Pink Journey in Miyagi : ตระเวนชมซากุระในจังหวัดมิยากิผ่านวิวทะเล แม่น้ำ ตัวเมือง และในสวนฉบับ 3 วัน 2 คืน
สารบัญ
เที่ยวโตเกียวบ่อยเข้า บางครั้งใจมันก็โหยหาพื้นที่พักผ่อนชิลล์ๆ ในต่างจังหวัดของญี่ปุ่น คิดไม่ตกว่าจะไปไหนดี เลยนั่งจดลิสต์สิ่งที่อยากทำ เดินเล่น ชมซากุระ แสนสวยละมุนตา กินซีฟู้ดสดใหม่ จิบกาแฟพร้อมชมวิวทะเลสดใส ไหว้พระ ดื่มด่ำประวัติศาสตร์ แวะเดินตลาดท้องถิ่น ตะลุยกินอาหารโลคอล คาเฟ่ฮ็อปปิ้งอีกสักหน่อยก็เป็นอันครบจบทริปพักผ่อนแบบที่ต้องการ จนได้หมุดหมายที่ตอบโจทย์ในใจทั้งหมดคือจังหวัด มิยากิ (Miyagi) ในภูมิภาคโทโฮคุ ได้ออกนอกเมืองสมใจแล้ว เฮ้!
ถ้าพูดชื่อจังหวัดมิยากิอาจไม่คุ้น แล้วเซนไดล่ะ พอจะร้องอ๋อขึ้นมาได้บ้างไหม เซนไดเป็นเมืองหลักของจังหวัดมิยากิ แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้ว่า มิยากิ ยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอื่นๆ อีกเพียบ ยิ่งถ้าชื่นชอบในการ ชมซากุระ ยังไงก็ต้องจับรถไฟมาที่นี่ให้ได้สักครั้งเลยเชียว สำหรับคนที่ยังไม่เคยไปโซนนี้ โทโฮคุเป็นภูมิภาคที่แหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งไม่ได้อยู่ใกล้กันขนาดเดินไปได้แบบในโตเกียว จะเที่ยวให้คุ้มค่าก็ต้องมีบัตรโดยสารซึ่งใช้แทนตั๋วรถไฟ ขอแนะนำ JR EAST PASS (Tohoku area) ที่บริษัทรถไฟ JR-EAST ได้ทำขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุโดยเฉพาะ (คนที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นใช้ไม่ได้นะ)
ใจพร้อม! เงินพร้อม! บัตรโดยสารพร้อม! ก็ไปตระเวน ชมซากุระ ในจังหวัด มิยากิ ผ่านวิวทะเล แม่น้ำ ตัวเมือง และในสวนตลอด 3 วัน 2 คืน ไปพร้อมๆ กับเราเลย!
🌸 DAY 1 🌸
ชมซากุระนับพันกับแม่น้ำและสวนสวย
วันนี้คือดีเดย์ เพราะเราจะไปชมซากุระแบบออลเดย์ ทุกสถานที่ที่เราจะไปในวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นจุด ชมซากุระ สวยเด่นของจังหวัด มิยากิ นั่นคือเมืองชิบาตะ (Shibata) และโอกาวาระ (Ogawara) ที่ใกล้กับสถานีฟุนาโอกะ (Funaoka Station) และสถานีโอกาวาระ (Ogawara Station) ซึ่งเดินทางจากสถานีเซนได้ใช้เวลา 30 นาทีโดยประมาณ
ภาพ: www.tohokukanko.jp
พื้นที่ชมซากุระหลักๆ จะอยู่เลียบแม่น้ำชิโรอิชิ (Shiroishi River) ระยะทางราว 8 กิโลเมตรเต็มไปด้วยดอกซากุระที่บานสะพรั่งช่วงฤดูใบไม้ผลิ นอกจากการเดินเล่นเหม่อมองซากุระสวยๆ แล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นให้ร่วมเพลิดเพลินอีก อาทิ ล่องเรือชมวิว นั่งสโลปคาร์ท่ามกลางต้นซากุระ และในเดือนเมษายนของทุกปีที่นี่จะจัดเทศกาลฮิโตเมะเซ็มบงซากุระ (Hitome Senbonzakura Festival) ให้ได้ชมซากุระอย่างชื่นบานใจ ตกบ่ายไปเดินเล่น Sakura Market และตอนเย็นก็หาที่นั่งชมไฟประดับ ซึ่งจะมีเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น แต่สำหรับปี ค.ศ. 2021 นี้ ด้วยสถานการณ์ของไวรัส Covid-19 จึงถูกยกเลิกไป แต่ยังสามารถชมซากุระบริเวณริมแม่น้ำและบริเวณสวนปราสาทฟุนาโอกะได้ตามปกติ
Hitome Senbonzakura
ฮิโตเมะเซ็มบงซากุระ เป็นพื้นที่ซึ่งเราสามารถชมวิวซากุระกว่า 1,000 ต้นเรียงรายริมแม่น้ำชิโรอิชินั่นเอง จากสถานีโอกาวาระ (หรือจะลงที่สถานีฟุนาโอกะก็ได้) เดินเท้าต่อไม่เกิน 5 นาทีจะได้พบกับทางเดินเลียบแม่น้ำอันร่มรื่นชวนชื่นบานเพราะมีต้นซากุระอันสวยหวานรอต้อนรับเต็มไปหมด
วิวซากุระที่นี่ไม่ได้โดดเด่นเรื่องจำนวนอันมหาศาลอย่างเดียว แต่ยังมีความพิเศษที่การผสมผสานกับวิวรอบๆ อย่างลงตัว เช่น ซากุระ แม่น้ำชิโรอิชิ และภูเขาซาโอะ (Mount Zao) ที่มีหิมะปกคลุมอยู่บนยอดเขา และทำนบน้ำนิรากะมิเซกิ (Niragamizeki Weir) เล็กๆ ที่เสียงน้ำไหลทำให้สดชื่นขึ้นไปอีก
นอกจากนี้วิวจากสะพานซากุระโฮโด (Sakurahodo Bridge) ก็น่าสนใจ ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันอ่อนช้อย งดงาม หันไปทางไหนก็สวยสดชื่นสบายตา 360 องศา แถมมีเก้าอี้ตั้งอยู่กลางสะพานให้เรานั่งมองวิวสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน หรือจะเดินไปชมวิวจากสะพานชิบาตะเซนโอเคียว (Shibata Senokyo Bridge) สะพานสวยใหม่เอี่ยมที่เพิ่งเปิดใช้เมื่อปี ค.ศ. 2015 ก็จะได้วิวเก๋อีกนิด มีทั้งดอกไม้ แม่น้ำ ภูเขา และรถไฟด้วย!
Info
Hitome Senbonzakura
Sakura Period: ต้น-กลางเมษายน
Hours: 24 ชั่วโมง
Entrance Fee: ฟรี
Nearest Station: สถานีฟุนาโอกะ (Funaoka Station), สถานีโอกาวาระ (Ogawara Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 5 นาที จากสถานีโอกาวาระ
Website: https://hitome-senbonzakura.jp/
Funaoka Castle Ruins Park
ถ้าชอบชมวิวพาโนรามาที่เห็นอาคารบ้านเมืองในท้องถิ่น ขอแนะนำให้ไปที่จุดชมวิวโมมิโนะกิวะโนคตตะ (Momi no Ki wa Nokotta) ในสวนสาธารณะปราสาทเก่าฟุนาโอกะ ซึ่งเดินมาจากสะพานชิบาตะเซนโอเคียวใกล้นิดเดียวเท่านั้น สวนสาธารณะแห่งนี้ก็เป็นจุด ชมซากุระ ยอดนิยมใน มิยากิ เช่นกัน และยังได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 จุดชมซากุระที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นด้วย มีสโลปคาร์พาขึ้นไปยังสวนดอกไม้และรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม (Funaoka Heiwa Kannon) ที่อยู่บนเขา วิวที่มองออกมาจากหน้าต่างรถรางระหว่างขึ้นลงนั้นก็สวยสุดๆ ไปเลย
วิวพาโนรามาจากโมมิโนะกิวะโนคตตะ (Momi no Ki wa Nokotta)
ใครชอบเดิน แถวนี้มี Walking Map แนะนำเป็นไอเดียให้หลายแบบเชียว ทั้งรูทเดินชมดอกไม้ รูทชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ เป็นต้น ถ้าสนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด Shibata Footpath Funaoka Area Course ได้เลย
ภาพ: www.flickr.com
Info
Funaoka Castle Ruins Park
Sakura Period: ต้น-กลางเมษายน
Hours: 24 ชั่วโมง
Entrance Fee: ฟรี
Nearest Station: สถานีฟุนาโอกะ (Funaoka Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 20 นาที จากสถานีฟุนาโอกะ
Website: www.skbk.or.jp/th
Slope Car
Sakura Period: ต้น-กลางเมษายน
Hours: 9:00-17:00 น.
Entrance Fee: ไป-กลับ ผู้ใหญ่ 500 เยน/ 400 เยน สำหรับกลุ่ม 15 คนขึ้นไป, เด็ก 300 เยน/ 200 เยน สำหรับหมู่คณะ
Note: ปกติจะให้บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ช่วงเทศกาลซากุระจะให้บริการทุกวัน
Komingu Chaya Zatto Mukashi
เดินชมซากุระกว่าพันต้นจนหนำใจแล้ว ต้องแวะมาพักกินขนมอร่อยๆ เติมพลังสักหน่อยที่ร้านโคมิงกุ จายะ ซัตโตะ มุคาชิ มองไปที่หน้าต่างชั้นสองจะเห็นแมวกวักจิ๋วกับแมวกวักยักษ์โบกมือเชิญชวน เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะพบว่าร้านตกแต่งด้วยงานฝีมือในท้องถิ่นที่ทำจากผ้าสีสันสดใสชวนให้รู้สึกเป็นมิตรและอบอุ่นเข้ากับงานไม้ไม่แพ้น้องแมวทั้งสอง รอยยิ้มและความใจดีของคุณป้าเจ้าของร้านยิ่งทำให้ที่นี่เป็นเหมือนบ้านมากกว่าร้านค้า และเมื่อทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างเห็นซากุระเรียงรายสวยละลานตายิ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
เมนูแนะนำของร้านนี้คือ เค้กชิฟฟ่อนเนื้อนุ่มรสหวานน้อย ซึ่งเข้ากันได้ดีกับชาร้อนๆ สั่งเค้กเป็นเซ็ตพร้อมชา ราคามิตรภาพเพียง 500 เยนเท่านั้น แค่คิดว่าได้นั่งชมวิวซากุระแบบไม่ต้องเบียดกับใครก็คุ้มค่าเกินราคาขนมแล้ว อีกทั้งร้านนี้เป็นคาเฟ่บ้านไม้อันแสนน่ารักที่อยู่ใกล้กับทางเดินชมซากุระสุดๆ เพียงเลี้ยวขวาเมื่อเดินออกจากร้านก็จะพบกับสะพานซากุระโฮโดพอดี
Info
Komingu Chaya Zatto Mukashi
Hours: อ.-ส. 10:00-17:00 น.
Holiday: วันอาทิตย์และวันจันทร์
Nearest Station: สถานีฟุนาโอกะ (Funaoka Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 2 นาที จากสถานีฟุนาโอกะ
Shiroishi Castle
ส่งท้ายทริปซากุระวันแรกด้วยสวนซากุระกับปราสาทเก่าแก่ของญี่ปุ่นกันดีกว่า ปราสาทชิโรอิชิอาจจะไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวสักเท่าไร แต่เป็นจุดชมซากุระที่คนในพื้นที่นิยมกันมากทีเดียว
ที่นี่เป็นปราสาทของตระกูลคาตาคุระซึ่งเป็นขุนนางที่รับใช้ตระกูลดาเตะ อาคารหลักมักถูกใช้เป็นเรือนรับรองเวลาที่ไดเมียวดาเตะมาแถวนี้ ตัวปราสาทเคยถูกทำลายไปในช่วงสมัยปฏิรูปเมจิ แต่ได้รับการบูรณะใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1995 ด้วยไม้สนญี่ปุ่นอย่างประณีต แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่าปราสาทคือสวนซากุระขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกัน กลีบซากุระสีชมพูอ่อนที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นหญ้าตัดกับสีเขียวดูสวยงามไม่แพ้ดอกที่กำลังบานสะพรั่งอยู่บนต้นเลยทีเดียว
Info
Shiroishi Castle
Hours: 9:00-17:00 น. (เฉพาะช่วงพ.ย.-มี.ค. 9:00-16:00 น.)
Holiday: 28-31 ธันวาคม
Entrance Fee: 400 เยน (ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ฟรี สำหรับค่าเข้าโรงละคร 3 มิติ 400 เยน), 800 เยน (ค่าเข้าโรงละคร 3 มิติและบ้านพักซามูไรของตระกูลโอเซกิ)
Nearest Station: สถานีชิโรอิชิ (Shiroishi Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 10 นาที จากสถานีชิโรอิชิ
Website: sendai-travel.jp
แผนที่วันที่ 1
🌸 Day 2 🌸
ชมวิวซากุระกับทะเลและต้นสน
จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้คือ มัตสึชิมะ (Matsushima) ซึ่งได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 วิวที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น คนชอบธรรมชาติต้องกรีดร้องเมื่อได้มาที่นี่ เพราะมีทะเลสีครามพร้อมเกาะน้อยใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้จำนวนมาก ต้นไม้ที่ว่านี้เป็นต้นสน รวมจำนวนบนเกาะในย่านนี้น่าจะมีเกือบ 300 ต้นเลยทีเดียว สมชื่อ มัตสึ (ต้นสน) ชิมะ (เกาะ) จริงๆ
นอกจากนี้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมด้วยทั้งวัดและศาลเจ้า เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ก็น่าสนใจ ที่นี่คือสิ่งที่ดาเตะ มาซามุเนะ (Masamune Date) ขุนศึกเจ้าของสมญา “มังกรตาเดียว” สร้างไว้และสืบทอดมาจนถึงคนรุ่นหลัง ส่วนสายฟู้ดดี้ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะมีเมนูเด็ดที่ต้องลองอย่างหอยนางรม (ฤดูอร่อยพีคคือตุลาคมถึงมีนาคม) และปลาไหลน้ำเค็ม-อานาโกะ (ช่วงฤดูร้อน) ด้วย มากินอย่างเดียวก็เพลินไม่แพ้กัน ทั้งนี้ทั้งนั้นในเมื่อหมุดหมายหลักของทริปเราครั้งนี้คือซากุระ แน่นอนว่าที่นี่มีจุดชมซากุระที่สวยสุดๆ เข้ากับฟ้าใส ทะเลสวย และต้นไม้เขียวขจีแน่นอน
Info
Matsushima
Nearest Station: สถานีมัตสึชิมะไคกัง (Matsushima Kaigan Station)
Access: นั่งรถไฟ JR จากสถานีเซนได (Sendai Station) สายเซนเซกิ (Senseki Line) ประมาณ 40 นาทีมาลงที่สถานีมัตสึชิมะ ไคกัง (Matsushima Kaigan Station)
Website: sendai-travel.jp
Godaido Temple
จากสถานีมัตสึชิมะไคกัง เราเดินตามทางเลียบริมทะเลไปจนถึงสะพานสุคาชิ (Sukashi Bridge) สะพานสีแดงที่พาข้ามไปเกาะเล็กๆ กลางทะเล แม้จะมีต้นสนปกคลุม แต่ยังแอบเห็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของญี่ปุ่นโผล่มาให้ชื่นชมจากระยะไกล อาคารไม้เก่าแก่หลังนี้คือวัดที่มีชื่อว่าโกไดโด
วัดนี้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของมัตสึชิมะก็ว่าได้ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1604 สร้างขึ้นเพื่อสักการะบูชากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ 5 พระองค์ซึ่งช่วยปกป้องวัดซุยกันจิ (Zuiganji) โดยพื้นที่ทั้งเหมาะของเกาะเล็กๆ นี้ถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ ส่วนพระพุทธรูปด้านในอาคารนั้นจะเปิดให้ได้เห็นกันแค่ช่วงพิธีกรรมที่จัดทุกๆ 33 ปีเท่านั้น ชมความวิจิตรของอาคารเสร็จแล้วหันไปเจอวิวอ่าวยิ่งว้าวใหญ่ เพราะเราได้ยืนมองหมู่เกาะจากกลางทะเล ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
Info
Godaido Temple
Hours: ม.ค. เเละ ธ.ค. 8:30-15:30 น./ ก.พ เเละ พ.ย. 8:30-16:00 น./ มี.ค. เเละ ต.ค. 8:30-16:30 น./ เม.ย. ถึง ก.ย. 8:30-17:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ (มัธยมปลาย-นักศึกษามหาวิทยาลัย) 700 เยน, เด็ก (ประถมศึกษา-มัธยมต้น) 400 เยน
Nearest Station: สถานีมัตสึชิมะไคกัง (Matsushima Kaigan Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 8 นาที จากสถานีมัตสึชิมะไคกัง
Website: zuiganji.or.jp
Fukuurabashi Bridge & Fukuura Island
ถ้าไปวัดโกไดโดแล้วติดใจ ขอให้เดินเลียบทะเลมาอีกสักระยะจะได้เจอฟุกุอุระบาชิ สะพานสีแดงพาดตัวยาวไปไกลกว่าเดิมนัก ปลายทางคือเกาะขนาดกลางที่มีชื่อว่าฟุกุอุระ (Fukuura Island) ซึ่งเต็มไปด้วยต้นสนเช่นกัน
เกาะนี้เหมาะมากสำหรับคนชอบเดินป่าแบบง่ายๆ เบาๆ และพักผ่อนหย่อนใจในคาเฟ่ท่ามกลางธรรมชาติ เพราะที่นี่มีพืชพรรณกว่า 300 ชนิดสมศักดิ์ศรีความเป็นอุทยานประจำจังหวัด แน่นอนว่าซากุระเป็นหนึ่งในนั้น และเราสามารถนั่งชมจากระเบียงของคาเฟ่ไม้ Fukuurajima Island Teahouse ได้ด้วยล่ะ เดินเสพอากาศบริสุทธิ์และชมธรรมชาติจนหนำใจ ขอแนะนำให้สั่งไอศกรีมมานั่งกินพลางชมดอกไม้สวยๆ เพื่อยกระดับความฟิน
Info
Café Bayland
Hours: เม.ย.-ต.ค. 8:00-17:00 น., พ.ย.-มี.ค. 8:00-16:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: ค่าเข้าเกาะ 200 เยน (ซื้อตั๋วได้ที่คาเฟ่ Café Bayland ที่อยู่หน้าสะพาน)
Nearest Station: สถานีมัตสึชิมะไคกัง (Matsushima Kaigan Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 14 นาทีจากสถานีมัตสึชิมะไคกัง
Matsushima Fish Market
สายเดินตลาด พลาดไม่ได้เลยเพราะตลาดปลามัตสึชิมะ (Matsushima Fish Market) คือตลาดปลาที่พาเพื่อนอาหารทะเลมาเพียบ ของสดทุกอย่างที่เราเจอที่นี่คือสิ่งที่ชาวประมงในท้องถิ่นจับมาได้ ชั้น 1 เป็นแผงขายของสด ของแห้ง และของฝาก (มีมันปูแบบกระปุกขายด้วยนะ!) ถ้าอยากกินอาหารทะเลสดใหม่ต้องไปชั้น 2 เมนูที่พลาดไม่ได้คือ หอยนางรมย่าง! จะกินหอยย่างเปล่าๆ ก็ได้ หรือจะสั่งหอยย่างโปะข้าวก็มี ไม่ว่าจะแบบไหนก็ตัวโต สดหวาน อร่อยสำราญใจแน่นอน บางช่วงเขาตั้งเพิงขายหอยนางรมย่างที่หน้าอาคารด้วยนะ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
Info
Matsushima Fish Market
Hours: วันธรรมดา 9:00-16:00 น. (ชั้น 1 บริเวณของสด 9:00-15:00 น., ชั้น 2 10:00-15:00 น.), วันสุดสัปดาห์เเละวันหยุดนักขัตฤกษ์ 8:00-16:00 น. (ชั้น 1 บริเวณของสด 8:00-15:00 น., ชั้น 2 9:00-15:00 น.)
Holiday: –
Nearest Station: สถานีมัตสึชิมะไคกัง (Matsushima Kaigan Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 14 นาทีจากสถานีมัตสึชิมะไคกัง
Website: www.sakana-ichiba.co.jp
Matsushima Sushi Kou
ถ้าอยากกินซูชิ ต้องแวะมาร้านนี้เลย ด้วยความเป็นร้านเล็กๆ ในซอยเล็กๆ ที่หลบอยู่ด้านหลังตึก จะบอกว่าเป็นร้านซูชิ (ที่ไม่ได้ตั้งใจ) ลับก็ไม่ผิดนัก อาจจะหายากสักเล็กน้อย แต่รับรองว่าซูชิที่สดอร่อยคุ้มค่าการค้นหาแน่นอน
เราจะสั่งแบบแยกชิ้นก็ได้ แต่แนะนำว่าสั่งเป็นเซ็ตราคาจะย่อมเยากว่านิดหน่อย เราทดลองเซ็ตราคากลางๆ อย่าง Tokujo Onigiri (2,800 เยน) กับ Tokujo Kaisendon (2,900 เยน) ได้ลองชิมของทะเลหลากหลายและสดใหม่อร่อยพอดีๆ
*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สามารถเช็คราคาอาหารได้ทางเว็บไซต์ร้านอาหาร Matsushima Sushi Kou
Info
Matsushima Sushi Kou
Hours: จ.- อ., ศ.- อา.,วันหยุดนักขัตฤกษ์ (มื้อกลางวัน) 11.00-15.00 น. / จ.- อ., ศ.- อา.,วันหยุดนักขัตฤกษ์ (มื้อเย็น) 17.00-21.00 น. *ในวันอังคารจะเปิดให้บริการเฉพาะมื้อกลางวันเท่านั้น
Holiday: วันพุธเเละพฤหัสบดี
Nearest Station: สถานีมัตสึชิมะไคกัง (Matsushima Kaigan Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 8 นาทีจากสถานีมัตสึชิมะไคกัง
Saigyo Modoshi no Matsu Park
ชมวิวสวยๆ จากริมฝั่งและกลางทะเลไปแล้ว มาชมวิวทะเลจากบนเขากันบ้าง นั่งแท็กซี่หรือขับรถขึ้นมาเพียง 5 นาทีจากสถานีมัตสึชิมะไคกัง จะได้พบกับสวนไซเกียวโมโดชิโนะมัตสึ (Saigyo Modoshi no Matsu Park) สวนสนขนาดใหญ่ที่เราสามารถชมวิวอ่าวมัตสึชิมะ (Matsushima Bay) ได้แบบพาโนรามา ที่สำคัญสวนนี้มีต้นซากุระเรียงรายอยู่ไม่น้อย ทำให้วิวหมู่เกาะน้อยใหญ่ท่ามกลางท้องทะเลที่อยู่เบื้องหน้าดูอ่อนหวานขึ้นมาถนัดใจ
Info
Saigyo Modoshi no Matsu Park
Sakura Period: ต้น-กลางเมษายน
Hours: 24 ชั่วโมง
Entrance Fee: ฟรี
Nearest Station: สถานีมัตสึชิมะไคกัง (Matsushima Kaigan Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 16 นาทีจากสถานีมัตสึชิมะไคกัง
Café le Roman
วิวเลอค่าราคาแพงที่มาครบทั้งเขา ฟ้า ทะเลและซากุระจะเพิ่มความพิเศษได้อีกระดับเมื่อเราได้นั่งจิบชากินขนมอร่อยๆ นั่งถอดหุ่ยชมวิวเหล่านั้น
ร้านคาเฟ่ Café le Roman ตั้งอยู่บนเนินในสวนไซเกียวโมโดชิโนะมัตสึ จึงเป็นจุดที่เราสามารถชื่นชมวิวทั้งหมดที่ว่านี้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ร้านดีไซน์เรียบเก๋เหมือนอยู่ในเมือง แต่กำแพงกระจกใสทั้งบานรอบด้านทำให้เรายังรู้สึกเชื่อมต่อกับธรรมชาติ เมนูอาหารและขนมที่นี่เป็นสไตล์ตะวันตก ชากาแฟมีครบ ฝากท้องของว่างยามบ่ายได้เลย
Info
Café le Roman
Hours: พ.-จ. 11:00-17:00 น.
Holiday: วันอังคาร
Nearest Station: สถานีมัตสึชิมะไคกัง (Matsushima Kaigan Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 20 นาทีจากสถานีมัตสึชิมะไคกัง
Website: www.shokado.eu
แผนที่วันที่ 2
🌸 Day 3 🌸
วันเดย์ทัวร์กินและเดินเล่นทั่วเมืองเซนได
มาถึงจังหวัดมิยากิทั้งที ถ้าไม่เที่ยว เมืองเซนได (Sendai) ก็เหมือนว่ามาไม่ถึง วันสุดท้ายของทริปนี้เลยขอตะลอนกินเที่ยวในเมืองเซนไดให้หนำใจ เซนไดที่เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของภูมิภาคโทโฮคุ แน่นอนว่าต้องมีแหล่งกินเที่ยวชวนสนุกได้ตลอดทั้งวันแน่นอน นอกจากจะมีตึกสูงใหญ่และร้านค้าสวยๆ ให้ตื่นตา พื้นที่สีเขียวก็มีให้แวะพักอยู่มากไม่เสียชื่อ “เมืองแห่งต้นไม้”
อันที่จริงเมืองเซนไดมีสถานที่ให้ไปเยอะจนเลือกไม่ถูก แต่เรามีเวลาน้อยเพียงแค่วันเดียว ก็ขอเลือกเอาเฉพาะที่สนใจ สัมผัสวิถีคนโลคอลที่ตลาดเช้า เข้าร้านค้าท้องถิ่น ตามกินร้านดังและเมนูขึ้นชื่อ แล้วแวะชื่นชมประวัติศาตร์เมืองเซนไดในอดีตก็เพลิดเพลินกว่าที่คิดนะ
Sendai Asaichi Morning Market
เริ่มต้นเช้าที่สดใสด้วยการเดินตลาด ตลาดเช้าเก่าแก่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานีเซนได สามารถเดินมาได้ไม่เกิน 5 นาที แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ตลอดสองข้างทางระยะประมาณ 100 เมตรนี้กลับมีอาหารการกินทั้งของสดและของแห้งครบครัน ที่สำคัญสะอาดน่าเดิน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่สะดวกซื้อของสดไปปรุงอาหาร แต่ก็ยังซื้ออาหารรสชาติโฮมเมดหรือผลไม้สดใหม่กินได้เลย และที่ห้ามพลาดเด็ดขาดคือ ไก่คาราอาเกะของร้านแผงเล็กๆ ที่รสชาตินั้นขึ้นชื่อจนได้ออกทีวีมาแล้วด้วย คอนเฟิร์มว่าอร่อยเด็ดทั้งรสชิโอะ (เกลือ) และมิโซะ (เต้าเจี้ยว) ที่ใช้มิโซะเซนไดมีรสหวานหน่อยๆ ตบท้ายด้วยกาแฟกรุบกริบจาก 110 Coffee อีกแก้วเป็นอันครบ
Info
Sendai Asaichi Morning Market
Hours: จ.-ส. 8:00-17:00 น. *ขึ้นอยู่กับแต่ละร้าน
Holiday: วันอาทิตย์, วันหยุดนักขัตฤกษ์, วันหยุดโอบง (3 วัน) เเละวันหยุดปีใหม่ (1-4 วัน)
Nearest Station: สถานีเซนได (Sendai Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 2 นาที จากสถานีเซนได
Website: https://sendaiasaichi.com/
Taikichi Taiyaki
หลายคนน่าจะรู้จักขนมไทยากิอยู่แล้ว น้องปลาสอดไส้ถั่วแดงบดเป็นขนมญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวไม่น้อย นอกจากไส้ถั่วแดงยังมีไอเดียเก๋ทำไส้ใหม่ๆ ที่แตกต่างจากสูตรดั้งเดิม เช่น ไส้คัสตาร์ด ไส้ช็อกโกแลต หรือไส้ชาเขียว แต่ถ้ามาที่เซนไดละก็ต้องชิมไทยากิไส้ถั่วซุนดะสิ
ถั่วซุนดะเป็นผลิตผลทางการเกษตรชื่อดังของแถบโทโฮคุและถูกนำไปแปรรูปมากมาย เช่น ไอศกรีม สมูทตี้ ฯลฯ ไทยากิซุนดะก็เป็นอีกเมนูที่อร่อยมาก ยิ่งผสมกับครีมสดที่หวานกำลังดีไม่เลี่ยนแม้แต่น้อยของร้าน Taikichi ร้านดังในท้องถิ่นที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การผสมแป้งทำตัวปลา ไปจนถึงเทคนิคการย่างแป้งให้สุกหอมกำลังดี ที่สำคัญขยันคิดเมนูใหม่ๆ มานำเสนอด้วย ร้านนี้มีหลายสาขา แต่สาขาหน้าสถานีเซนไดน่าจะเหมาะกับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราที่สุดแล้ว
Info
Taikichi Taiyaki สาขา Sendai Ekimae
Hours: 11:30-19:30 น. (แต่ถ้าแป้งหมดก็ปิดร้านเลย)
Holiday: –
Nearest Station: สถานีเซนได (Sendai Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 1 นาที จากสถานีเซนได
Website: taiankichijitsu.com
Itagaki Fruit Cafe
Itagaki เป็นร้านขายผลไม้เก่าแก่ที่เริ่มกิจการมาตั้งแต่สมัยเมจิ (ค.ศ. 1897) แม้จะเป็นร้านผลไม้เก่าแก่ที่อายุเกิน 100 ปี แต่ร้านกลับทันสมัย สดใส และวัยรุ่นเพียบ ด้านในมีผลไม้หลากหลายชนิดวางเรียงรายให้เลือกซื้อตามใจชอบ ลูกค้าที่มาส่วนมากเป็นชาวเมืองเซนไดที่มาเป็นแพทเทิร์นเดียวกันคือ แวะมาเลือกซื้อผลไม้สดแล้วเดินไปสั่งขนมหน้าตู้กลับบ้าน นักท่องเที่ยวอย่างเราสำรวจของสดและขนมเสร็จแล้วก็ตรงดิ่งไปโซนคาเฟ่ด้านในทันที มาแล้วต้องจัดเต็ม!
แน่นอนว่าด้วยศักดิ์ศรีร้านผลไม้ตัวท็อป ของหวานส่วนใหญ่ของเขาจะมีผลไม้หน้าตาน่ากินเป็นส่วนประกอบ เมนูฮิตของที่นี่คือ แซนด์วิชผลไม้ พาร์เฟต์ผลไม้สด และน้ำผลไม้ปั่น เราลองสั่งแซนด์วิชผลไม้ด้วยความใคร่รู้ว่าผลไม้กับขนมปังมันจะเข้ากันหรอ? คำตอบคือดีต่อใจมาก ผลไม้ดีอยู่แล้ว เจอครีมสดที่ไม่เลี่ยนกับขนมปังเนื้อนุ่มที่ติดรสเค็มนิดๆ คือความลงตัวที่ทำให้วันนี้ของเราสดใส
Info
Itagaki Fruit Cafe
Hours: 11:00-21:00 น. (L.O. 20:00 น.)
Holiday: –
Nearest Station: สถานีเซนได (Sendai Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 1 นาที จากสถานีเซนได
Website: https://www.itagaki-jp.com
Abe Kamaboko
ถ้าท้องยังพอรับไหวและสามารถกินต่อได้ อีกหนึ่งเมนูและร้านดังที่เราอยากให้คุณพุ่งไปให้ได้เลยคือร้าน Abe Kamaboko ที่จำหน่ายคามาโบโกะ (Kamaboko) ปลาที่บดอัดเป็นลูกชิ้นแล้วนำมาย่างจนเกิดกลิ่นหอม รสชาติดีไม่มีกลิ่นคาวสักนิด กินเปล่าๆ ก็เพลินแล้ว แต่เสียดายที่ซื้อกลับมาไม่ได้เพราะคามาโบโกะจำเป็นต้องอยู่ในที่แห้งและเย็นตลอดเวลา
เพิ่มดีกรีความอร่อย เจ้าคามาโบโกะยังถูกนำไปทำเป็นขนม Hyotan-age คามาโบโกะชุบแป้งหวานแล้วนำไปทอด ลักษณะคล้ายกับอเมริกันคอร์นด็อก จะกินเปล่าๆ หรือราดซอสมะเขือเทศสักหน่อยก็อร่อยทั้งนั้น ลองชิมได้ที่ร้านที่อยู่ติดกันได้เลย
Info
Abe Kamabokoten (Main Store)
Hours: 10:00-18:30 น. (Sasa Kamaboko ขายถึง 17:00 น.)
Holiday: ช่วงวันหยุดปีใหม่
Nearest Station: สถานีฮิโรเสะโดริ (Hirosedori Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 6 นาที จากสถานีฮิโรเสะโดริ
Website: www.abekama.co.jp
Sendai Castle
ปราสาทเซนได ปราสาทประจำเมืองที่คนท้องถิ่นรู้จักกันในชื่อว่า “ปราสาทอาโอบะ” ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1601 โดยผู้ครองแคว้นดาเตะ มาซามุเนะ และใช้เป็นที่อยู่อาศัยในอดีต แม้ในปัจจุบันจะไม่มีตัวปราสาทให้ชมแล้ว แต่เขามี VR เตรียมไว้ให้เราเดินชมปราสาทในสภาพสมบูรณ์แบบ 360 องศา ซึ่งเขาสร้างใหม่โดยศึกษาจาก Drawing ของจริงที่ยังหลงเหลืออยู่ ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น
สนุกกับประวัติศาตร์ผ่าน VR แล้วมาเดินชมวิหารโอฮิโรมะ ศาลเจ้า พิพิธภัณฑ์ รูปปั้นของท่านดาเตะที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเขาต่อได้อย่างเพลิดเพลิน และด้วยความที่ปราสาทตั้งอยู่บนภูเขาอาโอบะ ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวเมืองเซนไดที่คนนิยมมากันมาก
Info
Sendai Castle (Aoba Castle Ruins)
Hours: –
Holiday: –
Fee: VR ผู้ใหญ่ 800 เยน, นักเรียนมัธยมต้น/มัธยมปลาย 600 เยน, นักเรียนชั้นประถมศึกษา 500 เยน
Nearest Bus Stop: หมายเลข 6 (Loople Sendai)
Access: แนะนำให้นั่งบัส Loople Sendai จากสถานีเซนไดไปลงที่ป้ายหมายเลข 6 ซึ่งจะถึงปราสาทพอดี
Website: https://www.honmarukaikan.com/
Date no Gyutan
ปิดท้ายทริปชมซากุระอันเพลิดเพลินด้วยการกินของดีประจำเมืองเซนไดอย่างลิ้นวัว! คนญี่ปุ่นเรียกกันว่ากิวตัน มีร้านขายลิ้นวัวในเมืองเซนไดอยู่นับไม่ถ้วน แต่ร้าน Date no Gyutan เป็นร้านลิ้นวัวชื่อดังในท้องถิ่น ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1991
ร้านที่เรามาคือสาขาแรกที่เพิ่งรีโนเวทใหม่ มีทั้งชั้นที่ตกแต่งแบบโมเดิร์นมีห้องส่วนตัวและชั้นที่เปิดให้เห็นเตาปิ้งลิ้นได้บรรยากาศแบบโลคอล ที่ร้านเสิร์ฟทั้งแบบอะลาคาร์ทและแบบคอร์ส ถ้าอยากลองลิ้นวัวหลายรูปแบบ เช่น ลิ้นวัวดิบที่เสิร์ฟแบบซาชิมิ ซึ่งกรุบๆ เด้งๆ สู้ฟันกว่าแบบย่าง แบบ Slow Cook จนเปื่อยแบบสตูว์และแน่นอนแบบย่างหอมๆ กลมกล่อม แนะนำให้เลือกกินแบบคอร์ส
Info
Date no Gyutan (Main Store)
Hours: วันธรรมดา 11:00-14:30 น. (L.O.14:00 น.), 16:30-21:30 น. (L.O.20:30 น.), วันสุดสัปดาห์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 11:00-21:30 น. (L.O.20:30 น.)
Holiday: –
Nearest Station: สถานีเซนได (Sendai Station)
Access: เดินเท้า 5 นาที จากสถานีเซนได
Website: www.dategyu.jp/en
Hotel Metropolitan Sendai
สำหรับที่พักที่แสนสบายเดินทางสะดวก ขอยกให้ Hotel Metropolitan Sendai ซึ่งอยู่แทบจะติดกับสถานีรถไฟ JR Sendai เลยทีเดียว เดินเพียง 1 นาทีจากทางออกฝั่งตะวันออกของสถานีก็ถึงโรงแรมสวยที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความสะดวกสบายทั้งปวง ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านขายยา ร้านร้อยเยน มีครบทุกสิ่ง
ห้องพักใหม่ เตียงใหญ่นุ่ม สะอาด กว้าง (เมื่อเทียบกับโรงแรมญี่ปุ่นทั่วไป) และวิวสวยมาก ขอบคุณกระจกบานใหญ่ในห้อง เราเลยชมวิวเมืองอันแสนคึกคักของเซนไดยามค่ำคืนจากหน้าต่างราวกับมองภาพวาดที่มีชีวิต เรียกได้ว่านอกจากจะเหมาะใช้เป็นฐานที่มั่นในการเดินทางไปเที่ยวย่านต่างๆ อย่างสะดวกรวดเร็ว ยังได้กลับมาพักผ่อนอย่างแท้จริงที่นี่ด้วย ใครเล็งจะมาเที่ยวโทโคฮุ ควรรับโรงแรมนี้ไว้พิจารณา
Info
Hotel Metropolitan Sendai
Nearest Station: สถานีเซนได (Sendai Station)
Access: มีทางเดินเชื่อมจากสถานีเซนได
Website: www.jre-hotels.jp/metropolitan
แผนที่วันที่ 3
ข้อมูลควรรู้เกี่ยวกับ JR EAST PASS (Tohoku area)
บัตรโดยสารสุดคุ้มที่ใช้โดยสารรถไฟในภูมิภาคโทโฮคุ ทั้งรถไฟท้องถิ่น ชินคันเซ็น รถไฟท่องเที่ยว Joyful Train ในเส้นทาง JR EAST Line จะนั่งชินคันเซ็นจากโตเกียวไปลงเซนได ก็สำรองได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมถึงสามารถใช้นั่งรถไฟ Narita Express จากสนามบินนาริตะ หรือ Tokyo Monorail จากสนามบินฮาเนดะได้ฟรีหมดภายในระยะเวลา 5 วัน โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อกันภายในระยะเวลา 14 วัน
หากมีบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถสำรองที่นั่งชินคันเซ็นและรถไฟ Joyful Train ออนไลน์ได้ฟรีทางเว็บไซต์ eki-net.com ล่วงหน้า 1 เดือน หรือที่ห้องจำหน่ายตั๋ว JR East Travel Service Center สีเขียวบริเวณสถานีใหญ่ๆ ในญี่ปุ่น เช่น สถานี Tokyo, Shinjuku, Shibuya, Ueno, Sendai ฯลฯ
Info
Ticket Price: ผู้ใหญ่อายุ 12 ปีขึ้นไป 30,000 เยน, เด็กอายุ 6-11 ปี 15,000 เยน (ราคาจำหน่ายในประเทศไทย)
Period: 5 วัน โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อกันภายในระยะเวลา 14 วัน
How to Buy: ซื้อผ่านเอเจนซี่ในประเทศไทยจะได้ราคาที่ถูกกว่าการไปซื้อที่ประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ Wendy Tour, HIS และ JTB
Website: www.jreast.co.jp
Note: ราคาบัตรโดยสารดังกล่าวเป็นราคา ณ วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2567
การเดินทางไปมิยากิ
โดยส่วนใหญ่มักจะนิยมไปพักที่เมืองหลักคือ เซนได เพราะเดินทางสะดวก จากนั้นค่อยนั่งรถไฟออกไปเที่ยวตามเมืองอื่นๆ ดังนั้นเราจึงแนะนำวิธีเดินทางไปเมืองเซนได ดังนี้
จากโตเกียว:
ให้โดยสารรถไฟโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) หรืออาคิตะชินคันเซ็น (Akita Shinkansen) จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) หรืออุเอโนะ (Ueno Station) มาลงที่สถานีเซนได (Sendai Station) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งสามารถใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) สำรองที่นั่งชินคันเซ็นได้ทั้งออนไลน์และที่เคาน์เตอร์ในสถานีรถไฟโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม