REST (AURANT) IN KURAMAE : ‘คุรามาเอะ’ พื้นที่พักผ่อนของย่านอาซากุสะ
สารบัญ
คุรามาเอะ (Kuramae) ย่านบ้านใกล้เรือนเคียงของอาซากุสะที่ห่างกันเพียงเดินแค่ 5 นาที หากอาซากุสะคือย่านท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง หรือแม้แต่ที่อื่นๆของโตเกียวก็อัดแน่นไปด้วยผู้คนจนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยแทบหายใจไม่ออก แค่ได้ออกมาเดินแถวนี้ก็ทำให้รู้สึกเหมือนได้พักหายใจและสบายอารมณ์ขึ้นได้
–
ASAKUSA STORY.
รวม 5 ร้านใหม่น่านั่งที่จะทำให้มอง คุรามาเอะ (Kuramae) เปลี่ยนไป
–
01 Mclean
Old Burger Stand
ร้านเบอร์เกอร์สุดเท่ตั้งโดดเด่นอยู่หัวมุมถนนตรงสี่แยก ใกล้กับสะพานอุมะยะ (Umaya) สะพานข้ามแม่น้ำซุมิดะอันสวยงาม ร้านนี้โดดเด่นตั้งแต่การตกแต่งสไตล์โอลด์ อเมริกัน (Old American) ทำให้หน้าร้านดิบเท่เตะสายตาเหนือบรรยากาศเงียบสงบริมแม่น้ำของโตเกียว เปิดขายเฉพาะเบอร์เกอร์รสชาติญี่ปุ่นชิ้นใหญ่ อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบคุณภาพ ที่รับรองว่าต้องถูกปากคนไทยแน่นอน เพราะเราแอบเห็นน้ำจิ้มไก่ตราเด็กสมบูรณ์ตั้งอยู่ในครัวตอนแวะมาชิมด้วย
เมื่อเดินเข้าไปร้านเราจะได้พบกับเจ้าของร้านที่ควบตำแหน่งพ่อครัวด้วย เป็นหนุ่มญี่ปุ่นสุดเท่ภายใต้ผ้ากันเปื้อนแคนวาสผืนเก่ง เขาเล่าถึงความชื่นชอบที่มีต่อเบอร์เกอร์ จนถึงขั้นเดินทางไปอเมริกาเพื่อตระเวนชิมเบอร์เกอร์มากมายหลายสูตร ก่อนจะกลับมาเปิดร้านนี้ ด้วยการดัดแปลงรสชาติและวัตถุดิบให้เข้ากับคนญี่ปุ่น ออกมาเป็นเบอร์เกอร์คุณภาพดีที่มีส่วนผสมพอดีระหว่างเนื้อกับขนมปัง และให้รสชาตินุ่มเข้มกลมกล่อมไม่แพ้ฝั่งอเมริกา
นอกจากเบอร์เกอร์แล้ว ที่นี่ยังมีคราฟต์เบียร์ที่เข้ากันได้ดีกับเนื้อชั้นเยี่ยม และร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันให้เลือกดื่มคู่กันตามความชอบได้เลย
–
02 Yuwaeru
Tie Nippon Custom with Modern Life
ร้านอาหารเพื่อสุขภาพที่มีจุ
ในส่วนของร้านอาหารนั้น เสิร์ฟอาหารดั้งเดิมของญี่ปุ่นตามหลัก Ichiju-Sansai หมายถึง อาหารหนึ่งมื้อของคนญี่ปุ่นจะประกอบไปด้วยซุป 1 ถ้วยและกับข้าว 3 อย่าง ตักแบ่งใส่ถ้วยหน้าตาสวยงาม เสิร์ฟออกมาเป็นชุดอาหารพร้อมข้าวกล้องสูตรเฉพาะของร้าน ที่ผ่านการหุงด้วยหม้อแรงดันและเก็บไว้นานถึง 3 วัน ในอุณหภูมิ 70 องศา จนทำให้ข้าวเหนียวนุ่มแต่ผิวเมล็ดแห้งติดเกรียมนิดๆ ส่งกลิ่นหอมลุ่มลึก วัตถุดิบที่นำมาทำอาหารของที่นี่ล้วนเป็นวัตถุดิบที่คัดสรรคุณภาพมาแล้วทั้งนั้น เช่น พยายามใช้ผักออร์แกนิกหรือผักปลอดสารพิษ เลือกเกลือธรรมชาติ และน้ำตาลอ้อยไม่ฟอก เป็นต้น
–
03 Dandelion Chocolate
Bean to Bar
โรงงานผลิตช็อกโกแลตที่มีคาเฟ่ให้บริการ มีจุดเริ่มต้นมาจากซานฟรานซิสโกในปี ค.ศ. 2010 มีสาขาในญี่ปุ่นถึง 3 สาขา และหนึ่งในนั้นคือที่ย่านคุรามาเอะแห่งนี้ ภายในเป็นอาคารสีขาวใหญ่โต ชั้นหนึ่งคือโรงงานทำช็อกโกแลตที่มีบาร์นั่งให้เราได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศการผลิตช็อกโกแลตของจริงและมีสินค้าให้เราเลือกซื้อตั้งแต่ของที่ระลึกต่างๆ รวมถึงช็อกโกแลตบาร์ที่มีตัวอย่างให้ชิมก่อนตัดสินใจซื้อ และป้ายบอกสรรพคุณที่มีรายละเอียดตั้งแต่ชื่อผู้ปลูก โรงหมักและอบ ชื่อผู้ Profiling รวมถึงรสชาติและกลิ่นของโกโก้ ส่วนชั้นสองเป็นคาเฟ่ มีที่นั่งโอ่โถง สามารถรองรับคนได้จำนวนมาก
คอนเซปต์ร้านแบบ Bean to Bar กำลังเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นขณะนี้ ช่วงเวลาเพียง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีโรงงานผลิตมากถึง 60 โรงงาน ทั้งที่เมื่อก่อนถือเป็นสิ่งหายากโดยเฉพาะช็อกโกแลตที่ผลิตโดยบริษัทใหญ่ๆเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีหลายๆ ร้านหันมาผลิตเองในรูปแบบ Bean to Bar มากขึ้น เช่นเดียวกับที่ Dandelion Chocolate แห่งนี้ ที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิต โดยเมล็ดที่ใช้ผลิตช็อกโกแลตภายในร้านเป็นเมล็ดโกโก้ที่เก็บเกี่ยวในช่วงปี ค.ศ. 2015-2016 เท่านั้น เมล็ดจะถูกหมักและทำให้แห้ง เมื่อส่งถึงญี่ปุ่น ผู้ Profiling ของ Dandelion Chocolate จะทำโปรไฟล์เกี่ยวกับสถานที่ปลูกโกโก้แต่ละที่ และผลิตช็อกโกแลตแบบใช้เมล็ดโกโก้ชนิดเดียวหรือที่เรียกว่า Single Origin ผสมกับน้ำตาลอ้อย จึงทำให้ได้รสสัมผัสของโกโก้ที่แท้จริง ซึ่งการทำโปรไฟล์นี้จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน แล้วจึงผลิตออกมาเป็นสินค้าต่างๆ
–
04 SOL’S COFFEE ROASTERY
Find a Little Happiness
ร้านกาแฟเล็กๆ ที่ดูเหมือนเหมาะกับการซื้อกลับแบบ Take Out มากกว่านั่งกินที่ร้าน แต่เบื้องหลังเต็มไปด้วยความพิถีพิถันในกาแฟทุกเมล็ด ร้านเปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 2013 และมีสาขามากถึง 3 สาขา แต่สาขาที่เราแนะนำคือ Sol’s Coffee Roastery ที่มีเครื่องคั่วขนาด 10 กิโลกรัม ตั้งอยู่ภายในร้าน และมีเมล็ดกาแฟคั่วพิเศษให้เลือกซื้อกลับบ้านมากถึง 8 ชนิด ที่ผ่านการคัดเลือกเมล็ดด้วยมือถึง 2 ครั้ง และเลือกใช้เมล็ดสดที่เก็บมาไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น
ภายในร้านมีที่นั่งเพียง 7 ที่ และเมนูส่วนใหญ่ก็เป็นกาแฟมากกว่าขนม แต่การได้นั่งที่นี่ทำให้เราเห็นกระบวนการทุกอย่างตั้งแต่การคั่วที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลจนถึงการชงอย่างตั้งใจ ถ้าใครมีเวลาเราขอแนะนำให้ลองชิมกาแฟดริปสักตัวตามชอบ ซึ่งสามารถขอคำแนะนำกับพนักงานที่พร้อมให้บริการด้วยความเป็นกันเอง
–
05 Nui. Hostel & Bar Lounge
Beyond All Borders
‘Nui’ ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ‘เย็บ’ หมายถึงการทำโรงแรมให้เหมือนการเย็บด้วยมือทีละเข็ม ที่นี่จึงเป็นโฮสเทลที่คูลที่สุด โด่งดังที่สุด และน่าไปเยือนที่สุดในโตเกียว ณ ขณะนี้
นุอิ โฮสเทล (Nui Hostel) สร้างขึ้นบนพื้นที่โกดังเก่าอายุ 20-30 ปี เปลี่ยนรูปโฉมโกดังให้เป็นโฮสเทลสมัยใหม่ในสไตล์ลอฟต์ ที่เข้ากันดีกับโครงสร้างแน่นหนาและเสาอาคารขนาดมหึมาของเดิม ชั้น 1 เป็นพื้นที่ของคาเฟ่และบาร์ เปิดให้บริการอาหารเช้าในช่วงเช้า เป็นคาเฟ่ในช่วงกลางวัน และเป็นบาร์ในช่วงกลางคืน ที่นี่มีเครื่องดื่มให้เลือกครบครันและมีคราฟต์เบียร์ให้เลือกถึง 4 แบบ นอกจากนี้พื้นที่ของชั้น 1 ยังเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมพิเศษ มีทั้งดนตรี เสวนา และเวิร์กช็อปเป็นประจำเกือบทุกเดือน ส่วนชั้น 2-5 มีห้องพักขนาด 8 เตียงหลายห้อง มีห้องผู้หญิงโดยเฉพาะให้บริการ รวมถึงห้องส่วนตัวสำหรับ 2 ท่านด้วย บนชั้น 6 คือ common area ที่มีทั้งห้องอ่านหนังสือ ห้องครัว ห้องซักล้าง และคอมพิวเตอร์ให้ใช้ฟรี เรียกได้ว่าสะดวกสบายไม่แพ้โรงแรม
เจ้าของที่นี่คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ 4 คน ที่บังเอิญได้รู้จักกันที่ออสเตรเลียแล้วเป็นเพื่อนกัน พวกเขาเริ่มสร้างที่พักให้เป็นสถานที่ที่ผู้คนจากทั่วโลกจะได้มาพบเจอกัน สามารถเป็นได้ทั้งสถานที่พักผ่อนสำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว และเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนสำหรับคนที่อยากทำความรู้จักกับคนอื่นๆ ที่พักที่พวกเขาสร้างขึ้นยังมีที่อื่นๆอีก ซึ่งคงไว้ภายใต้คอนเซปต์เดียวกันคือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ บนพื้นที่เก่า เช่น Guest House toco ปรับปรุงมาจากบ้านโบราณอายุกว่า 90 ปี ผู้ที่มาเข้าพักจึงรู้จักทั้งญี่ปุ่นและรู้จักคนอื่นๆ ไปพร้อมกัน
ราคาเริ่มต้นที่ 3,000 เยน/คน/คืน
backpackersjapan.co.jp/nuihostel
–