ฉันกับโตเกียว คงมีโชคชะตาต้องกันแน่ๆ ก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอธิบายว่า ทำไมฉันจึงมีโอกาสได้รู้จักมุมน่ารักมุมแล้วมุมเล่าของมหานครแห่งนี้ สถานที่ที่จะมาเล่าถึงคราวนี้ก็ยังคงอยู่ในโตเกียว และอยู่ใจกลางเมืองเสียด้วย         

Shibuya Publishing & Booksellers Tokyo

คราวที่มาโตเกียวครั้งแรก ฉันมีนัดสัมภาษณ์ศิลปินสาวชาวญี่ปุ่น ซึ่งย้อมผ้าด้วยคะกิชิบุ (Kakishibu) หรือลูกพลับ เธอเช่าอพาร์ตเมนต์เป็นสำนักงานร่วมกับเพื่อนๆรวมกันสี่คน ทุกคนชอบเมืองไทยและทำงานสร้างสรรค์ เราคุยกันถูกคอ เมื่อจะลากลับ หนึ่งในหญิงสาวได้แนะนำร้านหนังสือร้านหนึ่งให้ เธอไม่ได้บอกสรรพคุณอะไรมากนัก แค่บอกว่าพวกเราน่าจะชอบ เมื่อเสร็จสิ้นการทำงานในวันนั้น ฉันและเพื่อนจึงลองเดินตามลายแทง ไปหาร้านหนังสือร้านนั้นกัน

Shibuya Publishing & Booksellers ชื่อร้านก็บอกชัดอยู่แล้วว่าร้านต้องอยู่ที่ชิบุยะ (Shibuya) แน่ๆ แต่ที่ฉันชอบก็เพราะว่าร้านตั้งอยู่บนถนนที่ค่อนข้างเงียบ แม้จะเดินจากห้าแยกชิบุยะที่ผู้คนขวักไขว่มาเพียงไม่ไกล แต่ถนนเส้นนี้แทบไม่มีรถยนต์ขับผ่าน ในเวลาหัวค่ำที่ฉันไปถึงก็มีผู้คนบนถนนบางตา ภาพที่จำได้แม่นคือ ระหว่างทางที่เราเดิน จะมีหนุ่มๆที่ดูเหมือนหลุดมาจากนิตยสารป็อปอายขี่จักรยานผ่านมาเป็นระยะๆ 

ร้านหนังสือ Shibuya Publishing & Booksellers ชิบูย่า โตเกียว

ฉันไม่ค่อยอ่านหนังสือไกด์บุ๊ก ไม่รู้จักร้านนี้มาก่อน ไม่รู้ว่านี่คือร้านหนังสือชื่อดังหรือไม่อย่างไร ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจึงมาจากตัวเองล้วนๆ ร้านหนังสือสีขาวเปิดไฟสว่างตัดกับบรรยากาศมืดๆริมถนนภายนอก  ร้านดูไม่ใหญ่เลยและมีแค่ชั้นเดียว แต่หนังสือที่วางเรียงรายโชว์หน้าปกอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่กลางร้าน ดึงดูดให้เราเข้าไปหาแทบจะโดยทันทีเล่มแล้วเล่มเล่า ดูน่าหยิบน่าอ่านไปหมด ความรู้สึกกระตือรือร้นเมื่ออยู่ในร้านหนังสือเช่นนี้ฉันแทบจะลืมไปแล้ว ระหว่างที่ดำดิ่งกับหนังสือตรงหน้า ก็รู้สึกตัวขึ้นมาว่า เพลงเพราะจังเลย เพลงเบาๆที่เปิดคลออยู่ในร้าน มันช่างไปกันได้ดีเหลือเกินกับภาพที่อยู่ตรงหน้าและสัมผัสของสิ่งของที่อยู่ในมือ

ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเข้าร้านหนังสือหรือมีความฝันอยากเปิดร้านหนังสือ มาเจอร้านนี้คงได้คิดวิเคราะห์สูตรความสำเร็จกันสนุกแน่ ฉันกับเพื่อนต่างเพลิดเพลินกับหนังสือจนลืมเวลา ล่วงเลยมาราวสามทุ่มกว่า แต่ในร้านยังมีลูกค้ากระจายตัวอยู่ทั่วไป ต่างคนต่างอยู่ ไม่วุ่นวาย ไม่เกะกะกัน นอกจากหนังสือ ในร้านยังมีมุมแกลเลอรี่เล็กๆ และมีสินค้าอื่นๆที่น่าสนใจวางจำหน่ายด้วย เมื่อติดตามดูความเป็นไปของร้านในภายหลังพบว่า แต่ละช่วง ร้านจะสร้างธีมเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่น คราวนี้พูดถึงการทำขนม ก็อาจจะมีขนมวางขายอยู่ข้างๆหนังสือ หรือเมื่อพูดถึงการใช้ชีวิตกลางแจ้ง ก็จะมีสินค้าแบรนด์เอาท์ดอร์อย่าง Patagonia มาจำหน่ายในร้าน เป็นการเชื่อมโยงโลกของหนังสือเข้ากับแฟชั่น ความทันสมัย วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คน

Shibuya Publishing & Booksellers

สิ่งหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ ที่นี่เป็นสำนักพิมพ์ด้วย และห้องทำงานของคนทำหนังสือก็อยู่ติดกันกับร้านเลย มีแค่กระจกใสๆกั้น เมื่อเรายืนเลือกซื้อหนังสือจึงมองเห็นคนที่อยู่เบื้องหลังหนังสือไปด้วย คล้ายๆกับร้านเบเกอรี่ที่มองเห็นแม่ครัวกำลังนวดแป้งและอบขนมปัง นี่เป็นจุดที่ฉันชอบมาก และเชื่อว่าหลายคนที่ชอบร้านนี้ก็คงเหมือนกัน การออกแบบพื้นที่อย่างนี้กระตุกความรู้สึกของลูกค้า คล้ายกับจะบอกว่า กระดาษเย็บเป็นเล่มที่เราถืออยู่ในมือ หรือที่วางอยู่บนชั้นในร้าน ล้วนทำโดยมนุษย์ ที่มีความรู้สึกและมีเรื่องราวที่อยากจะถ่ายทอด ทำให้เรารู้สึกว่า หนังสือไม่ได้เป็นแค่หนังสือ แต่มันคือ “เครื่องมือสื่อสาร” อันทรงพลัง ที่ทำให้ผู้คนพร้อมจะตกหลุมรักกับสิ่งที่อยู่ในมือ

หลังจากคัดออกแล้วคัดออกอีก ฉันซื้อหนังสือมาจำนวนหนึ่ง มีทั้งหนังสือเล่มดัง นิตยสารเก่าหายาก หนังสือทำมือ และเข็มกลัดไม้ตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า “หนังสือ” ซึ่งทุกชิ้นล้วนกลายเป็นชิ้นโปรดและเล่มโปรดในเวลาต่อมา

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า อะไรที่ทำให้อยากกลับไปที่นี่ทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ที่แน่ๆ หลังจากเสร็จสิ้นการทำงานมาทั้งวัน เมื่ออยากมีเวลาให้กับตัวเอง ตอนที่ร้านค้าหรือสถานที่อื่นๆกำลังปิด ฉันจะนึกถึงที่นี่ (วันจันทร์ถึงเสาร์เปิดถึงห้าทุ่ม ส่วนวันอาทิตย์เปิดถึงสี่ทุ่ม) ฉันทึกทักเอาเองว่า ได้รู้จักโตเกียวและคนโตเกียวมากขึ้นจากหนังสือและสิ่งของในร้านนี้ บางที ฉันอาจอยากมาที่นี่ เพื่อตอกย้ำกับตัวเองว่า แม้ในยุคที่เราเข้าถึงคอนเทนต์จากสื่อออนไลน์ได้มากมายและฟรี หนังสือดี (และร้านหนังสือดีๆ) จะยังเป็นที่ต้องการเสมอ

Photo Credit By SHIBUYA PUBLISHING & BOOKSELLERS

Info
Facebook : www.facebook.com/shibuya.publihsing.and.booksellers
Website : www.shibuyabooks.co.jp

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ