เมื่อกราฟิกดีไซเนอร์ไทยทดลองไปรับบทเป็นศิลปินแสดงผลงานเดี่ยวที่ญี่ปุ่น (ตอนจบ)
try2benice Solo Exhibition in Japan (ตอนจบ)
ในคอลัมน์ บิ เราได้เริ่มเล่าประสบการณ์ในการไปแสดงผลงานที่ญี่ปุ่นครั้งแรกแบบย่อๆ ให้ทุกคนได้อ่านกันเป็นตอนที่ 1-3 ไปแล้ว (ถ้าใครยังไม่ได้อ่าน ย้อนกลับไปหาอ่านได้ครับ) เอาละครับ มาถึงบทส่งท้ายของการเล่าประสบการณ์จัดแสดงผลงานแล้ว มาดูสิว่านิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในชีวิตเปิดฉากออกมาจะเป็นอย่างไร
ตอนที่ 1 | ตอนที่ 2 | ตอนที่ 3
27
จะหาร้านพรินท์เสื้อคู่ใจให้หาเข็มในมหาสมุทรอาจจะง่ายกว่า ใช่แล้วครับหลังจากออกแบบเสื้อกว่า 50 ตัวเสร็จแล้วเราต้องหาร้านพรินท์เสื้อที่เข้าใจเรามากๆ ว่างานเราคืองานแสดง พูดง่ายๆ คือเป็นงาน ART ไม่ได้ทำเป็นอุตสาหกรรม นั่นคือเราจะทำแบบละ 1 ตัว และจำนวนไม่มาก ถ้าร้านไหนที่รับทำตามปกติคือขั้นต่ำ 100-1,000 ตัวซ้ำๆ กัน อาจจะไม่อยากรับทำงานนี้ให้เรา เพราะเสียเวลาทำมาหากินของกิจการเขา อันนี้เราเข้าใจได้และหวังว่าจะมีสักร้านที่เข้าใจเรา
28
และแล้วฟ้าก็ได้ส่ง Kabano-san มาให้ เพื่อนนักออกแบบชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งแนะนำมาว่ามีเจ้าของร้านพรินท์เสื้อนิสัยดีมากอยู่คนนึง เขาอยากแนะนำให้เรารู้จัก น้ำตาแทบไหลครับ เพราะเขาเป็นคนใจดีมากและเข้าใจว่าเรากำลังทำงานศิลปะ ผมบอกเขาว่าจะเอาผลงานของร้านคุณเข้าแกลเลอรี่นะ เรามาช่วยกัน แน่นอนว่าหลังจากนั้นเราก็กลายเป็นเพื่อนกัน และเขาภูมิใจที่ได้ทำงานนี้ให้ผม
29
ติดตั้งงาน (อย่างไรดีนะ?) ทางแกลเลอรี่บอกว่าเคยติดตั้งแต่งานศิลปะที่เป็นเฟรมหรืองานจัดวาง แต่ไม่เคยติดตั้งงานในรูปแบบเสื้อยืดเลยทางเราก็คิดอะไรไม่ออก เลยบอกไปว่าเราจะแขวนโชว์ง่ายๆ และใช้ไฟส่องให้เสื้อดูสำคัญกว่าการแขวนตามร้านขายเสื้อ ทีมงานเข้าใจในสิ่งที่เราคิดและเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างให้เราอย่างดีมาก
30
ลุยละนะเป็นไงเป็นกัน! นี่เป็นการติดตั้งงานตัวเองทั้งห้อง (ใหญ่มาก) ครั้งแรกในชีวิต สิ่งเดียวที่เราทำได้คือ “ลุย!” เราไม่มีทางถอยหรือมีเวลาให้กลัว นอกจากลองผิดลองถูกตรงนั้นไปเลย ซึ่งเขาจะปล่อยให้เราติดตั้งงานตามลำพังย้ำว่า “คนเดียว” ครับ แค่จัดเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างให้เราเท่านั้น
31
สนุก เหนื่อย เครียด มันดี ฝันที่เป็นจริง เราบอกไม่ถูกว่ากว่าครึ่งวันที่เราปีนขึ้นลงบันไดทั้งแขวนเสื้อและจัดไฟกว่าร้อยดวงรอบเราอยู่ในอารมณ์ไหน เหมือนฝันไปก็ว่าได้ว่านี่คือการแสดงงานครั้งแรกในชีวิตและแสดงในญี่ปุ่น เรามีพลังกับการติดตั้งเยอะมาก มารู้ตัวอีกทีว่าร่างกายเหนื่อยมากก็ตอนกำลังจะนอน เพราะเมื่อยไปทั้งตัวแต่ก็มีความสุข
32
เช้าวันใหม่ งานเริ่มเปิดแสดงแล้ว คนดูเริ่มมากันแล้ว ตื่นเต้น ตื้นตัน ประหม่า เอาอีกละครับบอกอารมณ์ไม่ถูกอีกแล้ว เป็นครั้งแรกที่มีคนทุกเพศทุกวัยมายืนจ้องผลงานเราและถ่ายรูปแบบจริงจัง ตั้งแต่คุณปู่คุณย่าไปถึงเด็กเล็กๆ ที่มากับคุณพ่อ คุณแม่ ไปถึงนักเรียน นักศึกษาศิลปะ และไม่ใช่ นักศึกษาศิลปะ อืม…พูดไม่ออกเลยครับ เหมือนนักบอลที่ลงสนามจริงครั้งแรกในลีกอาชีพประมาณนั้น ก็จะตื่นสนามนิดๆ แต่ใจสู้มาก
33
เราทำดีที่สุดเท่าที่เราทำได้แล้ว ที่เหลือคือการเสพสิ่งที่เกิดขึ้นในวินาทีนั้นๆ ในทุกวัน ผมคิดแค่นี้ตลอดการจัดแสดงงานกว่า 2 อาทิตย์ท่ามกลางผู้คนที่ผมไม่รู้จัก ในช่วงที่ผมยังไม่เข้าใจภาษา แต่สิ่งที่เราพยายามสื่อสารกันระหว่างคนดูกับผมมันกลับง่ายดายและเป็นภาษาสากลมาก แววตา รอยยิ้ม การยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพไว้ในความทรงจำของเขาแต่ว่าภาพที่คนดูกำลังถ่ายผลงาน กลายเป็นการเก็บความทรงจำที่ดีที่สุดของผม
34
สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ เป็นครั้งแรกที่เราเห็นคนมีปฏิกริยาตอบกลับกับผลงานของเรา การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับทุกคน ทุกวัย แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ที่มาดูงานถึงสองวันทำให้เรามีแรงในการทำงาน มีไฟในการไปต่ออย่างมากที่พูดแบบนี้ เพราะผมไม่เคยได้รับความรู้สึกนี้มาก่อนจากการทำงานเลย มันอาจจะเป็นเสน่ห์ที่ผมหลงใหลและทำให้อยากแสดงงานต่อไปเรื่อยๆ
35
การทดลองเปลี่ยนบทบาทจากนักออกแบบมาเป็นศิลปินและมีนิทรรศการ try2benice Solo Exhibition in Japan เดี่ยวเป็นของตัวเองครั้งนี้ โดยส่วนตัวถือว่าการทดลองนี้สำเร็จ แม้จะยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงอยู่บ้างและเริ่มสนุกกับการเป็น Graphic Designer ที่มีงานอดิเรกที่ชอบมากคือการเป็นศิลปิน
36
การทดลองต่อไปที่อยากทำก็คืออยากลองแสดงผลงานสู่สายตาคนไทยบ้าง ถ้ามีโอกาสและมีคนสนใจในการจัดงานนี่เป็นความหวังครับ ผมอาจจะเป็นคนที่หวังไปเรื่อยๆ เหมือนที่หวังว่าจะไปแสดงงานที่ญี่ปุ่น และแอบเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อโอกาสมาเราอาจจะเจอกันครับ ขอบคุณที่ตามอ่านมาถึงตรงนี้ครับ :-.)
ติดตามผลงานของ try2benice เพิ่มได้ทางเฟซบุ๊กเพจ Try2benice graphic design studio