KOBE HIMEJI OTSU : บันทึกความน่ารักของสามเมืองในคันไซ ฉบับเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก!
สารบัญ
- KOBE
- HIMEJI
- OTSU
Kobe Himeji
ฉันไม่เคยเดินทางมาประเทศญี่ปุ่น
ฉันคือมนุษย์ที่ใช้ชีวิตอยู่ในคอมฟอร์ตโซนจนรู้สึกว่าโลกใบนี้เล็กจ้อย จะก้าวออกไปไหนสักที่มันช่างยากลำบากกลัวนั่น กลัวนี่ไปซะหมด ครั้งนี้ฉันตัดสินใจออกเดินทางโดยไม่สนเสียงในหัวที่ตะโกนห้ามปรามออกไปเผชิญโลกกว้างสักที และประเทศแรกที่ฉันเลือกคือ “ญี่ปุ่น” ประเทศโทนสีอบอุ่นที่ฉันเห็นภาพผ่านตาจากหลากสื่อรอบตัว ด้วยความที่เป็นครั้งแรกฉันจึงขอเลือกเมืองที่หวังว่าน่าจะใจดีกับฉันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หลังจากหาข้อมูลจนแน่ใจก็สรุปมาได้ว่า ฉันจะเดินทางไปที่เมืองโกเบ (Kobe), เมืองฮิเมจิ (Himeji) ในจังหวัดเฮียวโงะ และเมืองโอตสึ (Otsu) ในจังหวัดชิกะล่ะ
เมืองโกเบ (Kobe) คือเมืองท่าที่มีผสมผสานเอกลักษณ์ระหว่างญี่ปุ่นและชาติตะวันตก เมืองฮิเมจิ (Himeji) คือเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่ชวนให้เป็นส่วนหนึ่ง และเมืองโอตสึคือเมืองที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอย่างทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ทั้ง 3 เมืองมีมู้ดแอนด์โทนที่แตกต่าง ทั้งมีเสน่ห์และน่ารักจนเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้จริงๆ
KOBE
ชมเมืองโกเบแบบพาโนรามา ทั้งทะเล ภูเขา และท้องฟ้าเปื้อนดาวยามค่ำคืน
ทำไมเมืองแรกในญี่ปุ่นของฉันต้องเป็น “โกเบ” (Kobe) แทนที่จะเป็นฮิเมจิ (Himeji) น่ะเหรอ ก็เพราะทุกอย่างดูง่ายต่อการเข้าถึงทั้งการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแบบ ทั้งความเป็นเมืองและความร่มรื่นของธรรมชาติ ภาพความสวยงามของกลางวันและกลางคืนที่ฉันเคยเห็นมาจากหนังสือท่องเที่ยวก็ดึงดูดใจจนอยากสัมผัสแทบไม่ไหว ฉันลิสต์สถานที่ที่ฉันอยากไปทั้งในเมือง บนภูเขา และทะเล ใครที่อยากเที่ยวเมืองโกเบแบบง่ายๆ ตามลิสต์ของฉันไปได้เลย
Route 1: เที่ยวเมืองโกเบง่ายๆ ด้วย Kobe City Loop Bus
01 Kobe City Loop Bus
รถบัสสีเขียวเข้มแถบแดงสดที่จะพาท่องเที่ยวไปยังจุดไฮไลท์ของโกเบได้ครบใน 1 วัน ฉันเลือกซื้อบัตรแบบ 1 Day Pass เมื่อได้บัตรมาต้องขูดวัน เดือน ปี ของวันที่เริ่มใช้และโชว์ให้คนขับรถเห็นทุกครั้งเมื่อขึ้นรถ โดยจะมีป้ายประจำทางอยู่ทั้งหมด 17 แห่ง หยุดจอดตามแลนมาร์คหลักของเมือง สามารถเช็คตารางเวลาของรถได้ทางเว็บไซต์ อีกอย่างที่น่าประทับใจคือทุกคันจะมีพนักงานต้อนรับ ผายมือแนะนำแต่ละสถานที่ตลอดสองข้างทางอย่างเป็นมิตร วันนี้ฉันจะเที่ยวรอบเมืองโดยรถบัสคันนี้นี่แหละ
Info
Kobe City Loop Bus
Price: แบบเที่ยวเดียว ผู้ใหญ่ 260 เยน, เด็ก 130 เยน และแบบ 1 Day Pass ผู้ใหญ่ 680 เยน, เด็ก 340 เยน
Website: www.kobecityloop.jp
02 BE KOBE
“โกเบ” (Kobe) เป็นเมืองของจังหวัดเฮียวโงะ จังหวัดเดียวกับเมือง Himeji ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันไซ รวมเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งสถาปัตยกรรมและอาคารบ้านเรือนเอาไว้ เพราะในอดีตเป็นเมืองท่าสำคัญที่ทำการค้าระหว่างประเทศมาตั้งแต่โบราณ และครบรอบ 150 ปี การเปิดท่าเรือของโกเบไปเมื่อปี ค.ศ. 2017 สร้างสัญลักษณ์ไว้ด้วยอักษร “BE KOBE” ตัวโตริมน้ำ และปรับปรุงให้เป็นพื้นที่สาธารณะเดินพักผ่อนใจ และยังอยู่ใกล้กับหอคอยโกเบอีกด้วย
Hours: 24 ชั่วโมง
Bus Stop: No.17 Nakatottei Pier
03 Kobe Port Tower
วันนี้ฉันตั้งใจว่าจะขึ้นไปดูวิวกว้างแบบ 360 องศา ที่มองเห็นได้จากความสูง 108 เมตร บน Port Tower หอคอยสีแดงสูงเด่นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองโกเบ ภายในมีทั้งหมด 5 ชั้น มีทั้งร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารบริการ ฉันขึ้นไปชั้นบนสุดทำให้เห็นวิวภูเขา บ้านเมือง และทะเลอยู่ในเฟรมแบบพาโนรามา อาจดูเป็นภาพธรรมดาแต่เป็นองค์ประกอบที่ดีมากจนลืมไม่ลง
Info
Kobe Port Tower
Hours: ช่วงเดือนมีนาคม-พฤศจิกายน 9:00-21:00 น., ช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ 9:00-19:00 น.
Price: ผู้ใหญ่ 700 เยน, เด็ก 300 เยน
Bus Stop: No.17 Nakatottei Pier
04 Nankinmachi
โคมไฟสีแดงเรียงรายห้อยระย้าสะดุดตานำทางเข้าไปยังย่านไชน่าทาวน์ของเมืองโกเบหรือที่เรียกว่า นันกิงมาจิ (Nankinmachi) ย่านนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1868 ตั้งแต่ตอนที่เมืองโกเบเปิดเป็นเมืองท่าให้ต่างชาติเข้ามาทำการค้ารวมทั้งชาวจีนที่อพยพจากมณฑลกวางตุ้งและมณฑลฝูเจี้ยน ที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารและวัดแบบจีนที่บูชาเทพเจ้ากวนอู มีทีเด็ดคือร้านอาหารจีนที่เล่ากันปากต่อปากในหมู่คนญี่ปุ่นว่าอร่อยจนแถวยาวออกมาหน้าร้านเชียวล่ะ
Info
Nankinmachi
Hours: ทุกวัน (เวลาเปิด-ปิดของแต่ละร้านแตกต่างกัน)
Bus Stop: No.4 Nankinmachi (China Town)
05 Kitano Area
หมู่บ้านตะวันตกเรียงรายตลอดสองข้างทาง ผสมวัฒนธรรมของตะวันตกและญี่ปุ่นเข้าไว้ด้วยกันอย่างน่าสนใจ อย่างที่บอกว่าในอดีตโกเบเป็นเมืองท่าที่มีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่มากมาย จึงมีบ้านเรือนและอาคารที่พักอาศัยหลงเหลือให้เห็นที่ย่านนี้ บ้านทุกหลังของที่นี่จะมีสไตล์ต่างกัน บ้างยังคงอนุรักษ์การตกแต่งแบบเก่าไว้เป็นอย่างดี บ้างปรับมาเป็นพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรี่ที่น่าสนใจอย่างที่ฉันตั้งใจมาชมในวันนี้Info
Kitano Area
Hours: เดือนตุลาคม-มีนาคม เวลา 9:30-17:00 น., เดือนเมษายน-กันยายน เวลา 9:30-18:00 น.
Bus Stop: No.10 Kitano Ijinkan
• Kobe Mysterious Consulate of Trick Art
บ้านไม้สีขาวหลังใหญ่ตั้งอยู่บนเนินสูงมีบันไดทอดยาวพาขึ้นไปพบกับโลกแห่งภาพลวงตาและภาพบรรดาภาพ 3 มิติ ตัวบ้านมีทั้งหมด 2 ชั้น แบ่งเป็น 4 ห้องที่ 1 เป็นภาพวิวเมืองโกเบอย่างเนื้อโกเบที่เลื่องชื่อ ห้องที่ 2 และ 3 เกี่ยวกับโลกใต้ท้องทะเลและภาพลวงตา และสุดท้ายห้องที่ 4 เกี่ยวกับภาพศิลปะที่มีชื่อเสียง บอกเลยว่าถ่ายรูปสนุกมากทุกห้องเหมาะกับทุกคนในครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน หากสังเกตดีๆ รอบบ้านยังมีภาพศิลปะคอยจ๊ะเอ๋อยู่ตลอด
Info
Kobe Mysterious Consulate of Trick Art
Price: ผู้ใหญ่ 800 เยน, เด็ก 200 เยน
• English House
บ้านอีกหลังที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมกลิ่นอายแบบอังกฤษ ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ ตกแต่งภายในอย่างหรูหราด้วยผ้าลวดลายดอกไม้เป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นกลางและชนชั้นสูงในอดีต อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือชั้นบน มีห้องจำลองเรื่องราวเกี่ยวกับเชอร์ล็อคโฮล์มส์ (Sherlock Holmes) นักสืบผู้ชาญฉลาดของลอนดอนจากนิยายสืบสวนสอบสวนชื่อดัง ที่นี่จำลองทั้งห้องนอน ห้องอาหาร ห้องรับแขก และรายละเอียดที่อยู่ในเรื่อง แถมยังมีหมวกและผ้าคลุมให้ปลอมตัวเป็นนักสืบเข้ากับบรรยากาศอีกด้วย
Info
English House
Price: ผู้ใหญ่ 750 เยน, เด็ก 100 เยน
06 Nunobiki Herb Garden
Kobe City Loop Bus ไม่ได้วิ่งแค่ในตัวเมืองเท่านั้น เพราะยังสามารถนั่งไปสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอดบนภูเขาบนสวนสมุนไพร Nunobiki Herb Park ที่เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์กว่า 200 ชนิด จุดที่ชอบมากก็คือการนั่งกระเช้าลอยฟ้า (Ropeway) ขึ้นไปบนภูเขา เมื่อกระเช้าเคลื่อนตัวภาพภูเขา บ้านเมือง และทะเลโอบล้อมฉันอีกครั้ง บนภูเขามีสวนสมุนไพรเป็นจัดเป็นสัดส่วน มีพิพิธภัณฑ์น้ำหอม (Fragrance Museum) ที่รวมกลิ่นหอมนานาชนิดของพรรณไม้ ฉันไปทำเวิร์คช็อปมาด้วยนะ เลือกทำน้ำมันบำรุงเล็บกลิ่นส้มกลิ่นหอมผ่อนคลายมากๆ
Info
Nunobiki Herb Garden
Price: ช่วงเช้าเวลา 9:30-17:00 น. ผู้ใหญ่ 1,500 เยน, เด็ก 750 เยน., ช่วงเย็นเวลา 17:00-21:00 น. ผู้ใหญ่ 900 เยน, เด็ก 550 เยน
Bus Stop: No.11 Kobe Nunobiki Herb Gardens & Ropeway และเดินทางโดย Ropeway ต่อประมาณ 10 นาที
Website: www.kobeherb.com/en
07 KOBE MERIKEN PARK ORIENTAL HOTEL
โรงแรมที่ตั้งอยู่ใกล้ทั้งสถานีรถไฟและสถานที่ท่องเที่ยว แถมมีบริการ Shuttle Bus รับ-ส่งจากสถานี Sannomiya โรงแรมล้อมรอบด้วยทะเลทั้ง 3 ด้าน วิวจากห้องพักแต่ละด้านจะมองเห็นความสวยงามของเมืองโกเบที่แตกต่างทั้งกลางวันและกลางคืน วางใจเรื่องความปลอดภัยได้เพราะขึ้น-ลงลิฟต์ทุกครั้งต้องใช้คีย์การ์ด และยังมีห้องอาหารมองที่เห็นวิวทะเลได้จากทุกมุมอีกด้วย
Info
KOBE MERIKEN PARK ORIENTAL HOTEL
Website: www.kobe-orientalhotel.co.jp
Kobe Map Route 1
คลิกที่รูปเพื่อดาวน์โหลดแผนที่
A : kobe Port Tower B : Be Kobe C : Kitano Area D : Nankinmachi
E : Nunobiki Herb Garden F : KOBE MERIKEN PARK ORIENTAL HOTEL
Route 2: เดินเล่นชมสวน ชวนเข้าพิพิธภัณฑ์ และไหว้ขอพรให้หัวใจมีใครสักคน
08 The Great Hanshin-Awaji Earthquake Memorial Museum
วันที่ 17 มกราคม ปี 1995 เวลา 5:46 น. เป็นเวลาของการสูญเสียครั้งสำคัญของเมืองโกเบ ฉันได้เข้าไปสัมผัสความรู้สึกในวันนั้นจากเรื่องราวที่เล่าในพิพิธภัณฑ์ผ่านความทรงจำที่หลงเหลือจากสิ่งของและฉายภาพเหตุการณ์ในวันนั้นได้อย่างละเอียด เหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็วมีผู้เสียชีวิตกว่า 6,400 ราย ที่นี่จึงรวบรวมทั้งประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มาตรการป้องกันแผ่นดินไหวในอนาคต การเตรียมพร้อมสำหรับตัวเองหรือครอบครัวเมื่อเผชิญกับธรณีพิบัติ ที่นี่ทำให้เข้าใจประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบันที่มีความพร้อมทุกครั้งหากเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติที่ไม่ทันตั้งตัวแบบนี้
Info
The Great Hanshin-Awaji Earthquake Memorial Museum
Hours: 9:30-17:30 น.
Holiday: วันจันทร์
Price: ผู้ใหญ่ 600 เยน, นักศึกษามหาวิทยาลัย 450 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย ประถมต้น และมัธยมต้น ฟรี, ทุกวันที่ 17 ของเดือนเข้าชมฟรี
Access: จากสถานี Kasuganomichi เดิน 10 นาที (800 เมตร)
Website: www.dri.ne.jp/th
09 Kiku-Masamune Sake Brewery Museum
อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่เป็นแหล่งผลิตเครื่องดื่มขึ้นชื่อของโกเบ ได้เห็นวิธีการทำอุปกรณ์ต่างๆ ในแบบโบราณ โดยภายในมีการจัดแสดงภาชนะที่ทำจากไม้ และเครื่องจักรต่างๆที่ใช้ในการกลั่นตั้งแต่ในสมัยเอโดะจนถึงปัจจุบัน
Info
Kiku-Masamune Sake Brewery Museum
Hours: 9:30-16:30 น.
Price: เข้าฟรี
Access: จากสถานี Uozaki เดิน 7 นาที (550 เมตร)
Website: www.kikumasamune.co.jp/kinenkan/en/index.html
10 Ikuta Shrine
ศาลเจ้าเก่าแก่ในเมืองโกเบที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศาลเจ้าแห่งความรัก กิจกรรมหลักที่คนโกเบมาทำที่นี่คือขอพรเรื่องความรัก จัดงานแต่งงาน ขอพรให้เด็กๆ ในช่วงอายุ 3, 5 และ 7 ปี ให้มีสุขภาพดี เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูโทริอิขนาดใหญ่จะพบกับบ่อน้ำเล็กๆ สำหรับชำระล้างร่างกายให้สะอาดพร้อมรับพร วันที่ฉันไปเป็นวันอาทิตย์ด้านในจึงเต็มไปด้วยพ่อแม่และเด็กที่ใส่ชุดกิโมโนน่ารัก สัมผัสได้ถึงมวลความสุขลอยละล่องอยู่เต็มพื้นที่
Info
Ikuta Shrine
Hours: 8:00-17:00 น.
Access: จากสถานี Sannomiya เดิน 6 นาที (400 เมตร)
Website: www.ikutajinja.or.jp (ภาษาญี่ปุ่น)
11 Sorakuen Garden
เมื่อเดินเข้าไปด้านในแทบไม่อยากเชื่อว่ากำลังอยู่ในเมืองใหญ่เพราะหลากหลายสีสันของพรรณไม้ปรากฎตรงหน้าอย่างน่าประทับใจ และเต็มไปด้วยเรื่องราวความทรงจำของเจ้าของบ้านในอดีตที่เคยอาศัยอยู่ตั้งแต่สมัยเมจิ จากนั้นกลายเป็นสมบัติของเมืองโกเบและถูกเปิดให้เป็นสถานที่สาธารณะ ความกว้างขวางกว่า 19,566 ตารางเมตรนี้ ถูกจัดให้เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่สวยงามในทุกฤดู ปูทางเดินด้วยแผ่นหิน และบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ฉันไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วง บางต้นใบเปลี่ยนสีเป็นสีส้มแดงสะท้อนผิวน้ำสวยมากจริงๆ
Info
Sorakuen Garden
Hours: 9:00-17:00 น.
Holiday: วันพฤหัสบดี
Price: ผู้ใหญ่ 300 เยน, เด็ก 150 เยน
Access: จากสถานี Motomachi เดิน 12 นาที (850 เมตร)
Website: www.sorakuen.com/Index_en.html
12 Motomachi Shopping Street
จับกระเป๋าตังค์ให้พร้อมและตบเท้าเดินเข้าถนนสายช็อปปิ้งที่มีความยาวกว่า 1.2 กิโลเมตร เรียงรายไปด้วยร้านรวงกว่า 300 ร้าน ทั้งร้านขายของที่ระลึก เสื้อผ้า รองเท้า หากเดินช็อปจนท้องกิ่วก็แวะเข้าร้านอาหาร จิบเครื่องดื่มก็สะดวก และที่นี่ยังเป็นถนนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเพราะเป็นย่านการค้าของโกเบมาตั้งแต่อดีตอีกด้วย
Info
Motomachi Shopping Street
Open Hours: ทุกวัน (เวลาเปิด-ปิดของแต่ละร้านแตกต่างกัน)
Access: จากสถานี Motomachi เดิน 3 นาที (210 เมตร)
Website: www.kobe-motomachi.or.jp/about-us/en
13 KOBE SANNOMIYA TOKYU REI HOTEL
จะดีแค่ไหนหากมีโรงแรมที่อยู่ใกล้ทั้งสถานีรถไฟและแหล่งช็อปปิ้งชั้นนำ เดินเท้าจากสถานี Sannomiya เพียง 2 นาที ก็ถึงตัวโรงแรมเรียบร้อย ด้านในโอ่อ่ากว้างขวางมีห้องอาหารรับรองอยู่ด้านหน้า หลังจากได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีก็ถึงเวลาพักผ่อนเก็บแรงเที่ยวต่อวันพรุ่งนี้ได้อย่างสบายใจ อีกอย่างคือฉันรอคอยมื้อเช้าแทบไม่ไหวเพราะอาหารของที่นี่ปรุงด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นของเมืองโกเบที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลแถมยังมีน้ำแร่จากภูเขา Rokko มาให้ดื่มเพิ่มความสดชื่น
Website: www.tokyuhotelsjapan.com/global/kobesannomiya-r
Kobe Map Route 2
คลิกที่รูปเพื่อดาวน์โหลดแผนที่
A : Sorakuen Garden B : KOBE SANNOMIYA TOKYU REI HOTEL C : Ikuta Shrine D : Motomachi Shopping Street
E : Kiku-Masamune Sake Brewery Museum F : The Great Hanshin-Awaji Earthquake Memorial Museum
Route 3: สูดความสดชื่นบนภูเขา ในวันพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง
Rokkosan
วันนี้ฉันจะขึ้นไปบนภูเขาร็อคโค ภูเขาที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมมากมายที่ท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ก่อนอื่นขอแนะนำให้ซื้อ Rokkosan Tourist Pass นอกจากจะครอบคลุมการเดินทางตั้งแต่ Kobe City Bus, Rokko Cable Car และ Rokko Sanjo Bus ยังได้ส่วนลดในการเข้าชมแต่ละสถานที่ด้วย
Info
Price: Rokkosan Tourist Pass 1,200 เยน (เช็คสถานที่จำหน่ายตั๋วได้ทางเว็บไซต์)
Website: www.rokkosan.com/th
14 Rokko Cable Car
พาหนะคล้ายรถรางพาเราเคลื่อนขึ้นที่สูงไปเรื่อยๆ แซมด้วยสีสันของฤดูใบไม้ร่วงไปตลอดทาง มีรถให้บริการทุกๆ 20 นาที
Access: นั่งรถไฟสาย Hankyu ลงสถานี Rokko นั่งรถ Kobe City Bus สาย 16 หรือ 106 ลงสถานี Rokko Cable Shita
15 Tenrandai
บนภูเขาจะมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองโกเบได้ไกลสุดลูกหูลูกตาในวันที่ฟ้าโปร่งและแสงแดดส่องกำลังดี เป็นมุมยอดฮิตที่ควรมาเก็บภาพไว้
Rokko Sanjo Bus : R01
16 Rokko International Musical Box Museum
ความสุขของฉันอยู่ในกล่องดนตรี เพลงบรรเลงที่เกิดขึ้นแบบอะนาล็อกชวนมีเสน่ห์ ถึงจะเป็นเพลงเดิมแต่เราก็ยังหมุนวนเพื่อจะฟังอีกหลายๆ ครั้ง ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ที่รวมเรื่องราวของกล่องดนตรีตั้งแต่ขนาดเล็กจิ๋วไปจนถึงขนาดใหญ่มากแบบไม่เคยเห็นมาก่อน รวมทั้งกล่องดนตรีที่หาชมได้ยาก มีคอนเสิร์ตที่ใช้เครื่องดนตรีเหล่านี้เล่นที่จัดขึ้นทุกครึ่งชั่วโมง ยังมีมุมเวิร์คช็อปประกอบกล่องดนตรีที่สามารถเลือกเพลงได้จากลิสต์เพลงที่มี ให้เก็บกลับบ้านเป็นที่ระลึกด้วย
Rokko Sanjo Bus : R04
Website: https://www.rokkosan.com/th/museum
17 Mt. Rokko Snow Park
บนยอดเขาร็อคโคมีลานหิ มะให้เล่นสกี สโนบอร์ด และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ลานหิมะนี้จะเปิดให้เข้าช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมของทุกปี ที่นี่ยังมีอุปกรณ์ให้เช่าครบ ใครที่ไม่เคยเล่นก็มีคอร์สสอนการเล่นสกีสำหรับผู้เริ่มต้นด้วย หรือเล่นสกีจนเหนื่อยก็ยังมีร้านอาหารไว้บริการด้วย มาถึงนี่แล้วจะพลาดความสนุกนี้ไปได้ยังไง!
Rokko Sanjo Bus : R09
Website: www.rokkosan.com/ski/en
18 Rokko Shidare
อีกหนึ่งจุดชมวิวที่รูปทรงมีเอกลักษณ์แปลกตาคล้ายต้นไม้ยืนต้นสูงใหญ่ ออกแบบโดยฮิโรชิ ซันบุอิจิ (Sanbuichi Hiroshi) นักสถาปนิกที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น วัสดุที่นำมาทำโครงสร้าง ผนัง พื้น คือต้นสนฮิโนกิไม้หอมศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น ในช่วงกลางคืนยังมีการแสดงไฟประดับจากหลอด LED สลับสีไปตลอดทั้งคืน ปีนี้จัดแสดงในธีม “มาคุระ โนะ โซชิ” แสดงถึงเรื่องราวทั้ง 4 คือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ฤดูที่ชาวญี่ปุ่นคุ้นเคย
Rokko Sanjo Bus : R07
Website: www.rokkosan.com/th/view
19 Rokko-Arima Ropeway to Arima Onsen
จาก Rokko Ropeway นั่งกระเช้าลงมาที่ Arima Onsen Ropeway บนกระเช้าทำให้เห็นความสวยงามของภูเขาร็อคโคในมุมกว้างอีกครั้ง เมื่อถึงปลายทางใช้เวลาเดินเท้าต่ออีกนิดก็จะถึง Arima Onsen สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ผสมรวมทั้งบ้านไม้สไตล์ญี่ปุ่นเก่าๆ กับร้านรวงสมัยใหม่แบบโมเดิร์น เป็นย่านออนเซ็นที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น มีบ่อออนเซ็นน้ำแร่สำหรับแช่เท้าคลายหนาวกันได้ฟรี สองข้างทางยังเรียงรายไปด้วยร้านอาหาร เช่น เนื้อบดชุบแป้งทอดอย่างเม็นจิคัตสึ จากร้าน Takenaka Nikuten หรือเซมเบ้รสซ่าของฝากสุดฮิตของที่นี่
Rokko Sanjo Bus : R08
Website: www.koberope.jp/en/rokko
20 Arima Grand Hotel
โรงแรมที่มีทุกอย่างครบครันทั้งห้องพักที่มีทั้งหมด 7 สไตล์ให้เลือก มีไฮไลท์อย่างออนเซ็นทั้งแบบสาธารณะและแบบส่วนตัว ทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์ ที่สามารถมองเห็นวิวเทือกเขาและท้องฟ้าได้ถนัดตา มีบ่อน้ำแร่สีทองที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีโซนสปาให้ผ่อนคลาย ร้านขายของที่ระลึก โซนเกมหยอดเหรียญ ในส่วนของห้องอาหารยังมีหลากแบบหลายสไตล์ให้เลือกสั่งได้ตามใจ ในห้องพักกว้างขวางมีพื้นที่ที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ พร้อมวิวที่เห็นสะกดตาได้ทันทีตั้งแต่แรกเห็น ทุกอย่างทำฉันหลงที่นี่เข้าอย่างจัง
Website: www.arima-gh.jp/english/index.html
• Arima Grand Hotel Japanese Traditional Style
ในโรงแรมยังมีชุดอาหารให้เลือกสั่ง ฉันลองคอร์สเมนู Japanese Traditional Style ที่ถูกปากตั้งแต่แอพพิไทเซอร์ อาหารจานหลัก จนถึงของหวาน โดยวัตถุดิบและรสชาติเสิร์ฟมาในรสชาติญี่ปุ่นแท้ๆ
Kobe Map Route 3
คลิกที่รูปเพื่อดาวน์โหลดแผนที่
A : Rokko Cable Car B : Tenrandai C : Rokko International Musical Box Museum D : Mt. Rokko Snow Park
E : Rokko Shidare F : Arima Grand Hotel G : Rokko-Arima Ropeway to Arima Onsen
Restaurants in KOBE
01 Kobe Steak Ishida
มาเมืองโกเบก็ต้องกินเนื้อโกเบสิ ฉันเล็งร้านอาหารไว้ร้านหนึ่งที่เสิร์ฟสเต็กเนื้อโกเบปรุงกันให้ดูต่อหน้าที่ร้าน Ishida KOBE Beef ด้านในมีที่นั่งเป็นเคาน์เตอร์ล้อมรอบกระทะเหล็กแบนเรียบ เว้นว่างให้เป็นพื้นที่ปรุงอาหารและโชว์ทักษะในการควงตะหลิวปรุงอาหาร เนื้อโกเบชิ้นโตสีชมพูสวยถูกยกมาตั้งตรงหน้า ทำให้จิตนาการถึงสัมผัสละลายในปากได้ไม่ยาก ไม่ช้าเนื้อโกเบความสุกระดับมีเดียมแรร์ก็หั่นมาเสิร์ฟขนาดพอดีคำบนจานตรงหน้า ความหอมและสัมผัสของเนื้อที่เหนียวนุ่มเกินกว่าที่คิดไปมาก บอกได้เลยเต็มปากว่าฉันรักเนื้อโกเบ
Info
Kobe Steak Ishida
Hours: จ.,พ.-อา. 11:30-15:00 น.,17:00-22:00 น.
Holiday: วันอังคาร
Access: จากสถานี Sannomiya เดิน 2 นาที (350 เมตร)
Website: www.kobebeef-ishida.com
02 TOOTH TOOTH Maison 15th
เที่ยงนี้ฉันจองโต๊ะร้าน Tooth Tooth Maison 15th ไว้ แต่เดิมร้านนี้เคยเป็นสถานกงสุลอเมริกามาก่อน และถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นด้วย ทั้งภายนอกและภายในของที่นี่ออกแบบตกแต่งในสไตล์โคโลเนียลเป็นสถาปัตยกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงล่าอาณานิคมของชาวตะวันตก ฝากความหรูหราทั้งประตู เฟอร์นิเจอร์ไปถึงรูปภาพตกแต่ง ในส่วนของเมนูอาหารเสิร์ฟทั้งเมนูสไตล์โกเบผสมผสานฝรั่งเศส เลือกใช้วัตถุดิบที่ได้จากท้องถิ่นของโกเบมาปรุงอาหารอย่างมีศิลปะ มีเสิร์ฟทั้งชุดอาหารกลางวัน และอาหารเย็น
Info
TOOTH TOOTH Maison 15th
Hours: 11:00-23:00 น.
Access: จากสถานี Motomachi เดิน 9 นาที (700 เมตร)
Website: www.toothtooth.com/restaurant/maison-15th
03 STRAUSS Café
ดื่มด่ำกับความรื่นเริงของกล่องดนตรีที่ขับขานกันแล้ว ด้านบนของพิพิธภัณฑ์ยังมีร้านอาหารบรรยากาศวอร์มไลท์ ผนังตกแต่งด้วยกระจกใสโดยรอบมองเห็นวิวต้นไม้ด้านนอกได้แบบสบายตา มีเสียงดนตรีบรรเลงจากกล่องดนตรีขนาดใหญ่มุมร้านดังคลอตลอดมื้ออาหาร หากถึงท่อนสุดท้ายของเพลงจะมีพนักงานเดินเข้าไปไขลานได้ตรงจังหวะ ฉันสั่งเมนูแนะนำอย่างเซ็ตแฮมเบิร์ก ที่มาพร้อมข้าว และเครื่องดื่มที่เลือกได้ตามชอบ หรือจะมานั่งจิบชาละเลียดวิวธรรมชาติไปด้วยก็เข้ากัน
Info
STRAUSS Café @Rokko International Musical Box Museum
Hours: 11:00-16:30 น.
Website: www.rokkosan.com/th/museum
04 Kamon Tei Honten
ร้านโอโคโนมิยากิที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็ก สิ่งที่โดดเด่นที่สุดหน้าร้านคือดวงไฟสีส้มและม่านโนเร็นปลิวไปมาตามลมหนาว เป็นลมหนาวเดียวกันกับที่พัดปะทะหน้าฉันอย่างไม่หยุดหย่อนตอนนี้ ร้านนี้แหละคือที่ที่ฉันจะขอฝากท้องและขอไออุ่นในค่ำนี้ ด้านในร้านมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์บาร์และห้องส่วนตัว ฉันเลือกที่นั่งตำแหน่งที่จะมองลอดช่องเล็กเห็นพ่อครัวทำอาหารให้ชัดที่สุด บนเคาน์เตอร์มีกระทะเหล็กแบนยาวสำหรับอุ่นอาหาร สักพักโอโคโนมิยากิขนาดใหญ่ก็มาเสิร์ฟตรงหน้า พร้อมน้ำซุปใสใส่กาวางอุ่นไว้ใกล้ๆ กัน เนื้อแป้งอุ่นๆ กับซอสโอโคโนมิรสหวานเค็มกลมกล่อม ยกให้เป็นมื้อที่ดีต่อใจเลย
Info
Kamon Tei Honten
Hours: 17:30-6:00 น.
Access: จากสถานี Sannomiya เดิน 6 นาที (400 เมตร)
05 Kobe CONCERTO Cruise
ฉันจองมื้อเย็นไว้บนเรือ Concerto เรือสีขาวลำใหญ่จอดเทียบท่าอยู่อย่างอลังการ เรือมีทั้งหมด 4 รอบ ที่ฉันเลือกมื้อเย็นเพราะตั้งใจอยากเห็นวิวเมืองโกเบยามค่ำคืน ด้านในเรือตกแต่งด้วยแสงไฟสลัวเคล้าคลอเสียงเปียโนที่บรรเลง เมื่อเรือเริ่มออกตัวจากท่าแสงไฟริมฝั่งเริ่มเล็กลงและไกลออกไปกลายเป็นวิวยามค่ำคืนที่สวยงามระยิบระยับไร้ที่ติ ทั้งแสงสีแดงของ Kobe Port Tower, ห้างสรรพสินค้า Umie Mosaic และสะพาน Akashi Kaikyo คอร์สเมนูอาหารเริ่มมาเสิร์ฟทีละจานเมนูวันนี้เป็นเมนูผสมผสานทั้งญี่ปุ่นกับฝรั่งเศส สามารถขึ้นไปดูวิวบนดาดฟ้าเรือได้ด้วย ความโรแมนติกมันเป็นอย่างนี้เองสินะ
Info
Kobe CONCERTO Cruise
Hours: Night Cruise 19:30-21:30 น. (เช็คเวลารอบอื่นได้ที่เว็บไซต์)
Price: ผู้ใหญ่ 2,900 เยน, เด็ก 1,450 เยน (เฉพาะค่าโดยสารเท่านั้น)
Access: จากสถานีรถไฟ JR Kobe มาลงสถานี Harborland เดิน 9 นาที (700 เมตร)
Website: www.kobeconcerto.com/en
06 JAZZ LIVE & RESTAURANT SONE
อีกหนึ่งหมุดหมายที่เราปักไว้คือร้าน Sone ร้านที่มีการแสดงดนตรีแจ๊สสดที่เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1969 ซึ่งที่เมืองโกเบเรียกว่าเป็นต้นกำเนิดเพลงแจ๊สในญี่ปุ่น หลังจากผลักประตูเข้าไปเสียงเปียโน ดับเบิลเบส กลอง และเสียงนักร้องที่ใสราวกับเปิดแผ่นเสียงก้องกังวานภายในร้าน ภายในมีทั้งเครื่องดื่มและอาหารให้สั่งมารับประทานพร้อมกับดื่มด่ำกับการแสดงดนตรีสดได้เข้ากันที่สุด ผู้คนที่มาส่วนใหญ่จะตั้งใจมานั่งฟังดนตรีแจ๊สเสียงส่วนใหญ่จะเป็นเสียงเพลงและเสียงปรบมือหลังเพลงจบ เป็นอีกบรรยากาศที่ชวนหลงไหลเสียจริงๆ
Info
JAZZ LIVE & RESTAURANT SONE
Hours: 17:00-24:00 น. (เช็ครอบดนตรีสดได้ทางเว็บไซต์)
Access: จากสถานี Sannomiya เดิน 8 นาที (550 เมตร)
Website: www.kobe-sone.com
HIMEJI
กลิ่นอายเมืองเก่าที่อยากเล่าให้ฟัง
“ฮิเมจิ” เมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่ของญี่ปุ่น อยู่ไม่ไกลจากโกเบ (Kobe) มีกิจกรรมที่ทำให้เราแทรกตัวเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมนี้ได้อย่างน่ารัก อย่างเดินชมปราสาทฮิเมจิเก่าแก่ เช่าชุดกิโมโนใส่เดินเล่น นั่งรถลากโบราณชมวิวปราสาท เรียนทำอาหารจากคุณแม่บ้านญี่ปุ่น และทำความรู้จักกับขนมโบราณที่มีมาอย่างยาวนาน เรื่องเล่ารอบตัวและทุกสิ่งที่ฉันได้เห็นต่างพาฉันกลับไปในยุคเก่าได้อย่างทะนุถนอม ท่องเที่ยวครั้งแรกของฉันที่นี่ไม่ใช่เรื่องยากเลยทั้งการท่องเที่ยว การเดินทาง และที่พัก เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ฉันอยากชวนทุกคนมาด้วยกัน
Route 1: ชวนเที่ยวชมปราสาท นั่งรถลากโบราณในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจ
01 Castle View Point
จุดชมวิวที่มีจุดนำสายตาเป็นปราสาทฮิเมจิตั้งตระหง่านสวยงาม อยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟ Himeji สามารถขึ้นได้ฟรี
02 Rental Cycling
จากสถานีรถไฟ Himeji ฉันเดินทางไปชมปราสาทโดยการเช่าจักรยานของ Hime Chari ที่จะมีจุดเช่าและคืนกระจายอยู่ทั่วเมือง สามารถชำระเงินได้ทั้งบัตรเครดิตและเงินสดซึ่งเป็นอะไรที่สะดวกมากๆ
Info
Rental Cycling
Hours: 7:00-20:00 น. (คืนจักรยานได้ตลอด 24 ชั่วโมง)
Price: ภายใน 60 นาทีแรก ฟรี หลังจากนั้นคิด 100 เยน ต่อ 30 นาที
Website: www.interstreet.jp/himeji
03 Himeji Castle
ความยิ่งใหญ่ของมรดกโลกทางวัฒนธรรมอย่างปราสาทฮิเมจิที่เราเห็นด้านนอกนี้แค่ส่วนหนึ่งของความอลังการเท่านั้น ด้านในยังมีอาคารไม้ 7 ชั้นที่บอกเล่าเอกลักษณ์และความงามของญี่ปุ่นยุคเก่าได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ฉันชอบมากคือแต่ละจุดมีแอปพลิเคชั่น AR ที่สามารถชมวีดีโอเกี่ยวกับปราสาทและกลไกการป้องกันต่างๆ ราวกับว่าเรายืนอยู่ในยุคนั้นจริงๆ
Info
Himeji Castle
Hours: 9:00-17:00 น., 27 เมษายน-31 สิงหาคม 9:00-18:00 น.
Holiday: 29-30 ธันวาคม
Price: ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, นักเรียน 300 เยน
Access: จากสถานี Himeji เดิน 20 นาที, ปั่นจักรยานประมาณ 15 นาที
Website: www.himejicastle.jp/en
04 Kimono Experience
มิชชั่นของฉันอีกหนึ่งอย่างในการมาญี่ปุ่นก็คือจะต้องแต่งชุดกิโมโนให้ได้! ที่เมืองฮิเมจิมีร้านเช่าชุดกิโมโนเรียงรายอยู่หลายร้าน ฉันเลือกเดินเข้าร้าน Jyoka Machi Style เพราะชุดกิโมโนสีสวยหน้าร้านดึงดูดฉันได้อยู่หมัด ด้านในมีผ้าหลากสีแขวนเรียงรายทั่วร้าน เจ้าของร้านเริ่มแต่งชุดให้ฉันด้วยความเชี่ยวชาญ ไม่นานฉันก็รู้สึกว่าเนื้อสัมผัสของผ้าและทรงของชุดทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเมืองนี้ไปซะแล้ว
Info
Jyoka Machi Style
Hours: 10:00-18:00 น.
Holiday: วันพุธ
Price: ค่าเช่าชุด 4,480 เยน / 3 ชั่วโม
Access: จากสถานี Himeji เดิน 17 นาที
Website: www.kimononoyakata.jp/original10.html
05 Jinrikisha
รถลากโบราณคืออีกไฮไลท์หนึ่งของที่นี่ฉันเลยอยากลองนั่งดูบ้าง เมื่อถึงเวลาคนลากจะดูแลและบริการเราอย่างเต็มที่ ทั้งพูดคุยเล่าเรื่องราวตลอดสองข้างทางให้ฟังอย่างเป็นมิตรและยิ้มแย้มเป็นประสบการณ์ที่ดีมากทีเดียว
Info
Jinrikisha
Price: เช็คราคาได้ทางเว็บไซต์
Access: กระจายตัวอยู่ตามแลนด์มาร์คของเมือง
Website: http://tengasyaya.com/himeji.html
06 Itatehyozu Shrine
ศาลเจ้าที่ฉันแวะระหว่างนั่งรถลากที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องมาขอพรด้านความรัก
Himeji Map Route 1
คลิกที่รูปเพื่อดาวน์โหลดแผนที่
A : Castle View Point B : Himeji Castle C : Rental Cycling D : Kimono Experience
Route 2: สายช็อปหรือสายเที่ยว เส้นทางเดียวก็เก็บครบ!
07 Miyuki Dori
ถนนช็อปปิ้งสายยาวที่เรียงรายไปด้วยร้านขายของฝาก ร้านอาหาร และร้านขายของจิปาถะตลอดสองฝั่ง เพราะมีหลังคาปกคลุมตลอดเส้นทางจึงเดินช็อปปิ้งได้ตลอดเวลา ถ้าเลี้ยวจากทางเดินหลักเข้าซอยเล็กๆ ก็ยังมีร้านค้าอีกมากซ่อนตัวอยู่ อย่างซอย Himeji no Rengai ซอยที่รวมร้านอิซากายะไว้ตลอดทั้งเส้น
Info
Miyuki Dori
Hours: 9:30-22:00 น.
Access: จากสถานี Himeji เดิน 5 นาที
08 piole HIMEJI
ห้างสรรพสินค้าที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟ Himeji รอบสถานีมีทั้งหมด 3 จุด รวมร้านค้าชั้นนำหลากหลายแบรนด์ไว้ที่นี่ครบ แถมยังมีคูปองส่วนลดที่สามารถหยิบได้ตาม Information Center หรือในตัวห้างใช้ลดเป็นส่วนลดได้หลายร้านเลยล่ะ ปล่อยฉันไว้ที่นี่ทั้งวันก็ยังได้
Info
piole HIMEJI
Hours: 10:00-20:00 น.
Holiday: 31 ธันวาคม-1 มกราคม
Access: จากสถานี Himeji เดิน 1 นาที
Website: www.piole.jp/himeji/en
09 KOKO-EN Garden
สวนสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกับปราสาทฮิเมจิ บริเวณกลางสวนในอดีตเคยเป็นบ้านพักของขุนนางมาก่อน ด้านในเป็นแบ่งเป็น 9 สวนย่อย ฉันไปในช่วงที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีพอดีเลยได้ชมการแสดงแสงสีกับต้นไม้ตอนกลางคืน คนญี่ปุ่นที่นั่นบอกฉันว่าที่นี่มีเสน่ห์ทุกฤดูเลย
Info
KOKO-EN Garden
Hours: มกราคม-เมษายน และกันยายน-ธันวาคม 9:00-17:00 น., พฤษภาคม-สิงหาคม 9:00-18:00 น.
Holiday: 29-30 ธันวาคม
Price: ผู้ใหญ่ 300 เยน, เด็ก 150 เยน
Access: จากสถานี Himeji เดิน 15 นาที
Website: www.himeji-machishin.jp/ryokka/kokoen
10 Himeji Central Park
• Himeji central Safari Park
ที่เมืองฮิเมจิยังมีสถานที่ที่รวมทั้งสวนสัตว์และสวนสนุกเข้าด้วยกัน แค่รู้ว่าเป็นสวนสัตว์เปิดที่มีการเข้าชมหลายแบบทั้งขับรถเข้าไปเองหรือนั่งรสบัสซาฟารีฉันก็ตื่นเต้นแล้ว แถมยังมีโซนที่เราสามารถเดินเข้าไปทักทายสัตว์น้อยน่ารักได้อย่างใกล้ชิด และมีกระเช้าให้ขึ้นไปชมสวนสัตว์ในมุมสูงได้ด้วย
• Himeji central Amusement Park
ใกล้ๆ กับสวนสัตว์ยังมีสวนสนุกขนาดใหญ่ที่รวมเครื่องเล่นมากมายทั้งแบบผ่อนคลายอย่างม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ หรือสเก็ตน้ำแข็ง (มีเฉพาะฤดูหนาว) หากชอบแบบเร้าใจก็ต้องวิ่งไปรถไฟเหาะด้านในเลย เล่นจนหิวก็มีร้านอาหารบริการด้วยนะ สนุกฉันล่ะ!
Info
Hours: เช็คเวลาเปิด-ปิดได้ที่เว็บไซต์
Price: ตั๋ว 1 วัน ผู้ใหญ่ 5,000 เยน, เด็ก 4,500 เยน (รวมค่าเข้า Safari Park, Amusement Park และรถบัสซาฟารี )
Access: นั่งรถบัสสาย 74 ตรงป้ายหมายเลข 14 หน้าสถานี Himeji
Website: www.central-park.co.jp
11 Hotel Monterey Himeji
พักโรงแรมดีชีวิตก็สะดวก ที่นี่อยู่ใกล้ทุกอย่างทั้งสถานีรถไฟ แหล่งช็อปปิ้ง สถานที่ท่องเที่ยว มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตกแต่งสวยงามสไตล์ Art Deco มี Public Bath & Sauna ให้บริการ และห้องพักของฉันสามารถมองเห็นปราสาทฮิเมจิได้ตลอดเวลา วิวนี้แหละเอาใจฉันไปเลย
Info
Hotel Monterey Himeji
Access: จากสถานี Himeji เดิน 5 นาที
Website: www.hotelmonterey.co.jp/en/himeji
Himeji Map Route 2
คลิกที่รูปเพื่อดาวน์โหลดแผนที่
A : piole HIMEJI B : Miyuki Dori C : Himeji central Safari Park D : Himeji central Amusement Park E : KOKO-EN Garden F : Hotel Monterey Himeji
Restaurants in HIMEJI
01 Morning Set at Kineya
เติมพลังตอนเช้ากันด้วยชุดอาหารเช้าสไตล์ตะวันตก ทั้งขนมปังปิ้งเนยอัลมอนด์ ไข่ต้ม สลัด ผลไม้ และปิดท้ายด้วยกาแฟหนึ่งแก้ว ยังมีขนมเค้กบามคูเฮน (เค้กขอนไม้) แบรนด์ Sennensugi ด้านในมีวงเหมือนลายไม้ ด้านนอกเป็นเนื้อช็อกโกแลตโรยด้วยเกล็ดอัลมอนด์ดูแล้วคล้ายเปลือกไม้จริงๆ
02 Lunch Time at Kineya
ร้าน Kineya ไม่ได้มีแค่อาหารเช้าและขนมหวานเท่านั้น ยังมีชุดอาหารกลางวันหลากหลายให้สั่ง สามารถนั่งรับประทานได้ที่ชั้น 2 เราสั่งชุดอาหารกลางวันชุดใหญ่ ที่มาครบทั้งกุ้งเทมปุระ ปลาย่าง ข้าวญี่ปุ่น เครื่องเคียง ผลไม้ ซุปมิโซะ และของหวาน อิ่มแน่นพุง
Info
Kineya
Hours: 8:00-19:00 น.
Access: จากสถานี Himeji เดิน 9 นาที
Website: http://www.kineya.net (ภาษาญี่ปุ่น)
03 Japanese Food Court at piole HIMEJI
ในห้างสรรพสินค้า piole HIMEJI มีอาคารจำหน่ายสินค้าและของฝากมากมายให้เลือกซื้อและมีโซน Omiyage Kan ที่รวมร้านอาหารในท้องถิ่นไว้อย่างครบถ้วน อย่างร้าน Temma Ramen ที่ชนะเลิศในศึกชิงตำแหน่งเจ้าแห่งราเมน หรือร้าน Himeji Tamagoyaki ที่ขายอากาชิยากิกินคู่กับซุปดาชิแล้วอร่อยที่สุด!
Info
Hours: โซน Omiyage Kan 8:30-20:00 น.
Holiday: 1 มกราคม
Access: จากสถานี Himeji เดิน 1 นาที
Website: www.piole.jp/himeji/en
Kobe Himeji
04 Dinner Workshop at Aikscooking Class
ชวนมาทำอาหารญี่ปุ่นกินเองกับแม่บ้านญี่ปุ่นในบรรยากาศบ้านสุดอบอุ่น ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำเทมาริซูชิทรงกลมน่ารัก ปรุงซุปดาชิ รู้เทคนิคการทอดเทมปุระให้กรอบอร่อย ผู้สอนสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีเพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการสื่อสารเลย ได้กินอาหารญี่ปุ่นที่ทำเองกับมือมันภูมิใจแบบนี้นี่เอง
Info
Aikscooking Class
Hours: 11:30-14:30 น. 17:00-19:30 น.
Price: 4,500 เยน / คน
Bus Stop: Nozato-mon เดินอีก 4 นาที
Website: www.aikscooking.com
05 Japan’s Ekiben (Station Bento)
อีกหนึ่งเสน่ห์ของการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่นคือการได้ลองเอกิเบน (Ekiben) หรือข้าวกล่องที่ขายตามสถานีรถไฟ เอกิ (Eki) แปลว่า สถานีรถไฟ เบน มาจากคำว่า เบนโตะ (Bento) แปลว่า ข้าวกล่อง ซึ่งแต่ละกล่องเล่าเรื่องราวของแต่ละเมืองผ่านวัตถุดิบที่อยู่ในกล่อง อยากให้ทุกคนได้ลองจริงๆ
Info
Access: มีวางจำหน่ายตามสถานีรถไฟทั่วไป
OTSU
ปล่อยใจไปกับทะเลสาบผืนใหญ่ ในเมืองเล็กที่ชวนหลงรัก
“โอตสึ” เมืองเล็กๆ ในจังหวัดชิกะ ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันไซ หลายคนอาจะไม่เคยได้ยินชื่อแต่เมืองนี้อยู่ห่างจากเกียวโตแค่ 10 นาทีเท่านั้น สิ่งที่จูงมือฉันให้เดินทางมาที่นี่คือภาพผืนน้ำที่ใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตาของ ทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa) ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ว่ากันว่ามีอายุถึง 4 ล้านปี กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนแถวนี้ ฉันตั้งใจมาที่นี่เพื่อไล่เรียงสายตาจากทะเลสาบสีฟ้าไปหาต้นไม้สีเขียว แค่นี้เติมเต็มชีวิตคนเมืองอย่างฉันได้เต็มที่แล้วล่ะ
Route 1: นั่งเรือ ปั่นจักรยาน เดินชมความงามรอบทะเลสาบบิวะ
01 Michigan Cruise
ฉันตั้งใจไปสัมผัสความกว้างใหญ่ของทะเลสาบบิวะโดยการล่องเรือสำราญลำนี้ เป็นเรือกลไฟที่ล่องไปตามตอนใต้ของทะเลสาบ ภายในเรือมีทั้งหมด 4 ชั้น สามารถขึ้นไปชมวิวเมืองโอตสึจากกลางทะเลสาบได้บนดาดฟ้าเรือ มีห้องที่มองเห็นกัปตันกำลังบังคับเรือ มีห้องอาหารให้เลือกหลากหลายและยังมีรอบการแสดงดนตรีสดที่เรียกรอยยิ้มได้ตลอดการเดินทาง
Info
Michigan Cruise
Hours: 9:00-17:00 น.
Price: เช็คราคาได้ทางเว็บไซต์
Access: จากสถานี Biwako-Hamaotsu เดิน 7 นาที (550 เมตร)
Website: www.biwakokisen.co.jp/cruise/michigan
www.biwakokisen.co.jp/th
02 Cycling Tour at O’PAL
ความสงบของผู้คนและธรรมชาติคืออีกสิ่งหนึ่งที่ฉันสัมผัสได้หลังกลับจากปั่นจักรยานชมวิวทิวทัศน์รอบทะเลสาบ ปั่นขึ้นเนินชมวิวจากที่สูงและพาลัดเลาะซอยเล็กใหญ่สนุกมากๆ เอาท์ดอร์สปอร์ตคลับแห่งนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ลองเล่นเยอะมาก
Info
Cycling Tour at O’PAL
Access: จากสถานี JR Ogoto Onsen เดิน 16 นาที (1.3 กิโลเมตร)
Website: www.o-pal.com/inbound
• Ukimido (Kaimonzan Mangetsuji Temple)
วัดที่ฉันแวะระหว่างปั่นจักรยาน เป็นวัดที่สร้างยื่นออกไปในทะเลสาบสวยงามราวกับลอยอยู่บนผิวน้ำ
Hours: 8:00-17:00 น.
Price: 300 เยน
03 Otsu-e Shop
บ้านไม้หลังเล็กที่ด้านในเต็มไปด้วยลายเส้นของภาพวาดศิลปะโบราณเอกลักษณ์ของเมืองโอตสึ ภาพวาดส่วนใหญ่เล่าเรื่องเรื่องสุภาษิตและคติสอนใจของญี่ปุ่น แฝงอารมณ์ขันผ่านตัวละครอย่างยักษ์ การแสดงคาบุกิ หรือสัตว์ในเทพนิยาย
Info
Otsu-e Shop
Hours: 10:00-17:00 น.
Holiday: วันอาทิตย์ที่ 1 และ 3 ของเดือน
Access: จากสถานี Miidera เดิน 7 นาที (500 เมตร)
Website: www.otsue.jp/english/intro.html
04 Jinbo Pearls Shop
อีกหนึ่งความสวยงามของทะเลสาบบิวะที่แสดงผ่านไข่มุกเม็ดงามเรียงรายตรงหน้าเราตอนนี้ ไข่มุกที่เพาะเลี้ยงในทะเลสาบที่ใช้เวลาเลี้ยงหอยเพื่อให้เริ่มออกเม็ดไข่มุกนานถึง 3 ปี และกว่าจะได้เป็นเม็ดไข่มุกน้ำจืดก็ต้องใช้เวลาอีก 3 ปี ไข่มุกที่ได้จึงมีรูปลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งแต่ละเม็ดมีแค่เม็ดเดียวในโลกเท่านั้น!
Info
Jinbo Pearls Shop
Hours: 10:00-18:00 น.
Holiday: วันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์
Access: จากสถานี JR Otsu เดิน 7 นาที (600 เมตร)
Website: www.jinbo-pearls.jp (ภาษาญี่ปุ่น)
05 Lake Biwa Otsu Prince Hotel
แค่รู้ว่ามาว่าห้องพักทุกห้องของที่นี่สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบบิวะได้ก็เซอร์ไพรส์มากแล้ว แถมมีห้องพักให้เลือกหลายสไตล์มากถึง 529 ห้องอีกยิ่งตื่นเต้นไปใหญ่ มีทั้งห้องอาหารญี่ปุ่น, บุฟเฟ่ต์ และอาหารฝรั่งเศส นั่งรับประทานมื้อเช้าพร้อมมองวิวทะเลสาบที่มีฉากหลังเป็นภูเขาเป็นการเริ่มต้นวันที่ดีมากเลยทีเดียว
Access: นั่ง Shuttle Bus (ฟรี) จากสถานี JR Otsu
Website: http://www.princehotels.co.jp/otsu
Otsu Map Route 1
คลิกที่รูปเพื่อดาวน์โหลดแผนที่
A : Michigan Cruise B : Otsu-e Shop C : Cycling Tour at O’PAL
D : Jinbo Pearls Shop E : Lake Biwa Otsu Prince Hotel
Route 2: ทำบุญ ขอพร กับสถานที่พึ่งทางใจในเมืองโอตสึ
06 Ishiyama-dera Temple
อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ของเมืองโอตสึตั้งอยู่บนเนินภูเขาหินขนาดใหญ่ที่หาดูได้ยากในญี่ปุ่น ด้านในมีเส้นทางสูงชันที่นำเราไปสู่อาคารหลัก ฉันมาในฤดูใบไม้ร่วงพอดีเลยได้โอกาสชมการแสดงแสงสีกับต้นไม้ในวัด แสงไฟที่กระทบใบไม้สีแดงสวยจนแทบลืมหายใจ
Info
Ishiyama-dera Temple
Price: ผู้ใหญ่และนักเรียนชั้นมัธยม 600 เยน, เด็กนักเรียนชั้นประถม 250 เยน
Hours: 8:00-16:30 น.
Access: จากสถานี Ishiyamadera เดิน 10 นาที (850 เมตร)
Website: www.ishiyamadera.or.jp/en
07 Sakamoto Cable Car
สถานีรถรางรูปทรงคลาสสิกนี้คือสถานที่ที่จะพาฉันขึ้นไปบนภูเขาฮิเอ (Mt. Hiei) ภูเขาที่สำคัญลูกหนึ่งของญี่ปุ่น เมื่อรถรางวิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ สามารถชื่นชมความสวยงามของทะเลสาบบิวะและพรรณไม้เขียวชอุ่มได้ตลอดระยะทาง 2,025 เมตร และเป็นรถรางที่วิ่งยาวที่สุดในญี่ปุ่นด้วยนะ
Info
Sakamoto Cable Car
Hours: เช็ครอบรถได้ทางเว็บไซต์
Price: ตั๋วไป-กลับ ผู้ใหญ่ 1,660 เยน, เด็ก 830 เยน
Website: www.sakamoto-cable.jp/en
08 Hieizan Enryaku-ji Temple
วัดไม้โบราณท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบแห่งนี้ถือเป็น 1 ใน 3 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในญี่ปุ่น มีอายุกว่า 1,200 ปี มีความสำคัญมากเพราะเป็นแหล่งกำเนิดพุทธศาสนาในญี่ปุ่น และได้รับการบันทึกเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1994 อีกด้วย
Info
Hieizan Enryaku-ji Temple
Hours: มีนาคม-พฤศจิกายน 8:30-16:30 น., ธันวาคม 9:00-16:00 น., มกราคม-กุมภาพันธ์ 9:00-16:30 น.
Price: ผู้ใหญ่ 700 เยน, นักเรียนชั้นมัธยม 500 เยน และ นักเรียนชั้นประถม 300 เยน (ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2563 ผู้ใหญ่ 800 เยน และนักเรียนชั้นมัธยม 600 เยน )
Access: เดินทางด้วย Sakamoto Cable Car 15 นาที เดินต่อประมาณ 10 นาที (650 เมตร)
Website: www.hieizan.or.jp (ภาษาญี่ปุ่น)
09 Hiyoshi Taisya Shrine
ที่นี่คือศาลเจ้าแห่งการปกปักรักษา ซึ่งในญี่ปุ่นมีศาลเจ้าแบบเดียวกันนี้กระจายตัวอยู่กว่า 3,800 แห่ง เป็นอีกสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดของจังหวัดชิกะในช่วงเดือนพฤศจิกายนเพราะจะโปรยปรายด้วยใบไม้สีแดงปลิวไสวตามลมตลอดเส้นทางเดิน
Info
Hiyoshi Taisya Shrine
Hours: 9:00-16:30 น.
Price: ผู้ใหญ่ 300 เยน, เด็ก 150 เยน
Access: จากสถานี Sakamoto-hieizanguchi เดิน 8 นาที (550 เมตร)
Website: www.hiyoshitaisha.jp
10 Former Chikurin-in
หนึ่งในวัดที่มีกุฏิสร้างไว้ให้พระสงฆ์มาจำวัดเมื่อสิ้นสุดการแสวงบุญหรือเรียกว่าซาโตะโบ (Satobou) ด้านในเปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้ หากมาที่นี่หลายคนนิยมถ่ายภาพสวนญี่ปุ่นที่สะท้อนบนโต๊ะลงรักสีดำกลางห้อง เป็นภาพที่สวยงามมากทีเดียว
Info
Former Chikurin-in
Hours: 9:00-17:00 น.
Price: ผู้ใหญ่ 330 เยน, เด็ก 160 เยน
Access: จากสถานี Sakamoto-hieizanguchi เดิน 8 นาที (550 เมตร)
Website: www.kyuchikuriin.web.fc2.com/index.html
11 Biwako Grand Hotel
จะดีแค่ไหนถ้าห้องพักมีบ่อออนเซ็นให้แช่แบบส่วนตัวและมองเห็นวิวทะเลสาบอยู่ด้านหน้า ฉันบอกเลยก็ได้ว่ามันดีมาก ยิ่งอยู่ในบรรยากาศการตกแต่งแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมยิ่งรู้สึกดีขึ้นไปอีก ที่เรียวกังแห่งนี้ยังมีบ่อออนเซ็นสาธารณะ ห้องคาราโอกะ ร้านอิซากายะ และมีร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่อยู่ภายในด้วย
Website: www.biwakogh.co.jp/en
12 Wendy Tour
เดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของฉันสิ่งที่กังวลใจมากสุดคือเรื่องการเดินทางนี่แหละ ถึงแม้จะเลือกที่เที่ยวตามใจตัวเองก็ตาม แต่โชคก็ยังเข้าข้างฉันที่พาให้รู้จักกับ Wendy Tour ฉันยกให้เป็นเพื่อนที่สามารถปรึกษาเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้ฉันได้ตั้งแต่ต้นจนจบ หากท่องเที่ยวด้วยตัวเองอย่างฉัน (Kobe, Himeji และ Otsu ในภูมิภาคคันไซ) สามารถใช้ได้ทั้งบัตรรถไฟ JR WEST PASS และ KANSAI THRU PASS แต่จะใช้ตัวไหนทาง Wendy Tour จะแนะนำให้เข้ากับแต่ละทริป
ที่นี่ไม่ใช่แค่ที่ปรึกษาอย่างเดียวนะ แต่สามารถแพลนทริปให้เข้ากับความชอบของเราได้ ทั้งแบบเดินทางโดยรถไฟหรือเช่ารถขับเอง หากอยากจัดทริปส่วนตัวแบบมีไกด์คนไทย พร้อมรถและคนขับก็มีบริการแบบ One Stop Service แต่ละแพลนทริปจะมีทีมงานจัดทำข้อมูลทุกอย่างที่เราต้องทราบ สามารถดูข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่นของ Wendy Tour ได้เลย แถมยังควบคุมราคาให้อยู่ในงบประมาณของเราด้วย เรียกว่าออกแบบทริปในฝันเลยล่ะ
*ผู้อ่านนิตยสาร KIJI สามารถซื้อได้ในราคาพิเศษ
เพียงใส่รหัส : FANKIJIWEST
คลิก ที่นี่ เพื่อซื้อพาส
Website: www.wendytour-th.com
Otsu Map Route 2
คลิกที่รูปเพื่อดาวน์โหลดแผนที่
A : Sakamoto Cable Car B : Hiyoshi Taisya Shrine C : Ishiyama-dera Temple
D : Hieizan Enryaku-ji Temple E : Former Chikurin-in F : Biwako Grand Hotel
Restaurants in OTSU
01 Niku Bar Modern Meal
ที่จังหวัดชิกะมีเนื้อวัวขึ้นชื่อที่ต้องชิมให้ได้นั่นคือ เนื้อโอมิ (Omi Beef) วัวสายพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำที่เลี้ยงท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่ในญี่ปุ่นจึงได้รสชาติที่นุ่มละมุน และร้านนี้ก็มีเนื้อวัวโอมิจัดเสิร์ฟหลายรูปแบบ วันนี้ฉันสั่งเป็นสเต็กเนื้อโอมิ ที่ทำฉันตาลุกวาวตั้งแต่ตักเข้าปากคำแรก สัมผัสนุ่มของเนื้อขนาดพอดีคำความสุกระดับมีเดียมแรร์ชุ่มฉ่ำไปด้วยซอสรสหวานเค็มพอดี อร่อยมาก
Info
Niku Bar Modern Meal
Hours: 11:00-14:00 น., 17:00-23:00 น.
Holiday: ไม่มี
Access: จากสถานี Biwako-Hamaotsu เดิน 2 นาที (160 เมตร)
Website: http://www.kyu-otsukoukaidou.jp/modernmeal
02 Nagisa WARMS
ร้านอาหารบรรยากาศสีวอร์มไลท์ชวนอบอุ่นที่คัดสรรวัตถุดิบออร์แกนิกในท้องถิ่นมาทำอาหารได้น่ารับประทาน ตัวร้านมี 2 ชั้น ชั้นล่างด้านในมีโต๊ะเดี่ยวและห้องส่วนตัว ชั้นบนมีหน้าต่างบานใหญ่ที่ฉายวิวริมทะเลสาบบิวะให้นั่งมองได้อย่างผ่อนคลาย อาหารของที่นี่มีหลายแบบทั้งแบบเซ็ตอาหารเช้า/กลางวัน แบบจานเดี่ยว หรือจะมานั่งจิบกาแฟโซนเอาท์ดอร์ก็สบายใจมากเลยล่ะ
Info
Nagisa WARMS
Hours: 10:00-16:00 น.
Holiday : วันศุกร์
Access: จากสถานี Ishiba เดิน 10 นาที (800 เมตร)
Website: nagisawarms.com
03 Denya
เพื่อนคนญี่ปุ่นบอกฉันว่าร้านนี้เป็นร้านอาหารโลคอลของที่นี่ มาแล้วอย่าลืมสั่งเมนู Funazushi ด้วย ฉันท่องจำขึ้นใจพร้อมเข้าไปสั่งเมนูนี้เป็นเมนูแรกและไล่เรียงสั่งเมนูที่ร้านแนะนำตามหลัง เพิ่งมารู้ว่า เจ้าเมนู Funazushi คือปลาเทราต์หมักกับข้าวมีกระบวนหมักนานถึง 3 ปี มีรสชาติเฉพาะตัว มีต้นกำเนิดที่จังหวัดชิกะนี่เอง
Info
Denya
Hours: อ.-ส. 11:30-15:00 น. (ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น) , 17:00-24:00 น., อา.11:30-15:00 น., 17:00-23:00 น.
Holiday: วันจันทร์
Access: จากสถานี Ishiyama เดิน 3 นาที (180 เมตร)
Website: www.denya.jp
04 Omiji @Biwako Grand Hotel
ในโรงแรม Biwako Grand Hotel มีห้องอาหารรับรองอย่างกว้างขวาง ด้วยความหนาวเย็นในบรรยากาศเราเลยขอสั่งเมนูอุ่นๆ ให้ร่างกายหายสั่นเทาสักหน่อย เลยจิ้มเมนูอุด้งไปหนึ่งชามและสั่งซูชิมากินด้วยเผื่อไม่อิ่ม แต่เราคิดผิดถนัดเพราะอุด้งที่สั่งมาชามใหญ่มาก กุ้งเทมปุระตัวโต 2 ตัว วางเคียงมาด้วยเห็ดหอมเทมปุระ เส้นอุด้งที่เหนียวนุ่มในน้ำซุปรสชาติกลมกล่อม อิ่มท้องอุ่นกายและดีต่อใจมาก
Info
Omiji @Biwako Grand Hotel
Hours: 20:00-24:00 น.
Access: จากสถานี JR Ogoto Onsen เดิน 19 นาที (1.5 กิโลเมตร)
Website: www.biwakogh.co.jp/en
Kobe Himeji