ช่วงนี้ทุกคนน่าจะพอรู้กันมาบ้างว่าอากาศที่ญี่ปุ่นเริ่มจะร้อนขึ้นแล้ว บางคนก็เริ่มสู้อากาศร้อนไม่ไหวต้องหาวิธีคลายร้อนกัน แต่ถ้าพูดถึงน่าร้อนแล้วเนี่ยก็ต้องนึกถึงทะเล หาดทราย แล้วก็เกาะใช่ไหมล่ะ จะไปเที่ยวทะเลเนี่ยยังไงก็ต้องเป็นหน้าร้อนนี่แหละ แต่จะไปแค่ทะเลธรรมดา ๆ มันก็ไม่ตื่นเต้นน่ะสิ ถ้าเป็นเกาะที่ไม่ได้มีแค่ทะเลล่ะ จะน่าเที่ยวขนาดไหนกัน วันนี้คิจิเลยไปรวบรวมเกาะที่น่าไปเที่ยวในญี่ปุ่นช่วงหน้าร้อน ให้ทุกคนได้ไปเติมความสดชื่นกัน จะมีที่ไหนกันบ้าง ไปดูกันเลย~ ⛱️

1. เกาะสึโนะชิมะ (Tsunoshima Island)

เกาะที่มักเป็นตัวเลือกแรก ๆ ในการถ่ายทำโฆษณาและซีรีส์ “เกาะสึโนะชิมะ (Tsunoshima Island)” เกาะแห่งนี้มีทัศนียภาพที่สวยงามทั้งหาดทรายขาวและน้ำทะเลที่ใสเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งสะพานสึโนะชิมะโอฮาชิ (Tsunoshima Ohashi Bridge) สะพานที่จะพาเราไปชื่นชมกับทิวทัศน์อันสวยงามของเกาะสึโนะชิมะ นอกจากสะพานนี้แล้วที่นี่ก็ยังมีแลนด์มาร์คสำคัญที่ต้องไปให้ได้นั่นก็คือ “ศาลเจ้าโมโตโนสุมิ อินาริ (Motonosumi Inari Shrine)” ซึ่งระหว่างทางที่เราเดินจะมีเสาโทริอิทอดยาวไปถึงตัวศาลเจ้าอย่างสวยงาม ใครอยากลองสัมผัสบรรยากาศแปลกใหม่ของศาลเจ้าริมทะเลล่ะก็ต้องที่นี่เลย

Info
Tsunoshima Island
Location: จังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi)
Instagram: @oidemase_yamaguchi
Website: https://yamaguchi-tourism.jp/
Access: แนะนำให้เช่ารถส่วนตัวเพื่อประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดีที่สุด

2. หมู่เกาะโกะโต (Goto Islands)

หมู่เกาะที่ได้ชื่อว่าสถานที่ที่มีความแตกต่างหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง “หมู่เกาะโกะโต (Goto Islands)” ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 150 เกาะ สถานที่เที่ยวของที่นี่คือมีเยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่พักผ่อนหรือสถานที่ที่ทำให้เรารู้สึกใจเต้น เช่น โบสถ์ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วหมู่เกาะ หาดทรายขาวน้ำทะเลใส น่าเล่นน้ำสุด ๆ  หมู่บ้านออนเซ็นเก่าแก่ที่มีออนเซ็นให้เราได้ไปแช่น้ำชิว ๆ กันบนเกาะด้วย หรือแม้แต่บ้านซามูไรเก่าแก่ก็มีให้เราได้เข้าชมกัน ถ้าได้ไปผ่อนคลายที่นี่ในช่วงหน้าร้อนรับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

Info
Tsunoshima Island
Location: จังหวัดนางาซากิ (Nagasaki)
Website: https://goto.nagasaki-tabinet.com/
Access: นั่งเครื่องบินมาลงที่ Fukue Airport (Goto Tsubaki Airport)

3. เกาะซาโดะ (Sado Island)

เกาะเหมืองทองที่เจริญรุ่งเรืองในสมัยเอโดะ “เกาะซาโดะ (Sado Island)” ผู้คนบนเกาะแห่งนี้ยังคงรักษาและสืบทอดวัฒธรรมเก่าแก่เรื่อยมา และนั่นจึงกลายเป็นกิจกรรมต่าง ๆ ที่เราสามารถทำได้บนเกาะ เช่น ร่อนแร่ ชมการแสดงกลองไทโกะ แช่น้ำร้อน 

ไฮไลท์สำคัญของที่นี่ถ้าไม่ได้มาลองถือว่ายังมาไม่ถึงเกาะซาโดะนั่นก็คือ “การนั่งทะไรบูเนะ (Tarai Bune)” เป็นเรือที่มีรูปทรงไม่เหมือนใครเพราะเป็นเรือทรงกลมลักษณะคล้ายกับอ่างน้ำ และจะมีคุณป้าที่ใส่ชุดน่ารัก ๆ พร้อมกับหมวกคู่ใจคอยพายเรือให้กับเราใครที่อยากลองสัมผัสกับวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวเกาะในช่วงหน้าร้อนต้องที่นี่เลย

ภาพ: https://www.visitsado.com/

Info
Sado Island
Location: จังหวัดนีงาตะ (Niigata)
Instagram: @sado_tourism
Website: https://www.visitsado.com/
Access: นั่งจากท่าเรือเฟอร์รีนีงาตะ (Niigata Ferry Terminal) ไปที่ท่าเรือเรียวสึ (Ryotsu Ferry Terminal)

4. เกาะเรบุน (Rebun Island)

เกาะทางเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่า “เกาะแห่งดอกไม้” นั่นก็คือ “เกาะเรบุน (Rebun Island)” ที่มาของชื่อนั้นมาจากบนเกาะแห่งนี้มีดอกไม้นานาพันธุ์มากถึง 300 ชนิด แล้วยิ่งช่วงหน้าร้อนเป็นช่วงที่ดอกไม้บนเกาะบานสะพรั่งเหมาะแก่การไปเที่ยวชมสุด ๆ และด้วยความพิเศษของสภาพภูมิประเทศทำให้ช่วงหน้าร้อนอากาศจะค่อนข้างเย็นสบาย กิจกรรมหลักในการท่องเที่ยวของที่นี่จึงเป็นการเดินป่า เหมาะกับใครที่ชอบกิจกรรมลุย ๆ และไม่ต้องห่วงเรื่องร้อนด้วย

Info
Rebun Island
Location: จังหวัดฮอกไกโด (Hokkaido)
Instagram: @rebun_island_kanko
Website: https://www.rebun-island.jp/
Access: จากท่าเรือเฟอร์รีวักกะไน (Wakkanai Ferry Terminal) ไปที่ท่าเรือเฟอร์รีคาฟุคะโค (かふかこう Ferry Terminal)

5. หมู่เกาะโอกาซาวาระ (Ogasawara Islands)

หมู่เกาะที่ได้ชื่อว่า “กาลาปากอสแห่งตะวันออก (Galápagos Islands)” หมู่เกาะนั้นก็คือ “หมู่เกาะโอกาซาวาระ (Ogasawara Islands)” นั่นเอง เป็นหมู่เกาะที่มีทัศนียภาพสวยงามมาก ไม่ว่าจะเป็นหาดทรายขาว แนวปะการังรอบ ๆ เกาะ รวมไปถึงวัฒนธรรมของคนบนเกาะก็สวยงามมากเช่นกัน เกาะแห่งนี้จึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก(UNESCO) เกาะนี้มีกิจกรรมมากมายให้เราได้เลือกทำ เช่น ปีนเขา ดำน้ำชมปะการังกับปลาน้อยใหญ่ เดินชมทิวทัศน์รอบ ๆ เกาะ หรือจะไปเล่นน้ำที่ชายหาดก็ได้นะ

Info
Ogasawara Islands
Location: จังหวัดโตเกียว (Tokyo)
Instagram: @village_ogasawara
Website: https://www.ogasawaramura.com/
Access: นั่งเรือจากท่าเรือทาเคชิบะ (Takeshiba Ship Terminal) มาลงที่ท่าเรือฟุตามิ (Futami Pier)

6. เกาะโยรอน (Yoron Island)

หนึ่งในเกาะที่เป็นสถานที่ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์คงจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก “เกาะโยรอน (Yoron Island)” เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในเกาะที่อาณาจักรริวกิว (Ryukyu) เคยปกครองมาก่อน บนเกาะแห่งนี้มีที่เที่ยวหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้า พิพิธภัณฑ์ ถ้ำหินปูน และแน่นอนว่าต้องมีชายหาด ซึ่งที่นี่มีถึง 60 กว่าแห่งเลย!

ไฮไลท์ของเกาะนี้คือ “ยูริกาฮามะ (Yurigahama beach)” เป็นหาดทรายที่อยู่นอกชายฝั่งแต่อยู่ไม่ไกลมาก การเข้าไปชมหาดนี้เราต้องลุ้นว่าน้ำขึ้น-ลงมากน้อยแค่ไหน ถ้าน้ำขึ้นน้อยเราจะได้เห็นหาดทรายขาวที่โอบล้อมไปด้วยมหาสมุทรอันกว้างใหญ่เลยล่ะ เป็นภาพที่แปลกตาและหาดูได้ยากจริง ๆ

Info
Yoron Island
Location: จังหวัดคาโกชิม่า (Kagoshima)
Instagram: @yoron_island_official
Website: https://www.yorontou.info/
Access: นั่งเครื่องบินมาลงที่ Yoron airport(RNJ)

7. เกาะอิชิงากิ (Ishigaki Island)

ถ้าพูดถึงเกาะที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติแล้ว “เกาะอิชิงากิ (Ishigaki Island)” เป็นอีกเกาะที่ต้องพูดถึงเลย เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับจังหวัดโอกินาว่า (Okinawa) รับประกันได้เลยว่าชายหาดของเกาะนี้สวยแน่นอน กิจกรรมบนเกาะก็มีมากมายหลากหลายเลย ไม่ว่าจะเป็นดำน้ำชมปะการัง เดินป่า พายเรือคายัค หรือแม้แต่หอดูดาวที่นี่ก็มีให้เราได้เข้าไปชมดาวกัน นอกจากนี้บนเกาะก็มีบริการเรือท้องกระจกพาชมสัตว์น้ำนานาชนิดด้วย เหมาะกับการพาเด็ก ๆ ไปเปิดโลกสุด ๆ และก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินเลย เพราะบนเกาะนี้มีร้านอาหารและคาเฟ่อีกมากมายให้เราได้ไปอิ่มอร่อยกัน

Info
Ishigaki Island
Location: จังหวัดโอกินาว่า (Okinawa)
Instagram: @guidebook_ishigakijima
Website: https://isigakizima.net/
Access: นั่งเครื่องบินมาลงที่ New Ishigaki Airport

 

8. หมู่เกาะโอกิ (Oki Islands)

เกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และวัฒนธรรมที่เก่าแก่ “หมู่เกาะโอกิ (Oki Islands)” หมู่เกาะแห่งนี้มีศาลเจ้ามากกว่า 100 แห่งและเชื่อกันว่ามีเทพเจ้าหลายองค์สถิตอยู่บนเกาะ และศาลเจ้าที่คนนิยมไปสักการะมากที่สุดคือ “ศาลเจ้าทามาวาคาสุมิโคโตะ (Tamawakasu-mikoto Shrine)” เนื่องจากเป็นศาลเจ้าหลักของโอมิและบริเวณศาลเจ้ามีต้นสนซีดาร์อายุมากกว่า 2,000 ปีที่หาชมได้ยาก นอกจากนี้ที่นี่ก็จะมีการแสดงรำพื้นบ้านให้เราได้ดูกันด้วย แม้แต่ประเพณีที่หาดูได้ยากแล้วในประเทศญี่ปุ่นอย่างการชนวัวกระทิงหรือการแข่งซูโม่สไตล์โอกิก็สามารถไปรับชมกันได้ กิจกรรมบนเกาะที่คนนิยมทำคือ เดินป่า พายเรือคายัค และตกปลา แต่ต้องระวังด้วยเพราะช่วงหน้าร้อนบนเกาะแดดจะแรงเป็นพิเศษ แนะนำให้พกครีมกันแดดไปด้วย

Info
Oki Islands
Location: จังหวัดชิมาเนะ (Shimane)
Instagram: @okiislands_geopark
Website: https://www.e-oki.net/
Access: นั่งเครื่องบินมาลงที่ Oki Airport

9. เกาะยาคุชิมะ (Yakushima Island)

ถ้าพูดถึงเกาะที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ทั้งป่าเขาและมหาสมุทรที่อยู่รอบเกาะแล้ว คงเป็นเกาะไหนไปไม่ได้นอกจาก “เกาะยาคุชิมะ  (Yakushima Island)” เกาะแห่งนี้ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในปี 1993 ซึ่งเป็นที่แรกของประเทศญี่ปุ่นด้วย กิจกรรมบนเกาะนี้อาจจะแตกต่างกับเกาะในภาพจำของเราสักหน่อย เพราะกิจกรรมส่วนใหญ่จะเป็นการปีนเขาและเดินป่า แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นที่นี่ก็มีกิจกรรมพายเรือคายัคและดำน้ำด้วย และไฮไลท์ของที่นี่เลย คือการเดินป่าชม “ต้นยาคุสึกิ (Yakusugi)” หรือต้นสนซีดาร์ที่มีอายุพันปีขึ้นไปและเติบโตบนเกาะนี้ ที่แบบนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ เลยนะ ชมต้นไม่เก่าแก่ในป่าที่อากาศเย็นสบายในหน้าร้อนแบบนี้

Info
Yakushima Island
Location: จังหวัดคาโกชิม่า (Kagoshima)
Instagram: @yaku_tourism
Website: https://yakukan.jp/
Access: นั่งจากท่าเรือคาโกชิม่า (Kagoshima Terminal) ไปท่าเรืออันโบะ (Anbo Port) 

10. เกาะโทโมกะ (Tomoga Island)

มาถึงเกาะสุดท้ายกันแล้ว เกาะที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ แต่มีร่องรอยของซากปรักหักพังมากมาย “เกาะโทโมกะ (Tomoga Island)” เป็นอีกเกาะที่อาจแตกต่างจากเกาะอื่นซักหน่อย ไม่ใช่เกาะที่พาเราไปชมกับความสวยงามของทะเลเพียงอย่างเดียวแต่จะพาเราไปย้อนรอยกับประวัติศาสตร์ บนเกาะมีสิ่งก่อสร้างในสมัยก่อนที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนเกาะ เช่น ประภาคาร ป้อมปืนเก่า เราสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้บางสถานที่เท่านั้น แต่ก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเราตลอดทางเลย ถึงจะดูน่าขนลุกสักหน่อย ถ้าได้ลองไปอาจจะได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ ก็ได้นะ

Info
Tomoka Island
Location: จังหวัดวาคายามะ (Wakayama)
Website: https://tomogashimakisen.com/
Access: นั่งเรือชมเกาะด้วย Tomogashima Kisen

 
 

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ