พูดถึงเมืองฮิโรชิม่า (Hiroshima) คนส่วนใหญ่อาจจะนึกถึงโดมปรมาณูหรือโดมเอบอมบ์ (Atomic Bomb Dome) ซึ่งก็คือซากของอาคารที่หลงเหลืออยู่หลังจากเมืองฮิโรชิม่าถูกระเบิดปรมาณูในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ความจริงแล้วเมืองเล็กๆ ขนาดแค่ประมาณ 900 ตารางกิโลเมตรนี้ (ขนาดใกล้เคียงกับจังหวัดอ่างทองบ้านเรานี่ละ) มีอะไรน่าสนใจมากกว่านั้นเยอะ อาหารก็อร่อย แถมเที่ยวได้ภายใน 1 วันด้วย รู้อย่างนี้แล้วจะรออะไร ไปเที่ยวกัน

เริ่มทริปที่สถานีเจอาร์ฮิโรชิม่า (JR Hiroshima Station) ขอแนะนำให้มาถึงสักประมาณ 9 โมงเช้า จะได้เที่ยวแบบจัดเต็มและจะแจ่มที่สุดถ้าคุณกินข้าวกล่องรถไฟ (Ekiben) กันอย่างอิ่มท้องบนรถไฟเรียบร้อยแล้ว เพราะเราจะได้ลุยกันเลย สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่เราจะไปกันคือ ปราสาทฮิโรชิม่า และศาลเจ้าโกโคคุ ซึ่งเราจะไปด้วยรถราง Hiroden (Hiroshima Trams)

สถานีเจอาร์ฮิโรชิม่า (JR Hiroshima Station)รถราง Hiroden รถสาธารณะสุดเรโทรของเมืองฮิโรชิม่า

ป้ายบอกทางไปรถรางบนพื้นสถานีเจอาร์ฮิโรชิม่า (JR Hiroshima Station)ป้ายบอกทางไปรถรางบนพื้นสถานีรถไฟ

เมื่อลงมาจากชานชลาแล้วให้เดินออกไปที่ป้ายรถรางโดยใช้ทางออกทางใต้ (South Exit) หาไม่ยากเลยเพราะมีป้ายบอกทางไปขึ้นรถรางอยู่เต็มไปหมด และเราจะขึ้นรถรางสายสีแดง (สาย 2) หรือสายสีเหลือง (สาย 6) จากต้นสายไปลงที่สถานี Genbaku Dome-mae Station (สถานีที่ 10) ซึ่งอยู่ข้างหน้าโดมปรมาณูพอดี ค่าเสียหายอยู่ที่ 180 เยนต่อเที่ยว หยอดค่าโดยสารบนรถรางได้เลย พูดถึงรถรางนี่ก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์สิ่งหนึ่งของเมืองฮิโรชิม่าเหมือนกัน เพราะเขาเริ่มใช้กันมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1910 มีทั้งหมด 7 สาย มีสถานีรถรางกระจายอยู่ทั่วเมืองกว่า 80 สถานี เรโทรขนาดนี้ ก่อนจะเดินทางก็เก็บภาพกับเจ้ารถรางนี่สักหน่อยดีกว่า

เมื่อลงป้ายที่สถานี Genbaku Dome-mae Station แล้วให้หันหลังให้โดมปรมาณูจะเห็นสวนขนาดใหญ่ ซึ่งจากตรงนี้เดินทะลุไปชิลๆ สัก 20 นาทีก็ถึงปราสาทฮิโรชิม่าเลย หรือจะเดินเลียบแม่น้ำไปโดยตรงก็ได้ที่สะพานไอโออิ (ทางซ้ายมือถ้าหันหลังให้โดมปรมาณู) แล้วเลี้ยวขวาก็จะเจอทางเดินไปยังปราสาท ขอบอกเพิ่มเติมว่าเส้นทางนี้ต้นซากุระเยอะมาก ถ้ามาช่วงฤดูใบไม้ผลิ ตอนที่ดอกซากระกำลังบานสวยงามอย่าบอกใครเชียว แต่ถ้าใครขี้เกียจก็มีรถราง แต่ต้องเดินไปขึ้นที่สถานี Hatchobori Station ขึ้นสายสีเทา (สถานีที่ 7) ไปลงที่สถานี Jogakuin-mae Station แล้วเดินต่ออีก 5 นาทีก็ถึงปราสาทเลยเช่นกัน

 

ปราสาทฮิโรชิม่าบนเกาะกลางน้ำ | Hiroshima Castle

ปราสาทฮิโรชิม่าหรือปราสาทปลาคาร์ฟตั้งอยู่ในพื้นที่กลางน้ำ ตัวปราสาทมี 5 ชั้น ชั้นบนสุดของปราสาทเป็นจุดชมวิวยอดนิยมอีกจุดหนึ่งของเมืองฮิโรชิม่าด้วย สร้างขึ้นในสมัยเอโดะโดยเจ้าเมืองชื่อโมริ เทรุโมโตะ (Mori Terumoto) ซึ่งปกครองพื้นที่แถบคันไซและคิวชูในสมัยนั้นและอยู่มาจนถึงสมัยเมจิ แต่ก็ถูกระเบิดปรมาณูทำลายในปี ค.ศ. 1945 อย่างไรก็ดี มีการบูรณะปราสาทขึ้นมาใหม่โดยการใช้ไม้และปูน อีกทั้งตัวปราสาทได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงประวัติของปราสาท เมืองฮิโรชิม่า และประวัติของปราสาทแห่งอื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่นด้วย

ปราสาทฮิโรชิม่าบนเกาะกลางน้ำ (Hiroshima Castle)ที่มาภาพ – https://bit.ly/2YiiSNu

โดยรอบปราสาทมีสวนญี่ปุ่นสวยงามร่มรื่นย์เหมาะกับการเดินเล่น และในบริเวณเดียวกันก็มีศาลเจ้าโกโคคุ ซึ่งเราจะเข้าไปเยี่ยมชมกันต่อจากนี้ หากอยากเข้าเยี่ยมชมด้านในตัวปราสาทต้องเสียค่าเข้า แต่ถ้าจะเดินเล่นรอบๆ อย่างเดียวไม่เสียค่าใช้จ่าย
Info
Hiroshima Castle
Hours:
มี.ค.-พ.ย. 9:00-18:00 น./ ธ.ค.-ก.พ. 9:00-17:00 น.
Holiday: 29-31 ธ.ค.
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 370 เยน/ ระดับมัธยมศึกษาและบุคคลอายุ 65 ปีขึ้นไป 180 เยน/ ต่ำกว่าระดับมัธยมเข้าฟรี
Website: www.rijo-castle.jp

 

ศาลเจ้าโกโคคุและรูปปั้นปลาคาร์ฟ | Hiroshima Gokoku Shrine

 ศาลเจ้าโกโคคุและรูปปั้นปลาคาร์ฟ (Hiroshima Gokoku Shrine)ศาลเจ้าโกโคคุ ที่มาภาพ – https://bit.ly/2Ky9mTl

ศาลเจ้าโกโคคุตั้งอยู่ภายในสวนของปราสาทฮิโรชิม่า เป็นศาลเจ้าชินโตที่อุทิศให้กับผู้ที่เสียชีวิตในสงครามซึ่งมีจำนวนมากกว่า 90,000 คน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1868 ในชื่ออื่น และถูกเปลี่ยนชื่อเป็นศาลเจ้าโกโคคุในปี ค.ศ. 1939 ต่อมาศาลเจ้าถูกระเบิดปรมาณูทำลายในปี ค.ศ. 1945 เช่นเดียวกับปราสาทฮิโรชิม่า มีเพียงเสาโทริอิ รูปปั้นหิน และโคมไฟหินด้านหน้าศาลเจ้าเท่านั้นที่ไม่ถูกทำลาย ตัวศาลเจ้าได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1956 และต่อเติมมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน ไฮไลท์หลักคือในศาลเจ้าแห่งนี้มีรูปปั้นปลาคาร์ฟตั้งอยู่ ว่ากันว่าหากอธิษฐานขอพรแล้วลูบตัวปลาคาร์ฟไปด้วยจะสมหวัง

รูปปั้นปลาคาร์ฟ (Hiroshima Gokoku Shrine)รูปปั้นปลาคาร์ฟ ที่มาภาพ – static.omairi.club

 

จุดชมวิวเมืองฮิโรชิม่า | Hiroshima Orizuru Tower

จุดชมวิวเมืองฮิโรชิม่าบน Hiroshima Orizuru Towerที่มาภาพ – https://bit.ly/2RA25Do

เที่ยวโซนปราสาทฮิโรชิม่าจนหนำใจแล้ว ท้องน่าจะเริ่มร้องหิวข้าว เราแนะนำให้กลับมาที่โดมปรมาณูและแวะอาคาร Hiroshima Orizuru Tower ซึ่งอยู่ติดกับโดม เพื่อกินข้าวพร้อมชมวิวเมืองฮิโรชิม่าที่สวยงาม อาคารหลังนี้เต็มไปด้วยร้านรวงขายอาหาร ขนม และของที่ระลึกของเมืองฮิโรชิม่า ที่สำคัญชั้นบนสุดของอาคารเป็นจุดชมวิวที่เก๋มาก เป็นกระจกใสทำให้เห็นวิวของเมืองจากมุมสูงได้กว้าง 180 องศา ว่ากันว่าวันที่ท้องฟ้าสดใส สามารถมองเห็นเกาะมิยาจิม่า (Miyajima Island) จากตรงนี้ได้เลย ความจริงแล้วถ้าตั้งใจมาค้างคืนในเมืองฮิโรชิม่า อาคารแห่งนี้ก็เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยเชียวล่ะ แต่ถ้าแค่แวะมาเที่ยววันเดียว ไปชมวิวพร้อมจิบกาแฟสักถ้วยก็อิ่มวิวงามของเมืองฮิโรชิม่าได้ไม่แพ้กัน
Info
Hiroshima Orizuru Tower
Hours:
10:00-19:00 น.
Holiday:
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 1,700 เยน/ ระดับมัธยมศึกษา 900 เยน/ ระดับ
ประถมศึกษา 600 เยน/ ระดับอนุบาลอายุ 4 ขวบขึ้นไป 400 เยน
Website: www.orizurutower.jp/th

 

โดมปรมาณูในวันท้องฟ้าแจ่มใส | Atomic Bomb Dome

โดมปรมาณูหรือ Atomic Bomb Dome

โดมปรมาณูหรือ Atomic Bomb Dome คือซากที่เหลืออยู่ของอาคารแสดงสินค้าประจำจังหวัดหลังจากที่เมืองฮิโรชิม่าถูกระเบิดนิวเคลียร์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ส่งผลให้บ้านเมืองถูกทำลายเป็นวงกว้างและมีผู้เสียชีวิตมากเป็นหลักแสนคน ถึงแม้ตัวอาคารจะตั้งห่างจากบริเวณกึ่งกลางจุดที่ระเบิดลงเพียง 160 เมตร แต่เป็นเรื่องน่าแปลกที่ตัวโดมนี้ไม่ได้พังทลายไปทั้งหมด ทั้งๆ ที่อาคารอื่นๆ ในบริเวณนั้นถูกระเบิดราบเป็นหน้ากอง ซากของอาคารจึงได้รับการรักษาเอาไว้และยังคงตั้งอยู่ในพื้นที่เดิมในปัจจุบันเพื่อเป็นเครื่องเตือนความทรงจำของชาวญี่ปุ่นถึงความโหดร้ายของสงคราม โดมปรมาณูแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในสวนสันติภาพ Hiroshima Peace Memorial Park ซึ่งมีสถาปัตยกรรมและประติมากรรมอีกหลายจุด อีกทั้งยังได้รับเลือกจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1996

อนุสาวรีย์สันติภาพ จุดสูงสุดคือหนูน้อยซาดาโกะและนกกระเรียนของเธออนุสาวรีย์สันติภาพ จุดสูงสุดคือหนูน้อยซาดาโกะและนกกระเรียนของเธอ

เดินเลียบแม่น้ำข้ามสะพานโมโตยาสุ (Motoyasu Bridge) ไปอีกฟากจะเจออนุสาวรีย์สันติภาพของเด็กหรือ Children’s Peace Monument ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเด็กหญิงซาดาโกะ ซาซากิ (Sadako Sasaki) และเด็กผู้บริสุทธิ์ทุกคนที่ตกเป็นเหยื่อของสงคราม ซาดาโกะถูกรังสีของระเบิดปรมาณูตอนอายุเพียง 2 ขวบ และเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในที่สุด ระหว่างที่ซาดาโกะรักษาตัว ได้พับนกกระเรียนกระดาษจำนวนมากซึ่งต่อมานกกระเรียนได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ และภายในบริเวณอนุสาวรีย์แห่งนี้ มีการจัดนิทรรศการเพื่อรำลึกหมุนเวียนตลอดทั้งปี

ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์สันติภาพของเด็ก มีระฆังสันติภาพด้วย และวิวของโดมปรมาณูจากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำก็สวยไปอีกแบบ

วิวจากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำโมโตยาสุ

 

ดวงไฟแห่งสันติภาพ | Flame of Peace

ดวงไฟแห่งสันติภาพหรือ Flame of Peace

สถาปัตยกรรมที่ทำจากหินรูปมือปกป้องดวงไฟเอาไว้ในอุ้งมือตั้งอยู่กลางสวนสันติภาพนี้มีชื่อว่าดวงไฟแห่งสันติภาพหรือ Flame of Peace ซึ่งออกแบบโดยศาสตราจารย์เคนโซ ทังเงะ (Kenzo Tange) แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวในปี ค.ศ. 1964 เพื่อปลอบประโลมวิญญาณของผู้เสียชีวิตจากระเบิดนิวเคลียร์ (มีการสลักรายชื่อของผู้เสียชีวิตทั้งหมดบนเนื้อหินด้วย) และเพื่อภาวนาให้ระเบิดนิวเคลียร์หมดไปจากโลกและให้โลกมีแต่ความสงบสุข ดวงไฟแห่งสันติภาพจุดมาตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1964 จนถึงปัจจุบัน ทุกๆ ปีชาวเมืองจะจัดงานที่บริเวณนี้เพื่อเตือนตัวเองและทุกคนถึงอันตรายของระเบิดนิวเคลียร์ รณรงค์ให้ทุกประเทศหยุดทดลองและหยุดใช้ระเบิดนิวเคลียร์ตลอดไป

 

พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า | Hiroshima Peace Memorial Museum

พิพิธภัณฑ์ Hiroshima Peace Memorial Museum

บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์ Hiroshima Peace Memorial Museum

ใกล้ๆ กับ ดวงไฟแห่งสันติภาพมีพิพิธภัณฑ์ Hiroshima Peace Memorial Museum ตั้งอยู่ ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็นโซนต่างๆ เช่น ประวัติเมืองฮิโรชิม่า สภาพก่อนและหลังการระเบิด การจำลองเหตุการณ์ช่วงที่เกิดระเบิดในวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 การแสดงข้าวของที่หลงเหลือจากการระเบิด เช่น จักรยานของเด็ก นาฬิกาที่เวลาหยุดเดินที่เวลา 8:15 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ระเบิดลง เรื่องราวของเด็กหญิงซาดาโกะและเหยื่อคนอื่นๆ เป็นต้น หลังจากเข้าชมพิพิธภัณฑ์แล้วอาจจะรู้สึกจุกกับภาพความโหดร้ายของสงคราม แต่ก็น่าจะเป็นสิ่งที่คนฮิโรชิม่าต้องการสื่อและต้องการให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ เอาความจุกในอกนี้กลับบ้านไปบอกคนของเราด้วยว่าสงครามน่ะ ไม่มีอะไรดีหรอก ค่าเข้าชมผู้ใหญ่เพียง 200 เยนเท่านั้น ถ้าอยากเช่าหูฟังด้วยก็จ่ายเพิ่มอีก 400 เยน คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม
Info
Hiroshima Peace Memorial Museum
Hours:
มี.ค.-ก.ค. 8:30-18:00 น./ ส.ค. 8:30-19:00 น./ ก.ย.-พ.ค. 8:30-18:00 น./ ธ.ค.-ก.พ. 8:30-17:00 น.
Holiday: 30-31 ธ.ค.
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 200 เยน/ ระดับมัธยมปลาย 100 เยน/ ต่ำกว่าระดับมัธยมปลายเข้าฟรี
Website: www.hpmmuseum.jp

 

ถนนช็อปปิ้งฮอนโดริ | Hondori Shopping Street

ถนนช็อปปิ้งฮอนโดริ (Hondori Shopping Street)

ข้ามสะพานโมโตยาสุกลับมาฝั่งโดมปรมาณู แต่ไม่ต้องย้อนไปทางโดม ให้เดินตรงเข้าถนนสายเล็กๆ ไม่นานก็จะเจอเข้ากับถนนฮอนโดริ (Hondori Shopping Street) ถนนช็อปปิ้งของคนฮิโรชิม่าเขาล่ะ ถนนสายนี้มีหลังคา เดินเล่นได้แบบไม่ต้องกลัวแดดร้อน กินพื้นที่หลายแยกและมีหลายซอยย่อยให้ได้เดินซื้อของกัน ร้านค้าก็มีตั้งแต่สินค้าแบรนด์อย่าง H&M, Uniqlo, Onitsuka ไปจนถึงร้านขายยา, ร้าน 100 เยน, ร้านขายแผ่นเสียง ร้านหนังสือทั้งมือหนึ่งมือสอง ปาจิงโกะก็มี และที่ขาดไม่ได้คือร้านอาหารอร่อย ตรงถนนสายนี้ละที่คุณๆ จะต้องหาโอกาสชิมอาหารขึ้นชื่อของเมืองฮิโรชิม่าเป็นมื้อเย็นให้ได้ เราขอแนะนำโอโคโนมิยากิหรือพิซซ่าญี่ปุ่นสูตรเฉพาะของฮิโรชิม่าที่จะใส่เส้นเข้าไปด้วย อีกอย่างก็คือหอยนางรมสดๆ ตัวใหญ่เบ้งจากฟาร์มของคนท้องถิ่น โอ๊ย ฟินที่สุด

โอโคโนมิยากิหรือพิซซ่าญี่ปุ่นสูตรเฉพาะของฮิโรชิม่า

หนึ่งวันในฮิโรชิม่าจบลงแล้ว อิ่มอกอิ่มใจแถมอิ่มท้องด้วยแบบนี้ อยากจะอยู่ชิลต่อที่นี่อีกวันแล้วใช่ไหมล่ะ?

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ