัสระหว่างจุดพักรถและสถานีสถานีไอสึมิยาชิตะมีน้อยมาก ควรซื้อตั๋วแบบไป-กลับและคำนวณเวลาอย่างรอบคอบ
Info
Website: www.okuaizu.net/en/tadami-line
Nearest Station: สถานีไอสึมิยาชิตะ (Aizu-Miyashita Station)
Access: จากสถานีไอสึวากามัตสึให้โดยสารรถไฟเจอาร์สายทาดามิมาลงที่สถานีไอสึมิยาชิตะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที แล้วโดยสารรถบัสไปลงที่ป้ายจุดพักรถโอเซไคโด มิชิมะจูคุ (Ozekaido Mishima Juku Roadside Station) ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จากจุดพักรถเดินเท้าต่ออีกประมาณ 3 นาที จะเจออุโมงค์ ทางขึ้นจุดชมวิวหมายเลข 1 อยู่ด้านซ้ายมือของอุโมงค์
Note: ใช้ JR EAST PASS (Tohoku area) ขึ้นรถไฟสายทาดามิได้
09 จุดชมวิวคาเนยามะ ฟุเรไอ ฮิโรบะ | Kaneyama Fureai Hiroba
อีกหนึ่งจุดที่อยากแนะนำอยู่ห่างกันราว 30 นาทีจากจุดชมวิวสะพานข้ามแม่น้ำทาดามิหมายเลข 1 โดยรถไฟ เรายังใช้บริการรถไฟสายทาดามิเหมือนเดิมมาลงที่สถานีไอสึคาวากุจิ (Aizu-Kawaguchi Station) จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 800 เมตรจะพบกับจุดชมวิวรถไฟสวยเก๋คาเนยามะ ฟุเรไอ ฮิโรบะ
คนมักจะมารอถ่ายภาพยามที่รถไฟแล่นเลียบแม่น้ำทาดามิ พร้อมฉากหลังเป็นภูเขาที่อยู่อีกฟากฝั่งของแม่น้ำ ไกลออกไปอีกนิดเราเห็นหมู่บ้านเล็กๆ ริมแม่น้ำ ใจลึกๆ ก็แอบอิจฉาคนในหมู่บ้านที่ได้ตื่นนอนมาพร้อมวิวธรรมชาติงามๆ ไม่มีอาคารสูงใหญ่ หรือเขม่าควันดำจากรถยนต์คละคลุ้งให้รำคาญใจ อาจเป็นภาพธรรมดาสำหรับคนท้องถิ่น แต่กับชาวต่างชาติที่มาจากเมืองใหญ่ ทิวทัศน์ที่เรากำลังมองเห็นนี้ก็ชวนให้รู้สึกดีจริงๆ
Info
Website: fukushima-zekkei.jp
Nearest Station: สถานีไอสึคาวากุจิ (Aizu-Kawaguchi Station)
Access: จากสถานีไอสึวากามัตสึให้โดยสารรถไฟ JR สายทาดามิมาลงที่สถานีไอสึคาวากุจิ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที จากนั้นให้เดินเท้าต่ออีกประมาณ 8 นาที (800 เมตร) ตามแผนที่ก็ถึงจุดชมวิวคาเนยามะ ฟุเรไอ ฮิโรบะ
10 สันเขาชิริฟุคิโทเกะ | Shirifukitoge
จากจุดชมวิวที่เราไปทั้งหมด สันเขาชิริฟุคิโทเกะเป็นแห่งเดียวที่ต้องขับรถยนต์ขึ้นไปเท่านั้น หากมาทางรถไฟสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีไอสึคาวากุจิ จากบริเวณนี้จะได้เห็นภาพมุมกว้างของแม่น้ำทาดามิที่คดเคี้ยว ภูเขาสูงเลียบแม่น้ำแซมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ลานกว้างอีกฝั่งของแม่น้ำเป็นชนบทเล็กๆ มีบ้านเรือนคนท้องถิ่นตั้งกระจุกตัวอยู่อย่างน่ารัก คนญี่ปุ่นที่ไปด้วยกันบอกว่าภาพที่เห็นจะมีเสน่ห์แตกต่างกันออกไปตามแต่ฤดูกาล ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรก็คงซื้อตั๋วมาเที่ยวกันเองแล้วล่ะ
Info
Nearest Station: สถานีไอสึคาวากุจิ (Aizu-Kawaguchi Station)
แผนที่วันที่ 3
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดแผนที่วันที่ 3
DAY 4 : Kitakata Food Guide → Nicchusen Weeping Cherry Tree
11 เมืองคิตะคาตะ | Kitakata Food Guide
วันที่สามเราเลือกนั่งรถไฟไปวันเดย์ทริปที่เมืองคิตะคาตะ ซึ่งเป็นที่รู้จักในหมู่คนรักราเมน จากสถานีไอสึวากามัตสึให้โดยสารรถไฟสายบังเอ็ตสึเวสท์ (Ban’etsu West Line) มาลงที่สถานีคิตะคาตะได้โดยตรงราวครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
เกร็ดน่าสนใจที่เราไปเจอมาคือ ภายในเมืองมีร้านราเมนมากกว่า 100 ร้าน ดังนั้นวันนี้เราจะไปทัวร์กินทั้งคาวหวานให้สมใจอยาก อีกทั้งเมืองคิตะคาตะมีชื่อเสียงในเรื่องของการเปลี่ยนบ้านหรือโกดังเก่าให้เป็นร้านค้าในปัจจุบัน ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ทุบของเก่าแล้วสร้างใหม่เด็ดขาด ถึงว่าล่ะ ระหว่างที่เดินเล่นมองไปทางไหนรอบๆ เมืองก็เต็มไปด้วยอาคารเก่าที่น่าสนใจมากมาย ถ้าชอบเดินชมสถาปัตยกรรมเก่าๆ เมืองคิตะคาตะก็เป็นอีกแห่งในญี่ปุ่นที่คุณน่าจะชอบ
Bannai Shokudo
ถ้าเดินผ่านก็ต้องคิดว่านี่เป็นร้านอาหารแสนธรรมดา แต่นี่หนึ่งในร้านราเมนที่มีชื่อเสียงของเมืองคิตะคาตะที่เราลิสต์ไว้อันดับต้นๆ ในใจว่าถ้ามาถึงที่แล้วต้องได้กิน ดาวเด่นของร้านคือ ‘Kitakata Ramen’ ชามยักษ์ ว่ากันว่าติดท็อปทรีราเมนรสเยี่ยมที่สุดในญี่ปุ่นเชียวล่ะ
ลักษณะพิเศษของคิตะคาตะราเมนคือเส้นจะแบน หนานุ่ม และหยักคล้ายคลื่น น้ำซุปใสที่ถูกจริตเราทำจากปลา กระดูกหมู และซอสโชยุที่ทำจากวัตถุดิบในเมืองคิตาตาตะเอง ท็อปมาด้วยหน่อไม้ หมูที่ตุ๋นจนนุ่มกำลังดี ปิดด้วยต้นหอมซอย เป็นความอร่อยที่หาได้ที่เมืองคิตะคาตะเท่านั้น
Info
Hours: ศ.-พ. 7:00-18:00 น.
Holiday: วันพฤหัสบดี ยกเว้นกรณีที่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปิด, วันปีใหม่
Website: shop.bannaisyokudou.jp
Nearest Station: สถานีคิตะคาตะ (Kitakata Station)
Access: เดินเท้า 10 นาที (800 เมตร) จากสถานีคิตะคาตะ
Kissa Kura
ร้านขนมหวานสไตล์โชวะที่รักษาบรรยากาศแบบยุคนั้นเอาไว้ได้อย่างดี ทั้งการตกแต่งร้าน เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานล้วนแล้วแต่เสริมสร้างให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไป อาจไม่ใช่สไตล์อันเป็นที่ชื่นชอบของวัยรุ่นสมัยนี้ แต่เป็นความแปลกใหม่ที่เราว่าร้านรูปแบบนี้หานั่งได้ยากแล้วในปัจจุบัน
ที่นี่จำหน่ายเพียงขนมหวานและเครื่องดื่ม เราเลือกสั่งกาแฟดำร้อนและ ‘Cream Anmitsu’ ขนมญี่ปุ่นโบราณที่ยังได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ในหนึ่งถ้วยประกอบไปด้วยดังโงะ ถั่วแดงบด ไอศกรีม ผลไม้สด และอาการ์ (วุ้นที่ทำจากสาหร่ายทะเล) ให้เข้ากับบรรยากาศเก่าๆ ซึ่งเป็นแบบที่ถูกใจเรามาก
Info
Hours: จ.-ส. 10:00-18:00 น.
Holiday: วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
Nearest Station: สถานีคิตะคาตะ (Kitakata Station)
Access: เดินเท้า 15 นาที (1.2 กิโลเมตร) จากสถานีคิตะคาตะ
Kunugiyama Coffee Shop
กลิ่นหอมโชยตามลมมาแต่ไกลทำให้รู้ได้ทันทีว่านี่คือร้านกาแฟ คนรักกาแฟอย่างเราจึงตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจสักหน่อย พบว่าที่ร้านมีเมล็ดกาแฟให้เลือกหลายชนิดและหลากหลายระดับการคั่วให้คอกาแฟได้เพลิดเพลิน
นอกเหนือจากเมนูกาแฟที่ร้านยังมีอาหารและขนมให้บริการด้วย ส่วนขนมที่ถูกปักหมุดให้เป็นเมนูแนะนำของร้านคือ ‘พาร์เฟ่ต์’ ผลไม้ตามฤดูกาล เราสั่งพาร์เฟ่ต์สตรอว์เบอร์รีซึ่งเสิร์ฟมาในถ้วยพูนทรงโดมเล็กๆ ซึ่งอัดแน่นไปด้วยไอศกรีม วิปครีมเนื้อเนียน และท็อปมาด้วยสตรอว์เบอร์รีสดแบบจัดเต็ม
Info
Hours: อ.-อา. 11:00-16:00 น.
Holiday: วันจันทร์
Website: www.kunugimame.com
Nearest Station: สถานีคิตะคาตะ (Kitakata Station)
Access: เดินเท้า 13 นาที (1 กิโลเมตร) จากสถานีคิตะคาตะ
Tsuki-to-Ohisama (Tukitoohisama)
ร้านขายอาหาร ขนม และของฝากบรรยากาศอบอุ่นที่ถูกปรับมาจากบ้านส่วนตัวเมื่อปี ค.ศ. 2012 ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นร้านค้าที่ค่อนข้างเก่า แต่พอได้เข้าไปแล้วให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปเยี่ยมบ้านคุณยายที่ต่างจังหวัดยังไงยังงั้น
อาหารและขนมทุกเมนูล้วนเป็นแบบโฮมเมดที่เจ้าของร้านปรุงขึ้นอย่างพิถีพิถัน ส่วนตัวเราที่มาเยี่ยมเยือนร้านด้วยของกินเต็มท้อง จึงเลือกสั่งเพียงเครื่องดื่มและขนมปังติดตัวเอาไว้เผื่อหิวระหว่างทาง อร่อยใช้ได้เลยล่ะ หรือจะแวะมาซื้อของที่ระลึกไอเดียเก๋กลับไปก็ได้เช่นกัน เพราะที่ร้านก็มีนิทรรศการแสดงสินค้าหมุนเวียนมาจัดอยู่บ่อยครั้ง
Info
Hours: พฤ.-จ. 10:00-18:00 น.
Holiday: วันอังคารและพุธ
Website: tukitoohisama.com
Nearest Station: สถานีคิตะคาตะ (Kitakata Station)
Access: เดินเท้า 15 นาที (1.2 กิโลเมตร)
12 จุดชมซากุระนิชชูเซน | Nicchusen Weeping Cherry Tree
เริ่มต้นทริปด้วยการชมซากุระก็ขอปิดด้วยการชมซากุระให้ใจชื่นบานตลอดทริป ในเมืองคิตะคาตะก็มีพื้นที่แสนผ่อนคลายเปิดให้คนทั่วไปได้ดื่มด่ำกับเส้นทางเดินและปั่นจักรยานชมซากุระยาว 3 กิโลเมตร ที่มีมากกว่า 1,000 ต้นเชียวล่ะ โดยมีจุดเด่นตรงที่เป็นซากุระสายพันธุ์กิ่งย้อยสวยไปอีกแบบ ในอดีตเส้นทางนี้เคยเป็นทางรถไฟสาย Nicchu Line ที่วิ่งระหว่างเมืองคิตะคาตะและอัตสึชิโอะออนเซ็น (Atsushio Onsen) หมู่บ้านออนเซ็นใน ฟุกุชิมะ นั่นเอง
แม้ปัจจุบันจะไม่มีเส้นทางรถไฟนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีขบวนรถจักรไอน้ำคันเก่าจอดไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ทำความรู้จักด้วย จุดเริ่มต้นของถนนสายนี้อยู่ใกล้ๆ กับสถานีคิตะคาตะ เดินเท้าได้ระยะทางราว 400 เมตร แต่ถ้าจะไปจุดที่มีรถจักรไอน้ำโบราณ จะอยู่ห่างออกไปประมาณ 1.6 กิโลเมตร แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถเดินได้เรื่อยๆ ไม่ได้รู้สึกเหนื่อย คงเพราะเหล่าซากุระสีชมพูคอยปลอบประโลมใจจนลืมเหนื่อยก็เป็นไปได้
Info
Sakura Period: กลาง-ปลายเมษายน
Nearest Station: สถานีคิตะคาตะ (Kitakata Station)
Access: เดินเท้า 5 นาที (400 เมตร) จากสถานีคิตะคาตะ
แผนที่วันที่ 4
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดแผนที่วันที่ 4
เกี่ยวกับบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area)
บัตรโดยสารสุดคุ้มที่ใช้โดยสารรถไฟในภูมิภาคโทโฮคุ ทั้งรถไฟท้องถิ่น ชินคันเซ็น รถไฟท่องเที่ยว Joyful Train จะนั่งชินคันเซ็นจากโตเกียวไปลงโคริยามะหรือ ฟุกุชิมะ ก็สำรองได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมถึงสามารถใช้นั่งรถไฟ Narita Express จากสนามบินนาริตะ หรือ Tokyo Monorail จากสนามบินฮาเนดะได้ฟรีหมดภายในระยะเวลา 5 วัน โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อกันภายในระยะเวลา 14 วัน
หากมีบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถสำรองที่นั่งชินคันเซ็นและรถไฟ Joyful Train ออนไลน์ได้ฟรีทางเว็บไซต์ eki-net.com ล่วงหน้า 1 เดือน หรือที่ห้องจำหน่ายตั๋ว JR East Travel Service Center สีเขียวบริเวณสถานีใหญ่ๆ ในญี่ปุ่น เช่น สถานี Tokyo, Shinjuku, Shibuya, Ueno, Koriyama, Fukushima ฯลฯ
Info
Ticket Price: ผู้ใหญ่อายุ 12 ปีขึ้นไป 19,350 เยน, เด็กอายุ 6-11 ปี 9,670 เยน (ราคาจำหน่ายในประเทศไทย)
Period: 5 วัน โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อกันภายในระยะเวลา 14 วัน
Website: www.jreast.co.jp
Note: ราคาบัตรโดยสารดังกล่าวเป็นราคาที่ตรวจสอบในวันที่ 9 กรกฎาคม 2563
วิธีซื้อ JR EAST PASS (Tohoku area) แบบง่ายที่สุด
วิธีซื้อ JR EAST PASS (Tohoku area) แบบง่ายที่สุด ก็คือซื้อผ่านเอเจนซี่ในประเทศไทยที่เชี่ยวชาญเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะได้ราคาที่ถูกกว่าการไปซื้อที่ประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ Wendy Tour, HIS และ JTB สามารถติดต่อและสอบถามรายละเอียดได้ทางโทรศัพท์หรือเว็บไซต์ต่อไปนี้
Wendy Tour | Tel: 02-214-1763 Website: www.wendytour-th.com/JR-East.html |
HIS | Tel: 02-022-0933 Website: th.his-bkk.com/japan-rail-pass/jr-east-pass |
JTB | Tel: 02-344-4688 / 02-344-4600 |
ตัวอย่างทริปท่องเที่ยวด้วยบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area)