สารบัญ

วันนี้จะพาทุกคนไปเที่ยว ฮามามัตสึ (Hamamatsu : 浜松) เมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลากหลายสไตล์ โดยในทริปนี้เราไปกันเพียง 2 วัน 1 คืน แต่ได้เที่ยวหลากหลายรูปแบบมากๆ และก่อนที่จะไปรู้จักสถานที่ท่องเที่ยว เราขอเล่าเรื่องราวของเมืองฮามามัตสึกันสักหน่อย

เมืองฮามามัตสึตั้งอยู่ในจังหวัดชิซูโอกะ (Shizuoka) เป็นเมืองเล็กๆ ที่รถไฟชินคันเซ็นวิ่งผ่าน ตั้งอยู่ในจังหวัดเดียวกันกับภูเขาไฟฟูจิที่เป็นแลนด์มาร์คของประเทศญี่ปุ่น เมืองเล็กๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น เราจะได้ยินเสียงดนตรีเคล้าคลอตั้งแต่ก้าวขาลงจากรถไฟ เพราะเป็นเมืองต้นกำเนิดของแบรนด์เครื่องดนตรีชื่อดังอย่าง Yamaha และ Kawai นั่นเอง และยังเป็นแหล่งผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมรถยนต์ระดับประเทศอีกด้วย

เมืองฮามามัตสึไม่ได้มีสิ่งที่น่าสนใจเพียงเท่านี้ เนื่องจากพื้นที่ติดทะเลฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก จึงทำให้มีแหล่งเลี้ยงปลาไหลชั้นดีที่ทะเลสาบฮามานะ (Lake Hamana) ดังนั้นปลาไหลจึงกลายเป็นเมนูท้องถิ่นที่ห้ามพลาด

นอกจากทั้งหมดที่กล่าวมา เมืองฮามามัตสึก็ยังมีสิ่งอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายที่รอให้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง ถ้าเพื่อนๆ พร้อมกันแล้ว เราไปต่อกันเลยสำหรับทริป “เที่ยวเมืองฮามามัตสึ” แบบรวบรัดฉบับ 2 วัน 1 คืน

 

01 เที่ยวเมืองฮามามัตสึ : วันที่ 1

 

1.1 โอตาคุเครื่องบินต้องไปที่นี่ Airpark JASDF Hamamatsu Air Base Museum

เริ่มต้นทริปกันที่พิพิธภัณฑ์เครื่องบิน Airpark JASDF Hamamatsu Air Base Museum คำว่า JASDF นั้นย่อมาจาก Japan Air Self Defense Force เรียกได้ว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมเครื่องบินทางการทหารที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ภายในอลังการงานสร้างด้วยเครื่องบินรบของกองทัพญี่ปุ่นที่จัดโชว์ให้ดูตัวเครื่องรุ่นต่างๆ มากมาย เรียงรายกันให้เราเดินชมได้แบบเต็มอิ่ม 

ใครเป็นแฟนคลับเครื่องบิน บอกเลยว่าที่นี่คือสวรรค์มากๆ

ทริปฤดูใบไม้ร่วงที่ Hamamatsu : Airpark JASDF Hamamatsu Air Base Museum

สามารถชมคลิปได้ที่ www.youtu.be/mshB_bKNYQ8

ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์มีเครื่องบิน F1 ซึ่งเป็นเครื่องบินลำแรกที่บินโชว์สำหรับทำ Blue Impulse ในตอนที่โตเกียวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี ค.ศ. 1964 ซึ่งตอนนี้เครื่องบิน F1 ก็ได้ปลดระวางและนำมาวางโชว์ไว้ให้แฟนคลับได้ชื่นชมกัน 

นอกจากนี้ ด้านในของพิพิธภัณฑ์ก็มีเครื่องบินจำลอง F2 มาจาก F16 โดยตัวอักษร F มีความหมายว่า Fighter ซึ่งทางญี่ปุ่นเองใช้สำหรับการบินโชว์ทำ Blue Impulse แน่นอนว่าคนชอบเครื่องบินก็จะได้เห็นเครื่องบินในระยะประชิดกันเลยทีเดียว

Airpark JASDF Hamamatsu Air Base Museum พิพิธภัณฑ์เครื่องบินที่ Hamamatsu

อีกทั้งยังมีเครื่องบินของอิตาลีที่ทางพิพิธภัณฑ์ได้ทำจำลองไว้ โดยเครื่องบินลำนี้ หากใครเป็นแฟนแอนิเมชันค่ายสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) ก็น่าจะคุ้นตา เพราะปรากฏในเรื่องพอร์โค รอสโซ สลัดอากาศประจัญบาน Kurenai no Buta หรือ Porco Rosso นั่นเอง ว่ากันว่าผู้แต่งได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินลำนี้นี่เอง

ที่นี่ไม่ได้มีเพียงเครื่องบินรวมคอลเลคชั่นตั้งโชว์ไว้อย่างเดียวเท่านั้น ยังมีพิพิธภัณฑ์ของกองทัพอากาศญี่ปุ่นที่เปิดให้เข้าชมอีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑ์นี้จะเล่าเกี่ยวกับหน้าที่ของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นว่าทำอะไรบ้าง รวมถึงมียศและตำแหน่งอย่างไร

มีการจำลองห้องโดยสารที่ใช้เฉพาะราชวงศ์และคณะรัฐบาล ซึ่งคนทั่วไปน่าจะไม่ค่อยได้เห็นกันแน่ๆ เพราะเราก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกเช่นกัน

บริเวณชั้นบนของที่นี่เป็นคาเฟ่และร้านอาหารพร้อมวิวด้านนอกที่สามารถมองเห็นลานบิน ว่ากันว่านี่เป็นสนามสอบแห่งสุดท้ายของนักบิน โดยจะมีช่วงเวลาที่เครื่องบินแล่นขึ้นและลงเพื่อฝึกซ้อมกันตรงนี้ด้วย

ส่วนเมนูอาหารที่จัดว่าเป็นของเด็ดสำหรับที่นี่ก็คือข้าวแกงกะหรี่ โดยเฉพาะไอเท็มของฝากข้าวแกงกะหรี่ทหารเรือ (Kaigun Curry) มีเรื่องเล่ากันว่าเวลาที่ทหารเรืออาศัยอยู่บนเรือก็จะไม่รู้วันรู้คืน แต่ทุกๆ วันศุกร์เมนูอาหารของทหารเรือจะเป็นแกงกะหรี่ เพื่อให้ทหารทุกคนรู้ว่าวันนี้คือวันศุกร์แล้ว ดังนั้นจึงเหมือนกับว่าแกงกะหรี่เป็นสิ่งที่ใช้เพื่อแจ้งวันให้ทราบโดยทั่วกันนั่นเอง

ทหารเรือของไทยจะมีอะไรแบบนี้บ้างไหมนะ?

ไฮไลท์ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ทางพิพิธภัณฑ์ยังมีกิจกรรมเด็ดๆ ที่คอยสานฝันให้คนอยากเป็นนักบิน นั่นก็คือการทดลองขับเครื่องบินแบบ Simulation โดยวิวในจอจะเป็นภาพทางอากาศของเมือง Hamamatsu เพื่อความสมจริง ใครเป็นโอตาคุเครื่องบินจะต้องฟินแน่!

ถ้าเป็นช่วงสถานการณ์ปกติที่ไม่มีโรคระบาด เราสามารถแต่งตัวเป็นนักบินด้วยการสวมชุดนักบินของจริงกันได้ฟรีๆ แต่ตอนนี้เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ทางพิพิธภัณฑ์จึงของดกิจกรรมนี้ไปก่อน ส่วนค่าเข้าชมของที่นี่ยังฟรีด้วยนะ คนรักเครื่องบินไม่มาไม่ได้แล้ว

นอกจากนี้ ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดแสดงอุปกรณ์ที่ใช้ในการหนีภัยของนักบินในรูปแบบต่างๆ มีการจัดแสดงเครื่องบินย่อส่วนเอาไว้หลากหลายรุ่น ดูแล้วเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีรถถังที่ใช้สำหรับยิงวัตถุบนฟ้าที่บินข้ามเข้ามาในอาณาเขตของประเทศญี่ปุ่นด้วย น่าตื่นตาตื่นใจมาก

สำหรับสายช็อปปิ้งก็มีร้านจำหน่ายสินค้าภายในพิพิธภัณฑ์ด้วยชื่อว่าร้าน TSUBASA มีทั้งขนมของฝาก ของที่ระลึกต่างๆ มากมาย ก่อนกลับแวะซื้อของติดไม้ติดมือไปฝากคนทางบ้านก็น่าจะดีไม่น้อย

ทริป Hamamatsu : แวะซื้อของที่ระลึกจากพิพิธภัณฑ์เครื่องบิน

Info
Airpark JASDF Hamamatsu Air Base Museum
Location: เมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu), จังหวัดชิซูโอกะ 
Hours: 9:00-16:00 น.
Holiday: วันจันทร์กับวันอังคารสุดท้ายของเดือน
Entrance Fee: ฟรี
Nearest Station: สถานีฮามามัตสึ (Hamamatsu Station) 
Access: จากสถานีฮามามัตสึทางออก North Exit ให้ต่อรถบัสที่ Bus Terminal Line 14 มุ่งหน้าไปยัง 51 Seirei Hamamatsu Izumi Takaoka ใช้เวลาประมาณ 25 นาที แล้วลงรถบัสที่ป้าย Izumi 4-chome จากนั้นเดินเท้าต่ออีก 10 นาที
Website: www.mod.go.jp/asdf/airpark

 

1.2 สวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฮามามัตสึ Hamamatsu Fruit Park

เมืองฮามามัตสึมีสวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดชื่อว่า ฮามามัตสึ โทคิโนะซุมิกะ (Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika) ที่นี่เป็นสวนผลไม้ที่ไม่ได้มีแค่ผลไม้ พูดแล้วอาจจะงง จึงขออธิบายก่อนว่าสวนแห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่มากๆ ที่นี่จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่สวนผลไม้ แต่ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในเมืองและนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา

Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika สวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดของเมือง บรรยากาศที่ Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika

ที่สวนแห่งนี้มีผลไม้มากมายกว่า 11 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นสตรอว์เบอร์รี พีช แอปเปิ้ล ส้ม ลูกพลับ บ๊วย บลูเบอร์รี่ องุ่น สาลี่ และผลไม้ชนิดอื่นๆ ซึ่งจะออกตามฤดูกาล เรียกได้ว่ามีผลไม้ให้เก็บกันทั้งปี เห็ดหูหนูกับเห็ดหอมก็มีให้เก็บด้วยเช่นกัน

พืชผักผลไม้ใน Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika เห็ดหูหนูและเห็ดหอมที่ Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika

สามารถชมคลิปได้ที่ www.youtu.be/Q5gCvL6cHnI

ในช่วงคริสต์มาสที่นี่ก็จัดเทศกาลประดับไฟด้วยนะ โดยทางสวนจะใช้ไฟทั้งหมดกว่า 3 ล้านดวง ถือว่าเยอะและใหญ่มาก ซึ่งล่าสุดก็มีการจัดงานนี้ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 ถึง 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 เริ่มเปิดไฟตั้งแต่เวลา 17:00-19:00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 1,200 เยน และ 600 เยนสำหรับเด็ก

เทศกาลประดับไฟช่วงคริสต์มาสที่ Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika ไฟประดับตกแต่งใน Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika

นอกจากนี้ ภายในสวนยังมีโซนไวน์เนอรี่ที่มีโรงกลั่นไวน์ขนาดย่อมด้วย มีการนำผลไม้บางชนิดมากลั่นเป็นเครื่องดื่มเพื่อจำหน่ายที่โรงงานแห่งนี้เช่นกัน

Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika : โซนไวน์เนอรี่ที่มีโรงกลั่นไวน์ขนาดย่อม

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นโซนร้านอาหาร บอกได้เลยว่า Pizza ของที่นี่เด็ดดวงพวงมาลัย! เพราะเป็นพิซซ่าเตาถ่านที่อบร้อนๆ พร้อมรับประทานได้ทันที โดยเชฟจะนำมาอบที่เตาถ่านในเวลา 3 นาที ผู้ใช้บริการอย่างเราก็จะได้ดูไปชิมพิซซ่าไป ฟินมากๆ 

สำหรับร้านนี้หากสั่งพิซซ่า 1 ถาดเราจะได้เครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว ในราคาประมาณ 1,000 เยน พิซซ่ามีด้วยกัน 3 หน้า ที่ขายดีคือหน้าซอสมะเขือเทศ ชีส และเบซิล เชฟแนะนำมาว่าให้ลองกินพิซซ่าหน้าชีสกับน้ำผึ้งดู แล้วคุณจะรู้ว่ามันอร่อยมาก อืม..พอลองแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอร่อยจริงๆ ตบท้ายด้วยเมนูของหวานที่เสิร์ฟมาในถ้วยเล็กๆ เซ็ต 4 ถ้วย 300 เยน ราคาน่ารักมากๆ เลย

Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika : โซนร้านอาหาร Pizza Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika : เมนูอาหารและราคาร้านพิซซ่าHamamatsu Fruit Park Tokinosumika : พิซซ่าอบจากเตาถ่านร้อนๆ มื้อเที่ยงแสนอร่อยกับร้านพิซซ่าใน Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika

ในช่วงที่เราไปเยือนนั้นเป็นฤดูกาลของส้ม ต้นส้มจึงออกผลมาให้เก็บเต็มต้น จากนั้นเราก็นั่งรถไฟที่มีชื่อว่า “Max Trains” เพื่อขึ้นไปเก็บส้มกัน อันที่จริงสามารถเดินขึ้นไปได้เลย แต่เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและเก็บแรง เราจึงเลือกนั่งรถไฟไปแทน อีกทั้งรถไฟยังน่ารักมากๆ เลยล่ะ

Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika : นั่ง Max Trains ไปเก็บส้มกัน

ส้มสายพันธุ์ที่เราไปเก็บกันมีชื่อว่า Aoshima Mikan เป็นส้มที่มีรสหวานไร้เมล็ด สวนส้มที่นี่จะปลูกส้ม 2 สายพันธุ์ อีกสายพันธุ์หนึ่งมีชื่อว่า Wase Mikan ซึ่งการเก็บส้มจะไม่ใช่การเก็บแบบเหมาราคาเดียว แต่เราจะเก็บจำนวนเท่าไรก็ได้ แล้วทางสวนก็จะชั่งน้ำหนักและคิดราคาตามน้ำหนัก ราคาจะอยู่ที่ 40 เยน/100 กรัม โดยปกติแล้วทางสวนจะไม่อนุญาตให้แกะส้มชิมทันที จะให้นำกลับไปรับประทานที่บ้านจะดีกว่า แต่เราได้รับอนุญาตเพราะเขาอยากให้ชิมจะได้รู้ว่ารสชาติอร่อยแค่ไหน

เก็บผลส้มกันที่ Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika กับผลส้มหวานๆ อร่อยๆ

ถ้ามาที่สวน Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika แห่งนี้แล้วไม่พูดถึงผลไม้สุดฮอตอีกอย่างหนึ่งก็คงไม่ได้ ผลไม้ที่ได้รับความนิยมมากๆ อีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือสตรอว์เบอร์รีนั่นเอง

ใครเป็นแฟนคลับสตรอว์เบอร์รีห้ามพลาดสวนนี้ เพราะเป็นที่เก็บสตรอว์เบอร์รีสุดฮอตของเมืองฮามามัตสึเลย ที่สวนมีสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์เด็ดๆ ได้แก่ Akihime, Benihoppe, Kaoino และ Yotsuboshi

เราสามารถเข้าเก็บสตรอว์เบอร์รีได้ตั้งแต่เดือนธันวาคมจนถึงเดือนพฤษภาคม การเข้าชมสวนสตรอว์เบอร์รีจะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ คือเก็บแล้วกินได้เลยภายในเวลา 30 นาที ส่วนราคาของการเก็บก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงฤดูกาล

Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika : กิจกรรมเก็บสตรอว์เบอร์รีที่ห้ามพลาด Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika : ที่เก็บสตรอว์เบอร์รีสุดฮอตของเมือง

Info
Hamamatsu Fruit Park
Location: เมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu), จังหวัดชิซูโอกะ 
Hours: 9:00-18:00 น. (โซนผลไม้เปิดถึง 17:00 น.)
Holiday:
Entrace Fee: ผู้ใหญ่และนักเรียนชั้นมัธยมปลาย 700 เยน, เด็ก 350 เยน, เด็กเล็กฟรี
Nearest Station: สถานีฟรุตพาร์ค (Fruit Park Station) 
Access: จากสถานีฮามามัตสึมีระบบขนส่งสาธารณะให้เลือกดังนี้ 
รถไฟ: นั่งรถไฟ Enshu Railway ไปลงที่สถานีนิชิคาจิมะ (Nishikajima Station) และเปลี่ยนสายเป็น Tenryu Hamanako Line ลงที่สถานีฟรุตพาร์ค จากนั้นเดินต่อ 8 นาทีไปทางทิศเหนือ 
รถบัส: นั่งรถบัสสาย Miyakoda/Fruit Park ที่ป้ายหมายเลข 16 จาก Bus Terminal บริเวณสถานีฮามามัตสึใช้เวลา 60 นาที แล้วลงที่ป้าย Fruit Park
Website: www.tokinosumika.com/hamamatsufp

 

1.3 ชมพระพุทธรูป Rakan กว่า 500 องค์ พร้อมขอพรความรักที่วัด Houkouji

วัดโฮโคจิ (Houkouji Temple) เป็นวัดเก่าแก่ในเมืองฮามามัตสึที่มีอายุกว่า 650 ปี จุดเด่นของวัดนี้คงเป็นพระพุทธรูปองค์เล็กๆ ที่วางเรียงรายตั้งแต่ทางเดินจากที่จอดรถยาวไปจนถึงภายในวัด ซึ่งมีจำนวนกว่า 500 องค์ คนญี่ปุ่นเรียกพระพุทธรูปเหล่านี้ว่า Rakan ซึ่งพระแต่ละองค์จะมีอิริยาบถที่แตกต่างกันไป

วัดโฮโคจิ (Houkouji Temple), Hamamatsuบรรยากาศใน วัดโฮโคจิ (Houkouji Temple), Hamamatsu

คนญี่ปุ่นเล่าว่า ถ้าเป็นรูปพระอุ้มปลาแสดงว่าต้องการให้ค้าขายดีหรือถ้าทำการประมงก็จะจับปลาได้จำนวนมาก พระพุทธรูปเล็กๆ เหล่านี้เป็นพระพุทธรูปที่ผู้มีจิตศรัทธาเช่าบูชาเพื่อขอพรให้สิ่งที่ตนขอสมหวัง จากนั้นพวกเขาก็จะนำพระมาตั้งไว้ที่วัด ปัจจุบันก็ยังมีพระพุทธรูปสำหรับผู้ที่มีความศรัทธาได้เช่าซื้อบูชากันอยู่ สนนราคา 200,000 เยน คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 60,000 บาท

เที่ยว Hamamatsu : ชมพระพุทธรูป Rakan ที่วัด Houkoujiเที่ยว Hamamatsu : พระพุทธรูป Rakan กว่า 500 องค์ในวัด Houkouji

สามารถชมคลิปได้ที่ www.youtu.be/fW0wq5pKbhg

ส่วนไฮไลท์ที่น่าฮือฮาของวัดนี้ก็คือ มีพระพุทธรูป Rakan อยู่องค์หนึ่งที่ชาวญี่ปุ่นบอกว่าหน้าเหมือนคุณสึงะ โยชิฮิเดะ (Yoshihide Suga) นายกรัฐมนตรีของประเทศญี่ปุ่น ดูรูปแล้วคิดว่าอย่างไรกันบ้าง เหมือนหรือเปล่านะ

เที่ยว Hamamatsu : ชมไฮไลท์ประจำวัด

วัดโฮโคจิ เป็นวัดนิกายเซนที่มีวิหารใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทไก (Tokai) เป็นวิหารที่สร้างด้วยไม้ วิหารเดิมมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1371 แต่ถูกไฟไหม้ในสมัยเมจิที่ 14 เลยมีการสร้างวิหารขึ้นใหม่ในสมัยโชวะที่ 10 และใช้มาจนถึงปัจจุบัน เท่ากับมีอายุกว่า 100 ปี 

ที่วัดแห่งนี้ยังมีพระประธานเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1351 และได้ถูกอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ อาคารหลักแห่งนี้อีกด้วย

วัดโฮโคจิ, Hamamatsu : วัดนิกายเซนที่มีวิหารใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทไก (Tokai)

ภายในวัดมีรูปปั้นของเทพ Daikoku (大黒) ที่ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าเป็นเทพเจ้าผูกรักผูกดวง ผูกสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น โดยผู้ชายต้องไปลูบที่มือขวาของรูปปั้นเทพเจ้า และผู้หญิงต้องไปลูบที่ด้านหลังขององค์เทพเจ้า ใครโสดอยากมีคู่ต้องลองแล้วนะ ส่วนคนที่มีคู่แล้วก็ทำได้เช่นกัน โดยสามารถขอพรให้ครอบครัวมั่นคง ความรักยั่งยืนนาน

วัดโฮโคจิ, Hamamatsu : รูปปั้นของเทพ Daikoku (大黒) วัดโฮโคจิ, Hamamatsu : ขอพรกับเทพ Daikoku (大黒)

ด้านหน้าของอาคารแห่งนี้มีไฮไลท์ที่น่าสนใจคือ “เสาไม้ที่แกะสลักเป็นรูปมังกร” เสานี้มีความอลังการมากๆ เพราะใช้ไม้ท่อนเดียว ซึ่งดูแล้วคิดว่าเป็นไม้คุซึอายุเกิน 100 ปีแน่นอน

วัดโฮโคจิ, Hamamatsu : เสาไม้ที่แกะสลักเป็นรูปมังกร

จุดชมวิวสวยอีกแห่งหนึ่งของวัดนี้เป็นจุดชมวิวจากมุมสูง ซึ่งเราจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีถ้ามาตรงตามช่วงเวลาที่เหมาะสม สีสันของใบไม้ในช่วงเวลานั้นจะยิ่งทำให้วัดดูสวยงามและสงบท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามมากๆ ในระหว่างทางเดินเราก็จะเห็นพระพุทธรูป Rakan ตั้งเรียงรายอยู่ด้วย

จุดชมวิวของวัดโฮโคจิ, Hamamatsu พระพุทธรูป Rakan วัดโฮโคจิ, Hamamatsu ชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่ วัดโฮโคจิ, Hamamatsu วิวในวัดโฮโคจิ, Hamamatsu

วัดแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงประวัติศาสตร์ที่งดงามเท่านั้น แต่ยังมีที่พักภายในวัดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักได้ พร้อมเสิร์ฟอาหาร “โชจินเรียวริ” ด้วย วิวกลางคืนของวัดนี้ก็สวยงามไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ที่อื่นเหมือนกันนะ

วิวตอนกลางคืนที่สวยไม่แพ้กันของวัดโฮโคจิ, Hamamatsu


Info
Houkouji
Location: เมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu), จังหวัดชิซูโอกะ
Hours: 9:00-16:00 น.
Holiday:
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 500 เยน (ถ้าซื้อบัตรรวมกับค่าเข้าชมถ้ำ Ryugashidou Cavern จะได้ส่วนลดเหลือ 1,150 เยน เข้าได้ทั้งสองที่), นักเรียนชั้นประถม-มัธยมต้น 600 เยน (ถ้าซื้อบัตรรวมกับค่าเข้าชมถ้ำ Ryugashidou Cavern จะได้ส่วนลดเหลือ 650 เยน เข้าได้ทั้งสองที่)
Nearest Station: สถานีฮามามัตสึ (Hamamatsu Station)
Access: นั่งรถบัสหมายเลข 45 คันที่มุ่งหน้าไปยัง Shiyakusho Okuyama จากจุดขึ้นรถบัสหมายเลข 15 ที่ Bus Terminal บริเวณ North Exit ของสถานีฮามามัตสึ มาลงที่ป้าย Okuyama
Website: www.houkouji.or.jp

 

1.4 เที่ยวถ้ำมังกร Ryugashido Cavern หนึ่งในถ้ำที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น

ถ้ำริวกาชิโด (Ryugashido Cavern) หรือถ้ำมังกร เป็นชื่อที่เรียกตามภาพด้านหน้าถ้ำ ซึ่งเป็นรูปมังกรที่มีดวงตาสีแดงยืนเด่นเป็นสง่า ถ้ำแห่งนี้นับว่าเป็นหนึ่งในถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เป็นถ้ำหินปูนที่ทับถมกันมานานกว่า 250 ล้านปี 

ถ้ำนี้เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1983 ภายในถ้ำมีความลึก 1,046 เมตร แต่ทางจังหวัดได้เปิดถ้ำให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมได้ลึกประมาณ 400 เมตรเท่านั้น ภายในถ้ำแห่งนี้อากาศจะเย็นตลอดทั้งปี อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 18 องศาเซลเซียส

ภายในถ้ำมีจุดชมความงามอยู่หลายจุด เวลาเดินอาจจะต้องคอยระวังศีรษะด้านบนเพราะทางเดินแคบ แต่พื้นทางเดินสามารถเดินได้สบายๆ ไม่เป็นอันตรายแน่นอน

ถ้ำริวกาชิโด (Ryugashido Cavern) ที่เมือง Hamamatsu

สามารถชมคลิปได้ที่นี่ www.youtu.be/nATFSRWb7h4

ที่ปากทางเข้าถ้ำเราจะได้เจอกับค้างคาว ซึ่งเขาจัดห้องกระจกให้เราได้เห็นตัวเป็นๆ กันเลยทีเดียว

Ryugashido Cavern เมือง Hamamatsu :ชมค้างคาวตัวเป็นๆ

เอาล่ะ! เริ่มเดินเข้าถ้ำกันได้แล้ว ทางเดินจะมืดๆ หน่อย เวลาเดินต้องระวังศีรษะ แล้วก็ต้องระวังลื่นด้วยเพราะถ้ำมีความชื้นสูง ส่วนผนังด้านข้างก็จะมีหินปูนที่ทับถมกันเป็นรูปต่างๆ เช่น

แผนที่บอกไฮไลต์ใน Ryugashido Cavern, Hamamatsu Ryugashido Cavern in Hamamatsu : เดินระวังหัวกันด้วยล่ะ

หินรูปตายายและหลานที่นั่งกินข้าวด้วยกัน

Ryugashido Cavern, Hamamatsu : หินรูปตายายและหลานที่นั่งกินข้าวด้วยกัน

หินรูปจระเข้อ้าปาก ไม่รู้ว่าเห็นเหมือนกันไหม

Ryugashido Cavern, Hamamatsu : หินรูปจระเข้อ้าปาก

ผนังถ้ำมีน้ำไหลออกมา น่าตื่นเต้นมาก

หินปูนรูปเทพเจ้าทั้ง 7 ของญี่ปุ่น คนตั้งชื่อนี่เก่งจริงๆ เลย นอกจากจะต้องใช้จินตนาการแล้ว ยังต้องตั้งชื่อให้เป็นไปตามหินและภาพที่เห็นด้วย

โคมไฟแชนเดอร์เลียร์

น้ำตกอายุยืนหรือ Fountain Of Longevity น้ำใสมากๆ แต่น้ำไม่สามารถกินได้นะ 

ไฮไลท์เด่นๆ เลยก็คือ น้ำตกสีทอง (The Grand Golden Waterfall) จะเป็นน้ำที่พุ่งลงมาจากผนังหลังคาของถ้ำ ได้ยินเสียงน้ำกระทบกับพื้นแล้วรู้สึกสดชื่นมากๆ น้ำที่ไหลลงมามีความสูงประมาณ 30 เมตร ทำให้นี่เป็นหนึ่งในน้ำตกใต้ดินที่ยาวที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย

ร้านขายของฝากก็มีไอเท็มหินต่าง ๆ มาวางจำหน่ายมากมาย มีของฝากท้องถิ่นของจังหวัดชิซูโอกะ รวมถึงโคล่าฟูจิด้วยนะ ใครอยากลองก็เรียนเชิญได้ เราไปลองมาแล้ว ได้กลิ่นอายความเป็นโคล่าแบบวินเทจสุดๆ  

Info
Ryugashido Cavern
Location: เมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu), จังหวัดชิซูโอกะ
Hours: 9:00-17:00 น.
Holiday:
Entrance Fee: ผู้ใหญ่กับนักเรียนชั้นมัธยมปลาย 1,000 เยน (ถ้าซื้อบัตรรวมกับค่าเข้าชมวัด Houkouji จะได้ส่วนลดเหลือ 1,150 เยน เข้าชมได้ทั้งสองที่), นักเรียนชั้นประถม-มัธยมต้น 600 เยน (ถ้าซื้อบัตรรวมกับค่าเข้าชมวัด Houkouji จะได้ส่วนลดเหลือ 650 เยน เข้าชมได้ทั้งสองที่)
Nearest Station: สถานีฮามามัตสึ (Hamamatsu Station)
Access: จากสถานีฮามามัตสึ ให้นั่งรถบัสสายที่จะไป Okuyama Kogen ลงที่ป้าย Ryugashido Iriguchi
Website: www.houkouji.or.jp

 

1.5 Sawayaka ร้านอาหารที่คนท้องถิ่นบอกว่าถ้ามาเที่ยวเมืองฮามามัตสึต้องลอง!

ร้าน Sawayaka ตั้งอยู่ที่ชั้น 8 ของห้างสรรพสินค้า Entetsu Main Building ที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟฮามามัตสึ ร้านนี้เป็นร้านดังของคนท้องถิ่นที่ได้รับความนิยมมากๆ เป็นร้านสไตล์ Family Restaurant และมี 35 สาขากระจายทั่วจังหวัดชิซูโอกะ  

Sawayaka ร้านอาหารที่คนท้องถิ่นห้ามพลาดใน Hamamatsu

จุดเด่นของร้านนี้ก็คือเมนูแฮมเบิร์ก (Hamburg) ซึ่งใช้เนื้อวัวชั้นดีชิ้นหนามาย่างในถาดร้อนๆ เป็นร้านที่ได้รับความนิยมจากคนทุกเพศทุกวัย คนท้องถิ่นของเมืองฮามามัตสึบอกเราว่าร้านนี้เป็นร้านดัง คิวเลยยาวมาก และเขาก็มากินตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็กเลยล่ะ

ร้านนี้ไม่ได้มีแค่เมนูเนื้อวัวอย่างเดียว ใครไม่กินเนื้อก็สามารถสั่งเมนูไก่หรือเมนูอื่นๆ ได้ เช่น สลัด แกงกะหรี่ ฯลฯ

เมนูอาหารในร้าน Sawayaka, Hamamatsu อาหารในร้าน Sawayaka, Hamamatsu

ความน่ารักของทางร้านก็คือ ก่อนที่เขาจะเสิร์ฟอาหาร จะมีการนำกระดาษแผ่นรองจานมาให้เราก่อน ซึ่งเจ้าแผ่นรองจานที่ว่านี้ไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่รองจานอาหารเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นผ้ากันเปื้อนป้องกันการกระเด็นของน้ำมันที่อยู่ภายในถาดร้อนๆ ไม่ให้ฉู่ฉ่าโดนเสื้อโดนตัวเราด้วย อีกทั้งยังมีสเปรย์ฆ่าเชื้อมาวางไว้ที่โต๊ะให้อีก เผื่อว่าใครกังวลเรื่องการหยิบจับขวดเครื่องปรุงต่างๆ เรียกได้ว่าน่ารักและใส่ใจสุดๆ ไปเลย

 

Info
Sawayaka
Location: เมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu), จังหวัดชิซูโอกะ
Hours: 11:00-22:00 น. 
Holiday:
Nearest Station: สถานีฮามามัตสึ (Hamamatsu Station)
Access: นั่งรถไฟไปลงที่สถานีฮามามัตสึ ทางออก North ร้านอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า Entetsu Main Building ชั้น 8
Website: www.genkotsu-hb.com

 

1.6 เรื่องกินเรื่องใหญ่! ไปลองเกี๊ยวซ่าสไตล์ฮามามัตสึที่ร้านอิซากายะ Hamataro Gyoza กันเถอะ

Hamataro Gyoza เป็นร้านเกี๊ยวซ่าของชาวเมืองฮามามัตสึที่ว่ากันว่าเป็นร้านที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือเกี๊ยวซ่าจะมีหลากหลายรสชาติให้เลือก เช่น กุ้ง วาซาบิ กิมจิ ชีส ฯลฯ เมื่อสั่งเมนูเกี๊ยวซ่าเสร็จเรียบร้อย พนักงานจะยกมาเสิร์ฟโดยที่ตรงกลางของจานนั้นจะมาพร้อมกับถั่วงอกลวก โอ้โห ไม่เคยกินเกี๊ยวซ่ากับถั่วงอกลวกมาก่อนเลย

Hamataro Gyoza ร้านเกี๊ยวซ่าของชาวเมือง Hamamatsu เกี๊ยวซ่าของร้าน Hamataro Gyoza, Hamamatsu

ครั้งแรกต้องไม่เฟลสินะ ใช่แล้ว! ไม่เฟลเลย รสชาติดีกว่าที่คิดเอาไว้ เรียกว่าอร่อยใช้ได้ น้ำจิ้มเกี๊ยวซ่าก็ดีงามมาก ทางร้านปรุงมาให้เสร็จสรรพแล้ว เราแค่เติมน้ำมันพริกเผาเพื่อเพิ่มความเผ็ดอย่างเดียวเท่านั้นเอง

นอกจากนี้เรายังสั่งเมนูกับแกล้มกรุบกริบมาด้วย นั่นคือแตงกวาหั่นที่โรยปลาคัตสึโอะฝอยมาเป็นท็อปปิ้ง จานนี้เป็นเมนูที่ทำให้แตงกวาธรรมดาดูมีมูลค่าขึ้นมาเลยทีเดียว แน่นอนว่าสายดื่มก็ไม่ควรพลาดถั่วแระญี่ปุ่นด้วยล่ะ

บรรยากาศภายในร้านจะมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์สำหรับคนที่มาคนเดียว และมีที่นั่งแบบโต๊ะสำหรับคนที่มาเป็นกลุ่ม การสั่งอาหารทำได้ผ่านจอไอแพด อารมณ์จะคล้ายๆ กับอิซากายะ นั่งชิลล์ นั่งคุย พูดคุยกันตามประสาเพื่อนฝูงหลังเลิกงาน 

บรรยากาศร้าน Hamataro Gyoza, Hamamatsu

ส่วนมื้อเที่ยงที่นี่ก็ราคาถูกมาก โดยเกี๊ยวซ่าเริ่มต้นที่เซ็ตละ 580 เยน ถ้าใครอยู่ญี่ปุ่นก็สามารถซื้อกลับบ้านไปย่างกินเองได้ด้วยนะ เกี๊ยวซ่าเซ็ต 6 ชิ้น (680 เยน) เซ็ต 12 ชิ้น (1,030 เยน) และเซ็ต 18 ชิ้น (1,380 เยน)

Info
Hamataro Gyoza สาขา Hamamatsu Ekimae
Location: เมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu), จังหวัดชิซูโอกะ
Hours: 11:30-14:00 น., 17:00-21:00 น.
Holiday: ไม่แน่นอน
Nearest Station: สถานีฮามามัตสึ (Hamamatsu Station)
Access: นั่งรถไฟไปลงที่สถานีฮามามัตสึ ทางออก North แล้วเดินต่อไปตามแผนที่อีกนิดก็จะถึงร้าน
Website: www.hamatarou-ta.owst.jp

 

1.7 คืนนี้นอนที่นี่นะ! OKURA ACT CITY HOTEL HAMAMATSU โรงแรมสุดหรูบนตึกสูงใจกลางเมืองฮามามัตสึ

ที่พักสำหรับค่ำคืนนี้ เราจะเข้านอนกันที่โรงแรม Okura Act City Hotel Hamamatsu โรงแรมนี้เป็นตึกสูง 45 ชั้นที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟ เดินทางสะดวกสุดๆ เพราะโรงแรมมีทางเดินเชื่อมถึงสถานีรถไฟได้เลย ส่วนสายช็อปปิ้งก็ต้องฟินแน่ๆ เพราะรอบโรงแรมมีห้างสรรพสินค้าต่างๆ รายล้อมเต็มไปหมด

แวะพักกันที่ โรงแรม Okura Act City Hotel Hamamatsu

สามารถชมคลิปได้ที่ www.youtu.be/x0oV7763zis 

ช่วงที่ไปพัก ล็อบบี้โรงแรมตกแต่งต้นคริสต์มาสและมีดนตรีบรรเลงให้เข้ากับบรรยากาศด้วย เมืองฮามามัตสึขึ้นชื่อเรื่องเครื่องดนตรี ดังนั้นไม่ว่าจะเดินทางไปซอกมุมไหน เราก็มักจะได้ยินเสียงเพลงบรรเลงอย่างไพเราะ คอยสร้างบรรยากาศให้ร่มรื่นและผ่อนคลายตลอดเวลา แม้แต่ในลิฟต์ก็ยังตกแต่งด้วยตัวโน้ตเลยนะ

จุดเด่นของโรงแรมนี้คงเป็นวิวจากมุมสูงของโรงแรม ซึ่งเราสามารถชมวิวเมืองฮามามัตสึได้ทั้งในตอนกลางวันและกลางคืน รวมถึงลิฟต์แก้วของโรงแรมที่มองวิวได้ตลอดเวลา คืนนี้เราได้พักที่ชั้น 44 เป็นวิวฝั่งตรงข้ามกับสถานีรถไฟที่มองอย่างไรก็สวยทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ต้องออกไปเดินตากลมเลย แค่ชมวิวจากบนห้องพักก็เพียงพอแล้ว

ห้องน้ำสะอาด อุปกรณ์ก็ครบถ้วนมากๆ เครื่องประทินผิวที่ให้มาภายในห้องพักก็นับว่าดีงาม เข้าพักโรงแรมตัวเปล่ายังได้

เราสะดุดกับไดร์เป่าผมยี่ห้อ Dyson เพราะส่วนใหญ่โรงแรมในญี่ปุ่นจะไม่ใช้ยี่ห้อนี้ ดีงามสำหรับคนที่แพลนว่าจะซื้อไดร์เป่าผมยี่ห้อนี้มากๆ เท่ากับว่าเราจะได้ทดลองใช้ก่อนซื้อจริง ที่ชอบที่สุดก็คือไดร์ยี่ห้อนี้มีหลากหลายหัวเป่ามาให้เปลี่ยนใช้ด้วยนะ ดี๊~ดี 

ขอมาพูดคุยเกี่ยวกับอาหารเช้ากันบ้าง อาหารเช้าของที่นี่ถือได้ว่าดีเลิศจริงๆ เนื่องจากทางโรงแรมจัดอาหารเช้ามาแบบเป็นเซ็ตให้เลือกว่าจะเป็นอาหารแบบตะวันตกหรือแบบญี่ปุ่น เพราะช่วงนี้โรคโควิด-19 ระบาด ทางโรงแรมจึงจัดเป็นแบบเซ็ตแล้วนำมาเสิร์ฟให้เราที่โต๊ะแทนการลุกไปหยิบเอง แต่ก็ยังมีบางอย่างที่ต้องไปหยิบเองอยู่นะ เช่น เครื่องดื่มต่างๆ ซึ่งทางโรงแรมก็เตรียมการรับมือเรื่องการแพร่กระจายของไวรัสได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ขั้นตอนการวัดอุณหภูมิ ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ซึ่งเราต้องใส่ถุงมือกับหน้ากากอนามัยก่อนลุกไปหยิบเครื่องดื่มทุกครั้งด้วยนะ ส่วนโต๊ะที่นั่งก็จัดให้อยู่ห่างๆ กัน เพื่อเว้นระยะห่างด้วย

Info
OKURA ACT CITY HOTEL HAMAMATSU
Location: เมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu), จังหวัดชิซูโอกะ
Reservation: คลิกที่นี่เพื่อจองห้องพัก 
Nearest Station: สถานีฮามามัตสึ (Hamamatsu Station)
Access: ลงรถไฟที่สถานีฮามามัตสึทางออก North หรือ May one แล้วเดินเชื่อมเข้าสู่โรงแรมบริเวณชั้น 2 ได้เลย
Website: www.act-okura.co.jp

 

02 เที่ยวเมืองฮามามัตสึ : วันที่ 2

 

2.1 แวะเช็คอินปราสาทฮามามัตสึ (Hamamatsu Castle)

แลนด์มาร์คทางประวัติศาสตร์ของเมืองฮามามัตสึ ยังไงก็ต้องเป็นที่นี่! ปราสาทฮามามัตสึ (Hamamatsu Castle)

ปราสาทฮามามัตสึเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1532 โดยขุนนางในตระกูลอิมางาวะ (Imagawa) ในสมัยปฏิวัติเมจิ ปราสาทหลังเดิมได้ถูกทำลายจนพังลงไป แต่ยังคงเหลือฐานหินอยู่ ซึ่งปราสาทหลังใหม่ที่สร้างขึ้นนั้น แม้ว่าจะมีขนาดเล็กลงแต่ก็ยังตั้งอยู่บนฐานหินเดิม

สามารถชมคลิปได้ที่ www.youtu.be/OriT7oJA8nc

ปราสาทแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของโชกุนชื่อดังของญี่ปุ่น นั่นก็คือ โทกุงาวะ อิเอยาสึ (Tokugawa Ieyasu) ซึ่งเคยอาศัยอยู่ที่นี่นานกว่า 17 ปี ในช่วงอายุ 29-45 ปี ปราสาทแห่งนี้จึงมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า “ปราสาทแห่งการเลื่อนตำแหน่ง” เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนได้รับการเลื่อนตำแหน่งสำคัญๆ ทั้งนั้น ดังนั้นบริเวณปราสาทจึงมีรูปปั้นของโชกุนโทกุงาวะอยู่ด้วย

ความสนุกของการมาเที่ยวปราสาทฮามามัตสึนั้น นอกเหนือจากการถ่ายรูปเช็คอินเป็นที่ระลึกแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ฮอตฮิตสำหรับการชมปราสาท นั่นก็คือการตามหาหินรูปหัวใจที่เป็นฐานของปราสาท วัยรุ่นญี่ปุ่นบอกว่าถ้าเห็นแล้วจะสมหวังในความรักและโชคดีอีกด้วย

เอ้า! มีใครเห็นหินรูปหัวใจบ้างไหมนะ?

นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ปราสาทฮามามัตสึยังเต็มไปด้วยซากุระกว่า 370 ต้น ซึ่งจะบานสะพรั่งในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นจุดชมซากุระที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ปราสาทแห่งนี้จึงถือเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่จะไปชมซากุระ 

แต่ปราสาทไม่ได้มีแค่ดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น ยังมีต้นเมเปิ้ลกับต้นแปะก๊วยที่จะผลัดใบในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงที่เรามานั้นถือว่าเร็วไปนิด จึงไม่ค่อยได้เห็นต้นไม้ที่กำลังผลัดใบมากนัก นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ปราสาทยังเป็นที่เดินพักผ่อนหย่อนใจของผู้คนในชุมชนอีกด้วย

Info
Hamamatsu Castle
Location: เมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu), จังหวัดชิซูโอกะ  
Hours: 8:30-16:30 น.
Holiday:
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 200 เยน
Nearest Station: สถานีฮามามัตสึ (Hamamatsu Station)
Access: นั่งรถบัสที่ป้ายหมายเลข 1 หรือ 13 จากท่ารถบัสที่สถานีฮามามัตสึไปลงที่ป้าย Shiyakushomae แล้วเดินเท้าต่อประมาณ 6 นาที
Website: www.houkouji.or.jp

 

2.2 จิบชาเขียวและชมสวนที่คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่น Shouin-tei Castle & Café

ไม่ไกลจากปราสาทฮามามัตสึนัก มีคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นที่มองออกไปแล้วสามารถเห็นสวนญี่ปุ่นได้ด้วย อีกทั้งคาเฟ่นี้ยังบรรยากาศดีมากๆ เซ็ตชาเขียวพร้อมขนมหวานของร้านนี้ก็ราคาน่าประทับใจมากเช่นกัน ใครเป็นสายชาเขียวญี่ปุ่น อยากหาที่นั่งชิลล์จิบชา กินขนมหวาน พร้อมกับมองวิวแบบสวนสวยสไตล์ญี่ปุ่น ขอแนะนำที่นี่เลย

เดินเข้าไปด้านในคาเฟ่ Shouin-tei Castle & Café นิดเดียวเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง คาเฟ่นี้เปิดมาแล้วกว่า 23 ปี นับว่าไม่ธรรมดาเลย

จุดเด่นของที่นี่ก็คือวิวสวย เซ็ตชาราคาไม่แพง (เซ็ตละ 400 เยน) โดยเสิร์ฟมาพร้อมกับความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ของทางร้าน เนื่องจากตอนที่เรากินขนมหรือดื่มชาจนหมดแล้ว เราจะพบตัวอักษรอยู่ตรงบริเวณก้นภาชนะ โดยตัวอักษรที่เราเจอตรงก้นถ้วยชาเขียวคือ 寿 (kotobuki) หมายถึง การยินดี, การแสดงความยินดี และตัวอักษรที่อยู่บนจานคือ 福 (Fuku) หมายถึง ความโชคดี ซึ่งเมื่อดื่มชาหรือกินขนมจนหมดแล้วเห็นอักษรเหล่านี้ก็ทำให้ยิ้มแป้นเลยทีเดียว

แต่ละฤดูกาลเมนูขนมหวานจะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลานั้นๆ ด้วยนะ เป็นเสน่ห์ที่ทำให้คนมาที่นี่ติดใจ แล้วอยากกลับมาซ้ำทุกเดือนโดยไม่มีเบื่อเลย

Info
Shouin-tei Castle & Café
Location: เมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu), จังหวัดชิซูโอกะ
Hours: อ.-อา. 10:00-16:00 น.
Holiday: วันจันทร์
Nearest Station: สถานีฮามามัตสึ (Hamamatsu Station)
Access: นั่งรถบัสที่ป้ายหมายเลข 13 จากท่ารถบัสที่สถานีฮามามัตสึไปลงที่ Hamamatsujo Kouen Iriguchi แล้วเดินต่อไปยังคาเฟ่ หรือนั่งรถบัสที่ป้ายหมายเลข 16 จากท่ารถบัสที่สถานีฮามามัตสึไปลงที่ Shikatani-cho แล้วเดินต่อไปยังคาเฟ่
Website: www.shouintei.jp

 

2.3 หมู่บ้านแห่งเทพนิยาย Nukumori no Mori เหมือนยกยุโรปมาไว้ที่ญี่ปุ่น

Nukumori no Mori เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่น่าหลงใหล มีกลิ่นอายความเป็นยุโรปที่น่าค้นหา ความหมายของชื่อสถานที่แห่งนี้ก็คือ “ป่าแห่งความอบอุ่น”

หมู่บ้านโนกุโมริโนะโมริก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1983 โดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่นซาซากิ ชิเงรุ (Shigeru Sasaki) การตกแต่งของหมู่บ้านแห่งนี้ทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปสู่โลกแห่งนิทาน ภายในหมู่บ้านมีบรรยากาศและกลิ่นอายของความเป็นยุโรป และมีการจำลองส่วนป่าคล้ายกับในนิทานด้วย ทุกอย่างดูน่ารักปุ๊กปิ๊กไปหมดเลย

หมู่บ้านแห่งนี้มีร้านค้าต่างๆ เปิดให้บริการมากมาย สินค้าที่จำหน่ายมีทั้งเสื้อผ้า งานทำมือ (Handmade) งานเซรามิก นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ และแกลเลอรี่ให้เดินชมเยอะเลย

เราไปสะดุดตากับร้านขายเครื่องประดับที่ทำจากหนังเข้า ร้านนี้มีชื่อว่า Little Shine Accessory Shop คุณป้าเจ้าของร้านใจดีมากๆ ไอเท็มที่วางในร้านนั้นลูกสาวของคุณป้าเป็นคนทำเองกับมือทุกชิ้นแล้วจึงนำมาวางจำหน่าย ซึ่งของที่ขายก็ไม่ได้มีแค่ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหนังอย่างเดียวนะ ต่างหูดีไซน์เก๋ๆ ก็มี จำหน่ายในราคาก็ไม่แพงเกินเอื้อมเลย

อีกร้านจะเป็นร้านจำหน่ายสินค้าจากตุรกีซึ่งเป็นร้านยอดฮิตอีกแห่งของที่นี่ ภายในจะนำสินค้าจากตุรกีมาวางจำหน่าย ซึ่งคนญี่ปุ่นชอบกันมาก สินค้าที่ขายก็จะมีทั้งผ้า โคมไฟ พวงกุญแจต่างๆ รวมถึงสร้อยข้อมือที่ขายดีเป็นอันดับหนึ่ง ไอเท็มน่ารักๆ แบบนี้ถูกจริตสาวญี่ปุ่นมากๆ

ร้านจำหน่ายเครื่องหอม อโรม่า แฮนด์ครีม หรือบาล์มต่างๆ ก็มีด้วยนะ แพ็กเกจของสินค้าแต่ละอย่างก็น่ารักมากๆ ใครที่ชอบอโรม่าออยล์น่าจะชอบร้านนี้เพราะมีหลายกลิ่นให้เลือก แถมยังมีสินค้าที่ผลิตขึ้นตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการโดยเฉพาะด้วย เช่น  วันไหนที่เหนื่อยมากๆ หรือแม้แต่วันที่ประจำเดือนมาแล้วต้องการผ่อนคลาย เราก็สามารถใช้อโรม่าผ่อนคลายได้เช่นกัน

บริเวณชั้น 2 ของร้านอโรม่าก็จะเป็นร้านขายสินค้ากระจุกกระจิก มีทั้งงานผ้า เซรามิก ฯลฯ แต่ที่เป็นสินค้าขายดีของร้านก็คือนาฬิกาข้อมือดีไซน์แปลกๆ น่ารักๆ มีกลิ่นอายความวินเทจหน่อยๆ

หนึ่งในไฮไลท์ของหมู่บ้านโนกุโมริโนะโมริคือ “คาเฟ่นกฮูก” ที่นี่มีนกฮูกมากมายทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ เพิ่งเคยใกล้ชิด ฮ.นกฮูกตาโตตัวเป็นๆ ก็ครั้งนี้ล่ะ น้องๆ แต่ละตัวตาคม กลมโตมากจริงๆ นอกจากนี้ยังมีหนูตัวเล็กๆ และเม่นขี้อายอีกด้วยนะ ใครชอบคาเฟ่นกฮูกจะต้องเพลิดเพลินอย่างแน่นอน ค่าเข้าชมคนละ 1,000 เยน

สถานที่อีกแห่งที่ห้ามพลาดเลยก็คือ บ้านหลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นร้านอาหารแล้ว แต่เดิมบ้านหลังนี้เป็นที่อยู่อาศัยของสถาปนิกผู้สร้างหมู่บ้านแห่งนี้ขึ้นมา ภายในมีการตกแต่งอย่างสวยงาม โดยดีไซน์ให้เหมือนบ้านในนิยาย

ภายในบ้านจะเต็มไปด้วยห้องเล็กห้องน้อย มีการทำผนังให้เหมือนไม้ ซึ่งจริงๆ แล้วทำจากปูน อีกทั้งยังมีการใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น นำหินรูปหัวใจไปติดไว้ที่พื้นของห้องเป็นการเพิ่มกิมมิกความน่ารักลงไป ทำให้บ้านหลังนี้มีเสน่ห์และน่าค้นหา นอกจากนี้ยังมีการเจาะช่องหลังคาโปร่งเพื่อให้แสงส่องเข้ามาในตัวบ้านได้ รวมถึงมีโคมไฟประดับน่ารักๆ สไตล์ยุโรป ในส่วนของระเบียงบ้านก็สามารถมองออกไปข้างนอกและเห็นทุกซอกทุกมุมของอาณาบริเวณรอบๆ บ้านได้ 

ก่อนไปอย่าลืมแวะร้านของฝากกันด้วยนะ ของฝากที่นี่จะเป็นคุกกี้ลวดลายน่ารักสไตล์เดียวกับบ้านเลย ส่วนใครที่ชื่นชอบงานอาร์ต งานปั้น งานเซรามิก คุณมาถูกที่แล้วค่ะ! เพราะที่นี่มีสินค้างานคราฟต์สวยๆ ที่ทำให้คนใจอ่อนอย่างเราไม่สามารถเคลื่อนตัวออกมาจากร้านได้เลย เพราะของแต่ละอย่างนั้นสวยงามจริงๆ ชวนให้อยากซื้อไปเสียทุกชิ้นที่วางโชว์ไว้ ใจบางมากๆ เลย

ตบท้ายกันด้วยไอศกรีมเจลาโต้แสนอร่อย ที่นี่มีไอศกรีมเจลาโต้จำหน่ายหลากหลายรสชาติจนแทบเลือกกันไม่ถูกเลย ใครเป็นสายของหวานต้องแวะมาจัดกันให้ได้นะ

หมู่บ้านโนกุโมริโนะโมรินี้สวยสมกับความเป็นเมืองแห่งเทพนิยายจริงๆ ใครที่ชอบความมุ้งมิ้ง ชอบถ่ายรูป ที่นี่น่าจะตอบโจทย์และถูกจริตแน่นอน ถ้าใครได้มาเที่ยวเมืองฮามามัตสึก็อย่าลืมแวะมาหมู่บ้านนี้นะ มันน่ารักมากจริงๆ

Info
Nukumori no Mori
Location: เมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu), จังหวัดชิซูโอกะ 
Hours: ศ.-พ. 10:30-18:30 น.
Holiday: วันพฤหัสบดี
Entrance Fee: 300 เยน
Nearest Station: สถานีฮามามัตสึ (Hamamatsu Station)
Access: จากสถานีรถไฟฮามามัตสึ ให้ไปที่ทางออกฝั่ง North แล้วขึ้นรถบัส Entetsu Bus ที่ป้ายหมายเลข 1 จากนั้นให้ขึ้นรถบัสสายที่มุ่งหน้าไปยัง Kanzanji Onsen (舘山寺温泉行) ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แล้วลงรถบัสที่ป้าย Sujikaibashi (すじかいばし) แล้วเดินเท้าต่ออีก 5 นาที
Website: www.nukumori.jp

 

2.4 มาเยือนแหล่งปลาไหลทั้งที ต้องแวะชิมข้าวหน้าปลาไหลที่ Unagi Hamanoki Restaurant

Unagi Hamanoki Restaurant (うなぎ食事処 浜乃木) เป็นร้านอาหารที่อยู่บนชั้น 2 ของท่าเรือคันซันจิ (Kanzanji Port) ร้านอาหารนี้มีทั้งโซนนั่งแบบญี่ปุ่นและโซนโต๊ะแบบตะวันตก เมนูเด็ดของทางร้านคือ ข้าวหน้าปลาไหล (Unadon) เพราะเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องปลาไหลนั่นเอง ส่วนบริเวณที่ชาวเมืองนิยมเลี้ยงปลาไหลกันก็คือทะเลสาบฮามานะ มาถึงแหล่งปลาไหลแล้วจะพลาดได้ยังไง! ต้องลองไปชิมของดีเมืองฮามามัตสึอย่างปลาไหลกันให้ได้เลย

เมนูจะเป็นภาษาอังกฤษ แต่ไม่ต้องกังวลนะ เพราะมีภาพประกอบให้ด้วย เห็นเมนูไหนน่าอร่อยก็จิ้มสั่งได้เลย ซึ่งข้าวหน้าปลาไหลจะมีทั้งเซ็ตใหญ่และเซ็ตเล็กตามความต้องการ

วันนี้เราได้ลองกินข้าวหน้าปลาไหลโอชาสึเกะ (Unadon Ochazuke) เป็นเซ็ตข้าวหน้าปลาไหลที่เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำชา แต่น้ำชาที่ว่านี้ไม่ใช่เครื่องดื่มนะ มันเป็นซุปที่ใช้เทลงบนข้าวนั่นเอง ลักษณะจะคล้ายกับข้าวต้ม กินช่วงอากาศหนาวจะคล่องคอมาก ด้วยกลิ่นหอมของปลาไหลที่ย่างมาร้อนๆ กับซุปชาแสนละมุน การกินข้าวหน้าปลาไหลจึงอร่อยยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ ส่วนราคาของข้าวหน้าปลาไหลเซ็ตนี้อยู่ที่ 1,595 เยน

แอบถ่ายเมนูของเพื่อนข้างเคียงมาด้วย Unaju เมนูปลาไหลเน้นๆ เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบปลาไหลเป็นชีวิต  อีกทั้งเมนูนี้ยังเสิร์ฟมาในกล่องข้าวลวดลายสวยงาม สมกับเป็นงานระดับพรีเมียม มีผักดองและซุปใสมาให้พร้อมในเซ็ต เห็นเนื้อปลาไหลที่ย่างมาแล้วบอกได้เลยว่าอลังการดาวล้านดวง เซ็ตนี้ราคา 4,180 เยน 

และอีกเมนูที่จะมีจำหน่ายตั้งแต่เดือนธันวาคมปี ค.ศ. 2020 เป็นต้นไปก็คือ “ข้าวมันหอยนางรม” หรือในชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า คากิคาบะด้ง (Kakikabadon : かきカバ丼) เมนูนี้เป็นเมนูฮอตฮิตที่เป็นแรร์ไอเท็มประจำร้าน ถ้ามีโอกาสได้มาเยือนฮามามัตสึอีก เราก็หวังว่าจะได้ลองเมนูข้าวมันหอยนางรม อยากรู้มากๆ เลยว่าจะอร่อยสมคำร่ำลือไหม เมนูนี้สนนราคาที่ 1,760 เยน

Info
Unagi Hamanoki Restaurant
Location: เมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu), จังหวัดชิซูโอกะ
Hours: พ.-จ. 11:00-16:00 น.
Holiday: วันอังคาร
Access: นั่งรถบัสสาย Tokaido Main Line จากสถานีฮามามัตสึ ใช้เวลา 45 นาที หรือ นั่งรถบัสสาย Kanzanji Onsen Line ลงที่ป้าย Kanzanji Onsen และเดินไปทางทิศเหนือบนถนน Monzen ใช้เวลา 5 นาที
Website: www.hamanoki.com

 

2.5 ล่องเรือ Pleasure Boat ให้อาหารนก และชมวิวทะเลสาบฮามานะที่ท่าเรือ Kanzanji Port

ทะเลสาบฮามานะ (浜名湖) นั้นเคยเป็นทะเลสาบน้ำจืดมาก่อน ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1498 มีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้น เกิดการแยกตัวของแผ่นดิน ทำให้ทะเลสาบฮามานะและมหาสมุทรแปซิฟิกมาเชื่อมต่อกัน เกิดเป็นทะเลสาบน้ำกร่อยในปัจจุบัน

สภาพแวดล้อมเช่นนี้ของทะเลสาบนั่นเองที่ทำให้เมืองฮามามัตสึขึ้นชื่อเรื่องปลาไหลและปลาปักเป้า ชาวเมืองจะเลี้ยงปลาไหลและปลาปักเป้ากันที่ทะเลสาบแห่งนี้ และบริเวณรอบๆ ทะเลสาบก็มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Hamanako PalPal Amusement Park, Kanzanji Onsen และ Hamanako Orgel Museum (พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี) ที่ต้องขึ้นเคเบิลคาร์ไปชมด้านบนด้วยความสูง 723 เมตร และที่นี่นับว่าเป็นเคเบิลคาร์แห่งเดียวของญี่ปุ่นที่ข้ามทะเลสาบ

วันนี้เราไม่ได้ขึ้นเคเบิลคาร์ แต่เราจะนั่งเรือล่องทะเลสาบชมวิว โดยเราขึ้นเรือที่มีชื่อว่า Kanzanji Port, Lake Hamana Pleasure Cruise ซึ่งขึ้นที่ท่าเรือคันซันจิใช้เวลาในการล่องเรือทั้งหมด 30 นาที

ความสนุกของการโดยสารเรือล่องทะเลสาบก็คือ เราจะได้ให้อาหารนกไปด้วย สามารถซื้อข้าวเกรียบเพื่อให้อาหารนกได้ในราคา 100 เยน เมื่อเรือเริ่มเข้าสู่กลางทะเลสาบ เราจะเห็นฝูงนกบินวนไปมารอรับอาหารกัน นกที่นี่ไม่โหด ไม่ดุ และไม่จิกเลย ออกจะเรียบร้อยเสียด้วยซ้ำ บางทีไม่มีคนให้อาหารแล้วนกก็ยังมายืนเรียงแถวตรงระเบียงเรืออยู่ดี น่ารักมาก

นอกจากนี้ เรายังได้ชมวิวของเคเบิลคาร์ที่มุ่งหน้าไปยังจุดชมวิวบนภูเขา Okusayama ด้วย ก็ถือว่าเป็นการเที่ยวทะเลสาบที่ได้เห็นวิวแบบ 360 และเรายังสามารถมองเห็นทางด่วน Tomei Expressway กับสะพาน Hamanako ที่พาดข้ามผ่านทะเลสาบแห่งนี้อีกด้วย เส้นทางเดินเรือนี้นอกจากจะเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว ยังนิยมในหมู่นักวิ่งหรือนักปั่นจักรยานด้วยล่ะ

Info
Kanzanji Port, Lake Hamana Pleasure Cruise
Location: เมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu), จังหวัดชิซูโอกะ 
Hours: 9:00-16:00 น.
Holiday:
Boat Fare: ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, เด็ก 500 เยน
Website: www.hamanako-yuransen.com

 

2.6 ชมเสาโทริอิกลางน้ำ Benten cho Torii, Totoumi Hakkei “Benten-no-Sekisho”

ถ้าเอ่ยถึงเกาะเบ็นเท็นจิมะ (Benten-Jima Island) ก็ต้องนึกถึงเสาโทริอิที่ตั้งอยู่กลางน้ำ (Benten cho Torii) ในทะเลสาบฮามานะ ทะเลสาบแห่งนี้เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงอันเป็นผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในอดีตที่ทำให้ทะเลสาบน้ำจืดกลายมาเป็นทะเลสาบน้ำกร่อย ซึ่งนี่ก็ทำให้ทะเลสาบฮามานะกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในหมู่คนญี่ปุ่นด้วยกันเองรวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่มาเยือน

วันนี้เราจะพาไปชมบรรยากาศยามบ่าย ณ ริมทะเลสาบกัน ซึ่งวิวที่เป็นไฮไลท์ก็คือเสาโทริอิสีแดงที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางทะเลสาบ บริเวณที่เรามากันนี้มีชื่อเรียกว่า Bentenjima Kaihin Park พื้นที่ตรงนี้เป็นชายหาดและสวนสาธารณะที่นักท่องเที่ยวหรือแม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็นิยมมาพักผ่อนหย่อนใจ บ้างก็มานั่งตกปลากันในช่วงฤดูร้อน บริเวณนี้ถือว่าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยม เพราะมีกิจกรรมทางน้ำต่างๆ ให้ทำมากมาย เช่น ล่องเรือยอร์ช พาราเซล วินเซิร์ฟ เวคบอร์ด และกิจกรรมอื่นๆ

เราเคยถามคนญี่ปุ่นว่าทำไมเสาโทริอิถึงมาตั้งอยู่กลางน้ำ คนญี่ปุ่นบอกว่าไม่รู้! อาจจะทำเพื่อเป็นแลนด์มาร์คก็ได้ล่ะมั้ง ซึ่งถ้าคนญี่ปุ่นไม่รู้แล้วเราจะรอดไหมนะ 

เสาโทริอิสีแดงสูง 18 ฟุตต้นนี้มีชื่อว่า Benten cho Torii ตั้งอยู่บริเวณเนินทรายของเกาะเบ็นเท็นจิมะมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1968 แต่ไม่มีศาลเจ้าตั้งอยู่ด้านใน เสาโทริอิต้นนี้ก็เลยไม่เหมือนกับเสาโทริอิต้นอื่นๆ

การชมเสาโทริอิสามารถทำได้ 2 วิธี ดังนี้

  1. นั่งเรือเพื่อไปชมเสาโทริอิแบบระยะประชิด แต่จะมีบริการเรือเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคมเท่านั้น (ค่าเรือ 1,000 เยน)
  2. ชมเสาโทริอิจากชายฝั่ง วิธีนี้ก็จะเหมือนที่เรามาชมกันนี่ล่ะ นั่งชิลล์ๆ ริมชายฝั่ง ดูน้ำดูฟ้า ดูผู้คนไปเรื่อยๆ ปิดท้ายด้วยรอชมพระอาทิตย์ตก นั่งทำตัวเป็นนางเอกเอ็มวีมุมนี้ก็สวยดีเหมือนกันนะ

Info
Benten cho Torii, Totoumi Hakkei “Benten-no-Sekisho”
Location: เมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu), จังหวัดชิซูโอกะ
Hours: 24 ชั่วโมง 
Nearest Station: สถานีเบ็นเท็นจิมะ (Bentenjima Station)
Access: นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Bentenjima แล้วเดินต่อ 250 เมตร

 

2.7 แวะชมพิพิธภัณฑ์ Suzuki Museum ต้นกำเนิดรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ในญี่ปุ่น

ฮามามัตสึถือเป็นเมืองต้นกำเนิดรถยนต์ของญี่ปุ่น วันนี้พวกเราได้มีโอกาสไปชมพิพิธภัณฑ์ของ Suzuki ซึ่งเป็นที่ที่รวบรวมรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตออกมาตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน มีการแสดงขั้นตอนของการผลิตรถยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก ดังนั้นถ้ามีโอกาสก็อย่าลืมแวะไปชมกันนะ

สามารถชมคลิปได้ที่ www.youtu.be/cAkku3Am5oU

Suzuki มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 100 ปี บริษัทยานยนต์แห่งนี้ก่อตั้งโดยคุณซึซึกิ มิจิโอะ (Michio Suzuki) ในปี ค.ศ. 1909 แรกเริ่มเดิมที Suzuki ไม่ได้เริ่มต้นจากการผลิตมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ แต่ Suzuki เริ่มต้นธุรกิจจากการทอผ้ามาก่อน โดยมีการผลิตผ้าที่มีลายทั้งแบบแนวตั้งและแนวนอน ซึ่งเป็นแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อความต้องการของผู้บริโภคและเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานจริง เราจึงเห็นได้ว่าภายในพิพิธภัณฑ์มีเครื่องทอผ้าหลากหลายรุ่นวางโชว์เอาไว้ให้ชมด้วย

จุดเปลี่ยนของธุรกิจเกิดขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อความต้องการผ้าในตลาดลดน้อยลง ทาง Suzuki ก็ได้เริ่มมองหาตลาดใหม่ นั่นก็คือธุรกิจยานยนต์ Suzuki เริ่มผลิตมอเตอร์ไซค์รุ่นแรกที่หน้าตาคล้ายกับจักรยาน แต่ติดเครื่องที่มากับเครื่องยนต์ 36 ซีซีที่มีชื่อรุ่นว่า Power Free มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เปิดตัวในปี ค.ศ. 1952 และขายดิบขายดีจนทำให้ต้องผลิตออกมาจำหน่ายถึง 6,000 คันต่อเดือน และนี่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจยานยนต์ของ Suzuki นั่นเอง

ถ้วยรางวัลนี้เป็นของ Rinsaku Yamashita ที่ชนะอันดับ 2 ในการแข่งขัน Mt. Fuji Climbing Race เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1954 เขาได้ใช้มอเตอร์ไซค์ Colleda Co รุ่น 90 ซีซีในการแข่งขันครั้งนี้ นี่จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวิวัฒนาการตลาดมอเตอร์ไซค์ของ Suzuki นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

Diamond free DF เป็นมอเตอร์ไซค์ที่สองพี่น้อง Shoji และ Yuji Takahashi ใช้เดินทางรอบโลกเป็นเวลา 2 ปี มีระยะทางการเดินทางทั้งหมด 47,000 กิโลเมตร พวกเขาได้เริ่มออกเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1956 โดยเดินทางจากท่าเรือโกเบไปยังกรุงเทพฯ และประเทศอื่นๆ อีก 32 ประเทศ รวมถึงปารีสในประเทศฝรั่งเศสด้วย ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ ในยุคนั้น

ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เราจะได้เห็นมอเตอร์ไซค์หลากหลายรุ่น ซึ่งบางรุ่นก็ไม่คุ้นตา มอเตอร์ไซค์ที่ผลิตในยุคแรกๆ จะเล็กและบาง เครื่องยนต์น้อย แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไปก็มีการพัฒนาปรับปรุง จนทำให้มอเตอร์ไซค์มีเครื่องที่ใหญ่ขึ้นหลายร้อยซีซี สำหรับใครที่ชื่นชอบรถแข่ง ที่นี่ก็มีรถแข่งในยุคก่อนๆ ให้ได้ชมกันอีกด้วย

ทางฝั่งรถยนต์ก็มีด้วยนะ ภาพลักษณ์ของรถยนต์ Suzuki ในสมัยก่อนจะเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก เป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิง แต่ต่อมาก็ได้มีการพัฒนาออกแบบขยายตลาดให้กว้างขึ้น โดยมีทั้งเป็นรถแข่งและรถสำหรับทำกิจกรรม Outdoor เช่น Wagon R ที่สามารถใส่อุปกรณ์กีฬา จักรยาน หรืออุปกรณ์กางเต็นท์ไว้ในรถได้ ทำให้กลุ่มผู้ชายหันมาชื่นชอบรถยนต์ Suzuki กันมากขึ้น

รถยนต์ที่ได้รับการกล่าวขานมากที่สุดอีกรุ่นหนึ่งก็คือ Suzuki Swift รถยนต์ขนาดเล็กกะทัดรัดที่มีการผลิตออกมาหลากหลายรุ่น รถยนต์ Suzuki Swift เริ่มผลิตในปี ค.ศ. 2000 จากที่ขายภายในญี่ปุ่นช่วงแรก ปัจจุบันรถรุ่นนี้ได้กระจายการขายไปทั่วโลก และยังมีโรงงานผลิตอยู่ที่เมืองไทยอีกด้วย

นอกจากนี้ก็ยังมีบูธที่แนะนำประเทศไทยให้คนญี่ปุ่นได้รู้จัก มีการถาม-ตอบความรู้รอบตัวเกี่ยวกับเมืองไทย สำหรับคนญี่ปุ่นที่ชื่นชอบเมืองไทยก็คงจะชอบโซนนี้มากๆ เพราะการตอบคำถามในแต่ละครั้งได้ทำให้รู้สึกภูมิใจ รู้สึกว่าฉันก็เป็นคนหนึ่งที่รู้จักเมืองไทยเป็นอย่างดี สำหรับเราที่เป็นคนไทยพอผ่านไปเห็นก็อดยิ้มไม่ได้ พลางคิดว่าเมืองไทยนี่ล่ะบ้านฉันเอง 

บริเวณชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์จะมีโซนที่เรียกว่า Enshu Monozukuri ซึ่งเมืองฮามามัตสึก็อยู่ในพื้นที่ Enshu ด้วยเช่นกัน พื้นที่ Enshu นี้เป็นโซนที่บอกเล่าถึงต้นกำเนิดของสินค้าชื่อดังระดับโลกหลายๆ แบรนด์ รวมถึงสินค้าของประเทศญี่ปุ่นที่สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ชาวเมือง ได้แก่ เครื่องดนตรี Yamaha เปียโน Kawai รถยนต์ Toyota รถยนต์ Suzuki และรถยนต์ Honda เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมเหล่าเทพที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ท้องถิ่นและเมืองฮามามัตสึนั่นเอง

ส่วนใครที่เป็นแฟนคลับรถ Suzuki Hustler ก็มีให้ชมด้วยนะ รถ Suzuki Hustler เป็นรุ่นฮอตฮิตของเหล่าวัยรุ่นสาย Outdoor สายเดินป่าตั้งแคมป์ เป็นรุ่นที่กำลังมาแรง มีสีสันสดใส โซนจัดแสดงรถรุ่นนี้จะอยู่บริเวณชั้นล่างของพิพิธภัณฑ์ เราได้เข้าไปชมอย่างใกล้ชิดเลยล่ะ นอกจากนี้เขายังมีราคาของรถบอกไว้ด้วย ราคาจะอยู่ที่คันละ 1,746,000 เยน หรือประมาณ 6 แสนบาทเท่านั้น

การมาเดินที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินในงานมอเตอร์โชว์เลย เพียงแต่ที่นี่จะพิเศษกว่าตรงที่ให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์หรือเรื่องราวที่เราไม่เคยทราบมาก่อนด้วย

Info
Suzuki Museum
Location: เมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu), จังหวัดชิซูโอกะ
Hours: 9:30-16:30 น.
Holiday:
Entrance Fee: เข้าชมฟรี (ต้องจองคิวล่วงหน้า)
Nearest Station: สถานีทากาซึกะ (Takatsuka Station)
Access: นั่งรถไฟไปลงที่สถานีทากาซึกะ แล้วเดินต่ออีก 800 เมตรก็จะถึงพิพิธภัณฑ์
Website: www.suzuki-rekishikan.jp/english

 

จบกันไปแล้วสำหรับทริปเที่ยวเมืองฮามามัตสึแบบรวบรัด 2 วัน 1 คืน ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมืองเล็กๆ เมืองนี้จะอัดแน่นไปด้วยสถานที่น่าสนใจหลากหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านวัฒนธรรม การเที่ยวชมธรรมชาติ พิพิธภัณฑ์ หรืออาหารเลิศรส

ถ้าไม่ได้มาเยือนฮามามัตสึ เราก็คงไม่รู้เลยว่าเมืองนี้มีเสน่ห์และน่าสนใจมากขนาดไหน ดังนั้นถ้าใครมีโอกาสได้มาเที่ยวญี่ปุ่นและอยากสัมผัสบรรยากาศของเมืองรองที่ไม่เคยเป็นสองรองใคร เราขอฝาก “เมืองฮามามัตสึ” ไว้ในอ้อมใจด้วยนะ แล้วทุกคนจะหลงรักเมืองเล็กๆ แห่งนี้อย่างแน่นอน

 

ที่มา: www.fromjapan.info/th

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ