พักสายตาจากสมาร์ทโฟนและแสงสีฟ้า แล้วพาร่างไปเดินขึ้นที่สูงให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย แต่จะเดินภูเขาในเมืองไทยก็อาจไม่เร้าใจมากพอ จึงอยากแนะนำ ภูเขา ใน ญี่ปุ่น จากหลายภูมิภาคให้สายแอดเวนเจอร์และคนชอบที่สูงได้ลองไปกันดู ประเทศญี่ปุ่นที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่ามีถึงสี่ฤดูกาล ประกอบกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทิวทัศน์จึงสวยล้ำแตกต่างและควรค่าต่อการไปเยือน 

สำหรับคนที่ไม่เคยเดินเขาหรือคนที่มองว่าเป็นเรื่องยากลำบาก ก็อยากให้ลองเปิดใจ เราว่าการเดินเขาทำให้เราได้พูดคุยและเข้าใจตัวเองมากขึ้น มีสมาธิจดจ่อกับอะไรบางอย่างมากขึ้น แม้อาจจะไม่ใช่เรื่องจำเป็นในชีวิต แต่ถ้าลองได้เดิน ก็อาจทำให้รู้สึกเพลิดเพลินและอาจช่วยให้ชีวิตดีขึ้นอีกนิดก็เป็นไปได้นะ 

 

ภูมิภาคฮอกไกโด | Hokkaido

 

01 Mt. Yotei, Hokkaido

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาโยเทอิ (Mt. Yotei) จ.ฮอกไกโด (Hokkaido)

ภูเขาโยเทอิ (羊蹄山) เป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ในอุทยานแห่งชาติชิคตสึโทยะ (Shikotsu-Toya National Park) ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะฮอกไกโด และเป็น 1 ใน 100 ภูเขา ที่มีชื่อเสียงของ ญี่ปุ่น ภูเขาแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของจังหวัดฮอกไกโด ด้วยรูปทรงกรวยเหมือนกับภูเขาไฟฟูจิ จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ฟูจิซังแห่งฮอกไกโด” และยังอยู่ใกล้กับสกีรีสอร์ทชื่อดังนิเซโกะเมาเทนรีสอร์ทแกรนด์ฮิราฟุ (Niseko Mt. Resort Grand Hirafu) ภูเขาโยเทอิอุดมไปด้วยพันธุ์พืชนานาชนิดและสัตว์ป่าเฉพาะถิ่นมากมาย มีนกป่าอาศัยอยู่กว่า 130 ชนิด รวมถึงยังมีชื่อเสียงในเรื่องแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติอีกด้วย

ภูเขาโยเทอิ จ.ฮอกไกโด ภูเขาโยเทอิ (Mt. Yotei) จ.ฮอกไกโด (Hokkaido) เป็น 1 ใน 100 ภูเขา ที่มีชื่อเสียงของ ญี่ปุ่น

เส้นทางปีนเขาจะเปิดเฉพาะฤดูร้อนถึงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น โดยจะมีเจ้าหน้าคอยดูแลตามจุดต่างๆ สามารถขึ้นไปยังปล่องภูเขาไฟได้โดย 4 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทาง Kutchan (หรือ Hirafu), เส้นทาง Kyogoku, เส้นทาง Kimobetsu และเส้นทาง Makkari ในที่นี้เราจะแนะนำเส้นทาง Makkari Trail เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีความชันในระดับปานกลาง มีที่สำหรับตั้งแคมป์และห้องน้ำในบริเวณจุดเริ่มต้น ทางปีนเขาแบ่งระดับออกเป็น 10 ชั้น แต่ละชั้นจะมีระยะห่างพอๆ กัน เส้นทางเริ่มต้นค่อนข้างเดินง่าย ตั้งแต่ชั้นที่ 3 ขึ้นไป ทางเดินจะเริ่มชันและคดเคี้ยวแต่รายล้อมด้วยทิวทัศน์ที่สวยชวนตะลึงของพืชอัลไพน์และสัตว์ป่าท้องถิ่นที่จะออกมาทักทายระหว่างทางอย่างนกหัวขวานฮอกไกโด กระแตไซบีเรีย สุนัขจิ้งจอกแดง กระต่ายป่าภูเขา เป็นต้น

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาโยเทอิ จังหวัดฮอกไกโด
ความสูง : 1,898 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 13.4 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 9 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : ปลายมิถุนายน-ปลายกันยายน
การเดินทาง : จากสถานีซัปโปโร (Sapporo Station) นั่งรถไฟสาย JR Hakodate Line ไปลงสถานีคุตชัง (Kutchan Station) จากนั้นต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Yotei-shizen Koen Iriguchi แล้วเดินต่ออีก 15 นาที ไปยังจุดขึ้นเขา

 

02 Mt. Asahi, Hokkaido

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาอาซาฮิ (Mt. Asahi) จ.ฮอกไกโด (Hokkaido)

พาขึ้นเหนือไปปีนเขากันที่ภูเขาอาซาฮิ (旭岳) 1 ใน 100 ภูเขาสวยที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park) เมืองฮิกาชิคาวะ (Higashikawa) จังหวัดฮอกไกโด ภูเขาอาซาฮิมีทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่นี่จะเป็นส่วนแรกของญี่ปุ่นที่จะได้เพลิดเพลินกับสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี

ภูเขาอาซาฮิ (Mt. Asahi) จ.ฮอกไกโด (Hokkaido) 1 ใน 100 ภูเขาสวยที่สุดในญี่ปุ่น ภูเขาอาซาฮิ (Mt. Asahi) จ.ฮอกไกโด (Hokkaido) ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

เส้นทางเดินป่าเริ่มเดินจาก Asahidake Onsen มีให้เลือกทั้งเส้นทางปีนขึ้น-ลงปกติและเส้นทางเดินแบบวนรอบ ซึ่งเส้นทางนี้จะผ่านบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติและได้เยี่ยมชมทิวทัศน์ปล่องภูเขาไฟ Ohachidaira แต่ถ้าไม่ใครไม่ใช่สายปีนเขาที่นี่ก็มีกระเช้า Asahidake Ropeway ไว้รองรับอีกด้วย

ภูเขาอาซาฮิ (Mt. Asahi) จ.ฮอกไกโด (Hokkaido) ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park) การปีนเขาจากฐานไปยังยอดเขาสามารถทำได้ในหนึ่งวัน แต่นักท่องเที่ยวบางส่วนก็เลือกที่จะพักแรมเพราะที่นี่มีจุดให้ตั้งแคมป์ได้ที่บริเวณแคมป์ Uraasahie นอกจากนี้ที่บริเวณ Asahidake Onsen ยังมีเรียวกังที่มาพร้อมกับออนเซ็นให้คุณได้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังจากการเดินป่าด้วยล่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาอาซาฮิ จังหวัดฮอกไกโด

ความสูง :  2,291 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 6 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 5 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : กลางมิถุนายน-กลางตุลาคม
การเดินทาง: จากสนามบินอาซาฮิคาวะ (Asahikawa Airport) นั่งรถบัสมาลงที่ป้าย Daisetsuzan Asahidake Ropeway Sanroku ก็จะถึงบริเวณจุดขึ้นเขา

 

03 Mt. Tokachi, Hokkaido

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาโทคาจิ (Mt. Tokachi) จ.ฮอกไกโด (Hokkaido)

ภูเขาโทคาจิ (十勝岳) เป็นอีกหนึ่งภูเขาไฟในฮอกไกโดที่น่าไปเยือน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park) ด้วยความสูงถึง 2,077 เมตร ภูเขานี้เคยเกิดการปะทุหลายครั้งในอดีต ล่าสุดปะทุเมื่อปี ค.ศ. 1988 หลังจากนั้นจึงถูกห้ามปีนเขาจนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1990 บริเวณโดยรอบภูเขามีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังให้ได้แวะ อย่างบ่อน้ำพุร้อนชิโรกาเนะ (Shirogane Onsen) ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของภูเขาโทคาจิได้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในเดือนตุลาคมรอบๆ ภูเขาจะถูกแต่งแต้มด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี บอกเลยว่าสวยงามไม่เป็นรองที่ไหนๆ

ภูเขาโทคาจิ (Mt. Tokachi) จ.ฮอกไกโด (Hokkaido) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park) ภูเขาโทคาจิ (Mt. Tokachi) จ.ฮอกไกโด (Hokkaido) ตั้งอยู่ใกล้กับบ่อน้ำพุร้อนมีสระสีฟ้าชิโรกาเนะ (Shirogane Blue Pond)

ใกล้กับบ่อน้ำพุร้อนมีสระสีฟ้าชิโรกาเนะ (Shirogane Blue Pond) บึงที่มีปริมาณอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ที่สูงมากทำให้น้ำกลายเป็นสีฟ้าสด เป็นจุดเช็คอินที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน เส้นทางปีนเขามีหลากหลายเส้นทาง โดยส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มกันที่ Bougakudai ใกล้กับบ่อน้ำพุร้อนชิโรกาเนะ โดยทางเดินช่วงแรกๆ จะเดินง่าย จากนั้นจะพบกับทางที่เดินค่อนข้างยากเนื่องจากมีความชันเพิ่มขึ้นและมีกรวดทรายปกคลุมตามทางเดิน อย่าลืมพกกระดิ่งติดตัวเอาไว้ไล่น้องหมีที่ออกมาเดินเพ่นพ่านระหว่างทางด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาโทคาจิ จังหวัดฮอกไกโด

ความสูง : 2,077 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 10 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 6 ชั่วโมง 30 นาที
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : เมษายน-ตุลาคม
การเดินทาง : จากสนามบินอาซาฮิคาวะ (Asahikawa Airport) แล้วนั่งรถบัส Furano Bus ไปลงที่ป้าย Biei Station แล้วต่อแท็กซี่ไปลงที่ Bougakudai

 

ภูมิภาคโทโฮคุ | Tohoku

 

04 Mt. Akita-Komagatake, Akita

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาอาคิตะโคมากะทาเกะ (Mt. Akita-Komagatake) จ.อาคิตะ (Akita)

ชวนไปชมภูเขาที่สูงที่สุดลูกหนึ่งของจังหวัดอาคิตะนั่นก็คือภูเขาอาคิตะโคมากะทาเกะ (秋田駒ヶ岳) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติโทวาดะฮาจิมันไต (Towada-Hachimantai) เป็นภูเขาไฟที่ปะทุครั้งล่าสุดในปี ค.ศ. 1970-1971 โดยภูเขาลูกนี้เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความหลากหลายของพืชอัลไพน์ที่จะพบได้ในช่วงฤดูร้อน เช่น ดอกชินกุรุมะ ดอกเดย์ลิลลี่ เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นจุดชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีบนหุบเขาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายอีกด้วย

ภูเขาอาคิตะโคมากะทาเกะ (Mt. Akita-Komagatake) จ.อาคิตะ (Akita) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติโทวาดะฮาจิมันไต (Towada-Hachimantai)

สำหรับการเดินเขา จุดเริ่มต้นจะอยู่ ณ สถานีที่ 8 (Komagatake-Hachigome) ทางเดินจะวนเป็นวงกลมกลับมายังจุดเดิม ซึ่งจะผ่านยอดเขาที่สูงที่สุดของภูเขานี้คือ Onamedake (男女岳) จากยอดเขานี้จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์แบบพาโนรามาของภูเขาฮาจิมันไต (Mt. Hachimantai) ภูเขานิวโต (Mt. Nyuto) และภูเขาอิวาเตะ (Iwate) และอีกไฮไลท์ของเส้นทางนี้คือบ่อน้ำอามิดะ (Amida Pond) อันบริสุทธิ์ที่มีทางเดินไม้ล้อมรอบให้เราได้เยี่ยมชมทัศนียภาพถึง 360 องศา

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาอาคิตะโคมากะทาเกะ จังหวัดอาคิตะ

ความสูง : 1,637 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 5.5 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 5 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : มิถุนายน-ตุลาคม
การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) นั่งรถไฟ JR Akita Shinkansen ไปยังสถานีทาซาวาโกะ (Tazawako Station) แล้วต่อรสบัสไปลงที่ Komagatake-Hachigome

 

05 Mt. Chokai, Yamagata

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาโชไค (Mt. Chokai) จ.ยามากาตะ (Yamagata)

ภูเขาโชไค (鳥海山) ตั้งอยู่บริเวณเส้นแบ่งเขตจังหวัดอาคิตะและยามากาตะ นับเป็นภูเขาสูงที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุและเป็น ภูเขา ลูกเดียวใน ญี่ปุ่น ที่แยกออกจากภูเขาอื่นๆ เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเดินป่าในช่วงฤดูร้อน เล่นสกีและสโนว์บอร์ดในฤดูหนาว รวมถึงเป็นหนึ่งในสถานที่จัดกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอย่าง Sea to Summit อีกด้วย

ภูเขาโชไค (Mt. Chokai) จ.ยามากาตะ (Yamagata) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในโทโฮคุ

ภูเขาโชไคมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “เดวาฟูจิ (Dewa-Fuji)” ซึ่งคำว่าเดวานั้นเป็นชื่อโบราณของภูมิภาค บวกกับลักษณะของภูเขาที่คล้ายคลึงกับยอดเขาไฟฟูจิ ยังไงก็ตามรูปร่างของภูเขาโชไคนั้นจะเปลี่ยนไปตามมุมมอง หากมองจากอาคิตะไปทางทิศเหนือจะดูเหมือนภูเขาไฟฟูจิ แต่เมื่อมองจากที่ราบโชไนไปทางทิศใต้ ก็จะเห็นยอดเขาแบ่งออกเป็นสองยอด นับเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ภูเขานี้มีความโดดเด่นไม่แพ้ภูเขาไหนๆ

ภูเขา ใน ญี่ปุ่น

เส้นทางสำหรับปีนเขามีมากมาย แต่ที่นิยมที่สุดคือเส้นทาง Kisakata-guchi เดินง่ายที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มการปีนเขา เส้นทางนี้เริ่มต้นเดินจาก Hokodate Hut ระหว่างทางจะได้เจอกับทิวทัศน์อันกว้างไกลของที่ราบโชไนและวิวทะเลญี่ปุ่น ไฮไลท์คือทะเลสาบโชไคซึ่งเป็นทะเลสาบบริสุทธิ์อยู่ด้านล่างของปล่องภูเขาไฟ เนื่องจาก ภูเขา นี้เป็นพื้นที่ที่มีฝนตกชุกที่สุดใน ญี่ปุ่น จึงมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และมีทิวทัศน์ที่เยี่ยมยอด สามารถไปเยี่ยมเยือนได้ตลอดทั้งปี 

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาโชไค จังหวัดยามากาตะ

ความสูง : 2,236 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 15 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 8-10 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : เมษายน-ตุลาคม
การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) นั่งรถไฟ Yamagata Shinkansen ไปยังสถานีชินโจ (Shinjo Station) จากนั้นเปลี่ยนเป็นสาย JR Rikuu West Line ไปลงสถานีซากาตะ (Sakata Station) แล้วเปลี่ยนเป็นสาย JR Uetsu Main Line ไปลงสถานียูสะ (Yusa Station) สุดท้ายต่อแท็กซี่ตรงไปลงที่ Hokodate Hut

 

06 Mt. Gassan, Yamagata

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาโชไค (Mt. Chokai) จ.ยามากาตะ (Yamagata)

ภูเขากัสซัง (月山) เป็นภูเขาสูงที่สุดในบรรดาภูเขา 3 ลูกแห่งดินแดนเดวะ (Three Mountains of Dewa) ประกอบไปด้วยภูเขากัสซัง ภูเขาฮากุโระ (Mt. Haguro) และภูเขายุโดโนะ (Mt. Yudono) นอกจากนี้ภูเขากัสซังยังเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติบันได-อาซาฮิ (Bandai-Asahi National Park) ซึ่งอยู่ทางตอนกลางของจังหวัดยามากาตะ รวมถึงเป็นหนึ่งใน ภูเขา 100 ลูกที่มีชื่อเสียงที่สุดของ ญี่ปุ่น

บนยอดเขายังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้ากัสซัง (Gassan Shrine) ที่มีเหล่านักเดินป่าและผู้แสวงบุญจำนวนมากเดินทางขึ้นไปนมัสการ โดยจุดหมายแรกของนักแสวงบุญมักจะเดินทางไปยังภูเขาฮากุโระที่เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดก่อน แล้วจึงไปต่อที่ภูเขากัสซังอันเป็นสัญลักษณ์ของความตาย ก่อนจะไปจบที่ภูเขายุโดโนะซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่นั่นเอง

สำหรับเส้นทางเดินขึ้นภูเขากัสซัง จุดเริ่มต้นจะอยู่ที่ Ubasawa บริเวณนั้นมีทั้งที่จอดรถ ห้องน้ำ ร้านอาหาร และโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นให้บริการ ทางเดินขึ้นเขาจะอยู่ด้านหลังของกระท่อม Ubasawagoya ระหว่างทางขึ้นเขากัสซังจะผ่านพื้นที่ชุ่มน้ำ ทุ่งดอกไม้ และป่าอัลไพน์ ซึ่งจะมีหิมะปกคลุมเป็นหย่อมๆ แม้ในฤดูร้อน อย่างไรก็ตามบนภูเขานี้ไม่มีต้นไม้ใหญ่ จึงสามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของภูเขาในมุมกว้างได้อย่างไม่มีอะไรบดบังตลอดการเดินทาง 

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขากัสซัง จังหวัดยามากาตะ

ความสูง : 1,984 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 11.8 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 6 ชั่วโมง 30 นาที
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : กรกฎาคม-กันยายน
การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) นั่งรถไฟ Yamagata Shinkansen ไปลงที่สถานียามากาตะ (Yamagata Station) แล้วต่อรถบัสไปลงที่ Ubasawa

 

07 Mt. Aizu-Komagatake, Fukushima

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาไอสึ-โคมากาตาเกะ (Mt. Aizu-Komagatake) จ.ฟุกุชิมะ (Fukushima)

ภูเขาไอสึ-โคมากาตาเกะ (会津駒ヶ岳) อยู่ทางตอนใต้ของอุทยานแห่งชาติโอเสะ (Oze National Park) จังหวัดฟุกุชิมะ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยทิวทัศน์มุมกว้างของทุ่งหญ้าเขียวขจีกับวิวที่สวยงามของภูเขาฮิอุจิ

ภูเขาไอสึ-โคมากาตาเกะ (Mt. Aizu-Komagatake) จ.ฟุกุชิมะ ติดหนึ่งใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น

เนื่องจากบริเวณภูเขาเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ฉะนั้นการได้เห็นดอกไม้ป่าเบ่งบานและกระจายตัวอยู่ตามทุ่งหญ้าจึงไม่ใช่เรื่องแปลก บนยอดเขายังเต็มไปด้วยบ่อน้ำมากมาย รวมถึงบ่อน้ำที่เป็นไฮไลท์อย่างบ่อน้ำโคมาเนะโออิเคะ (Komano-Oike Pond) อีกด้วย อีกอย่างคือบริเวณรอบภูเขาจะมีหิมะหนาแน่นตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนเมษายน จึงเป็นอีกสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเล่นสกี

ภูเขา สวยใน ญี่ปุ่น

เส้นทางการเดินเขามีระยะทางไม่ไกลนัก หากเริ่มต้นจาก Takizawa Trailhead ทางเดินส่วนใหญ่เป็นทางไม้จึงง่ายต่อการเดิน หากต้องการค้างคืนก็มีกระท่อมบนภูเขาที่เรียกว่า Komanokoya เปิดให้บริการ แต่ต้องเตรียมของกิน ของใช้ และอุปกรณ์ทำอาหารมาเอง

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาไอสึ-โคมากาตาเกะ จังหวัดฟุกุชิมะ

ความสูง : 2,133 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 13.8 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 6 ชั่วโมง 25 นาที
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : ปลายมิถุนายน-ต้นตุลาคม
การเดินทาง : จากสถานีอาซากุสะ (Asakusa Station) ขึ้นรถไฟสาย Tobu-Kinugawa Line ไปยังสถานีไอสึโคเก็น โอเซกุจิ (Aizukogen-Oze-Guchi Station) จากนั้นต่อรถบัส Aizu Express (Oze Kyuko Bus) ไปยัง Komagatake Trailhead

 

ภูมิภาคชูบุ | Chubu

 

08 Mt. Hiuchi, Niigata

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาฮิอุจิ (Mt. Hiuchi) จ.นีงาตะ (Niigata)

ภูเขาฮิอุจิ (火打山) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติโจชินเอ็ตสึโคเก็น (Joshin’etsukogen National Park) ขึ้นชื่อเรื่องสวนดอกไม้ที่งดงามทั้งในฤดูร้อนและมอบสีสันตระการตาของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ภูเขาฮิอุจิคือหนึ่งใน ภูเขา 100 ลูกที่มีชื่อเสียงของ ญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำโคยะ (Koya Pond) ที่ได้รับการจัดอันดับโดย CNN ให้เป็น 1 ใน 36 สถานที่ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย

ภูเขาฮิอุจิ (Mt. Hiuchi) จ.นีงาตะ ตั้งอยู่ใน Joshin’etsukogen National Park

จุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินเขาที่ได้รับความนิยมคือซาซากามิเนะ (Sasagamine) โดยเป็นเส้นทางเดินได้รับการดูแลอย่างดีทั้งมีเครื่องหมายบอกทางไว้อย่างชัดเจน ทางเดินเขาล้อมรอบไปด้วยสวนหินธรรมชาติและภาพทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาฮิอุจิ 

จุดไฮไลท์แรกที่จะพบคือบ่อน้ำโคยะ บริเวณนั้นมีกระท่อมและจุดตั้งแคมป์ให้บริการ เดินต่อไปจะเป็นสวนแห่งเท็นงุ (Tengu no Niwa) จะพบกับพืชอัลไพน์อย่างดอกพริมโรสที่จะออกดอกบานเย็นในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เมื่อเดินไปถึงยอดเขา อยากให้ลองสังเกตดีๆ เพราะคุณอาจได้เห็นไก่หิมะ (Rock Ptarmigan) ซึ่งถือว่าเป็นนกที่หาชมได้ยากและจะสามารถพบได้ในพื้นที่สูงเท่านั้น ขนของไก่หิมะจะเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล ในฤดูร้อนจะเป็นสีน้ำตาลขณะที่ในฤดูหนาวจะเปลี่ยนเป็นสีขาว

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาฮิอุจิ จังหวัดนีงาตะ
ความสูง : 2,462 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 16.8 กม.
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 8 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : กรกฎาคม-พฤศจิกายน
การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) นั่งรถไฟ Hokuriku Shinkansen ไปยังสถานีนากาโน่ (Nagano Station) จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสาย Kita-Shinano Line ไปลงสถานีเมียวโกะ โคเก็น (Myoko-Kogen Station) แล้วต่อรถบัสสายตรงไปลงที่ป้าย Sasagamine

 

09 Mt. Tsubakuro, Nagano

ภูเขา ญี่ปุ่น - ยอดเขาสึบาคุโระ (Mt.Tsubakuro) จ.นากาโน่ (Nagano)

ยอดเขาสึบาคุโระ (燕岳) หรือเขานกนางแอ่น เป็นที่รู้จักกันในนาม “ราชินีแห่งเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ” จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักปีนเขาอีกแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เทือกเขาที่มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ด้วยสีสันสดใสจากการผสมสีของธรรมชาติ ประกอบด้วยสีเทาของหินแกรนิต สีเขียวชอุ่มของพุ่มไม้ และสีขาวของหินกรวดฟอกขาว

ยอดเขาสึบาคุโระ (Mt.Tsubakuro) จ.นากาโน่ ได้รับการขนานนามว่า “ราชินีแห่งเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ”

สึบาคุโระยังมีเส้นทางปีนเขาที่จะสามารถมองเห็นวิวสุดอลังการของภูเขาหลายลูก ได้แก่ เทือกเขายัตสึกะ (Yatsugatake) ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ภูเขาฮาคุบะ (Mt. Hakuba) และภูเขาสึรุกิ (Mt. Tsurugi) ถึงแม้จะมีระยะทางที่ยาวและสูงชัน แต่เนื่องจากได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจึงทำให้เทือกเขานี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับนักปีนเขาระดับเริ่มต้นถึงระดับกลาง ตลอดเส้นทางจะได้พบกับหินรูปร่างแปลกตามากมาย รวมถึงหิน Dolphin Rock ที่ว่ากันว่ามันมีหน้าตาคล้ายกับโลมา และยังจะได้เห็นพืชที่เติบโตบนเขาสูงนั่นก็คือดอกโคมาคุสะ ที่จะบานสะพรั่งในช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคมอีกด้วย

หิน Dolphin Rock ที่ว่ากันว่ามันมีหน้าตาคล้ายกับโลมา

ข้อมูลเพิ่มเติม
ยอดเขาสึบาคุโระ จังหวัดนากาโน่
ความสูง : 2,763 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 11 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 9 ชั่วโมง 30 นาที 
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : ต้นกรกฎาคม-ต้นตุลาคม
การเดินทาง : จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) นั่งรถไฟสาย Chuo Line ไปลงที่สถานีมัตสึโมโตะ (Matsumoto Station) จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสาย Oito Line ไปลงที่สถานีโฮทากะ (Hotaka Station) แล้วต่อแท็กซี่ไปลงที่ Nakabusa Onsen 
เว็บไซต์ : www.go-nagano.net/th

 

10 Mt. Yarigatake, Nagano

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขายาริกาทาเคะ (Mt. Yarigatake) จ.นากาโน่ (Nagano)

รอบนี้จะพาไปแนะนำให้รู้จักเทือกเขาทางตอนใต้ของเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือในญี่ปุ่นกันบ้าง นั่นก็คือภูเขายาริกาทาเคะ (槍ヶ岳) หรือภูเขายาริ ภูเขา ที่สูงเป็นอันดับ 5 ของ ญี่ปุ่น และสูงอันดับ 2 ในเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือของญี่ปุ่น ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3,180 เมตร ภูเขายารินั้นมีความโดดเด่นตรงยอดเขามีลักษณะแหลมเหมือนหัวหอก ซึ่งตรงกับความหมายของคำว่า ยาริ (槍) ในภาษาญี่ปุ่น เมื่อได้ขึ้นไปยืนอยู่บนยอดเขาแหลมรับรองว่าคุณจะตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์มุมกว้างของเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ เทือกเขาแอลป์ตอนกลาง และเทือกเขาแอลป์ตอนใต้ ถ้าโชคดีอาจจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย

ภูเขายาริกาทาเคะ (Mt. Yarigatake) จ.นากาโน่ เป็น ภูเขา ที่สูงเป็นอันดับ 5 ของ ญี่ปุ่น ภูเขายาริกาทาเคะ (Mt. Yarigatake) จ.นากาโน่

เส้นทางปีนเขาที่นี่นั้นขึ้นชื่อเรื่องความชันและไกลเป็นอันดับต้นๆ เพราะบางคนใช้เวลาปีนถึง 24 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว ใครที่อยากจะปีนภูเขานี้อาจต้องเตรียมพร้อมร่างกายพอสมควร แต่ที่นี่ก็มีหลากหลายเส้นทางให้เลือก ตั้งแต่ความยากระดับกลางถึงระดับสูง เส้นทางที่นิยมคือ Yarisawa Route โดยเริ่มเดินจาก Kamikochi 

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขายาริกาทาเคะ จังหวัดนากาโน่

ความสูง : 3,180 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 37.1 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง :  20 ชั่วโมง  
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : กรกฎาคม-กันยายน
การเดินทาง : จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) นั่งรถไฟด่วน JR Chuo Line Rapid ไปยังสถานีมัตสึโมโตะ (Matsumoto Station) ประมาณ 2.5-3 ชั่วโมง
เว็บไซต์ : www.yarigatake.co.jp/english

 

11 Mt. Aka (Yatsugatake), Nagano

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาอากะ (Mt. Aka / Yatsugatake) จ.นากาโน่ (Nagano)

เดินทางจากโตเกียวเพียงแค่ 2 ชั่วโมง ก็สามารถสัมผัสบรรยากาศแบบชนบทของญี่ปุ่นได้ที่เทือกเขา “ยัตสึกะ (八ヶ岳)” กลุ่มภูเขาไฟซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ระหว่างจังหวัดยามานาชิและนากาโน่ ในช่วงฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่คึกคักที่สุด เพราะผู้คนต้องการหลีกหนีอากาศร้อนจากโตเกียวมาผ่อนคลายในที่ลมเย็นๆ ท่ามกลางกลุ่มภูเขาหลายลูกนี้ ยิ่งไปกว่านั้นทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงและดอกซากุระที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลินั้นเป็นสิ่งที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจที่เหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี ส่วนในช่วงฤดูหนาวมีโอกาสมองเห็นทางช้างเผือกและดาวตกได้

ภูเขาอากะ (Mt. Aka) จ.นากาโน่

ที่นี่ยังเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ชื่นชอบการเดินป่า เนื่องจากมีเส้นทางเดินทั้งระยะสั้นและยาวให้เลือกเดิน โดยหมุดหมายยอดนิยมคือภูเขาอากะ (赤岳) ซึ่งเป็นเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขายัตสึกะทาเกะ จุดเริ่มต้นอยู่ที่ Minotoguchi ระยะทางไป-กลับประมาณ 11 กม. ฉะนั้นแนะนำให้ค้างแรมที่กระท่อมบนภูเขาซึ่งมีห้องพักให้บริการกว่า 30 หลัง อีกทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในวันที่อากาศแจ่มใสคุณอาจได้เห็นทิวทัศน์ของอุทยานแห่งชาติมินามิแอลป์ (Minami Alps) และภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาอากะ จังหวัดนากาโน่
ความสูง: 2,899 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง: 11 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง: 7-8 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสม: มิถุนายน-ตุลาคม
การเดินทาง: จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) นั่งรถไฟ JR  Limited Express สาย Chuo Line ไปลงที่สถานีจิโนะ (Chino Station) แล้วต่อรถบัส Alpico Route ไปลงที่ป้าย Minotoguchi

 

12 Mt. Yake, Nagano

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขายาเกะ (Mt. Yake) จ.นากาโน่ (Nagano)

เผื่อใครจะยังไม่รู้ว่าคามิโคจิ (Kamikochi) นั้นมีอะไรให้เที่ยวมากกว่าแค่สะพานกัปปะนะ! โดยครั้งนี้จะพาไปปีนเขาที่ภูเขายาเกะ (焼岳) ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของคามิโคจิ ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น อีกทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 ภูเขา ที่มีชื่อเสียงของ ญี่ปุ่น แต่ก่อนเคยเป็นภูเขาที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ปีนมาจนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1991 เนื่องจากเหตุระเบิดของภูเขายาเกะเมื่อปี ค.ศ. 1915 นั่นทำให้เถ้าลาวาไหลมาปิดกั้นแม่น้ำอาซึสะ เกิดเป็นบึงไทโช (Taisho Pond) สถานที่เที่ยวยอดฮิตในปัจจุบัน

ภูเขายาเกะ (Mt. Yake) จ.นากาโน่ ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

การเป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นของภูเขายาเกะนั้นถึงแม้จะดูน่ากลัว แต่ก็เหมือนเป็นการดึงดูดบรรดานักท่องเที่ยวอยู่ไม่น้อย เนื่องจากที่นี่ยังคงเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะฤดูใบไม้เปลี่ยนสีช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม เป็นทางเลือกที่หลายคนนิยมมาเที่ยวคามิโคจิ อีกทั้งคนส่วนใหญ่มักจะเริ่มปีนเขาจากที่คามิโคจิเพราะเป็นเส้นทางที่สามารถเที่ยวแบบวันเดย์ทริปได้

ภูเขายาเกะ (Mt. Yake) จ.นากาโน่ ตั้งอยู่ทางใต้ของคามิโคจิ

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขายาเกะ จังหวัดนากาโน่

ความสูง : 2,455 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 8.8 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 8 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : มิถุนายน-ตุลาคม
การเดินทาง : จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) นั่งรถไฟ JR Chuo Line ไปลงที่สถานีมัตสึโมโตะ (Matsumoto Station) จากนั้นขึ้นรถไฟ Matsumoto Dentetsu สาย Kamikochi Line ไปยังสถานีชินชิมะชิมะ (Shinshimashima Station) แล้วขึ้นรถบัสคันที่มุ่งหน้าไปยัง Kamikochi ลงที่ป้าย Nakanoyu

 

13 Mt. Naeba, Nagano-Niigata

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขานาเอบะ (Mt. Naeba) จ.นากาโน่-นีงาตะ (Nagano-Niigata)

ภูเขานาเอบะ (苗場山) ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติโจชินเอ็ตสึโคเก็น (Joshin’etsukogen) ตรงชายแดนระหว่างจังหวัดนากาโน่และนีงาตะ ติดอันดับ 1 ใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น เสน่ห์ของภูเขานาเอบะคือความเขียวชอุ่มเนื่องจากเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมพืชอัลไพน์นานาชนิดจะเบ่งบานเต็มท้องทุ่ง และตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมก็จะเริ่มเปลี่ยนสีประดับประดาพื้นที่ชุ่มน้ำทั้งหมดให้สดใส สร้างความสุขให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน บางคนบอกว่าทิวทัศน์ของภูเขานี้มีลักษณะคล้ายกับเรือนเพาะชำข้าว “Nawashiro (苗代)” ของชาวญี่ปุ่น จึงเป็นที่มาของชื่อภูเขา “Naeba-san” นั่นเอง

ภูเขานาเอบะ (Mt. Naeba) จ.นากาโน่-นีงาตะ ตั้งอยู่ภายในอุทยาน Joshin’etsukogen

สำหรับเส้นทางเดินเขา แนะนำเส้นทางการเดินทางไป-กลับจากแม่น้ำฮาไร (Harai River/ Haraigawa) เริ่มต้นจากกระท่อมบนภูเขา Wada-goya ที่ตั้งอยู่ครึ่งทางบนภูเขาฝั่งจังหวัดนีงาตะ ซึ่งง่ายต่อการเข้าถึง แม้ว่าเส้นทางนี้จะสามารถเดินทางไปเช้าเย็นกลับได้ แต่ขอแนะนำให้พักสักหนึ่งคืนที่ Naeba Sancho Hutte เนื่องจากบริเวณกระท่อมบนยอดเขาสามารถมองเห็นได้ทั้งพระอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างงดงาม

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขานาเอบะ จังหวัดนากาโน่-นีงาตะ

ความสูง : 2,145 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 11.4 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 7 ชั่วโมง 30 นาที
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : มิถุนายน-ตุลาคม
การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) นั่งรถไฟ Joetsu Shinkansen ไปยังสถานีเอ็ตจิโกะยูซาว่า (Echigo-Yuzawa Station) จากนั้นต่อแท็กซี่เพื่อไปยัง Wada-goya

 

14 Mt. Hijiri, Shizuoka-Nagano

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาฮิจิริ (Mt. Hijiri) จ.ชิซูโอกะ-นากาโน่ (Shizuoka-Nagano)

ภูเขาฮิจิริ (聖岳) ภูเขาอันงดงามในอุทยานแห่งชาติมินามิแอลป์ที่อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวไทยอย่างเรามากนัก ลักษณะของภูเขามีรูปทรงอ่อนช้อยตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างเส้นแบ่งเขตจังหวัดชิซูโอกะกับจังหวัดนากาโน่ซึ่งเป็นพื้นที่เข้าถึงได้ยาก เต็มไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่ยังไม่ค่อยมีใครไปสัมผัสต่างจากเทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือ ภูเขาปกคลุมไปด้วยป่าสีเขียวเข้มแผ่กระจายเป็นวงกว้าง มีป่าหลายแห่งที่มีลักษณะคล้ายกับป่าในยุโรป เมื่อไปถึงยอดเขาคุณจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเทือกเขามินามิแอลป์ได้แบบพาโนรามาเลยล่ะ

เส้นทางเดินไปยังยอดเขาภูเขาฮิจิริที่แนะนำคือเส้นทาง Iroudo ซึ่งมีระยะทางสั้นที่สุดแต่ก็ยังต้องใช้เวลายาวนาน 3 วัน 2 คืน แต่ไม่ต้องห่วงเพราะบนภูเขานั้นมีกระท่อมให้พักหลายจุด เช่น Seiko Koya, Koke-daira และ Hijiri-daira Koya ที่นี่เป็นที่โปรดปรานของนักเดินทางที่ชื่นชอบการปีนเขาระยะไกล พราะเมื่อเทียบกับจุดปีนเขาที่อยู่ทางตอนเหนือเทือกเขามินามิแอลป์ของญี่ปุ่นแล้ว เส้นทางนี้จะไม่ค่อยแออัดมากนักแม้ในช่วงฤดูการเดินป่าก็ตาม

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาฮิจิริ จังหวัดชิซูโอกะ-นากาโน่

ความสูง : 3,013 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 30 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 18 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : มิถุนายน-ต้นพฤศจิกายน
การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) นั่งรถไฟสาย Tokaido Shinkansen ไปลงที่สถานีโทโยฮาชิ (Toyohashi Station) จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งสาย JR Iida Line ไปยังสถานีฮิราโอกะ (Hiraoka Station) แล้วต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Toyama Onsen จากนั้นนั่งแท็กซี่ไปที่ Shibasawa-Iroudo

 

15 Mt. Fuji, Yamanashi 

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) จ.ยามานาชิ (Yamanashi)

เมื่อถามถึง ภูเขา ใน ญี่ปุ่น แห่งแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง คงเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก “ภูเขาไฟฟูจิ” หรือ ฟูจิซัง (富士山) ซึ่งเป็นภูเขาสูงที่สุดในญี่ปุ่นและยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดย Unesco ภูเขาไฟฟูจินั้นมีทัศนียภาพที่สวยงามรอบด้าน สามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้จากจุดชมวิวหลายแห่ง แต่จริงๆ แล้วที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายของนักปีนเขาจากทั่วโลกที่ต้องการพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิสักครั้งในชีวิตอีกด้วย

ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ภูเขา ที่มีชื่อเสียงที่สุดใน ญี่ปุ่น

ภูเขาไฟฟูจินั้นแบ่งระดับออกเป็น 10 ชั้น ซึ่งยานพาหนะจะขึ้นไปส่งได้ถึงแค่ชั้นที่ 5 คนส่วนใหญ่เลยเริ่มเดินจากจุดนี้ โดยเส้นทางปีนภูเขาไฟฟูจิ มีทั้งหมด 4 เส้นทาง ได้แก่ โยชิดะ, ฟุจิโนะมิยะ, สุบะชิริ และโกเท็มบะ เส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ “เส้นทางโยชิดะ” ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของภูเขาไฟฟูจิ เนื่องจากเป็นเส้นทางที่เดินง่าย ไม่ไกลมาก มีที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การปีนขึ้นภูเขาไฟฟูจินั้นสามารถเดินขึ้น-ลงโดยไม่ค้างคืนได้ แต่ส่วนใหญ่นิยมค้างหนึ่งคืนเพื่อปรับสภาพร่างกายให้คุ้นชินกับพื้นที่สูงก่อนขึ้นไปถึงยอด

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาไฟฟูจิ จังหวัดยามานาชิ
ความสูง : 3,776 ม.
ระยะทางขึ้น-ลง : 12.7 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 8-13 ชั่วโมง
ค่าธรรมเนียม : 1,000 เยน/คน
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : ต้นเดือนกรกฎาคม-ต้นเดือนกันยายน
การเดินทาง : จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) ขึ้นรถไฟ JR Chuo Line Limited Express ไปยังสถานีโอสึกิ (Otsuki Station) แล้วจึงเปลี่ยนมาขึ้นสาย Fuji Kyuko Line ไปยังสถานีคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko Station) จากนั้นขึ้นรถบัส Fuji Kyuko Bus ไปลงที่ป้าย Fuji-Subaru Line 5th Station
เว็บไซต์: www.fujisan-climb.jp/en

 

16 Mt. Kita, Yamanashi

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาคิตะ (Mt. Kita) จ.ยามานาชิ (Yamanashi)

ภูเขาคิตะ (北岳) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติมินามิแอลป์ มีความสูงเป็นอันดับ 2 รองจากภูเขาไฟฟูจิ และเป็นยอดเขา 1 ใน 3 ของเทือกเขา Shirane Sanzan (白根三山) ไม่ว่าจะมองจากทิศเหนือหรือทิศใต้จะเห็นภูเขาเป็นทรงพีระมิด ภูเขาแห่งนี้ยังถูกขนานนามว่าเป็นกล่องอัญมณีของพืชอัลไพน์ที่มักจะเบ่งบานในเดือนกรกฎาคม อีกทั้งบริเวณยอดเขายังสามารถมองเห็นวิวของภูเขาไฟฟูจิล้อมรอบด้วยทะเลเมฆ ซึ่งจะสวยงามที่สุดในช่วงพระอาทิตย์ตก 

ภูเขาคิตะ (Mt. Kita) จ.ยามานาชิ มีความสูงเป็นอันดับ 2 รองจากภูเขาไฟฟูจิ

หากใครที่กำลังมองหาการปีนเขาที่ท้าทายพอๆ กับภูเขาไฟฟูจิ รวมถึงมีภูมิประเทศและสัตว์ป่าที่หลากหลาย ภูเขาคิตะถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม โดยเส้นทางไป-กลับที่ Hirokawara เป็นเส้นทางที่หลายคนเลือก ในการเดินป่าช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงปลายเดือนตุลาคมเป็นช่วงที่แนะนำที่สุด เนื่องจากกระท่อมและรถโดยสารส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการ

แนะนำให้มาภูเขาคิตะ (Mt. Kita) จ.ยามานาชิ ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงปลายเดือนตุลาคมจะดีที่สุด

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาคิตะ จังหวัดยามานาชิ
ความสูง : 3,192 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 11.0 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 11 ชั่วโมง 40 นาที
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : กรกฎาคม-ตุลาคม
การเดินทาง : จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) นั่งรถไฟ JR Chuo Line Super Express ไปยังสถานีโคฟุ (Kofu Station) หลังจากนั้นต่อรถบัส Yamanashi Kotsu Bus ไปลงที่ป้าย Hirokawara

 

17 Mt. Haku, Gifu-Fukui-Ishikawa-Toyama

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาฮาคุ (Mt. Haku) จ.กิฟุ-ฟุกุอิ-อิชิกาวะ-โทยามะ (Gifu-Fukui-Ishikawa-Toyama)

เป็น 1 ในภูเขา 3 ลูกที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่สมัยโบราณร่วมกับภูเขาไฟฟูจิและภูเขาทาเทยามะ โดยมีลักษณะเป็นภูเขาไฟสลับชั้นที่ยังไม่ดับสนิท โดยชื่อของภูเขาฮาคุ (白山) นั้นมีความหมายว่า “ภูเขาสีขาว” ซึ่งมาจากลักษณะของภูเขาที่มักจะปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลนอยู่เป็นเวลานานกว่าครึ่งปี และนั่นก็ทำให้ภูเขามีความโดดเด่นสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล 

ภูเขาฮาคุ (Mt. Haku) เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ

บนภูเขายังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าชินโตที่ผู้คนมาสักการะบูชาตั้งแต่ในอดีต ทุกๆ ปีที่ภูเขาฮาคุจะเปิดให้เล่นสกีในฤดูหนาวและเดินป่าในฤดูร้อน บริเวณภูเขาเต็มไปด้วยทะเลสาบจำนวนมาก รวมถึงมีป่าต้นบีชและพืชพรรณอัลไพน์ขึ้นอยู่รอบๆ ยอดเขา อีกทั้งยังเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าราวๆ 40 ชนิด 

การปีนเขาเส้นทางหลักจุดเริ่มต้นจะอยู่ที่ Betto Deai จากจุดนั้นจะแยกออกเป็น 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทาง Sabou Shindo และเส้นทาง Kanko Shindo ทั้งสองเส้นทางมีระยะที่ไกลพอๆ กัน โดยเราขอแนะนำเส้นทาง Sabou Shindo เนื่องจากปีนง่าย มีความจะชันน้อยกว่า และสามารถไปถึงยอดเขาได้เร็วกว่า

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาฮาคุ จังหวัดกิฟุฟุกุอิอิชิกาวะโทยามะ

ความสูง : 2,702 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 15.6 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 8 ชั่วโมง 30 นาที
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : กรกฎาคม-ตุลาคม
การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) นั่งรถไฟสาย JR Hokuriku Shinkansen ไปลงสถานีคานาซาว่า (Kanazawa Station) จากนั้นต่อรถบัส Hokutestu Bus ไปลงที่ป้าย Betto Deai (別当出合)

 

18 Mt. Makihata, Niigata-Gunma

ภูเขามาคิฮาตะ (巻機山) กินพื้นที่คาบเกี่ยว 2 จังหวัดคือกุมมะกับนีงาตะ ยอดเขาปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจีและมีสระน้ำอยู่บริเวณเนินเขา ในช่วงฤดูใบไม้ผลิทุ่งหญ้าจะแปรเปลี่ยนเป็นทุ่งดอกไม้ควรค่าแก่การเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่ง ในฤดูใบไม้ร่วงเนินเขาจะมีทั้งต้นสน คุมะซาสะ (หญ้าไผ่) และหญ้าพื้นเมืองที่หาชมยาก นอกจากนี้ภูเขาลูกนี้ยังติดอันดับ 1 ใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นอีกด้วย

เส้นทางปีนเขาเส้นหลักเริ่มต้นที่ Shimizu แบ่งออกเป็น 10 สถานี เส้นทางนี้จะผ่านป่าบีชที่สวยงาม ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงสถานีที่ 3 การปีนค่อนข้างง่าย และจะเริ่มชันขึ้นตั้งแต่สถานีที่ 4 เป็นต้นไป เมื่อถึงสถานีที่ 5 จะพบกับทิวทัศน์อันตระการตาของหิน Tengu และแม่น้ำ Nukubi เป็นจุดที่เหมาะแก่การแวะพัก จากนั้นเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงกระท่อม Makihatayama แนะนำให้พักที่นี่สักคืน มีที่ตั้งแคมป์และบ่อน้ำสะอาดอยู่ใกล้ๆ จากกระท่อมใช้เวลาเดินประมาณ 40 นาทีเพื่อไปยังยอดเขา 

ข้อมูลเพิ่มเติม
ความสูง: 1,967 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง: 14.7 กม.
ระยะเวลาขึ้น-ลง: 12 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ปลายมิถุนายน-กลางตุลาคม
การเดินทาง: จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) นั่งรถไฟโจเอ็ตสึชินคันเซ็น (Joetsu Shinkansen) ไปยังสถานีเอ็ตจิโกะยูซาว่า (Echigo-Yuzawa Station) แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสายโจเอ็ตสึ (Joetsu Line) ไปลงที่สถานีมุอิคามาจิ (Muikamachi Station) จากนั้นต่อรถบัส Minamiechigo Kanko ไปลงที่ Shimizu

 

19 Mt. Norikura, Nagano-Gifu

ภูเขาโนริคุระ (乗鞍岳) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเทือกเขาฮิดะ (Hida Mountains) ถือว่าเป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ โดยจุดที่สูงที่สุดคือแหลมเคนงามิเนะ (Kengamine) นอกจากนี้ยังถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย


ภูเขาประกอบด้วยยอดเขามากถึง 23 ยอด แน่นอนว่าเต็มไปด้วยเส้นทางเดินเขามากมายให้ทุกคนได้เพลิดเพลินตั้งแต่ผู้เริ่มต้นไปจนถึงนักปีนเขาขั้นสูง ส่วนทิวทัศน์ก็สวยงามไม่ว่าจะฤดูไหน มีพืชอัลไพน์นานาชนิดให้ชมตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนสิงหาคม ที่สำคัญยังเป็นหนึ่งในสถานที่แรกๆ ที่เราจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีก่อนใครในญี่ปุ่น โดยจะเริ่มตั้งแต่ประมาณกลางเดือนกันยายนเป็นต้นไป เนื่้องจากภูเขามีความสูงค่อนข้างมาก ในช่วงปลายฤดูร้อนยังคงมีหิมะหนาแน่น จึงเป็นสถานที่เล่นสกีที่เยี่ยมยอดอีกด้วย

เส้นทางเดินเขาที่แนะนำคือทางไปยอดเขาหลักของภูเขาโนริคุระ จุดเริ่มต้นอยู่ที่ Tatami-daira ซึ่งเส้นทางนี้สามารถย่นระยะทางการเดินได้มากทีเดียว เนื่องจากสามารถเดินทางไปถึง Tatami-daira ที่ความสูง 2,702 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลได้โดยรถประจำทาง และจากนั้นเดินต่อไปอีกเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งก็จะถึงยอดเขาที่สูงที่สุด ถือเป็นอีกหนึ่งภูเขาที่ปีนง่าย ไม่ว่าใครก็สามารถปีนได้

ข้อมูลเพิ่มเติม
ความสูง: 3,026 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง: 5 กม. (จาก Tatami-daira)
ระยะเวลาขึ้น-ลง: 3 ชั่วโมง (จาก Tatami-daira)
ช่วงเวลาที่เหมาะสม: กลางสิงหาคมถึงปลายตุลาคม
การเดินทาง: จากสถานี Shinjuku นั่งรถไฟ JR Chuo Line Tokyu Express ไปยังสถานี Matsumoto จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งรถไฟ Matsumoto Dentetsu ไปลงที่สถานี Shin-shimashima แล้วต่อรถบัส Alpico ไปยัง Norikura Kogen Tourist Center จากนั้นขึ้นรถบัสรับ-ส่งเฉพาะไปยัง Tatami-daira

 

ภูมิภาคคันโต | Kanto

 

20 Mt. Mitake, Tokyo

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขามิตาเกะ (Mt. Mitake) จ.โตเกียว (Tokyo)

ภูเขามิตาเกะ (御岳山) อยู่ในอุทยานแห่งชาติจิจิบุทามะไค (Chichibu-Tama-Kai National Park) เมืองโอเมะ (Ome) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกสุดของโตเกียว ปัจจุบันภูเขามิตาเกะเป็นที่รู้จักในฐานะจุดเดินป่ายอดนิยมที่อยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองโตเกียว เนื่องจากเส้นทางเดินเขามีทั้งทิวทัศน์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก หินรูปร่างแปลกตา ป่ามอส และหุบเขา จึงดึงดูดทั้งนักปีนเขามือใหม่และผู้มีประสบการณ์

ภูเขามิตาเกะ (Mt. Mitake) จ.โตเกียว ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติจิจิบุทามะไค (Chichibu-Tama-Kai National Park)

เส้นทางเดินเขาเริ่มต้นจากบริเวณสถานี Mitake Cable Car ตรงตีนเขาระหว่างทางจะผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นและร้านขายของที่ระลึกมากมายซึ่งให้บริการแก่ผู้มาเยือนและผู้ที่มาแสวงบุญที่ศาลเจ้ามุซาชิ-มิตาเกะ (Musashi Mitake-Shine) ศาลเจ้าเก่าแก่ที่เป็นศูนย์กลางแห่งการสักการะบนภูเขามาเกือบ 2,000 ปี

ภูเขา ญี่ปุ่น ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี - ภูเขามิตาเกะ (Mt. Mitake) จ.โตเกียว

จากศาลเจ้าไปยังยอดเขาจะผ่านสวนหิน (Rock Garden) มีจุดไฮไลท์สำคัญอีกแห่งหนึ่ง เป็นหุบเขาแคบๆ ในป่าที่มีธารน้ำใส หินที่ปกคลุมด้วยมอสจำนวนมาก บริเวณใกล้เคียงยังมีน้ำตก Nanayo และน้ำตก Ayahiro จากสวนหินสามารถเดินต่อไปยังยอดเขาโอทาเคะ ความสูง 1267 เมตร ได้อีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขามิตาเกะ  จังหวัดโตเกียว

ความสูง : 929 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 12 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 4 ชั่วโมง 35 นาที  
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : พฤษภาคม-ตุลาคม
การเดินทาง : จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) ขึ้นรถไฟ JR Chuo Line ไปลงสถานีโอเมะ (Ome  Station) จากนั้นให้เปลี่ยนสายรถไฟเป็น JR Ome Line ไปลงสถานีมิตาเกะ (Mitake Station) แล้วขึ้นรถบัสไปยัง Mitake Cable Car

 

21 Mt. Takao, Tokyo

พาไปภูเขาสูงๆ กันมาแล้ว ขอเปลี่ยนบรรยากาศไปดื่มด่ำกับธรรมชาติในแบบที่เหนื่อยน้อยหน่อยกันดูบ้าง นั่นก็คือภูเขาทาคาโอะ (高尾山) หนึ่งในภูเขา ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของ ญี่ปุ่น อีกทั้งยังได้รับ 3 ดาวจาก Michelin Green Guide Japan อีกด้วย

ภูเขาทาคาโอะ (Mt. Takao) จ.โตเกียว หนึ่งใน ภูเขา ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของ ญี่ปุ่น

อาจเพราะว่าภูเขาทาคาโอะนั้นตั้งอยู่ในโตเกียว แถมยังมีความสูงเพียง 599 เมตร ทำให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงได้ง่าย อีกทั้งยังมีเส้นทางปีนเขาให้เลือกมากถึง 9 เส้นทาง ทั้งเส้นทางเดินง่าย เส้นทางศึกษาธรรมชาติ เส้นทางล้อมรอบด้วยแม่น้ำ และเส้นทางเนินเขา หากต้องการความรวดเร็วสามารถนั่งกระเช้าขึ้นไปที่จุดชมวิวได้เลย ที่สำคัญภูเขาทาคาโอะยังเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมแห่งหนึ่งในโตเกียว

ภูเขา ญี่ปุ่น ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี - ภูเขาทาคาโอะ (Mt. Takao) จ.โตเกียว

หากนี่เป็นครั้งแรกของคุณ เส้นทางที่แนะนำคือ Trail 1 เป็นเส้นทางปีนเขายอดนิยมที่ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงในการไปถึงยอด เส้นทางนี้ระหว่างทางจะพบกับศาลเจ้าทาคาโอะซัง ยาคุิโออิน (Takaosan Yakuo-in) อันเก่าแก่กว่า 1,200 ปี และสวนสาธารณะซึ่งเป็นที่อยู่ของลิงแสมญี่ปุ่น ภายในเต็มไปด้วยดอกไม้กว่า 500 ชนิด เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะลองปีนเขาแต่ก็อยากจะเพลิดเพลินกับการเที่ยวชมสถานที่ไปด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาทาคาโอะ จังหวัดโตเกียว

ความสูง : 599 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 3.8 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 1 ชั่วโมง 40 นาที 
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : กลางพฤศจิกายน-ต้นธันวาคม
การเดินทาง : จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) ขึ้นรถไฟสาย JR Chuo Line ไปลงสถานีทาคาโอะ (Takao Station) จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสาย Keio Line ไปลงที่สถานีทาคาโอะซังกุจิ  (Takaosanguchi Station)

 

22 Mt. Asama, Gunma

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาไฟอาซามะ (Mt. Asama) จ.กุมมะ (Gunma)

ภูเขาที่ดูภายนอกอาจมีหน้าตาที่ดูเป็นมิตร แต่ความจริงแล้วคือภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นบนเกาะฮอนชู ภูเขาไฟอาซามะ (浅間山) เคยเกิดการปะทุครั้งใหญ่ขึ้นในปี ค.ศ. 1783 ซึ่งเกิดการความเสียหายมากที่สุดครั้งหนึ่งในรอบพันปีของญี่ปุ่น โดยได้ทิ้งร่องรอยไว้ที่สวนบริเวณตีนเขา ที่นั่นเต็มไปด้วยหินภูเขาไฟกระจัดกระจาย ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของยักษ์ จึงตั้งชื่อสวนว่าโอนิโอชิดาชิ (Onioshidashi Volcanic Park) หมายถึงก้อนหินที่ถูกยักษ์ผลักลงมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความนิยมของภูเขานี้ลดน้อยลง นักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตายังคงเดินทางมาที่นี่เพื่อปีนเขา

ภูเขา ญี่ปุ่น ในช่วงฤดูหนาว -

จุดเริ่มต้นอยู่ที่ Takamine Kogen Onsen ก่อนที่จะเคลื่อนตัวเข้าไปในดินแดนภูเขาไฟช่วงแรกจะผ่านทุ่งหญ้าสีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ หลังจากนั้นจะพบกับทิวทัศน์ของเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือของญี่ปุ่นอย่างเทือกเขา Yatsugatake และภูเขาไฟฟูจิในระยะไกล เนื่องจากยังเป็นจุดเสี่ยงต่อการปะทุ จึงสามารถเดินไปถึงแค่พื้นที่ใกล้ยอดเขาที่กำหนดไว้เท่านั้น หลังจากลงเขาอย่าพลาดที่จะไปแช่น้ำพุร้อนที่ Takamine Kogen Onsen เพราะการแช่ออนเซ็นกลางแจ้งท่ามกลางอากาศเย็นบนภูเขาสูงเป็นสิ่งที่น่าจดเลยจำทีเดียว

ภูเขาไฟอาซามะ (Mt. Asama) จ.กุมมะ (Gunma)

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาไฟอาซามะ จังหวัดกุมมะ

ความสูง : 2,568  เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 12.85 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 8 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : ปลายเมษายน-ต้นธันวาคม
การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) นั่งรถไฟ Hokuriku Shinkansen ไปยังสถานีคารุอิซาวะ (Karuizawa Station) จากนั้นเปลี่ยนเป็นสาย Shinano นั่งไปลงที่สถานีโคมุโระ (Komoro Station) แล้วต่อรสบัสไปลงที่ป้าย Takamine Kogen Hotel Mae

 

23 Mt. Tanigawa, Gunma

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาทานิงาวะ (Mt. Tanigawa) จ.กุมมะ (Gunma)

ภูเขาทานิงาวะ (谷川岳) เป็นภูเขาพื้นผิวขรุขระลูกหนึ่งของเทือกเขามิกุนิ (Mikuni Mountains) ตั้งอยู่ในพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างจังหวัดกุมมะและจังหวัดนีงาตะ ภูเขาทานิงาวะนั้นเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่สามารถดึงดูดผู้คนให้มาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี นับเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ยอดเยี่ยมแห่งหนึ่ง ในฤดูใบไม้ร่วงจะเห็นสีสันสดใสของต้นไม้ผลัดใบทั่วทั้งหุบเขา ส่วนในฤดูหนาวทั้งภูเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนและมีสกีรีสอร์ทเปิดให้บริการ อีกทั้งยังเป็นจุดปีนเขายอดนิยมในช่วงฤดูร้อนอีกด้วย

ภูเขาทานิงาวะ (Mt. Tanigawa) จ.กุมมะ (Gunma) เป็นภูเขาที่สามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดู

ที่นี่ต้อนรับนักเดินทางและนักปีนเขามาแล้วนับไม่ถ้วน ถึงแม้จะมีเส้นทางที่ค่อนข้างยากลำบากที่ต้องอาศัยความชำนาญและความพร้อมของร่างกายเป็นอย่างมากก็ตาม เส้นทางเดินที่แนะนำคือเส้นทางไป-กลับทางเดิม โดยจุดเริ่มต้นจะอยู่ที่ Tenjin-daira ซึ่งจะใช้เวลาในการไปยังยอดเขาประมาณ 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น ฉะนั้นจึงสามารถไปเช้า-เย็นกลับได้โดยไม่ต้องค้างแรม

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาทานิงาวะ จังหวัดกุมมะ

ความสูง : 1,977 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 12.7 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 10 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : กรกฎาคม-พฤศจิกายน
การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) นั่งรถไฟ Joetsu Shinkansen ไปยังสถานีโจโม โคเก็น (Jomo Kogen Station) แล้วต่อรถบัส Kan-etsu Kotsu ไปลงที่ป้าย Tanigawa-dake Ropeway Doaiguchi จากนั้นนั่งกระเช้าลอยฟ้าจากสถานีทานิกาวะดาเคะ (Tanigawa-dake Station) ขึ้นไปยังสถานีเท็นจิน ไดระ (Tenjin-daira Station)

 

ภูมิภาคชิโกกุ | Shikoku

 

24 Mt. Ishizuchi, Ehime

ภูเขา ญี่ปุ่น - ภูเขาอิชิสึจิ (Mt. Ishizuchi) จ.เอฮิเมะ (Ehime)

เรียกได้ว่าบนเกาะเล็กๆ อย่างเกาะชิโกกุนั้นก็มีภูเขาที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆ นั่นก็คือภูเขาอิชิสึจิ (石鎚山)  ซึ่งมียอดเขาสูงที่สุดในภาคตะวันตกของญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นหินผาแหลมคล้ายกับค้อนหิน ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในร้อยภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ที่นี่เป็นเหมือนขุมทรัพย์แห่งธรรมชาติ มีทั้งป่าผลัดใบเขตอบอุ่นไปจนถึงป่าไม้เขตหนาว ดอกไม้นานาพันธุ์ และพันธุ์พืชหายาก บางชนิดหาชมได้แค่ที่เกาะชิโกกุเท่านั้น อีกทั้งภูเขานี้ยังเคยเป็นสถานที่สักการะบูชาและสถานที่ฝึกอบรมของลัทธิชุเก็นโด (Shugendo) ในสมัยโบราณอีกด้วย

นอกจากนี้ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องความท้าทายในการปีนเขา แม้จะยากลำบากแต่บรรดานักปีนเขาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าคุ้มค่า โดยเฉพาะในเดือนกันยายนภูเขานั้นจะเต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีซึ่งจะงดงามที่สุดในรอบปี เส้นทางปีนเขายอดนิยมคือเส้นทาง Joju ซึ่งต้องขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปยังสถานี Joju เพื่อเริ่มเดิน บริเวณนั้นมีศาลเจ้าโจจู หอชมวิว และร้านค้ามากมาย

ข้อมูลเพิ่มเติม
ภูเขาอิชิสึจิ จังหวัดเอฮิเมะ
ความสูง : 1,982 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง : 12.2 กิโลเมตร
ระยะเวลาขึ้น-ลง : 6 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสม : พฤษภาคม-ตุลาคม
การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) นั่งรถไฟ Tokaido Sanyo Shinkansen ไปยังสถานีโอคายาม่า (Okayama Station) จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟด่วน Shiokaze Tokkyu ไปลงที่สถานีอิโย ไซโจ (Iyo-Saijo Station) แล้วต่อรถบัส Setouchi ไปยัง Ishizuchi Ropeway แล้วนั่งกระเช้าจากสถานีชิโมดานิ (Shimodani Station) ขึ้นไปยังสถานีโจจู (Joju Station) ที่อยู่ด้านบน

 

ภูมิภาคคิวชู | Kyushu

25 Mt. Kuju, Oita

เทือกเขาคุจู (Mt. Kuji) ภูเขา ญี่ปุ่น ที่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Aso-Kuju National Park

เทือกเขาคุจู (くじゅう連山) เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติอาโสะ-คุจู (Aso-Kuju National Park) จ.โออิตะ เป็นภูเขาไฟที่ปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี มีทัศนียภาพอันงดงาม รวมถึงมียอดเขาที่สูงที่สุดบนเกาะคิวชูอีกด้วย บนภูเขามีทะเลสาบบริเวณปล่องภูเขาไฟ หากมาในช่วงเดือนพฤษภาคมจะมีโอกาสได้พบกับดอกอาซาเลียรวมถึงดอกไม้ป่าอื่นๆ หลากหลายชนิด รวมถึงต้นคลาวด์เบอร์รี่หนึ่งในสมบัติทางธรรมชาติที่พบหาได้ยาก ยิ่งในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ภูเขานี้จะกลายเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในคิวชูเลยล่ะ

จุดที่สูงที่สุดของเทือกเขาคุจูคือภูเขานากาดาเกะ (Mt. Nakadake) แต่เราจะแนะนำเส้นทางไปยังภูเขาคุจู (Mt. Kuju) ที่อยู่ใกล้เคียงในระดับความสูงที่ 1,786 เมตร เนื่องจากเป็นเส้นทางยอดนิยมในการไปเยี่ยมชมทิวทัศน์ เส้นทางนี้จุดเริ่มต้นจะอยู่ที่ Makinoto Pass สามารถไป-กลับจากจุดเดียวกัน ส่วนระยะทางก็ไม่ไกลมากแถมยังลาดชันเพียงเล็กน้อย จึงถือเป็นเส้นทางที่สามารถเดินได้อย่างสนุกสนาน

ข้อมูลเพิ่มเติม
ความสูง: 1,791 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง: 9 กม.
ระยะเวลาขึ้น-ลง: 5 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสม: เมษายน-พฤศจิกายน
การเดินทาง: จากฟุกุโอกะ ให้นั่งรถไฟสาย JR Kyudai Line ไปลงที่สถานี Bungo Nakamura แล้วต่อรถบัสไปที่ Kuju-tozanguchi ตรงข้ามศูนย์บริการนักท่องเที่ยวโชจาบารุ (Chojabaru Visitor Center)

26 Mt. Aso, Kumamoto

Mt. Aso ภูเขา ญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดคุมาโมโตะบนเกาะคิวชู

ภูเขาไฟอะโสะ (阿蘇山) ตั้งอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดคุมาโมโตะบนเกาะคิวชู และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Aso-Kuju โดยแอ่งภูเขาไฟ (Caldera) ที่อยู่ด้านบนนั้นเป็นหนึ่งในแอ่งภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 กม. อีกทั้งเส้นรอบวงมากกว่า 100 กม. ซึ่งยอดเขาของภูเขาไฟอะโสะมีจำนวนถึง 5 ยอด ได้แก่ Mt. Nakadake, Mt. Takaake, Mt. Nekodake, Mt. Kishimadake และ Mt. Eboshidake ทำให้ภูเขาทั้ง 5 ลูกถูกแต่งตั้งให้เป็นอุทยานธรณีระดับโลกจากองค์การยูเนสโกอีกด้วย

ถึงแม้จะเป็นภูเขาไฟที่ยังคงคุกรุ่นแต่ก็เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว เนื่องจากภูเขามีทัศนียภาพที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ และมีเส้นทางปีนเขาเริ่มต้นที่ลานจอดรถ Sunasenri ไปจนถึงบริเวณปากปล่องภูเขาไฟ Mt. Nakadake ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในบางส่วน แต่บางครั้งก็อาจปิด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศหรือความเสี่ยงในการระเบิดของภูเขาไฟ ไม่ไกลจากปล่องภูเขาไฟมีทุ่งหญ้า Kusasenri ที่มีน้องวัวและม้ากำลังเล็มหญ้าให้ได้หยุดชมอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม
ความสูง: 1,592 เมตร
ระยะทางขึ้น-ลง: 10 กม.
ระยะเวลาขึ้น-ลง: 7-8 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่เหมาะสม: มีนาคม-พฤศจิกายน
การเดินทาง: จากจังหวัดฟุกุโอกะ นั่งรถไฟ Shinkanzen Tsubame จากสถานี Hakata ไปยังสถานี Kumamoto จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสาย JR Hohi Line ไปลงที่สถานี Aso (Kumamoto) แล้วต่อแท็กซี่ไปที่ Sunasenri

TAGS

AkitaEhimeFukuiFukushimaGifuGunmaHokkaidoIshikawaMountain in JapanNaganoNiigataShizuokaTokyoToyamaYamagataYamanashiกิฟุกุมมะชิซูโอกะนากาโน่นีงาตะฟุกุชิมะฟุกุอิภูเขาภูเขาในกิฟุภูเขาในกุมมะภูเขาในชิซูโอกะภูเขาในญี่ปุ่นภูเขาในนากาโน่ภูเขาในนีงาตะภูเขาในฟุกุชิมะภูเขาในฟุกุอิภูเขาในยามากาตะภูเขาในยามานาชิภูเขาในอาคิตะภูเขาในอิชิกาวะภูเขาในฮอกไกโดภูเขาในเอฮิเมะภูเขาในโตเกียวภูเขาในโทยามะยามากาตะยามานาชิอาคิตะอิชิกาวะฮอกไกโดเที่ยวกิฟุเที่ยวกุมมะเที่ยวชิซูโอกะเที่ยวนากาโน่เที่ยวนีงาตะเที่ยวฟุกุชิมะเที่ยวฟุกุอิเที่ยวยามากาตะเที่ยวยามานาชิเที่ยวอาคิตะเที่ยวอิชิกาวะเที่ยวฮอกไกโดเที่ยวเอฮิเมะเที่ยวโตเกียวเที่ยวโทยามะเอฮิเมะโตเกียวโทยามะ

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ