Early Summer in Tohoku : เที่ยวโทโฮคุต้นฤดูร้อน ท่องไปตามป่าเขียวขจีในช่วงอากาศดีที่สุดของปีในญี่ปุ่น
กลีบซากุระร่วงโรย เวลาก็ล่วงเลยผ่านเดือนเมษายนมา ก็ถึงเวลาถอดเสื้อตัวหนาเหลือไว้แค่เสื้อตัวบางด้านใน สายแอคทีฟอย่างฉันที่อ่อนไหวกับธรรมชาติและชอบเที่ยวญี่ปุ่นตอนต้นฤดูร้อนที่สุด เพราะเราไม่จำเป็นต้องแบกสัมภาระให้รุงรัง อีกทั้งอากาศกำลังดี ทำให้เดินชมนกชมไม้เขียวชอุ่มได้สบายมาก บทความนี้จะชวนคุยไปเที่ยวไปในช่วงต้น ฤดูร้อน (ปลายเม.ย.-ถึงปลายมิ.ย.) ของภูมิภาค โทโฮคุ เพราะจริงๆ ก็มีกิจกรรมและสถานที่ที่เปิดให้บริการพิเศษในช่วงนี้โดยเฉพาะ
ซึมซับบรรยากาศและสัมผัสธรรมชาติสีเขียวขจีในช่วงต้น ฤดูร้อน ของภูมิภาค โทโฮคุ
เป็นเรื่องปกติที่คนจะอยากเดินทางมาญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิเพื่อดูซากุระ ฤดูหนาวเพื่อเล่นหิมะขาวหรือจะเป็นชาวตามเก็บใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง แต่สำหรับคนชอบอุณหภูมิสูงหน่อยอย่างใน ฤดูร้อน แบบที่ใส่เสื้อผ้าแบบที่มีในเมืองไทยได้สบาย ช่วงกลางปีแบบนี้ก็อาจเป็นจังหวะดีที่จะมาเดินเล่นท่ามกลางทัศนียภาพเขียวขจีของภูมิภาค โทโฮคุ ตั้งแต่โซนเหนือของเมืองเซนไดขึ้นไป ได้แก่ อาโอโมริ อาคิตะ อิวาเตะ มิยากิ และยามากาตะ
ทีมนักท่องเที่ยวสายประหยัดคงจะพอรู้กันว่าสถานที่แต่ละแห่งในโทโฮคุนั้นอยู่ค่อนข้างห่างไกลกัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีบัตรโดยสารสำหรับใช้แทนตั๋วรถไฟ ที่จะช่วยประหยัดค่าเดินทางไปได้เยอะจริงๆ และถ้าจะเที่ยวภูมิภาคนี้ก็ต้องซื้อบัตร JR EAST PASS (Tohoku area) พกติดตัวไว้ให้อุ่นใจ ก็น่าเพิ่มเลเวลความสนุกในการเดินเที่ยวได้อีกเยอะ
ข้อมูลบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area)
เที่ยวทั่ว โทโฮคุ ในช่วงต้น ฤดูร้อน ด้วยบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area)
เที่ยวให้โทโฮคุให้คุ้มค่าก็ต้องมีบัตรโดยสารซึ่งใช้แทนตั๋วสำหรับโดยสารรถไฟ แนะนำให้รู้จักกับ JR EAST PASS (Tohoku area) ที่ใช้นั่งทั้งชินคันเซ็น รถไฟท้องถิ่น รถไฟท่องเที่ยว Joyful Train (บางขบวน) ในเส้นทาง JR EAST Lines ได้ฟรีทั้งหมด รวมถึงสามารถใช้โดยสารรถ JR BUS TOHOKU นั่งรถไฟ Narita Express จากสนามบินนาริตะ หรือ Tokyo Monorail จากสนามบินฮาเนดะได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นกัน
ราคา: ผู้ใหญ่ 20,000 เยน, เด็ก 10,000 เยน
เงื่อนไข: ต้องใช้ 5 วัน ติดต่อกัน
จุดจำหน่าย: ซื้อผ่านเครื่องจำหน่ายตั๋วบางสถานี, เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว หรือซื้อผ่านเอเจนซี่ในประเทศไทย
วิธีใช้งาน: สอดบัตรโดยสารกับเครื่องตรวจตั๋วอัตโนมัติของสถานีรถไฟได้เลย
หมายเหตุ: ราคาและเงื่อนไขการใช้ดังกล่าวจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2021 เป็นต้นไป
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.kiji.life/jr-east-pass-price-2021
Aomori
เดินป่าตามเส้นทางชมธรรมชาติ Oirase
ลำธารโออิราเสะที่เมื่อนานมาแล้วเคยเป็นแหล่งภูเขาไฟ พอปะทุบ่อยเข้าก็เกิดเป็นอุทกภัยครั้งใหญ่จนกลายเป็นลำธารน้ำใสในภายหลัง ปัจจุบันเส้นทางเลียบลำธารโออิราเสะนี้กลายเป็นเส้นทางชมธรรมชาติระยะทาง 14 กิโลเมตร ที่ฮอตฮิตจนทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาไม่ขาดสาย
คนที่รักการเดินป่าน่าจะเพลิน และถ้าชอบเดินแบบที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียวขจี แนะนำว่าช่วงเดือนก่อนฤดูร้อนจะเหมาะสม เพราะสามารถสูดกลิ่นดินชุ่มชื้นใบไม้เขียวแตกยอดอ่อนได้อย่างสบายใจเลยล่ะ ถ้าจะเดินตั้งแต่ต้นจนถึงปลายทางก็ใช้เวลาราว 4-5 ชั่วโมง แล้วแต่กำลังขาและกำลังใจ แต่อยากเดินนิดหน่อยพอให้ใจเต้นเร็วขึ้นก็ได้ ระหว่างทางมีป้ายรถบัสให้ขึ้นลงได้ตลอดทางด้วยเช่นกัน ไฮไลท์ที่อยากแนะนำคือ Kumoinotaki Falls (ป้าย Kumoinotaki) และ Choshi-otaki Falls (ป้าย Choshi-otaki) น้ำตกแลนด์มาร์คที่มีช่างภาพมาถ่ายรูปกันเพียบ
Info
Oirase Gorge
Location: ระหว่างป้ายรสบัส Yakeyama กับ Nenokuchi (8 ป้าย)
Nearest Station: สถานีอาโอโมริ (Aomori Station)
Access: จากสถานีอาโอโมริ นั่งรถ JR BUS TOHOKU ที่ป้ายหมายเลข 11 ข้างๆ Tourist Information Center Aomori City ไปลงที่ป้าย Yakeyama ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางชมธรรมชาติโออิราเสะ
Note: หากมีบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งฟรี
ล่องเรือและเดินเล่นริมทะเลสาบ Lake Towada
ทะเลสาบโทวาดะเชื่อมต่อกับเส้นทางชมธรรมชาติโออิราเสะ นับเป็นอีกจุดชมธรรมชาติที่สวยงามของอาโอโมริ นอกจากจะได้ผ่อนคลายไปกับแสงระยิบระยับยามแดดอ่อนๆ กระทบกับน้ำทะเลสาบและเหล่าต้นไม้นานาพันธุ์โดยรอบแล้ว ยังมีภูเขาฮักโกดะ (Mt. Hakkoda) เป็นฉากหลังเสริมให้ที่นี่สวยทวีคูณขึ้นอีก
จากโออิราเสะสามารถนั่งบัสยาวมาลงที่ทะเลสาบโทวาดะได้เลย โดยให้นั่งมาลงที่ป้ายสุดท้ายจะเจอ JR HOUSE TOWADA บริเวณนี้มีทั้งร้านอาหาร ร้านค้า วัดวา และศาลเจ้า ทั้งยังมีกิจกรรมถีบเรือเป็ดและพายเรือแคนูสำหรับคนเบื่อริมฝั่ง แต่ถ้าเมื่อยล้าจากการเดินหลายชั่วโมง แนะนำกิจกรรมล่องเรือสำราญ ซึ่งจะได้เปลี่ยนบรรยากาศไปชมวิวในอีกรูปแบบหนึ่ง
Info
Lake Towada
Period: เรือสำราญ, เรือแคนู และเรือเป็ด ให้บริการเฉพาะปลายเดือนเมษายนถึงกลางพฤศจิกายน
Nearest Station: สถานีอาโอโมริ (Aomori Station)
Access: จากสถานีอาโอโมริ นั่งรถ JR BUS TOHOKU ที่ป้ายหมายเลข 11 ข้างๆ Tourist Information Center Aomori City ไปลงสุดสายที่ป้าย Lake Towada (Yasumiya) ซึ่งเป็นทะเลสาบโทวาดะพอดี แต่ถ้าจะล่องเรือให้ลงป้าย Nenokuchi ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
Website: www.towadako.or.jp/en
Note:
– หากมีบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งฟรี
– ไม่สามารถชำระด้วย IC Card (สมาร์ทการ์ด)
– JR BUS TOHOKU ให้บริการแบบ First come, First served ใครมาถึงก่อน ก็สามารถขึ้นรถได้ก่อนตามรอบที่มีให้บริการ ก่อนเดินทางแนะนำให้ตรวจสอบรอบรถทางเว็บไซต์ www.jrbustohoku.co.jp/en
ชมดอกแอปเปิ้ลขาวที่สวนในเมือง Hirosaki
เมืองฮิโรซากิ เป็นแหล่งปลูกแอปเปิ้ลอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น เหมาะกับคนที่อินกับแอปเปิ้ลขั้นสุด เพราะมีทั้งสวนและร้านพายแอปเปิ้ลกระจายตัวอยู่ทั่วเมือง ขนาดที่ว่าแจก Apple Pie Map ให้หยิบแล้วสามารถตามเก็บได้ทั่ว
ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมหลังจากที่ดอกซากุระร่วงโรย เมืองฮิโรซากิจะมีเทศกาลชมดอกแอปเปิ้ล (Hirosaki Apple Flower Festival) ขอแนะนำให้แวะไป Hirosaki Apple Park หนึ่งในสวนผลไม้อันดับท็อปๆ ของเมืองนี้ ชวนชมดอกแอปเปิ้ลสีนวลเริ่มเบ่งบานเป็นระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ อีกทั้งภายในงานจะมีผลิตภัณฑ์จากแอปเปิ้ลมาออกร้านให้ผู้มาเยือนลองลิ้มรส หรือจะซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านก็ได้ทั้งนั้น
Info
Hirosaki Apple Park
Period: Hirosaki Apple Flower Festival ต้นถึงกลางพฤษภาคม
Hours: 9:00-17:00 น.
Holiday: –
Nearest Station: สถานีฮิโรซากิ (Hirosaki Station)
Access: นั่งแท็กซี่จากสถานีฮิโรซากิ ใช้เวลา 14 นาที
เดินป่าชมสระมรกต Aoike ในพื้นที่มรดกโลกชิราคามิ
ต้นฤดูร้อนแบบนี้ สายแอคทีฟอย่าพลาดไปเดินป่าในเทือกเขาชิราคามิ (Shirakami Sanchi) มรดกโลกทางธรรมชาติที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 อุดมไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มนานาพันธุ์โดยเฉพาะต้นบีชญี่ปุ่นในพื้นที่กว้างที่สุดในโลกราว 812,500 ไร่
มาแล้วอย่าลืมแวะไปที่สระมรกตอาโออิเคะ (Aoike) ซึ่งไม่ไกลจากสถานีจูนิโกะด้วย สีเขียวมรกตสวยๆ ของน้ำเกิดจากแร่ธาตุตามธรรมชาตินั่นเอง
Info
Aoike
Nearest Station: สถานีจูนิโกะ (Juniko Station)
Access: นั่งรถบัสจากด้านหน้าสถานีจูนิโกะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จากนั้นเดินเท้าต่ออีกเล็กน้อย
+Special Guide
Resort Shirakami
ภาพ: East Japan Railway Company
ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเที่ยวภูเขาหรือทะเล ขอให้นึกถึง Resort Shirakami รถไฟสายธรรมชาติที่พาวิ่งเลียบหาดของเทือกเขาชิราคามิ (Shirakami Sanchi) มรดกโลกทางธรรมชาติที่สวยจับใจและวิวป่าเขาลำเนาไพรที่ทำให้สดชื่นชุ่มฉ่ำหัวใจในทันตา บวกกับดีไซน์และบรรยากาศอบอุ่นจากไม้ภายในขบวนที่เหมือนยกป่าโทโฮคุมาไว้ในรถไฟ
เส้นทาง: ระหว่างสถานีอาคิตะ (Akita Station) จังหวัดอาคิตะ กับสถานีอาโอโมริ (Aomori Station) จังหวัดอาโอโมริ
วันให้บริการ: ส่วนใหญ่รถไฟจะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) ให้บริการเกือบทุกวัน
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.jreast.co.jp/e/joyful/shirakami.html
เดินเทรลริมชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก Michinoku Coastal Trail
ช่วงประมาณเดือนมิถุนายนที่อากาศกำลังดี เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการเดินเทรลชมธรรมชาติสบายๆ เป็นที่สุด บริเวณริมชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกระหว่างเกาะคาบุชิมะ (Kabushima Island) ในเมืองฮาจิโนเฮะ (Hachinohe) จังหวัดอาโอโมริ กับมัตสึกาวะอุระ (Matsugawaura) เมืองโซมะ (Soma) ในจังหวัดฟุกุชิมะ มี Michinoku Coastal Trail เส้นทางเทรลเป็นระยะทางราว 1,000 กิโลเมตร แบ่งออกเป็นหลายคอร์ส แต่ถ้าเดินทางมาเที่ยวอาโอโมริพอดีก็ขอแนะนำรูทฮาจิโนเฮะไว้ในอ้อมใจ
ระหว่างเดินจะได้เพลิดเพลินกับสิ่งรอบกาย ทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมตามท้องถิ่นที่เดินผ่าน บางจุดก็มีกิจกรรมให้ร่วมสนุก เช่น การสะสมสแตมป์เพื่อไปแลกเป็นรางวัลเพื่อยืนยันว่าคุณเดินมาจนจบคอร์สแล้ว เป็นต้น
Info
Michinoku Coastal Trail (Hachinohe Route)
Nearest Station: สถานีซาเมะ (Same Station)
Access: จากสถานีซาเมะ เดิน 12 นาที
Route Map: www.tohoku.env.go.jp/mct/english/top/pdf/01_hachinohe_map.pdf
Website: www.tohoku.env.go.jp/mct/english/
+Special Guide
TOHOKU EMOTION
ภาพ: East Japan Railway Company
รถไฟร้านอาหารที่ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อช่วยฟื้นฟูท้องถิ่น เพราะได้รับความเสียหายอย่างหนักจากสึนามิเมื่อปี ค.ศ. 2011 ซึ่งเดือนมีนาคมนี้ครบรอบสิบปีพอดี ทั้ง 3 ตู้ของรถไฟขบวนนี้ทำหน้าที่เป็นร้านอาหารที่ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารรสเลิศโดย Executive Chef จากห้องอาหารชื่อดัง วัตถุดิบที่นำมาใช้ก็เป็นของดีในท้องถิ่น เคล้าบรรยากาศชายฝั่งซันริกุที่รสชาติอร่อยทั้งอาหารและวิว
เส้นทาง: ระหว่างสถานีสถานีฮาจิโนเฮะ (Hachinohe Station) จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) กับคุจิ (Kuji Station) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate)
วันให้บริการ: รถไฟจะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) ให้บริการในวันศุกร์ เสาร์-อาทิตย์ จันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.jreast.co.jp/e/joyful/tohoku.html
Akita
เดินเล่นในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ Misato Lavender Field
ทุ่งลาเวนเดอร์ที่คุณรู้จักอาจอยู่ในฮอกไกโด แต่อันที่จริงจังหวัดอาคิตะก็มีทุ่งลาเวนเดอร์ให้แวะมาวิ่งเล่นได้เช่นกัน พิเศษเฉพาะช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงต้นกรกฎาคมของทุกปี ที่เมืองมิซาโตะ (Misato) จะมีเทศกาลชมดอกลาเวนเดอร์หลากสายพันธุ์ประมาณ 20,000 ต้นสุดลูกหูลูกตา มองผ่านๆ เหมือนกำลังถูกห่มด้วยผ้าสีม่วงละมุน
ในช่วงเทศกาลจะมีร้านอาหารท้องถิ่นรวมถึงมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ลาเวนเดอร์เป็นส่วนประกอบมาออกร้านให้เลือกช็อปมากมาย อีกทั้งจะได้สัมผัสประสบการณ์เก็บดอกลาเวนเดอร์ ส่วนใครที่พาเด็กเล็กไปก็ไม่ต้องกลัวจะเบื่อ เพราะเขามีโซนเครื่องเล่นเด็กให้บริการด้วย เหมาะมากสำหรับการแวะมาพักผ่อน ทุ่งลาเวนเดอร์นี้เข้าชมได้ฟรีด้วยนะ
Info
Misato Lavender Field
Period: กลางเดือนมิถุนายนถึงต้นกรกฎาคม
Hours: 9:00-17:00 น.
Entrance Fee: ฟรี
Nearest Station: สถานีโอมาการิ (Omagari Station)
Access: จากสถานีโอมาการิ นั่งแท็กซี่ประมาณ 20 นาที
สูดกลิ่นธรรมชาติและชื่นชมความงามของน้ำตกที่ Dakigaeri Gorge
ภาพ: www.tohokukanko.jp
อยู่ในเมืองใหญ่นานๆ ก็อาจมีบ้างที่คิดถึงการสูดกลิ่นต้นไม้ใบหญ้า หุบเขาดาคิกาเอริเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของเมืองเซมโบกุ ว่ากันว่าถ้าเดินทางมาในฤดูร้อนสีเขียวของเหล่าพรรณไม้ที่แตกยอดอ่อนก็ให้ความรู้สึกสดชื่นมาก เอกลักษณ์ของที่นี่คือแม่น้ำทามะ (Tama River) ที่ไหลผ่านช่องเขาจะเป็นสีฟ้าสด
ใบหุบเขามีหลายจุดน่าชม ตรงสะพานคามิโนะอิวาฮาชิ (Kami no Iwahashi Bridge) เป็นหนึ่งจุดถ่ายรูปยอดนิยม และอย่าแวะลืมไปขอพรที่ศาลเจ้าดาคิกาเอริ (Dakigaeri Shrine) ถ้าเดินย้อนกลับไปอีกฝั่ง จะเจอเส้นทางชมธรรมชาติ 1.5 กิโลเมตร มีอุโมงค์หินเหมือนในการ์ตูนสตูดิโอจิบลิ พ้นอุโมงค์ออกมาจะพบกับน้ำตกมิคาเอริ (Mikaeri Falls) อยู่ทางด้านขวามือ ลองจับเวลาเดินเอื่อยๆ ชมนกชมไม้มาเรื่อยๆ ก็ราว 30 นาที
ภาพ: www.tohokukanko.jp
Info
Dakigaeri Gorge
Entrance Fee: ฟรี
Nearest Station: สถานีคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Station)
Access: จากสถานีคาคุโนะดาเตะ นั่งแท็กซี่ประมาณ 15 นาที
Website: www.city.semboku.akita.jp/en
จุดชมวิวหมุนได้ Kanpuzan Rotating Observatory
ภาพ: www.tohokukanko.jp
ถ้าบอกว่านี่คือหอคอยสำหรับชมวิวพาโนรามา 360 องศา ตั้งอยู่บนเขาคังปู (Mt. Kanpu) ในเมืองโองะ (Oga) อาจไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นเท่าไร แล้วถ้าบอกว่านี่คือหอคอยหมุนได้ล่ะ ดูเก๋และน่าไปขึ้นมาเลยไหม เราสามารถนั่งหรือยืนชม แล้วปล่อยให้ฐานหอคอยทรงกลมหมุนรอบตัวเองพาเราไปทอดสายชื่นชมทัศนียภาพได้ทุกองศาจริงๆ
ภาพ: www.tohokukanko.jpภาพ: www.thegate12.com
หอคอยคังปูไม่ได้เปิดตลอดทั้งปี แต่จะให้บริการเฉพาะช่วงที่หญ้าบนเขามีสีเขียวขจีเท่านั้น จากด้านบนนี้จะได้เห็นทิวทัศน์สวยตรึงใจทั้งภูเขาคังปู คาบสมุทรโอกะ ท่าเรือโนชิโระ แหลมนิวโดซากิ ไปจนถึงเทือกเขาชิราคามิ (Shirakami Sanchi) ซึ่งเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติของญี่ปุ่นด้วย
Info
Kanpuzan Rotating Observatory
Period: กลางเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนธันวาคม
Hours: 8:30-17:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 550 เยน, เด็ก 270 เยน
Nearest Station: สถานีวาคิโมโตะ (Wakimoto Station)
Access: จากสถานีวาคิโมโตะ นั่งแท็กซี่ประมาณ 12 นาที
Website: www.akita-chuoukotsu.co.jp/kanpuzan
Iwate
สวนไฮเดรนเยียใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น Michinoku Ajisai Garden
ภาพ: www.ichitabi.jp
เชื่อว่าคนที่เคยเดินทางมาญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม น่าจะเคยเห็นดอกไฮเดรนเยียเบ่งบานตามข้างถนนบ้างล่ะ แต่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่ามีสวนมิจิโนะคุอาจิไซ เป็นทุ่งไฮเดรนเยียขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ที่เมืองอิชิโนะเซกิ (Ichinoseki)
ภาพ: www.tohokukanko.jp
สวนนี้ใหญ่ขนาดที่ว่ามีแผนที่เส้นทางเดินชมแจกก่อนเข้า ภายในเต็มไปด้วยไฮเดรนเยียหลากหลายสีสันประมาณ 400 สายพันธุ์ ทั้งชนิดสวยและหายากละลานตาจำนวนกว่า 40,000 ต้น เลาะตามทางไปเรื่อยๆ ก็มีคาเฟ่และร้านอาหารให้นั่งพักพร้อมๆ กับชมวิวดอกไม้ แต่ถ้าเดินไม่ไหวก็มีรถกอล์ฟให้บริการด้วย
Info
Michinoku Ajisai Garden
Period: ปลายเดือนมิถุนายนถึงปลายกรกฎาคม
Hours: 8:00-17:00 น.
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, เด็ก 200 เยน
Nearest Station: สถานีอิชิโนะเซกิ (Ichinoseki Station)
Access: จากสถานีอิชิโนะเซกิทางออกตะวันตก (West Exit) ให้ขึ้นรถบัสที่จุดจอดรถบัสหมายเลข 7 ไปลงที่ป้าย Mizukami (水上) ประมาณ 30 นาที จากนั้นเดินประมาณ 15 นาที
Website: www.ichitabi.jp
ถ่ายภาพตามังกรที่ Kagami-numa (Hachimantai Dragon Eye)
บึงคากามินุมะ บึงน้ำสีฟ้าสวยตั้งอยู่บนอุทยานแห่งชาติฮาจิมันไต (Hachimantai) เป็นที่เลื่องลือในการเดินทางมาชมปรากฏการณ์ “ตามังกร (Dragon Eye)” ขนาดใหญ่ ซึ่งจะเผยให้เห็นเพียง 2 สัปดาห์ต่อปีเท่านั้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นช่วงระหว่างกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนมิถุนายน จึงกลายเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษที่ใครๆ ต่างรอคอย
ในฤดูหนาวบึงน้ำนี้จะถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและค่อยๆ ละลายเป็นน้ำสีฟ้า จนกระทั่งปลายเดือนพฤษภาคมหิมะรอบๆ จะละลายจนเหลือเพียงเกาะตรงกลาง และหิมะตรงจุดศูนย์กลางก็จะละลายเมื่อเข้าสู่ต้นเดือนมิถุนายน จนมีลักษณะคล้ายดวงตาของมังกรนั่นเอง ข้อควรระวังคือบางปีก็ไม่สามารถเห็นดวงตามังกรได้ แนะนำให้ตรวจสอบทางเว็บไซต์ล่วงหน้า
Info
Kagami-numa (Hachimantai Dragon Eye)
Period: กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนมิถุนายน
Hours: 9:00-16:00 น.
Entrance Fee: ฟรี
Nearest Station: สถานีโมริโอกะ (Morioka Station)
Access: จากสถานีโมริโอกะ ให้ขึ้นบัสสาธารณะหรือ Shizen Sansaku Bus ไปลงที่ป้าย Hachimantai Summit (八幡平頂上) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
Website: www.hachimantai.co.jp
ล่องเรือโบราณที่หุบเขาหินเก่าแก่ Geibikei Gorge
เกบิเคเป็นหุบเขาหินเก่าแก่กว่า 100 ปี แม้จะได้ยินมาว่าหุบเขาเกบิเคเป็นที่นิยมเดินทางมาเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วง แต่ฤดูร้อนก็สวยไม่แพ้กัน เพราะจะได้เห็นสีเขียวชอุ่มของต้นไม้กับโขดหินผา มองเห็นปลาแหวกว่ายในน้ำใสสะอาดเพลินตา
กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเลยคือ การล่องเรือ เพราะเรือไม้ของที่นี่ต่อด้วยมือทีละลำอย่างประณีตด้วยไม้สนซีดาร์ของญี่ปุ่น มีลักษณะส่วนหัวเรือกว้างและแบนราบไร้สิ่งกีดขวางเพื่ออำนวยผู้ทุพพลภาพให้สามารถนั่งได้ด้วย ระหว่างล่องเรือจะมีฝีพายมาขับกล่อมด้วยเพลงเกบิโออิวาเกะ (Geibi Oiwake) ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านญี่ปุ่นโบราณ ด้านในสุดของหุบเขามีช่องหินอธิษฐาน ที่เชื่อกันว่าหากขว้างหินผ่านเข้าไปในช่องได้ คำอธิษฐานของเราจะเป็นจริง
Info
Geibikei Gorge
Hours: 8:30-16:30 น.
Holiday: –
Fee: ค่าบริการล่องเรือ (90 นาที) ผู้ใหญ่ 1,800 เยน, นักเรียนชั้นประถม 900 เยน, เด็กเล็ก 200 เยน
Nearest Station: สถานีเกบิเค (Geibikei Station)
Access: จากสถานีเกบิเค เดินประมาณ 6 นาที จะถึงจุดขึ้นเรือ
Website: www.geibikei.co.jp/th
+Special Guide
POKÉMON with YOU Train
ภาพ: East Japan Railway Company
ถ้ามีแพลนจะไปหุบเขาเกบิเคในช่วงต้น ฤดูร้อน ลองนั่งรถไฟสุดคาวาอี้ขบวนสีเหลืองสดใสที่เต็มไปด้วยปิกาจูไปก็น่าสนใจทีเดียว จุดประสงค์หลักของรถไฟขบวนนี้ก็คือการสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กๆ ในแถบ โทโฮคุ ซึ่งเป็นบริเวณที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ. 2011
เส้นทาง: ระหว่างสถานีอิชิโนะเซกิ (Ichinoseki Station) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) กับสถานีเคเซ็นนุมะ (Kesennuma Station) จังหวัดมิยากิ (Miyagi)
วันให้บริการ: รถไฟจะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) และไม่ได้บริการทุกวัน ส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดของนักเรียนทุกระดับชั้น (ช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูหนาว)
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.jreast.co.jp/e/joyful/pokemon.html
Miyagi
สัมผัสบรรยากาศสงบในวัดดอกไฮเดรนเยีย Shifukuji Temple
ใครที่ชอบดอกไฮเดรนเยีย วัดชิฟุกุจิ วัดเล็กๆ ในเมืองเซนได จังหวัดมิยากิก็เป็นอีกหนึ่งพิกัดในญี่ปุ่นที่คุณไม่ควรพลาดเลย ภายในวัดเต็มไปด้วยพุ่มดอกไฮเดรนเยียมากมายสมฉายาน่ารักๆ ว่าเป็น “วัดแห่งดอกไฮเดรนเยีย”
อันที่จริงวัดชิฟุกุจิเป็นหนึ่งในห้าวัดของตระกูลดาเตะ (Date) ผู้ครองแคว้นเซนไดในอดีต หากไม่ใช่เดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคมที่วัดนี้จะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก แต่เมื่อฤดูกาลไฮเดรนเยียมาถึงเมื่อไร ที่วัดก็จะคึกคักไปด้วยผู้คน เพียงเดินทางมาถึงก็จะพบกับพุ่มดอกไฮเดรนเยียที่เบ่งบานต้อนรับตั้งแต่บันไดทางขึ้นวัด ผสานกับบรรยากาศสงบเงียบ เหมาะกับการเดินทอดน่องเอื่อยๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยที่สุด
Info
Shifukuji Temple
Period: ปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม
Hour: 24 ชม.
Holiday: –
Entrance Fee: ฟรี
Nearest Station: สถานีคิตะเซนได (Kita-Sendai Station)
Access: จากสถานีคิตะเซนได เดินประมาณ 15 นาที
แวะเช็คอินที่ทะเลสาบห้าสี Okama Crater
โอคามะเป็นทะเลสาบที่เกิดจากการยุบตัวของปากปล่องภูเขาไฟจนเกิดเป็นหลุมใหญ่และกลายเป็นทะเลสาบในที่สุด อยู่ภายในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติซาโอะ (Zao Quasi-National Park) ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดมิยากิและยามากาตะ จึงสามารถเดินทางได้จากทั้งสองจังหวัด ที่นี่มีเอกลักษณ์คือสีของน้ำในทะเลสาบจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ถูกเรียกว่า Goshikiko ซึ่งแปลว่า “ทะเลสาบห้าสี” นั่นเอง ที่พิเศษคือไม่ได้เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปีนะ ถ้าอยากเห็นต้องเดินทางไปใช้ช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น สายธรรมชาติที่ชอบเดินห้ามพลาดเชียว!
Info
Lake Okama
Period: ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
Access: สามารถเดินทางไปได้ทั้งจากเซนไดและยามากาตะ
จากเซนได: นั่งโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) จากสถานีเซนไดไปลงที่สถานีชิราอิชิซาโอะ (Shiraishizao Station) ใช้เวลา 14 นาที จากนั้นต่อรถบัสจากป้ายด้านหน้าสถานีไปลงที่ป้าย Zao Katta Summit (รถบัสให้บริการเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดเท่านั้น)
จากยามากาตะ: นั่งรถไฟธรรมดาสายยามากาตะ (Yamagata Line) จากสถานียามากาตะไปลงที่สถานีคามิโนยามะออนเซ็น (Kaminoyamaonsen Station) ใช้เวลา 12 นาที แล้วนั่ง Shuttle Bus ฟรีจากหน้าสถานี (2 เที่ยวต่อวัน) ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นต่อกระเช้าขึ้นไปที่ยอดเขาแล้วเดินต่อ 6 นาที
Website: www.zao-machi.com
Yamagata
ตะลอนเก็บเชอร์รี่ในเมืองแห่งผลไม้ Tendo
เมืองเทนโด ในจังหวัดยามากาตะ มีสวนผลไม้หลายแห่งให้เลือกแวะเด็ดลิ้มรสชาติสดๆ จากต้น บางแห่งก็แปรรูปผลไม้เป็นของฝากที่สามารถซื้อกลับบ้านได้ หรือบางแห่งก็เปิดเป็นคาเฟ่ผลไม้ให้นั่งชิลล์กันในบรรยากาศเขียวชอุ่มของสวนสวย จนใครหลายคนบอกว่าที่นี่คือ “อาณาจักรผลไม้”
หนึ่งในนั้นคือไร่ผลไม้โอโช (OHSYO Fruits Farm) ฟาร์มผลไม้ตามฤดูกาลขนาดใหญ่ที่สุดในยามากาตะ ที่นี่เปิดให้เราได้เดินไล่ไปตามต้นแล้วเด็ดผลที่เล็งไว้กินสดๆ แบบบุฟเฟ่ต์ตลอด 30 นาที ที่นี่ปลูกทั้งเชอร์รี่, พีช, องุ่น และแอปเปิ้ลตามแต่ฤดูกาล ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนมิถุนายนของทุกปี เป็นฤดูกาลของเชอร์รี่ญี่ปุ่น
Info
OHSYO Fruits Farm
Hours: พฤ.-อ. 9:00-15:00 น.
Holiday: วันพุธ, 1 ธ.ค.-15 พ.ค.
Fee: บุฟเฟ่ต์เก็บเชอร์รี่ 20-31 พฤษภาคม ผู้ใหญ่ 3,000 เยน, เด็ก 2,800 เยน, เด็กเล็ก 2,000 เยน / 1-15 มิถุนายน ผู้ใหญ่ 2,700 เยน, เด็ก 2,500 เยน, เด็กเล็ก 1,800 เยน
Nearest Station: สถานีซากุรัมโบฮิกาชิเนะ (Sakurambo-Higashine Station)
Access: จากสถานีซากุรัมโบฮิกาชิเนะ นั่งรถแท็กซี่ประมาณ 15 นาที
Website: www.ohsyo.co.jp
เดินขึ้นบันไดหินกว่า 1,000 ขึ้นไปสักการะวัดบนเขา Yamadera
วัดยามาเดระเป็นวัดดังของจังหวัดยามากาตะ คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ววัดนี้มีชื่อว่า วัดริชชาคุจิ (Risshakuji Temple) แต่เพราะวัดตั้งอยู่บนภูเขา ชื่อวัดจึงมาจากคำว่ายามะที่แปลว่า “ภูเขา” และเทระ/เดระ แปลว่า “วัด” คนจึงนิยมเรียกยามาเดระตามสถานที่ตั้งมากกว่า
บรรยากาศภายในไม่ค่อยเหมือนวัดเท่าไรนัก ด้วยตั้งอยู่ท่ามกลางป่าสน แม่น้ำ ต้นไม้ใบหญ้าน้อยใหญ่มากมาย จึงทำให้วัดดูสงบเงียบกว่าปกติ แนะนำให้แวะชม Konpon Chudo Hall วิหารหลักสร้างโดยไม้บีชที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปและจัดแสดงวัตถุโบราณเกี่ยวกับวัดให้ได้ชมกัน ถ้ากำลังขายังพอไหว ลองเดินขึ้นบันไดกว่าพันขั้นไปจนสุดถึงหอคอยโกไดโด (Godaido) โฟโต้สปอตที่มีคนมารอถ่ายรูปกันเพียบเลย ยิ่งถ้ามาช่วงต้นฤดูร้อนก็จะเห็นท้องฟ้าสีครามกับต้นไม้เขียวขจี แต่อย่าถ่ายรูปเพียงอย่างเดียว เพราะวิวจากด้านบนนี้ก็สวยจนลืมเหนื่อยไปเลย
Info
Risshakuji Temple (Yamadera)
Hours: 8:00-17:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: 300 เยน
Nearest Station: สถานียามาเดระ (Yamadera Station)
Access: จากสถานียามาเดระ เดินประมาณ 4 นาที
Website: www.rissyakuji.jp
+Special Guide
Toreiyu Tsubasa
ภาพ: East Japan Railway Company
ในเมื่อจังหวัดยามากาตะมีชื่อเสียงเรื่องออนเซ็น เขาก็เล่นใหญ่ยกเอาบ่อออนเซ็นมาไว้ที่ท้ายขบวนรถไฟให้ผู้โดยสารได้มาแช่เท้าระหว่างเดินทางเพื่อผ่อนคลายกัน นอกจากนี้ยังมีเลานจ์เป็นเสมือนพื้นที่พักผ่อนชวนให้นั่งเอื่อยพลางจิบเครื่องดื่มท้องถิ่นหลังแช่เท้าด้วย
เส้นทาง: ระหว่างสถานีฟุกุชิมะ (Fukushima Station) จังหวัดฟุกุชิมะ กับสถานีชินโจ (Shinjo Station) จังหวัดยามากาตะ (Yamagata)
วันให้บริการ: รถไฟจะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) และไม่ได้บริการทุกวัน ส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.jreast.co.jp/e/joyful/toreiyu.html