เมื่อรู้ตัวเองว่าไม่เก่งภาษาอะไรเลย แต่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น เอาไงดี

หนึ่งในความกังวลอันดับต้นๆ (นอกจากเรื่องเงิน) ของการไปญี่ปุ่นครั้งแรกของใครหลายคน คงเป็นเรื่อง “ภาษา เพราะเลือกไปในประเทศที่คนพูดแต่ภาษาญี่ปุ่น ไม่พูดภาษาอังกฤษ (และภาษาญี่ปุ่นของเราคือ 0และอย่าว่าแต่ภาษาญี่ปุ่นเลย ภาษาอังกฤษของบางคนก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย! 555+

เป็นความกังวลไม่น้อย “ญี่ปุ่นไม่ได้ อังกฤษไม่ดี แล้วจะเอาตัวรอดได้มั้ยน้า?”

ถ้าคุณมาอยู่อาศัยระยะยาวมาเรียนหรือทำงาน ก็คงต้อง ลาก่อยยยไม่น่ารอดอย่างยั่งยืนในสังคมแน่นอน แต่ถ้าคุณแค่มาเที่ยว ก็ตอบเลยครับว่า ได้” !!

 

 

ยิ่ง 2020 โตเกียวโอลิมปิกที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยือน ภาคธุรกิจภาคบริการก็ปรับตัวกันยกใหญ่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเหล่านี้ การเที่ยวญี่ปุ่นวันนี้ (โดยไม่รู้ภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น) ต่างจาก 20 ปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง สะดวกสบายขึ้นเยอะแล้วครับ มาดูกันๆ

 

ระบบ Wayfinding เข้าใจได้ง่าย

 

เวลาจะขึ้นรถไฟเดินทางไปไหนมาไหน สิ่งที่เราต้องสอดส่องดูเลยคือ ป้ายบอกทางโชคดีเหลือเกินที่ญี่ปุ่น (หรือแค่โตเกียวก็ได้) มีการวางระบบป้ายบอกทาง Wayfinding ที่ยอดเยี่ยม ดูง่าย เป็นระเบียบ มาพร้อมภาษาอังกฤษ และมักพ่วงสัญลักษณ์ รูปภาพ มาด้วยเสมอ (นึกภาพห้องน้ำรูปชายหญิง)

 

ระบบป้ายบอกทางที่มาพร้อมภาษาอังกฤษและรูปภาพ
เข้าห้องน้ำ/ ตู้เก็บของ/ ATM/ สถานที่เที่ยวสำคัญ มักมีบอกหมดภายในสถานี (ก่อนเราจะออกเดินทางไป)

 

แผนที่สถานีรถไฟก็กำลังทยอยปรับเปลี่ยนเพิ่มภาษาอังกฤษเข้าไป (แม้ยังไม่ทั้งหมดก็ตาม) หากเซอร์ไพรส์เจอแต่ภาษาญี่ปุ่น สามารถเรียกเจ้าหน้าที่มาช่วยซื้อได้เลย โดยทั่วไปการซื้อตั๋วกับตู้กดจะมีปุ่มให้กด เปลี่ยนภาษาซึ่งหลักๆ แล้วก็จะมีภาษาอังกฤษ, จีน และเกาหลี ช่วงหลังเริ่มมีภาษาไทยบ้างแล้วด้วยนะ (คนไทยไปเที่ยวเยอะ ^^)

 

เดี๋ยวนี้มีหลายภาษาให้เลือกหลากหลาย

 

เมื่อมาถึงการ สั่งอาหารต้องขอบคุณเหลือเกินเพราะญี่ปุ่นเป็นผู้คิดค้น ตัวอย่างของกินจำลองหน้าตาเหมือนของจริงมาก ตั้งโชว์หราอยู่หน้าร้านให้ลูกค้าตัดสินใจก่อนได้ (แบบเดียวกับที่ตั้งอยู่หน้าร้านฟูจิในไทยนั่นแหล่ะ) ยังไม่พอ เมนูอาหารก็มักมี รูปภาพประกอบในทุกเมนู แม้ว่าคุณจะอ่านรายละเอียดคำอธิบายไม่ออก แต่ลำพังรูปภาพก็ช่วยพอให้เรารู้หน้าตาโดยรวมของมันได้แล้ว

 

ตัวอย่างของกินจำลองหน้าร้าน
ตัวอย่างของกินดูดีน่ากิน ก็ดึงดูดคนให้เข้าร้านได้นะ
รูปภาพประกอบ+ญี่ปุ่น+อังกฤษ ในตัว
จอสั่งอาหาร (เช่นร้านซูชิสายพาน) ก็มีเมนูภาษาให้เลือกเปลี่ยนได้
ทั้งรูปภาพประกอบ ทั้ง TV บรรยาย บิลต์อารมณ์กันสุดๆ!

 

แถมปัจจุบันหลายร้านค้ารู้จักปรับตัวให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไป มีการทำ เมนูภาษาอังกฤษโดยเฉพาะแยกต่างหากจากภาษาญี่ปุ่นเลย

 

ภาษาอาจวิบัติไปบ้าง แต่ก็พอเข้าใจได้เนอะ ฮ่าๆๆ ^^’

 

อย่างไรก็ตาม การสั่งอาหารในลักษณะนี้อาจไม่ครอบคลุมถึงร้านกินดื่มอิซากายะ ซึ่งมักมีแต่ตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ ในเมนูอาหาร (รวมถึงตัวเลขราคา) และมักไม่มีอาหารจำลองตั้งโชว์หรา

 

เจอแบบนี้ไป หลายคนก็อาจจะตกใจเล็กๆ
หน้าตาร้านอาจจะประมาณนี้ เล็กๆ มืดๆ เสียงดังหน่อย และสูบบุหรี่ได้

 

ร้านอิซากายะนำเสนอวัฒนธรรมญี่ปุ่นด้านหนึ่งได้เป็นอย่างดี (เหมือนผับที่อังกฤษ ^^)

เดี๋ยวนี้พนักงานภาคบริการโดยเฉพาะโรงแรมขนาดใหญ่ สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี แม้อังกฤษเราไม่คล่องก็ตาม แต่เขาก็พยายามเข้าใจเรา (ถูกฝึกมาดี) ถ้าโรงแรมขนาดเล็กลงมาหน่อย แม้พนักงาน(และตัวเรา) อาจไม่ค่อยถนัดภาษาอังกฤษ เราเพียงแค่เตรียมเอกสารการจองอะไรต่างๆ ให้พร้อมและยื่นให้ก็เสร็จสรรพเป็นอันรู้เรื่องได้

 

ภาคบริการในญี่ปุ่นกำลังฝึกปรือเรื่องภาษาอังกฤษอยู่

 

สำหรับห้องน้ำในเรียวกังหรือโรงแรมแบบญี่ปุ่น สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังและควรจำเลยคือ 男 = ชาย (สีน้ำเงิน) และ 女 = หญิง (สีชมพูเพราะห้องน้ำเรียวกังบางแห่งไม่มีรูปสัญลักษณ์ ชายหญิง นั่นเอง 

การเรียก Taxi เมื่อโบกเรียกแล้วสามารถขึ้นไปนั่งบนรถได้เลยและค่อยบอกจุดหมายที่จะไป เพราะแท็กซี่ญี่ปุ่นไม่ปฏิเสธผู้โดยสารในสถานการณ์ทั่วไป เพื่อความง่ายไม่ต้องพูดประโยคยาวๆ เพียงแค่บอกชื่อจุดหมายที่จะไป เช่น “Tokyo Station” คนขับก็น่าจะรู้เรื่องแล้ว แต่หากอยากพูดเป็นประโยคหน่อย ก็สามารถเพิ่มได้ว่า “___มาเดะ โอเนไกชิมัส” (เติมจุดหมายที่จะไปในช่องว่าง) “Tokyo Station มาเดะ โอเนไกชิมัส” = ไปสถานีโตเกียวครับ/ ค่ะ ^^

 

เรียกแล้วเข้าไปนั่งได้เลย ค่อยบอกจุดหมาย ^^

 

เมื่อ หลงทางไปต่อไม่ได้ หนีไม่พ้นต้องถามทางคนญี่ปุ่น หากสื่อสารกันไม่เคลียร์ คนญี่ปุ่นบางคนอาจถึงกับ เดินไปส่งถึงจุดหมายด้วยตัวเองเลยก็มีถมเถไปนะ

สำหรับการช็อปปิ้งและอีกหลายสถานการณ์ที่ต้องคุยด้วยภาษาอังกฤษกัน เคล็ดลับนิดนึงคือ โฟกัสที่ Point” อาจไม่ต้องพูดเต็มประโยคยาวๆ (เพราะฟังไม่ทัน) เช่นถ้าจะถามว่า ห้องน้ำไปทางไหน?” ก็พูดไปสั้นๆ (ด้วยน้ำเสียงสุภาพ+ภาษามือ) ได้เลยว่า “Toilet…where?” เพราะการพูดเต็มประโยคอย่าง Where is the toilet please? หรือสุภาพหน่อยอย่าง Could you tell me where the restroom is please? อาจทำให้บางคนฟังไม่รู้เรื่อง

 

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เหมือนเวลาที่นักท่องเที่ยวจากต่างชาติมาเที่ยวบ้านเรา ถ้าเค้าพยายามจำภาษาไทยบางคำเพื่อมาพูดกับเรา ขอบคุงก้า”, “สะวัดดี เราก็รู้สึกดีอยากต้อนรับขับเชิญ เมื่อไปญี่ปุ่นก็เช่นกัน ถ้าเราจำคำพูดง่ายๆ อย่างเช่น

こんにちは (คนนิจิวะ) = สวัสดี (จริงๆ คือตอนกลางวัน แต่ก็เข้าใจแหล่ะ)

ありがとう (อาริกาโตะ) = ขอบคุณ

おすすめは? (โอะสุสุเมะวะ?) = เมนูแนะนำคืออะไร ใช้ตามร้านอาหาร (จากนั้นพนักงานอาจจะชี้ให้ดู)

เชื่อว่าคนญี่ปุ่นก็จะยิ้มแย้มอยากให้การต้อนรับเป็นพิเศษ สรุปว่าการไปเที่ยวญี่ปุ่นโดยไม่รู้ญี่ปุ่น ไม่คล่องอังกฤษ ถือว่าไม่ใช่ปัญหาเลยจริงๆ ในยุคสมัยนี้ ทุกคนยังคงสามารถสนุกและมีเพลิดเพลินได้โดยปราศจากกำแพงด้านภาษาเที่ยวให้สนุกครับ ^^

 

TAGS

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ