Nara x Uji : เที่ยวนาราและอุจิแบบวิถีสโลว์ไลฟ์สุดรื่นรมย์โดยรถไฟสายคินเท็ตสึ
เที่ยวคันไซง่ายๆ ด้วยรถไฟ Kintetsu, Hankyu Hanshin และ Sanyo
เก็บกระเป๋าให้พร้อม คิจิจะชวนคุณใช้วันลาพักร้อนออกเดินทางไปเที่ยวภูมิภาคคันไซในญี่ปุ่น จากนั้นต่อรถไฟคินเท็ตสึไปนาราและเกียวโต และใช้บริการรถไฟฮันคิว ฮันชิน ตะลอนรอบเมืองโกเบ ถ้าพลังเหลือและยังเที่ยวไหวก็ลากกระเป๋าขึ้นรถไฟซันโยไปเที่ยวกันต่อที่บริเวณเมืองอากาชิและปราสาทฮิเมจิในจังหวัดเฮียวโงะ
CAN’T WAIT MUCH LONGER
LET’S WANDER AROUND NARA x UJI by Kintetsu Railway
ใครที่เดินทางมายังภูมิภาคคันไซบ่อยๆ น่าจะมีเกียวโต โอซาก้า นารา โกเบ เป็นลิสต์ที่ต้องไปในทริปแต่แพลนเที่ยวได้ที่ละนิดละหน่อยมันจะไปสนุกอะไร ทริปนี้เลยจะพาไปเที่ยวแบบวิถีสโลว์ไลฟ์กันยาวๆ ที่นารา เกียวโต ด้วยรถไฟคินเท็ตสึ (Kintetsu), โกเบ ด้วยรถไฟฮันคิว ฮันชิน (Hankyu/Hanshin) และบริเวณปราสาทฮิเมจิ ด้วยรถไฟซันโย (Sanyo)
สำหรับบทความนี้ขอชวนไปเดินเล่น แวะจิบชา กินขนมหวานในคาเฟ่บ้างที่เมืองอุจิ (Uji) ในจังหวัดเกียวโต (Kyoto) และหลายพื้นที่ของจังหวัดนารา (Nara) ที่ส่วนตัวแล้วคิดว่าทั้งสองแห่งมีอะไรบางอย่างคล้ายกันอย่างน่าแปลกใจ เลยขอมัดรวมไว้ในคราวเดียว ก่อนตามไปเที่ยวโกเบกันต่อในบทความหน้า ใครที่แพลนเที่ยวแถวนี้ไว้ราวๆ 4 วัน 3 คืน จะใช้แพลนนี้เป็นไกด์ก็ได้ไม่ว่ากัน
ขอเริ่มทริปที่จังหวัดนารา นารามีสถานีรถไฟหลักๆ 2 สถานีคือ JR Nara Station และ Kintetsu-Nara Station ซึ่งตั้งอยู่ค่อนข้างไกลกันพอสมควร สำหรับใครที่วางแพลนจะเดินเที่ยวบริเวณ Nara Park และ Todaiji Temple เราแนะนำให้เลือกที่พักบริเวณ Kintetsu-Nara Station เพราะใกล้กว่ามาก เดินได้สบายแบบไม่รู้สึกเหนื่อยเลยล่ะ รวมถึงรถไฟคินเท็ตสึก็ครอบคลุมทั่วทั้งนารา การเดินทางคราวนี้จึงสะดวกสบายสุดๆ
จากสนามบินนานาชาติคันไซเรานั่งรถไฟ Nankai Airport Line ไปลงที่สถานีรถไฟนัมบะ (Namba Station) ในโอซาก้า จากนั้นให้เดินไปยังสถานี Osaka-Namba Station เพื่อจะใช้บริการรถไฟสาย Kintetsu Nara Line ไปลงที่ Kintetsu-Nara Station จากโอซาก้าใช้เวลาเดินทางราวๆ 40 นาทีเท่านั้น เนื่องจากเราจองที่พักไว้ไม่ไกลจากสถานีมาก พอถึงนาราฝากกระเป๋าไว้กับเกสต์เฮ้าส์ที่จองไว้แล้วไปลุยกันเลย!
WELCOME TO NARA
นาราไม่ใช่เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยแสงไฟและรถราแสนวุ่นวาย ถ้าอธิบายให้เห็นภาพก็น่าจะคล้ายเชียงใหม่ ที่นี่ค่อนข้างสโลว์ไลฟ์น่ารัก ไม่วุ่นวายนัก ที่พักราคาไม่แพง ที่สำคัญคือเที่ยวง่าย จะเดินก็ได้ นั่งรถบัสก็ดี ถ้าอยากจะออกไปนอกเมืองนาราก็แสนจะสะดวก เพราะมีสายรถไฟเพียงไม่กี่สายเท่านั้น จึงไม่ต้องกลัวหลงทางเลย ถึงก่อนหน้านี้จะบอกว่าตัวเองรู้สึกเฉยๆ กับนารา แต่พอได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง กลับเป็นสถานที่ที่รู้สึกจากใจจริงว่าอยากกลับไปอีกครั้ง
Into the Sunshine Park, Into the NARA PARK
สวนสาธารณะนารา พื้นที่อันเป็นที่รักของทุกคน
มีคนเคยบันทึกเอาไว้ว่ารอบเมืองนารามีกวางกระจายตัวอาศัยอยู่ราวๆ 1,200 ตัว และ Nara Park หนึ่งในสวนสาธารณะเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 ก็เป็นสถานที่โปรดของกวางเจ้าถิ่นเหล่านั้น แต่เราว่าคงไม่ใช่แค่กวาง เพราะเราถามผู้คนมากมายก่อนมา และแอบแปลกใจนิดหน่อยที่ได้รับคำตอบแบบเดียวกันว่า Nara Park ก็เป็นสถานที่โปรดในเมืองนาราของพวกเขาเช่นเดียวกัน
สวนสาธารณะนารา สวนกวางนารา มีหลายชื่อเรียกในภาษาไทยสำหรับ Nara Park เราไม่แน่ใจนักหรอกว่าจริงๆ แล้วพื้นที่กว่า 3,130 ไร่ของ Nara Park มีไว้สำหรับทำอะไร ที่นี่เคยถูกใช้เป็นแลนมาร์คในชีวิตใครไปแล้วบ้าง กวางนับพันจะรู้สึกเบื่อบ้างไหมที่ต้องพบเจอคนแปลกหน้าทุกวัน หนุ่มสาวที่เดินจูงมือกันในวันอากาศดีกำลังคุยอะไรกันอยู่ ทำไมพ่อแม่ชอบพาเด็กๆ มาให้อาหารกวางด้วยขนมเซมเบ้ที่วางขายตามรายทางหรือชายในชุดเครื่องแบบของออฟฟิศที่กำลังนอนหลับบนเก้าอี้ตัวยาวในสวนจะมีชีวิตมุมอื่นเป็นอย่างไร แต่ที่เราสัมผัสได้คือ Nara Park เป็นทุกอย่างที่มากกว่าสวนสาธารณะให้แก่คนนาราจริงๆ
ถึงตอนนี้เราก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมใครต่อใครถึงยอมแบ่งพื้นที่ในใจให้กับ Nara Park
INFO
Nara Park
website: www.nara-park.com/en
Train Station: Kintetsu-Nara Station
TEMPLE TOUR
เรารู้สึกว่าวัดและศาลเจ้าในญี่ปุ่นไม่ได้เป็นแค่สถานที่สำหรับทำบุญ ไหว้พระ ขอพร แต่กลับมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและเต็มไปด้วยเรื่องราวเบื้องหลังที่น่าสนใจ วัดกลายเป็นเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปให้ได้ยังไงยังงั้น ที่นาราก็มีวัดน่าสนใจไม่แแพ้ที่ไหนในญี่ปุ่นเช่นกัน ได้มาเที่ยวนาราเมื่อไรก็อย่าทิ้งโอกาสแวะเยี่ยมชมวัดสำคัญของจังหวัดนารากันนะ
Todaiji Temple
เดินมาไม่ไกลจาก Nara Park จะเจอกับ “วัดโทไดจิ (Todaiji Temple)” วัดพุทธที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 752 ซึ่งเป็นช่วงที่นาราเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น วัดโทไดจิเป็นที่ตั้งของวิหารไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเรียกกันว่าวิหารไดบุทสึเด็น (Daibutsuden Hall) เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึสำริดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมีความสูงถึง 15 เมตรและมีประตูนันไดมง (Nandaimon Gate) เป็นประตูวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมจากยูเนสโกด้วย เพียงได้ทราบประวัติคร่าวๆ ของวัดโทไดจิที่อยู่มายาวนานราวๆ 1,200 กว่าปีมาแล้ว ก็คงห้ามใจไม่ได้ที่จะซื้อตั๋วเข้าไปเยี่ยมชมความยิ่งใหญ่และซึมซับบรรยากาศของวัดโทไดจิสักครั้ง
ด้านในวิหารหลักมีเสาไม้ต้นหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปกันมาก เนื่องจากความยาวรอบเสามีขนาดเท่ากับรูจมูกของพระพุทธรูปไดบุทสึและฐานของเสาไม้ต้นนี้จะมีช่องเล็กๆ อยู่ มีหลายความเชื่อบอกว่าหากใครลอดผ่านช่องนี้ได้จะมีสุขภาพแข็งแรง หรือจะตรัสรู้ได้ในชาติหน้า แต่ต้องระวังกันหน่อยนะเพราะเคยมีคนพยายามเอาตัวลอดผ่านแต่ดันติด วุ่นวายจนเป็นข่าวในญี่ปุ่นด้วยล่ะ
INFO
Todaiji Temple
Price: เฉพาะวิหารหลัก 500 เยน (ผู้ใหญ่)/ 300 เยน (เด็ก),
วิหารหลักและพิพิธภัณฑ์ 800 เยน (ผู้ใหญ่)/ 400 เยน (เด็ก)
Website: www.todaiji.or.jp/english
Train Station: Kintetsu-Nara Station
Nigatsu-do Temple
เดินเยื้องออกมาทางทิศตะวันออกของวิหารไดบุทสึเด็นก็จะพบกับ “วัดนิกัทสึโด (Nigatsu-do Temple)” ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับวัดโทไดจิ อารามไม้แบบเปิดตั้งอยู่บนฐานยกระดับ ดูไม่ค่อยเหมือนวัดญี่ปุ่นที่เราเห็นบ่อยๆ แต่สวยสะดุดตาจนต้องยอมเดินขึ้นบันไดนิดหน่อยเพื่อไปเยี่ยมชมในตัววัดแบบใกล้ชิด ซึ่งด้านบนมีพื้นที่ให้สักการะบูชาตามแบบฉบับวัดทั่วไปด้วย ความพิเศษคือจากระเบียงด้านบนของวัดนิกัทสึโดก็สามารถชมวิวมุมสูงสุดคลาสสิกของเมืองนาราได้ เสมือนกับว่าเป็นจุดชมวิวดีๆ เลยล่ะ
INFO
Nigatsu-do Temple
Train Station: Kintetsu-Nara Station
Kofukuji Temple
อดีตวัดโคฟุคุจิ (Kofukuji Temple) เคยมีอาคารมากกว่า 150 อาคาร ปัจจุบันหลงเหลือให้เข้าชมอยู่เพียงไม่กี่อาคารเท่านั้น โดยมีทั้งอาคารที่เก็บค่าเข้าและอาคารที่ให้เข้าชมฟรี อาทิ The Five-Storied Pagoda เจดีย์ไม้สูง 5 ชั้นที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของวัดโคฟุคุจิ, Tokondo Hall วิหารซึ่งได้รับเลือกให้เป็นสมบัติชาติญี่ปุ่น และ Kofukuji National Treasure Museum พิพิธภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยงานศิลปะเกี่ยวพระพุทธศาสนา อีกทั้งมีพระพุทธรูป Ashura 3 หน้า 6 มือ เป็นชิ้นงานเด่นของพิพิธภัณฑ์ที่ไม่ควรพลาดแวะชม
INFO
Kofukuji Temple
Website: www.kohfukuji.com/english.html
Train Station: Kintetsu-Nara Station
NARAMACHI
พื้นที่คราฟต์บำบัดสุดรื่นรมย์ในนารา
ถ้าหนังสือคู่กับนักอ่าน งานคราฟต์กับญี่ปุ่นก็คงต้องเป็นของคู่กัน
เราเคยอ่านบทความจากเว็บไซต์หนึ่งพูดถึงแนวคิด Craft Therapy ที่ว่าปัจจุบันงานคราฟต์ไม่ได้เป็นแค่กิจกรรมยามว่างหรือเรื่องไกลตัวอีกต่อไป อีกทั้งยังถูกส่งเสริมให้เป็นกิจกรรมที่ช่วยบำบัดทั้งกายและใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่เท่าที่สังเกตก็รู้สึกว่าคนทำงานคราฟต์ส่วนใหญ่มักใจเย็นและจิตใจดี สำหรับทริปนาราครั้งนี้ เราพบพื้นที่คราฟต์บำบัดสุดรื่นรมย์ในตัวเมืองนาราที่อยากแนะนำให้ลองแวะไปกัน ชื่อว่าย่าน “นารามาจิ (Naramachi)”
ตลอดสองข้างถนนของย่านนารามาจิเป็นอาคารไม้แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นร้านค้า แกลเลอรี่ คาเฟ่น่ารัก ที่พัก และพิพิธภัณฑ์ อีกทั้งยังมีพื้นที่เปิดให้นักท่องเที่ยวร่วมทำเวิร์คช็อปงานคราฟต์สไตล์ญี่ปุ่นเยอะมาก ถ้ามีใครมีเวลาก็ลองลงพื้นที่ทำเวิร์คช็อปคราฟต์บำบัดจิตใจกันดู แต่ถ้ามีเวลาไม่มาก การได้เดินในพื้นที่คุณภาพแบบนี้ก็ช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาได้มากเหมือนกัน นารามาจิกลายเป็นย่านที่เรารักที่สุดในนาราทริปนี้ซะแล้วล่ะ
INFO
NARAMACHI 奈良町
Website: www.visitnara.jp
Train Station: Kintetsu-Nara Station
6 Recommendations from The Locals
ได้ยินบ่อยๆ ว่าถ้าไปเที่ยวต้องเข้าร้านชาวบ้านดูสิถึงจะเรียกได้ว่าถึงแล้วจริงๆ ดังนั้นไม่ว่าจะออกเดินทางกี่ครั้ง ออกเดินทางไปที่ไหน ร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่คนท้องถิ่นของสถานที่นั้นๆ ยังคงดึงดูดใจเราอยู่เสมอ สำหรับย่านนารามาจินี้ก็ไม่น้อยหน้า เพราะเราพบเจอร้านค้าท้องถิ่นไอเดียดีจำนวนมาก คัดแล้วคัดอีกว่าดีจนอยากมาแนะนำให้ลองไปสำรวจกัน
Minamo
ใครก็ตามที่จากบ้านเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ คงต้องมีช่วงเวลาโหยหากับข้าวที่บ้านกันแน่ๆ ขอแนะนำให้รู้จัก Minamo คาเฟ่โฮมเมดที่จำหน่ายทั้งขนม กาแฟ และอาหารที่ปรุงขึ้นโดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นบ้านๆ ซึ่งมีเมนูอาหารเพียง 2 เซ็ตเมนูเท่านั้นคือ เซ็ตโอนิกิริและเซ็ตข้าวแกงกะหรี่เสิร์ฟพร้อมซุปหวานหอม เราเลือกสั่งเซ็ตโอนิกิริ ข้าวปั้นไส้ผักกับรากบัว กินคู่กับผักดองโฮมเมด ได้ซดซุปอุ่นๆ ตามไปด้วย ก็อดยิ้มตามรสชาติที่อบอวลในปากไม่ได้
ริ้วรอยน้อยๆ ที่เกิดจากรอยยิ้มระหว่างลงมือทำอาหาร เมื่อรวมกับบรรยากาศภายในร้าน แสงไฟสีนวลตา อาหารรสมือแม่ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนนั่งกินข้าวอยู่ที่บ้าน Minamo ทำให้อาการคิดถึงบ้านลดน้อยลงไปได้อย่างน่าประหลาด ใครที่มีแพลนเที่ยวย่านนารามาจิ ขอแนะนำให้เริ่มจากฝากท้องกันที่ร้านนี้ เราว่าน่าจะเป็นการเริ่มต้นวันที่ดีสุดๆ เลย
INFO
Minamo
Open Hour: พ.-จ. 11:00-18:00 น.
Holiday: วันอังคาร
Website: www.minamocoffee.tumblr.com
Train Station: Kintetsu-Nara Station
Mia’s Bread
กลิ่นขนมปังหอมๆ โชยมาตามลม ทำเอา Bread Lovers แบบเราต้องเดินตามกลิ่นมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ พื้นที่ด้านในตึกสองชั้นขนาดหนึ่งคูหาหน้าตาวุ่นวายนี้ ส่วนหนึ่งถูกแบ่งให้เป็นชั้นไม้วางขนมปังโฮมเมดหอมๆ เหลือเพียงพื้นที่พอให้คนเอี้ยวตัวเดินสวนกันได้เท่านั้น อาจต้องเบียดหรือเดินชนกันบ้าง ถึงอย่างนั้นก็ยังเห็นผู้คนผลัดกันเข้ามาเลือกซื้อขนมปังกันอย่างเพลิดเพลิน
ที่ชั้น 2 ของร้านยังเปิดเป็นคาเฟ่ขนาดน่ารัก มีที่นั่งเพียง 2-3 โต๊ะ แต่มีเมนูพิเศษเป็นแซนด์วิชไส้แน่นจากขนมปังโฮมเมดหลากชนิดของร้าน อาทิ เบเกิล ขนมปังฝรั่งเศส เป็นต้น ที่จะทำสดต่อเมื่อมีออเดอร์เท่านั้น เชื่อว่าคนที่แอบมีใจให้ขนมปังถ้าได้มาเจอ Mia’s Bread ก็ต้องขอเบียดผู้คนเข้าไปเลือกขนมปังคนละชิ้นสองชิ้นกลับบ้านอย่างแน่นอน
INFO
Mia’s Bread
Open Hour: อ.-อา. 12:00-18:30 น.
Holiday: วันจันทร์
Website: www.miasbread.com
Train Station: Kintetsu-Nara Station
Siki Organic & Natural
เราพบว่าถุงเท้าของ Siki ส่วนใหญ่เป็นถุงเท้าแฮนด์เมดที่คนท้องถิ่นของนาราตั้งใจถักทอขึ้นเอง ผลิตภัณฑ์ของที่ร้านใช้ฝ้ายออร์แกนิกจากธรรมชาติจริงๆ ไม่ใช้สารเคมีในการปลูกแม้แต่น้อย ลดทอนขั้นตอนการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ อีกทั้งสีถุงเท้าน่ารักน่าหยิบเหล่านั้นก็ถูกย้อมมาจากพืชพรรณธรรมชาติด้วยเช่นกัน
เดินดูของในร้านอยู่พักใหญ่ ชอบมากจนต้องเอ่ยปากชื่นชมไป เจ้าของร้านบอกกับเราว่า คนญี่ปุ่นชอบใส่ถุงเท้าและชอบผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ ยิ่งถ้ามาจากท้องถิ่นของตัวเองด้วยแล้ว จะสนับสนุนสุดๆ ใครเป็นสายออร์แกนิกน่าจะถูกใจร้านนี้และคงห้ามใจไม่ไหวซื้อกลับกันสักคู่สองคู่เป็นแน่ หาก Siki เป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลก เราก็ขอเป็นส่วนหนึ่งในการอุดหนุนและบอกต่อ “ดีต่อโลก ดีต่อชุมชน ดีต่อใจ” Siki Organic & Natural เป็นแบบนั้น
INFO
Siki Organic & Natural
Open Hour: 10:00-17:30 น.
Holiday: –
Website: siki-naramachi.com
Train Station: Kintetsu-Nara Station
Slow Jam
ถ้าคนหิวเดินตามกลิ่นหอมของอาหาร ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจถ้าผู้เสพติดการช็อปเสื้อผ้าแบบเราจะแอบเดินตามผู้คนแต่งตัวดีมีสไตล์เข้าร้านเสื้อผ้าไปบ้าง Slow Jam เป็นหนึ่งในร้านที่เราเดินตามไปแล้วถูกใจ จำหน่ายทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และเครื่องประดับแบรนด์เนมมือสองคุณภาพดีสไตล์วินเทจญี่ปุ่น ราคาจึงถูกกว่าปกติอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอยืนยันว่าสินค้ายังสภาพดีคุ้มราคาจริงๆ
ใครที่ชื่นชอบเข้าร้านเสื้อผ้าหรือสินค้ามือสองจะรู้ว่าของดีที่ถูกใจเรามักมีอย่างละชิ้นเท่านั้น อีกทั้งบางชิ้นก็เป็นของหายาก ว่ากันว่าใครตาดีคนนั้นก็ได้ไปเราว่านี่แหละเป็นเสน่ห์ของร้านมือสองเลย แม้ Slow Jam ร้านจะเป็นร้านเล็กๆ แต่ก็ยังเห็นผู้คนทั้งญี่ปุ่นเองและต่างชาติผลัดเปลี่ยนกันเดินเข้าออกร้านอยู่เรื่อยๆ บ่งบอกว่าความวินเทจยังเป็นที่นิยม รวมถึงสินค้ามือสองก็ยังถูกใจใครต่อใครหลายคนซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้น
INFO
Slow Jam
Open Hour: 11:00-19:00 น.
Holiday: –
Website: slowjam-nara.hatenablog.com
Train Station: Kintetsu-Nara Station
Cherry’s Spoon
หากกำลังมองหาร้านกาแฟสไตล์ญี่ปุ่นในย่านนารามาจินั่งอยู่ล่ะก็ Cherry’s Spoon เป็นหนึ่งในลิสต์ร้านกาแฟที่เราอยากแนะนำ สะดุดตาด้วยโลโก้รูปกระต่ายขาวและการตกแต่งภายในร้าน ที่เจ้าของร้านทำให้รู้สึกเหมือนเปิดบ้านให้เพื่อนแวะเข้าไปนั่งคุย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกัน ที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ยบนพื้นเสื่อทาทามิ หรือถ้าแขกหลายคนจะสังสรรค์ที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ก็น่าสนุก
แม้ในตอนนั้นเราจะเป็นชาวต่างชาติตัวคนเดียวที่แวะเข้าไปที่ร้าน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด เรานั่งเพลินๆ หลายชั่วโมงจนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีพนักงานของที่ร้านต้องเดินมาสะกิดว่าร้านจะปิดแล้ว คงน่าจะอธิบายความผ่อนคลายของ Cherry’s Spoon ได้เป็นอย่างดี เท่าที่สังเกตลูกค้าภายในร้านแล้ว น่าจะถูกใจตั้งแต่เด็กๆ ไปจนถึงผู้สูงวัยนู่นล่ะ ใครผ่านไปแถวย่านนารามาจิก็อย่าลืมแวะไปจิบกาแฟเท่ๆ หรือจะพกหนังสือสักเล่มไปนั่งอ่านที่ร้านด้วยก็เข้ากันดีนะ
INFO
Cherry’s Spoon
Open Hour: ศ.-พ. 11:00-18:30 น.
Holiday: วันพฤหัสบดี
Train Station: Kintetsu-Nara Station
Bolik Coffee
ความสนุกสนานภายในร้าน ขัดกับภาพที่เรามองเห็นจากด้านนอกไปถนัดตา Bolik Coffee คาเฟ่สุดมินิมัลในย่านนารามาจิ มีคอนเซ็ปต์ดีๆ คือทำทุกอย่างที่รัก สนุกกับทุกสิ่งที่ทำ เมนูของร้านจึงมีทั้งเมล็ดกาแฟที่ร้านคั่วเอง อาหารฟิวชั่นให้เลือกหลากหลาย หัดทำเบเกอรี่โฮมเมดแบบที่ตัวเองโปรดปรานออกวางขาย และไม่ต้องกังวลเรื่องรสชาติ เพราะจากที่สังเกตเห็นคนเดินเข้าออกร้านไม่ขาดสาย บ้างก็ยืนรอโต๊ะว่าง คงจะยืนยันได้ว่ารสชาติก็อร่อยไม่แพ้ความรักที่เจ้าของร้านตั้งใจใส่ลงไปเลย
อีกทั้งยังมีพื้นที่จำหน่ายสินค้า Zakka จากศิลปินที่เจ้าของชื่นชอบเป็นการส่วนตัวทั้งจากในญี่ปุ่นเองและต่างประเทศ จะมีอะไรมีความสุขไปกว่าการได้ทำและมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองรัก เห็นแบบนี้แล้วลูกค้าอย่างเราก็ขอดื่มกาแฟหอมๆ อย่างมีความสุขตามไปด้วยเลยละกัน
INFO
Bolik Coffee
Open Hour: พ.-อา. 12:00-18:00 น.
Holiday: วันจันทร์และวันอังคาร
Website: www.kanakana.info/bolik-coffee
Train Station: Kintetsu-Nara Station
IMAICHO
นั่งไทม์แมชชีนย้อนยุคไปเที่ยวย่านซามูไรเก่าในสมัยเอโดะ
หลังจากเดินเที่ยวเล่นที่ย่านน่ารักอย่างนารามาจิจนหนำใจ ขอชวนนั่งไทม์แมชชีนย้อนยุคไปยังย่านซามูไรเก่าในสมัยเอโดะที่ชื่อว่า “อิไมโช (Imaicho)” โดยนั่งรถไฟสาย Kintetsu Nara Line ออกนอกตัวเมืองนารามาราวๆ 40 นาทีก็มาถึงสถานี Yaginishiguchi ในเมืองคาชิฮาระ (Kashihara) ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุดของย่านเงียบๆ อิไมโชจุดหมายของเรา
ที่นี่เป็นย่านโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้และแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยตั้งแต่สมัยเอโดะ แม้ปัจจุบันจะมีร้านค้า คาเฟ่ต่างๆ ทยอยมาเปิดแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าพื้นที่โบราณแห่งนี้ถูกแทนที่ไป ความเก๋ก็คือตลอดสองข้างถนนในย่านนี้ไม่มีป้ายบอกทาง ไม่มีหน้าร้านให้เห็นชัดเจน แทบทุกร้านค้าและพิพิธภัณฑ์เป็นบ้านไม้โบราณที่เจ้าของทำเหมือนการเปิดบ้านต้อนรับแขก เรารู้สึกว่าอิไมโช ไม่ได้ร้องขอให้คนเข้ามามากมายนัก เป็นเพียงบ้านคนท้องถิ่นธรรมดาที่เปิดรออยู่เสมอ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธหากจะมีใครสักคนตั้งใจแวะเข้ามาเยี่ยมเยือน
ระหว่างทางเราเดินสวนกับนักท่องเที่ยวท่านอื่นบ้าง แต่ก็ไม่มีใครส่งเสียงดัง ได้แต่ยิ้มและพยักหน้าราวกับรู้กัน การเดินทอดน่องชมเมือง ซึมซับบรรยากาศที่เริ่มหาได้ยากในญี่ปุ่นไปเรื่อยๆ แบบนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเดินชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่จับต้องได้จริง ถ้ากำลังหาสถานที่แปลกใหม่ที่ยังไม่เคยไปในจังหวัดนารา ก็อยากให้ลองมาที่นี่กันดู
ให้ตายเถอะ สุดท้ายก็ชอบอิไมโชเข้าจนได้
INFO
IMAICHO
Website: www.visitnara.jp
Train Station: Kintetsu-Yaginishiguchi Station
My Favorite IMAICHO
ใครจะคิดว่าในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาตร์ญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยเอโดะ จะมีพื้นที่ให้เรารู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินได้อีก ใครเป็นพวกอ่อนไหวง่ายกับคาเฟ่บรรยากาศน่ารัก ก็เตรียมตัวไว้ให้ดี เพราะที่จะเล่าต่อไปนี้คือ 2 คาเฟ่แสนน่ารักในย่านอิไมโช ที่ขนาดเรามาครั้งแรกก็ชอบมากจนต้องเทใจให้เป็นคาเฟ่โปรดในจังหวัดนาราไปเลย
Café Hackberry
เดินเท้าเพียง 3 นาทีจากสถานีรถไฟ Yaginishiguchi ก็จะพบกับ Café Hackberry คาเฟ่สองชั้นตั้งอยู่ริมถนนเลียบแม่น้ำอาสึกะบริเวณย่าน Imaicho ก่อนจะมาเป็นคาเฟ่ ที่นี่คือบ้านไม้โบราณกว่า 100 ปี ที่เจ้าของตั้งใจรีโนเวทเพื่อเป็นสถานที่ที่ทำให้ทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ที่ได้แวะเวียนเข้ามา รู้สึกผ่อนคลาย ด้วยการตกแต่งด้วยไม้ตัดกับผนังปูนสีขาวดูสบายตา มีสีเขียวจากต้นไม้ชวนสบายใจ อีกทั้งยังมีหน้าต่างที่เปิดให้แสงแดดลอดผ่าน
Café Hackberry จำหน่ายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และขนมหวานรสชาติถูกปาก หากเดินเล่นจนรู้สึกเมื่อยล้า คาเฟ่แห่งนี้ก็เหมาะสมที่สุดสำหรับแวะพักสั่งเมนูน้ำดื่มเย็นให้ชื่นใจในวันเหงื่อออก สั่งเครื่องดื่มร้อนมาจิบเคล้าบรรยากาศในวันที่ลมหนาวโชย หรือใครบางคนตั้งใจมาตามหามื้อหนัก จะแวะฝากท้องในวันหิวโซก็ได้ทั้งนั้น แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าร้านค่อนข้างเป็นที่นิยม หากไปในช่วงเวลาทองอย่างตอนเที่ยงวันอาจต้องรอคิวบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีชั้นวางหนังสือติดผนังที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือและนิตยสารดีๆ ให้เปิดอ่านรอเวลาก็เพลิดเพลินดีเหมือนกัน
INFO
Cafe Hackberry
Open Hour: พ.-จ. 11:00-23:00 น.
Holiday: วันอังคาร
Website: www.cafe-hackberry.net
Train Station: Kintetsu-Yaginishiguchi Station
Coffee Satou
คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นขนาดกะทัดรัดที่บรรยากาศดีมากถึงมากที่สุด จำหน่ายทั้งอาหาร ขนม ชา และกาแฟราคาเป็นมิตร ที่คู่สามีภรรยาอารมณ์ดีเจ้าของร้านตั้งใจลงมือทำด้วยตัวเองทุกเมนู ความน่ารักของที่ร้านคือหากสั่งเมนูเครื่องดื่มร้อน จะสามารถเลือกแก้วเซรามิกแบบที่ตัวเองชอบจากชั้นวางของที่ร้านได้ด้วย ไม่ว่าใครก็ต้องชอบใจไอเดียการมีส่วนร่วมน่ารักๆ แบบนี้ เพราะจากที่สังเกตทุกคนต่างพิถีพิถันในการเลือก และขอบอกตรงนี้เลยว่าพอได้ดื่มกาแฟจากแก้วที่ตัวเองเลือกความอร่อยมันทวีคูณจริงๆ
การเดินทางมาที่ Coffee Satou แม้จะต้องนั่งรถไฟนานสักหน่อยจากตัวเมืองนารา แต่ถ้าแลกกับการได้มานั่งบนพื้นเสื่อทาทามิจิบกาแฟดำจากแก้วที่เลือกเอง กินชีสเค้กโฮมเมดรสกลมกล่อมที่อบขึ้นด้วยความตั้งใจ และนั่งอ่านหนังสือดีๆ สักเล่มริมหน้าต่างบานใสที่มองเห็นต้นเมเปิ้ลต้นใหญ่ในสวนหลังบ้าน ก็รู้สึกเลยว่าทุกนาทีในร้านนี้เป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่ามาก
INFO
Coffee Satou
Open Hour: พฤ.-อ. 10:00-17:00 น.
Holiday: วันพุธ
Website: www.coffee-sato.gorp.jp
Train Station: Kintetsu-Yaginishiguchi Station
Nara Map
ดาวน์โหลดแผนที่นารา ที่นี่
NEXT STATION UJI
เที่ยวนารา (Nara) แบบจัดเต็มไปแล้ว เปลี่ยนบรรยากาศมาเดินเล่นกันต่อที่เมืองอุจิ (Uji) เมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ของจังหวัดเกียวโต ตั้งอยู่ระหว่างเกียวโตและนารา สามารถเดินทางได้จากทั้งเกียวโตและนาราได้ในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ส่วนเราพักที่นารา (์Nara) จึงเลือกเดินทางด้วยรถไฟสาย Kintetsu Kyoto Line จากสถานี Kintetsu-Nara ไปลงที่สถานี Okubo จากนั้นให้ต่อรถบัสหมายเลข 21 จากป้าย Kintetsuokubo ด้านหน้าสถานีไปลงที่ป้าย Ujibashinishizume ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองและใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองอุจิ (Uji) แบบเดินเท้าไปได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
อุจิ (Uji) และนารา (Nara) ค่อนข้างคล้ายกัน เราคิดว่าถ้าใครชอบจังหวัดนารา (Nara) ก็น่าจะชอบเมืองอุจิ (Uji) ได้ไม่ยาก แม้จะไม่หวือหวาจากจำนวนคนพลุกพล่านในตอนกลางวัน หรือแสงไฟวุ่นวายจากร้านค้าในยามค่ำคืน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกในการเที่ยวอุจิลดน้อยลง เมืองอุจิน่าจะเหมาะคนที่ต้องการพักผ่อนจากการโหมงานหนัก แวะมาจิบชาหอมๆ หรือชิมเมนูแปลกใหม่จากอุจิมัทฉะที่คาเฟ่แสนน่ารักในตัวเมืองอุจิ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในแหล่งปลูกชาที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นก็คุ้มมากแล้ว
INFO
Uji city
Website: www.city.uji.kyoto.jp/en
Ujibashi Bridge
สะพานอุจิ (Ujibashi Bridge) เป็นสถานที่แรกในเมืองอุจิที่เราอยากแนะนำ ไม่ใช่แค่เพราะใกล้ป้ายรถบัสเพียงเดินไม่กี่ก้าวหรือเป็นหนึ่งในสามสะพานเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นที่ควรมาเยือนสักครั้ง แต่ถ้าคุณชอบเดินเล่นในที่บรรยากาศดีๆ ลมโกรก ไม่อึดอัด ได้ซึมซับบรรยากาศของเมืองเก่า และชอบนั่งชิลริมแม่น้ำ บริเวณนี้ก็เป็นสถานที่ที่ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินดี ส่วนตัวแล้วเราเป็นคนชอบแม่น้ำมาก พลอยทำให้บริเวณสะพานแห่งนี้กลายเป็นสถานที่โปรดของเราในเมืองอุจิด้วย
Statue of Murasaki Shikibu
หลายคนอาจสงสัยว่ารูปปั้นผู้หญิงที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำตรงใกล้ๆ สะพานเป็นใคร สำคัญยังไง ขอเล่าคร่าวๆ ว่านี่เป็นรูปปั้นของ มุราซากิ ชิคิบุ (Shikibu Murasaki) ผู้ประพันธ์วรรณกรรมเรื่อง ตำนานเก็นจิ (The Tale of Genji) ซึ่งเป็นหนึ่งในนิยายเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเฮอันและมีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น เรื่องราวช่วงสิบบทสุดท้ายของเรื่องมีฉากเป็นเมืองอุจิ นอกจากรูปปั้น ในเมืองอุจิยังมีพิพิธภัณฑ์เก็นจิ (The Tale of Genji Museum) อยู่ด้วย ใครเป็นแฟนนิยายเรื่องนี้ก็แวะไปเดินเล่นกันได้
Byodoin Temple
เพลินกับบรรยากาศริมแม่น้ำและถ่ายรูปกันพอสมควรแล้ว ไปขอพรที่ “วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple)” วัดสำคัญของเมืองอุจิกันดีกว่า แต่กว่าจะเดินไปถึงวัดท้องก็ดันร้องเป็นสัญญาณเตือนว่าเริ่มหิวซะแล้วสิ เราเลยจะชวนเดินกินนู่นนี่ตามร้านข้างถนนกันก่อน เพราะถ้าเดินจากสะพานอุจิ (Ujibashi Bridge) มาไม่กี่ก้าว ก็จะพบกับ Byodoin Omotesando ถนนสายกินและช็อปยาวจนถึงทางเข้าวัดเบียวโดอินเลย
ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านขนม ร้านอาหารทั้งแบบสตรีทฟู้ดและแบบที่เป็นร้านนั่งจริงจัง รวมถึงร้านของฝากหลากประเภท แต่ที่นิยมที่สุดก็ต้องเป็นขนมที่ทำจากอุจิมัทฉะ ของขึ้นชื่อของเมืองอุจิที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็มักจะมาหาซื้อของฝากกันที่ถนนสายนี้นี่แหละ หากกินจนหนังท้องเริ่มตึงให้เดินย่อยมาจนสุดทางของถนนสายนี้ก็ถึงวัดเบียวโดอินจุด-หมายของเราแล้วล่ะ
วัดเบียวโดอินสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเฮอันในปี ค.ศ. 1052 หรือราวๆ 1,000 ปีมาแล้ว และเป็นวัดที่ได้รับคัดเลือกจากยูเนสโกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกของญี่ปุ่น พื้นที่บริเวณวัดกว้างขวาง อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ทั้งพิพิธภัณฑ์ (Hoshokan Museum) ร้านชาอุจิสุดพรีเมียม (Tea Salon Toka)
วัดน้อยใหญ่ สวนญี่ปุ่นที่น่าชมทุกฤดูกาล และที่เป็นไฮไลท์ของวัดเบียวโดอินคือ Amida-do Hall หรือ Phoenix Hall วิหารไม้สีแดงสดตั้งอยู่ตรงใจกลางวัดซึ่งตัววิหารเป็นโครงสร้างดั้งเดิมตั้งแต่อดีต ล้อมรอบด้วยบึงน้ำใสที่เต็มไปด้วยปลาคาร์ปตัวใหญ่ ทำให้รู้สึกเสมือนว่าวิหารกำลังลอยน้ำอยู่ยังไงยังงั้น และถ้าสังเกตให้ดี วิหารแห่งนี้ก็คือวิหารที่ปรากฏอยู่บนเหรียญสิบเยนของญี่ปุ่นนั่นเอง หากมีโอกาสได้ไปเมืองอุจิ เราว่านี่เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ
INFO
Byodoin Temple
Open Hour: Amida-do Hall 9:30-16:10 น./ สวน 8:30-17:30 น./ พิพิธภัณฑ์ 9:00-17:00 น.
Price: สวนและพิพิธภัณฑ์ ผู้ใหญ่ 600 เยน, เด็กมัธยมฯ 400 เยน, เด็กประถมฯ 300 เยน/ Phoenix Hall (Hou-ou-do) 300 เยน
Website: www.byodoin.or.jp/en/
Bus: Ujibashinishizume Bus Stop
Excuse me, Can I get UJI MATCHA please!
อย่างที่รู้กันดีว่าของขึ้นชื่อของเมืองอุจิในเกียวโตนี้ก็คือ อุจิมัทฉะ (Uji Matcha) ที่ว่ากันว่าเป็นชาเขียวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น เราก็ไม่พลาดพาคุณไปชิมและช็อปกันถึง 4 ร้านซึ่งบรรจุเมนูที่ใช้อุจิมัทฉะเป็นวัตถุดิบหลักเอาไว้ ทั้งแบบดั้งเดิมและที่คิดค้นออกมาเป็นเมนูสุดครีเอทีฟเอาใจคนรุ่นใหม่ ที่สำคัญร้านอยู่ไม่ไกลกันมาก สามารถเดินเท้าถึงกันได้สบายสายเดินแบบเราเลยล่ะ
Iwai
คาเฟ่ขายอาหารและขนมญี่ปุ่นขนาดกะทัดรัดที่เต็มไปด้วยผู้คนหมุนเวียนกันเดินเข้าร้านอย่างไม่ขาดสาย อาจเพราะที่นี่เป็นร้านที่สามารถกินอุจิมัทฉะแท้ๆ ในราคาที่เป็นมิตรต่อปริมาณเงินในกระเป๋า ส่วนเรื่องรสชาติเราลองชิมมาแล้ว ขอบอกว่าถูกปากคนไทยแน่นอน
ที่ร้านจำหน่ายหลากเมนูที่ใช้อุจิมัทฉะเป็นวัตถุดิบหลัก ทั้งซอฟท์ครีม แพน-เค้ก น้ำแข็งใส ขนมโบราณหลากชนิด และที่พิเศษสุดๆ คือ “อุจิมัทฉะโซบะ” ที่ตัวเส้นมีสีเขียวจากมัทฉะของเมืองอุจินี่เอง เราสั่งเซ็ตโซบะร้อน กลิ่นหอมของชาเข้ากันได้ทีเดียวกับเมนูอาหารคาวแบบนี้ มาเดินเที่ยวเล่นในเมืองอุจิแล้วเกิดท้องร้องเมื่อไร ก็ลองแวะมาลองชิมอุจิมัทฉะโซบะร้อนหรือเย็นก็แล้วแต่ชอบใจ จากนั้นแนะนำสั่งน้ำแข็งใสอุจิมัทฉะหรือซอฟท์ครีมเนื้อเนียนมาปิดท้ายมื้ออาหาร ก็เป็นการเติมพลังก่อนไปเดิน เดิน และเดินเที่ยวเมืองอุจิต่อที่ดีมาก
INFO
Iwai
Open Hour: จ.-ศ. 11:00-18:00 น., ส.-อา. 11:30-18:30 น.
Holiday: –
Website: www.cafeiwai.exblog.jp
Bus: Ujibashinishizume Bus Stop
Uji Surugaya
ร้านขนมและชาเขียวญี่ปุ่นดั้งเดิมของเมืองอุจิ สังเกตไม่ยาก หากเดินจากสถานีรถไฟอุจิ ร้านจะตั้งอยู่ตรงต้นทางด้านขวามือของถนนสายช็อปปิ้ง Byodoin Omotesando หรือทางเดินเข้าไปวัดเบียวโดอินนั่นเอง
จุดเด่นของร้านนี้คือ ขนมทุกชิ้นที่วางจำหน่ายมีส่วนผสมหลักจากอุจิมัทฉะล้วนๆ ด้วยความตั้งใจของร้านที่จะใช้อุจิมัทฉะของขึ้นชื่อจากบ้านเกิดของตัวเองมาสร้างสรรค์เป็นขนมแสนอร่อย จนได้ผลผลิตออกมาเป็นขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น เช่น โมจิมัทฉะ ดังโงะมัทฉะ ฯลฯ เพื่อให้เข้าถึงคนได้ง่ายขึ้น จนไม่ว่าใครที่ได้ลองกินต่างก็ต้องติดใจในความหวานหอมกลมกล่อมของเจ้าอุจิมัทฉะ ใครที่ยังคิดไม่ออกว่ามาเที่ยวอุจิแล้วจะซื้ออะไรกลับไปฝากคนที่บ้านดีและอยากซื้อของฝากให้ถูกใจคนรับ ลองมาเดินดูที่ Uji Surugaya ก็เป็นตัวเลือกที่เรายืนยันว่าน่าสนใจ
INFO
Uji Surugaya
Open Hour: พฤ.-อ. 09:00-18:00 น.
Holiday: วันพุธ
Website: www.japanese-sweets-restaurant-94.business.site
Bus: Ujibashinishizume Bus Stop
A.B.C. cafe
A.B.C café เป็นพื้นที่นั่งชิลบนชั้นสองของตึกตรงหัวมุมถนน เราว่าที่ตั้งของคาเฟ่แห่งนี้เป็นทำเลทอง เพราะตั้งอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองหลายแห่งมาก จากคาเฟ่มองเห็นสะพานอุจิและถนน Byodoin Omotesando ทางเดินเข้าวัดเบียวโดอินซึ่งอยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของถนนนั่นเอง
แม้ตัวร้านจะอยู่ในตึก แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย เพราะภายในร้านตกแต่งด้วยพรรณไม้สีเขียวขจีน้อยใหญ่กระจายตัวอยู่ทั่วทั้งร้าน โต๊ะไม้สีอ่อน หน้าต่างใสที่เปิดให้แสงแดดลอดผ่าน ผนังอิฐ ชั้นหนังสือไม้ติดผนังอัดแน่นด้วยหนังสือและซีดีเพลงชวนอารมณ์ดี หลังจากอิ่มหนำจากมื้ออาหาร ลองแวะขึ้นมายัง A.B.C café แวะมาชิมชีสเค้กที่ทำจากอุจิมัทฉะ ดื่มกาแฟหอมๆ จากหลายแห่งทั่วโลก (ซึ่งจะเปลี่ยนไปแต่ละวัน) เพื่อแก้ง่วงยามหนังท้องตึง พร้อมชมความสดใสของเมืองอุจิผ่านหน้าต่างชั้นสอง ก็เป็นความดีงามยามบ่ายที่เราอยากให้ทุกคนลองมาสัมผัสกัน INFO
A.B.C. cafe
Open Hour: ส.-พฤ. 08:00-20:00 น.
Holiday: วันศุกร์
Website: www.abccafe2010.web.fc2.coma
Bus: Ujibashinishizume Bus Stop
Matcha Republic
ชาเขียวในขวดน้ำหมึกทรงเหลี่ยมที่คนถือเดินผ่านไปมาชวนสะดุดตาจนเราต้องแอบเดินตาม และพบว่าบรรจุภัณฑ์หน้าตาถูกใจวัยรุ่นนี้มาจากร้าน Matcha Republic ซึ่งแหวกสไตล์ร้านชาอุจิมัทฉะอื่นๆ ที่เราเห็นกันทั่วไปในเมือง
จากความตั้งใจของร้านที่อยากให้อุจิมัทฉะของขึ้นชื่อที่มีมาแต่เนิ่นนาน สามารถเข้าถึงคนได้ทุกวัย ด้วยการนำเสนอจากทั้งบรรจุภัณฑ์สุดเก๋ที่ได้แรงบันดาลใจจากขวดน้ำหมึกญี่ปุ่น การตกแต่งร้าน และความแปลกใหม่ของเมนูที่มีให้เลือกหลากหลาย เมื่อปรากฎในเมืองชาเขียวเก่าแก่อย่างอุจิแบบนี้ก็ชวนแปลกตาดี เมนูขายดีที่อยากแนะนำให้ลองชิมคือ Matcha Latte ชาเขียวมัทฉะนม ที่ใช้อุจิมัทฉะแท้ๆ กับนมสดฮอกไกโดร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือหากนึกอยากชิมเมนูแปลกตาของชาอุจิมัทฉะอื่นๆ ทางร้านก็มีให้เลือกเพียบ เช่น Matcha Collagen อุจิมัทฉะผสมคอลลาเจน หรือจะเป็น Bubble Matcha Latte ชาเขียวอุจิมัทฉะไข่มุก เราว่าก็น่าจะถูกใจลัทธิคนรักไข่มุกได้ไม่ยาก
INFO
Matcha Republic
Open Hour: 10:00-18:00 น.
Holiday: –
Website: www.matcha-republic.com
Bus: Ujibashinishizume Bus Stop
Uji Map
ดาวน์โหลดแผนที่เมืองอุจิ (Uji) ที่นี่