Amanohashidate: ทอดสะพานสู่สรวงสวรรค์ที่หาดทรายขาวอามาโนะฮาชิดาเตะในเกียวโต
สารบัญ
Between the Sea and Sky: AMANOHASHIDATE
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์องค์หนึ่ง หลงรักกับเทพธิดาที่อยู่บนโลกมนุษย์ จึงสร้างสะพานทอดยาวลงมายังโลกมนุษย์เพื่อพบกัน แต่แล้ววันหนึ่งสะพานแห่งนั้นกลับพังทลายลง กลับกลายเป็นหาดทรายขาวพาดผ่านทะเลที่เรียกว่า อามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate)”
นี่คือหนึ่งในตำนานของอามาโนะฮาชิดาเตะสันทรายยาว 3.6 กิโลเมตร ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติกลางอ่าวมิยาซุ (Miyazu) ในจังหวัดเกียวโต กลายเป็นทางเชื่อมระหว่างแผ่นดิน 2 ฝั่งอ่าว และเป็นจุดชมวิวที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นมาตั้งแต่โบราณ มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี และมีชื่อปรากฏอยู่ในบทกวีโบราณ ตั้งแต่ช่วง ค.ศ. 1020
“หาดทรายขาว ต้นสนเขียว” เป็นคำนิยมที่ได้นิยามอามาโนะฮาชิดาเตะเอาไว้ ที่นี่เป็นพื้นที่มรดกสำคัญของชุมชนแถวนั้น จนถึงกับมีการนัดรวมตัวเพื่อทำความสะอาดเป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ครั้ง ชาวบ้านและเหล่านักเรียนหลายวัยจะมารวมตัวกันแต่เช้า ถือไม้กวาดคนละอัน ช่วยกันกวาดใบสนแห้งเหี่ยวออกจากพื้นทราย เพื่อคงสภาพความงามไว้ให้อยู่ต่อไปยาวนานชั่วลูกชั่วหลาน
บนแผ่นดินทั้ง 2 ฝั่งของอามาโนะฮาชิดาเตะเป็นชุมชนเก่าแก่ที่ปัจจุบันเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวและร้านค้ามากมาย คิจิจึงอาสาพาผู้อ่านไปย้อนรอยประวัติศาสตร์ยาวนาน ชมทิวทัศน์สวยงาม ชิมอาหารอร่อย ไหว้พระในวัดศักดิ์สิทธิ์ และนั่งรถไฟวินเทจเลียบริมฝั่งทะเลของญี่ปุ่นด้วยกัน
Nice View Nice Shot
ล่าวิวสวยที่อามาโนะฮาชิดาเตะ
เมื่อได้มาเที่ยวในจุดที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดติด Top 3 ของญี่ปุ่นแล้ว สิ่งที่จะพลาดไม่ได้เลยคือการตามหามุมสวยๆ เพื่อถ่ายรูปและซึมซับกับความสวยงามที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้ วิธีการตามล่าหาวิวสวยๆ ของที่นี่ก็มีด้วยกันหลายวิธี’ ตั้งแต่วิธีง่ายๆ อย่างการขี่จักรยานไปเรื่อยๆ บนสันทราย เพื่อเก็บภาพจากมุมมองด้านในอย่างใกล้ชิด หรือจะนั่งเรือข้ามฝั่งเพื่อซึมซับกับบรรยากาศด้านข้างมองเห็นต้นสนสูงตระหง่าน หรือจะขึ้นเขาเพื่อมองจากมุมสูงสุดคลาสสิกก็ได้ ลองมาเลือกวิธีชมวิวสวยๆ แห่งนี้ด้วยกันนะคะ (หรือจะลองให้ครบทุกแบบเลยก็ได้ ไม่ว่ากัน)
Amanohashidate View Land
จุดชมวิวอามาโนะฮาชิดาเตะ วิวแลนด์ (Amanohashidate View Land) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสันทราย เปิดเมื่อปี ค.ศ. 1970 เมื่อก้มลงมองลอดใต้หว่างขาจากจุดชมวิวฝั่งนี้เราจะเห็นสันทรายในมุมมองที่ต่างออกไป เป็นรูปมังกรตัวใหญ่กำลังเหาะขึ้นท้องฟ้า
ด้านบนจุดชมวิวแห่งนี้มีสวนสนุกเล็กๆ ที่มีเครื่องเล่นให้เลือกสนุกหลายชิ้น เช่น ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ และรถบั๊มน่ารักๆ แต่เครื่องเล่นที่น่าลองที่สุดคือ Cycle-car หรือการขี่จักรยานบนรางลอยฟ้า ทำให้เห็นวิวโดยรอบได้ 360 องศาแบบไม่มีอะไรมาบังสายตา พร้อมความหวาดเสียวที่เหมือนจะตกออกจากยอดเขาตลอดเวลา แม้จะดูน่ากลัวแต่ก็สนุกมาก
และอีกหนึ่งจุดที่พลาดไม่ได้เลยเมื่อขึ้นมาบนนี้ คือ ไฮเรียวกัง ไคโร (Hiryukan-kairo) สถาปัตยกรรมโครงสร้างโปร่ง มีทางเดินเล็กๆ คดเคี้ยวที่ได้แรงบันดาลใจมากจากลำตัวของมังกร
Info
ค่าโดยสาร กระเช้า และเคเบิลคาร์ไป-กลับ: 850 เยน, เด็ก 450 เยน
Kasamatsu Park
จุดชมวิว คาสะมัสสึ พาร์ก (Kasamatsu Park) ตั้งอยู่บนเนินเขาทางทิศเหนือของสันทราย เป็นจุดชมวิวเก่าแก่ดั้งเดิมที่คนโบราณเดินทางขึ้นมาเพื่อชื่นชมความงามจากมุมสูง ตั้งแต่สมัยยังไม่มีรถรางแล้วเหล่าชนชั้นสูงในอดีตต้องนั่งเสลี่ยงที่มีคนแบกขึ้นมาถึงบนนี้ แต่ปัจจุบันสามารถเดินทางขึ้นไปโดยเคเบิลคาร์หรือกระเช้าแบบที่นั่งเดียวก็ได้
จุดเด่นของจุดชมวิวแห่งนี้คือมีทางเดินพื้นกระจกยื่นออกไปนอกหน้าผาเพิ่มความหวาดเสียวในการถ่ายรูปและวิธีชมวิวของที่นี่ก็สุดเก๋ไม่เหมือนใคร ด้วยการก้มลงมองลอดใต้หว่างขา จะเห็นภาพกลับหัวมองดูคล้ายสะพานที่ทอดยาวไปสู่สรวงสวรรค์ตามตำนานการกำเนิดของที่นี่
Tour Boat
เรือโดยสารข้ามฟากระหว่างแผ่นดิน 2 ฝั่งของอามาโนะฮาชิดาเตะ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการชมวิวที่หลายๆ คนอาจมองข้าม เพราะคิดว่าเป็นเพียงการเดินทางเพื่อข้ามฝั่งเท่านั้น เวลาคนมาเที่ยวที่อามาโนะฮาชิดาเตะจึงมักเลือกเดินเล่นอยู่แค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แต่ความจริงแล้ว บรรยากาศทั้ง 2 ฝั่งของอามาโนะฮาชิดาเตะนั้นแตกต่างกันและให้ความรู้สึกต่างกันด้วย จึงขอแนะนำว่าให้ลองนั่งเรือข้ามไปเที่ยวให้ครบ แล้วเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์แนวทิวสนกว่า 8,000 ต้นระหว่างทาง หรือจะให้ขนมนกนางนวลเล่นขณะนั่งเรือไปด้วยก็ยิ่งเพิ่มความสนุกมากขึ้นอีก
Info
ค่าโดยสาร: 530 เยน
Bicycle Rental
ระยะทาง 3.6 กิโลเมตร เป็นระยะทางสั้นๆ ที่เหมาะสำหรับการขี่จักรยานเพื่อซึมซับบรรยากาศสันทรายกลางทะเลได้อย่างใกล้ชิด ระหว่างทางเราจะได้เห็น “หาดทรายขาว ต้นสนเขียว” สมคำร่ำลือ เห็นคนท้องถิ่นมาออกกำลังกาย ว่ายน้ำ ตกปลา อีกทั้งยังมีศาลเจ้าหินโบราณแห่งหนึ่งตั้งอยู่ชื่อศาลเจ้าอามาโนะฮาชิดาเตะเหมือนชื่อสถานที่ ตามตำนานเชื่อกันว่าหากคู่รักใดสามารถนำหินจากทะเลขึ้นไปวางไว้บนคานประตูโทริอิของศาลเจ้าแห่งนี้ได้ คู่รักนั้นก็จะครองคู่รักกันตลอดไป แต่เพราะเสาโทริอินั้นอยู่สูงเกินไป ผู้ชายจึงต้องให้หญิงคนรักขี่คอเพื่อนำหินขึ้นไปวางด้านบนให้ได้นั่นเอง
Info
ค่าเช่าจักรยาน 2 ชั่วโมง 400 เยน
วัดโบราณและสะพานเก่าแก่
เพราะเป็นย่านเก่าแก่ในเมืองหลวงเก่าอย่างเกียวโต ทำให้อามาโนะฮาชิดาเตะมีศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง แต่มีอยู่ 2 แห่ง ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นกว่าที่อื่นๆ ที่อยากแนะนำ นอกจากนี้เราจะพาผู้อ่านไปชมสะพานข้ามทะเลที่สามารถหมุนได้เพื่อเปิดทางให้เรือผ่านด้วย
Chionji Temple
วัดชิออนจิ (Chionji) มีชื่อเสียงเรื่องความฉลาด เป็นวัดที่นักเรียนมัธยมนิยมมาขอพรเพื่อให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตามตำนานเล่าว่าเมื่อ 1,300 ปีที่แล้ว มีหญิงชราคนหนึ่งนอนอยู่ในวัดชิออนจิแห่งนี้ เกิดนิมิตในความฝันว่า เทพธิดาพระมัญธุศรีโพธิสัตว์ (Monjubosatsu) เทพธิดาแห่งความฉลาด ได้มาสอนวิธีทำโมจิสูตรพิเศษ เมื่อมอบให้เด็กกินแล้วจะฉลาดกว่าผู้ใหญ่ เรียกว่า จิเอโนะโมจิ (Chieno Mochi)
เริ่มมีการทำโมจิสูตรพิเศษเรื่อยมา จนกระทั่งปี ค.ศ. 1690 ทางวัดได้อนุญาตให้ร้านค้า 4 ร้านในชุมชน สามารถขายโมจิสูตรพิเศษนี้ได้ หนึ่งในร้านนั้นคือร้าน Ryutonomatsu ที่นำโมจิมาดัดแปลงเป็นขนมหวานสุดอร่อย ชื่อว่า จิเอโดระ ซอฟต์ไอซ์ (Chiedora Softice) ไอศกรีมสอดไส้โมจิและถั่วแดงบดแสนอร่อย ที่นอกจากกินแล้วจะฉลาด ยังกินแล้วหอมอร่อยติดปากจนติดใจอีกด้วย
Info
Chionji Temple
เวลา: 9:00 – 17:00 น.
Ryutonomatsu
เวลา: 09:00-18:00 น.
วันหยุดไม่แน่นอน
Motoise Kono Shrine
ศาลเจ้าโคโนะ (Kono) อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ มีศักดิ์ชั้นเทียบเท่าได้กับศาลเจ้าอิเสะ (Ise) อันยิ่งใหญ่ทีเดียว มีอายุมากกว่า 1,300 ปี เคยเป็นที่ตั้งของเทพเจ้าองค์เดียวกับเทพเจ้าที่สิงสถิตอยู่ที่ศาลเจ้าอิเสะ เป็นวัดโบราณขนาดใหญ่ที่ภายในมีบรรยากาศเคร่งขรึม เงียบสงบ และศักดิ์สิทธิ์มาก คนท้องถิ่นจึงนิยมมาประกอบพิธีกรรมสำคัญต่างๆ ที่นี่
คนท้องถิ่นเชื่อว่า หากได้มาไหว้ศาลเจ้าโคโนะแห่งนี้ รวมถึงศาลเจ้าอามาโนะฮาชิดาเตะที่ตั้งอยู่บนสันทราย และศาลเจ้ามานาอิ (Manai) ศาลเจ้าเล็กๆ อีกแห่งบนเนินเขาด้านหลังศาลเจ้าโคโนะ ครบทั้ง 3 แห่ง จะทำให้ยิ่งศักดิ์สิทธิ์และเพิ่มพูนพลังชีวิตได้
Info
เวลา: 7:00 – 17:00 น.
Kaisenkyou (Rotating Bridge)
ความจริงแล้วสันทรายของอามาโนะฮาชิดาเตะไม่ได้ยาวจนชิดแผ่นดินทั้ง 2 ฝั่งจนตรงกลางเป็นทะเลสาบ แต่มีส่วนปลายทางทิศใต้ของสันทรายที่ขาดแหว่งอยู่ เป็นช่องทางให้น้ำทะเลไหลถึงกันได้ และยังเป็นช่องทางเดินเรือด้วย สะพานที่ข้ามช่องแคบดังกล่าวจึงเป็นสะพานที่สามารถหมุนได้ ถูกใช้มาตั้งแต่ปีค.ศ. 1923 ที่สามารถหมุนส่วนกลางของสะพานไปด้านข้างได้ 90 องศา เพื่อเปิดทางให้เรือวิ่งผ่านได้ และสะพานก็ยังคงถูกใช้มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งจะมีการเปิดสะพานเรื่อยๆ เกือบตลอดทั้งวัน ระหว่างเดินเที่ยวอยู่ถ้ารอจังหวะดีๆ ก็อาจโชคดีได้เห็นที่สะพานกำลังหมุนด้วย
ช็อป ชิม ชิลล์
อามาโนะฮาชิดาเตะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีชื่อเสียงเรื่องอาหารทะเล จนถึงกับมีปลาซาดีนกระป๋องตราอามาโนะฮาชิดาเตะขายซึ่งคนญี่ปุ่นพูดกันว่าอร่อยที่สุดในบรรดาปลากระป๋องทั้งหมด เราจึงอยากพาผู้อ่านไปร้านขายอาหารทะเลที่รวมของฝากทุกอย่างไว้ในที่เดียว และแวะชิมของกินเล่นอร่อยๆ ตามรายทางด้วยนะคะ
Hashidate Kaisan Center
ร้าน Hashidate Kaisan Center คือร้านขายอาหารทะเลแปรรูปเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง มีอาหารทะเลหลากชนิดให้เลือกซื้อ ทั้งสินค้าท้องถิ่นที่ผลิตขึ้นในย่านนั้น และสินค้าออริจินัลสูตรเฉพาะที่ผลิตขึ้นโดยทางร้านเอง เช่น ลูกชิ้นปลา และข้าวเกรียบ
นอกจากจะมีสินค้าให้หาซื้อกลับมาเป็นของฝากได้แล้ว ด้านในร้านยังแบ่งเป็นโซนห้องอาหารขนาดใหญ่ที่มีทิวทัศน์ระดับ 5 ดาว เป็นทุ่งนากว้างทอดยาวจรดภูเขาเบื้องหลัง เมนูเด่นที่เราขอนำเสนอคือ เซโกะด้ง (เมนูพิเศษเฉพาะเดือน พ.ย.-มี.ค) ข้าวหน้าปูเซโกะ ที่โปะด้วยเนื้อปูเซโกะแน่นๆ ถึง 2 ตัว แกะมาให้พร้อมกิน และกุ้งสดเนื้อกรุบกรอบ โรยหน้าด้วยสาหร่ายและไข่เจียวซอย อร่อย กินง่าย ฟินทุกคำที่ตักเข้าปาก ในราคาเพียง 2,380 เยนเท่านั้น
ปูเซโกะคือ อีกชื่อหนึ่งของปูมัตสึบะตัวเมีย มีขนาดเล็กกว่าปูตัวผู้ มีไข่แน่นกระดองและมีเนื้อหอมหวานมาก ซึ่งจะจับได้เฉพาะช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. เท่านั้น เป็นปูตัวเล็กจิ๋วแต่แจ๋วหายาก ที่แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็ไม่ค่อยรู้จัก
ร้านนี้มีสาขาย่อยที่อยู่ใกล้กับทางขึ้นจุดชมวิว คาสะมัสสึพาร์ก ชื่อร้าน Matsui Bussan ซึ่งอาจจะเดินทางไปได้สะดวกกว่า แต่จะมีของขายน้อยกว่าสาขาหลักนิดหน่อย
Info
โซนช็อปปิ้ง 09:00-16:30 น.
โซนร้านอาหาร 11:00-14:00 น.
เว็บไซต์: www.kkmatsui.com
Free Tax: สามารถซื้อสินค้าปลอดภาษีของที่ร้านได้เลย
Street food
ชุมชนทั้งสองฝั่งของอามาโนะฮาชิดาเตะเต็มไปด้วยร้านค้าและมีตรอกซอกซอยมากมายให้เดินเที่ยวเล่นได้อย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน ตลอดทางจะมีร้านค้าที่ขายขนมของว่าง กินง่าย ให้เลือกแวะชิมความอร่อยและความแปลกได้หลายอย่างเลยละค่ะ
ซอฟต์ครีม: รสวานิลลาชาเขียว สอดไส้ถั่วแดงหอมหวานสูตรพิเศษของร้านสึรุยะ
เกาลัด: ที่นี่มีร้านเกาลัดในซื้อกินได้ร้อนๆ หลายร้าน ใส่มาในถุงกระดาษที่พิมพ์โลโก้ร้านน่ารักๆ
ลูกชิ้นปลาย่าง: ของย่างชิ้นใหญ่ที่ดูคล้ายหมูยอนี้ ความจริงแล้วคือเนื้อปลาย่างมีรสชาติคล้ายๆ ลูกชิ้นปลา
อามะสาเก: น้ำข้าวต้มอุ่นๆ ที่มีแอลกอฮอล์อยู่เล็กน้อย ให้รสชาติและกลิ่นคล้ายๆ กับข้าวหมากบ้านเรา กินตอนหน้าหนาวอบอุ่นข้างในดีเชียวค่ะ
Tsuruya
ร้านสึรุยะ (Tsuruya) ตั้งอยู่ใกล้กับศาลเจ้าโคโนะ มีเมนูเด่นเป็นข้าวหน้าอาหารทะเลที่ชื่อ ทังโกะโอทาคาระด้ง แปลว่า สมบัติจากทะเล ซึ่งท็อปปิ้งจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ในฤดูหนาวเมนูนี้จะมีท็อปปิ้งสุดพิเศษอย่างสาหร่ายอาคาโมกุเป็นซิกเนเจอร์ และยังมีท็อปปิ้งอื่นๆ อย่าง ปลาบุริ ปลาหมึก หอยไบ ไข่ดิบ กินคู่กับเส้นอุด้งที่ทำมาจากข้าวแดงเป็นเครื่องเคียง
วิธีกินก็จะแปลกเล็กน้อย โดยเราจะต้องคลุกสาหร่ายในถ้วยแยกให้เข้ากันดีจนมียางเหนียวๆ ยืดออกมา แล้วจึงราดไปบนข้าว ใส่วาซาบิละลายในถ้วยโชยุ คีบอาหารทะเลขึ้นมาจิ้มชิมอย่างละชิ้น แล้วจึงราดโชยุลงไปด้านบนท็อปปิ้งจากนั้นตีไข่ดิบและสาหร่ายให้เข้ากับท็อปปิ้งทั้งหมด แล้วค่อยกินท็อปปิ้งพร้อมกับข้าวด้วยกัน จึงจะได้สัมผัสกับรสชาติอาหารทะเลหลากรสในเมนูเดียว ด้วยราคา 1,650 เยน
Info
เวลา: 08:00-17:00 น. เปิดให้บริการทุกวัน
Kyoto Tango Railway
เปลี่ยนการเดินทางที่เงียบเหงาให้เป็นการท่องเที่ยวสุดคูล
Kyoto Tango Railway คือโครงการรถไฟท่องเที่ยวที่ดัดแปลงมาจากเส้นทางรถไฟหลายสายที่เคยเงียบเหงาจนเกือบไม่มีคนใช้ มาเชื่อมโยงเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างอามาโนะฮาชิดาเตะ เริ่มต้นโครงการในปี ค.ศ.2013 โดยมีรถไฟทั้งหมด 3 ขบวน คือ Kuro-matsu(ต้นสนสีดำ) Aka-matsu (ต้นสนสีแดง) Ao-matsu (ต้นสนสีน้ำเงิน) ซึ่งออกแบบโดยคุณอิจิ มิโทโอกะ (Eiji Mitooka) นักออกแบบรถไฟที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นที่เคยร่วมออกแบบรถไฟคิวชูชินคันเซ็น ทำให้รถไฟสาย Kyoto Tango Railway มีรูปลักษณ์ภายนอกและภายในสวยงามน่าหลงใหล ไปจนถึงเครื่องแบบพนักงานบริการสุดน่ารัก พลิกฟื้นให้เส้นทางรถไฟสายนี้ให้กลับมามีสีสันขึ้นอีกครั้ง
ภายในรถไฟแต่ละขบวนถูกตกแต่งอย่างพิถีพิถันด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้หน้าตาสวยงาม ที่นั่งถูกจัดขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเอื้ออำนวยต่อการชมวิวทิวทัศน์เลียบชายฝั่งทะเล มีพนักงานบริการคอยดูแล และให้ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ระหว่างทาง มีบริการเครื่องดื่มและอาหารที่แตกต่างกันไปในแต่ละขบวน
ส่วนขบวนรถไฟที่เราจะพาผู้อ่านไปขึ้นกันจริงๆ ก็คือสาย Aka-matsu (ต้นสนสีแดง) ออกเดินทางจากสถานีอามาโนะฮาชิดาเตะไปสถานีนิชิมัยสุรุ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ไม่สั้นเกินไปและไม่ยาวเกินไป ขบวนนี้จึงไม่มีอาหารให้บริการ แต่สามารถเลือกเครื่องดื่มได้ฟรีหนึ่งอย่าง รถไฟขบวนพิเศษนี้วิ่งช้ากว่ารถไฟปกติเล็กน้อย เพื่อให้เราสามารถชื่นชมข้างทางได้ทัน
และแวะจอดสนิทริมทะเลหนึ่งครั้งให้ชมวิวได้นานขึ้น พอวิ่งไปได้ครึ่งทางจะผ่านแม่น้ำยูระ (Yura) ซึ่งมีสะพานเหล็กโบราณยาว 550 เมตร รถไฟจะวิ่งชะลอช้าลง มีเสียงดังขลุกขลักต่อเนื่องระหว่างข้ามสะพาน เป็นโมเมนต์ประทับใจที่ได้แอบอิงอยู่กับความวินเทจแบบญี่ปุ่นๆ และทำให้เราเห็นวิธีคิดเท่ๆ ที่ช่วยดึงเอาความงามระหว่างการเดินทางมาเป็นจุดขายเพื่อการท่องเที่ยว และยังช่วยฟื้นฟูความเหงาของทางรถไฟสายเก่าได้อีกด้วย
Staff’s Talk
ชื่อ: คุณเทราคาวะ
อายุ: 21 ปี
ทำงาน: พนักงานบริการประจำรถไฟสาย Kyoto Tango Railway
สาเหตุที่เลือกงานนี้: ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายเธอต้องนั่งรถไฟสายเดียวกับที่รถไฟ Kyoto Tango Railway วิ่งอยู่ พอรถไฟนี้เปิดให้บริการเธอก็เห็นมันบ่อยๆ จนทำให้อยากทำงานบนรถไฟที่สวยงามแบบนี้
ชีวิตใน 1 วัน: ออกจากบ้านที่สถานีฟุคุจิยามะ มาทำงานที่สถานีมินาสึ ใช้เวลาทำงานอยู่ในออฟฟิศครึ่งวัน อีกครึ่งวันอยู่บนรถไฟ
สถานีที่ชอบมากที่สุด: Amanohashidate เพราะมีอาคารสถานีขนาดใหญ่ คนใช้บริการจำนวนมาก บรรยากาศอบอุ่น
Info
ค่าโดยสาร: ค่ารถไฟปกติ 640 เยน เพิ่มค่าขบวนพิเศษ Aka matsu อีก 540 เยน
เว็บไซต์: trains.willer.co.jp
การเดินทางไป อามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate)
สามารถเลือกได้ 2 วิธี ได้แก่ รถบัส หรือ รถไฟ
รถบัส
ไปที่ป้ายรถเมล์หน้าสถานี Kyoto (Karasuma Exit) ขึ้นรถบัสด่วน Tankai Rapid Bus สายที่ไป Taiza (丹海快速バス 間人行) ลงที่ป้ายรถเมล์หน้าสถานี Amanohashidate ราคา 2,800 เยน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
รถไฟ
มีรถไฟหลายสายที่สามารถนั่งจากสถานี Kyoto ไปยังสถานี Amanohashidate ได้ ในที่นี้จะขอแนะนำสายที่มีการเปลี่ยนรถน้อยที่สุดและสะดวกสบายที่สุด ซึ่งสามารถสอบถามหรือซื้อตั๋วได้ง่ายๆ ที่ห้องจำหน่ายตั๋วภายในสถานี
ลำดับแรกให้ขึ้นรถไฟความเร็วสูงจากสถานี Kyoto เช่น Maizuru 11 go (まいづる11号) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาทีมาเปลี่ยนสายที่สถานี Nishimaizuru เป็นสาย Motoyo นั่งต่ออีกประมาณ 50 นาทีจะถึงสถานี Amanohashidate ค่าโดยสารประมาณ 3,270 เยน