Tasty Kichijoji: คิชิโจจิ แสนอร่อย!
สารบัญ
ฉบับนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้ว สำหรับ Stories แนะนำการท่องเที่ยวที่ย่าน “คิชิโจจิ (Kichijoji)” ในโตเกียว เราจึงอยากพาผู้อ่านทุกท่านไปตระเวนชิมอาหารอร่อยๆ ตามร้านต่างๆ ในย่านนี้ด้วยกัน เพื่อเป็นการปิดทริปท่องเที่ยวที่จะติดอกติดใจเราไปอีกนาน เป็นที่รู้กันดีว่าญี่ปุ่นนั้นเป็นดั่งสวรรค์ของนักชิมที่ต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง เพราะวัฒนธรรมทางด้านอาหารของญี่ปุ่นเองก็มีความหมายลึกซึ้งในหลายๆ ด้าน แต่เราก็ไม่อยากแนะนำร้านอาหารจากตัวอาหารเพียงอย่างเดียว เพราะเราเชื่อว่าอาหารจะอร่อยหรือไม่อร่อยนั้น แม้รสชาติจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่บรรยากาศเองก็ส่งผลต่อความอร่อยไม่น้อยเช่นกัน เราจึงเลือกที่จะแนะนำร้านอาหารจากร้านที่คนญี่ปุ่นในย่านนี้ไปใช้บริการกันจริงๆ แต่ละร้านมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความเป็นมาที่น่าสนใจ และแน่นอนว่าต้องมีบรรยากาศดีๆ ที่ส่งเสริมให้รู้สึกอิ่มเอมไปกับความเป็น คิชิโจจิ (Kichijoji) อย่างแน่นอน
KICHIJOJI EP. 4 l ENJOY EATING
5 ร้านอาหาร กับบรรยากาศสุดประทับใจใน คิชิโจจิ
5 ร้านอาหาร 5 สไตล์ต่อไปนี้ นอกจากจะมีอาหารรสชาติอร่อยแล้ว ยังสะท้อนเรื่องราวและวิถีชีวิตของชาวคิชิโจจิได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นร้านข้าวแกงกะหรี่ของนักวาดภาพประกอบ ร้านกินดื่มของคนทำงานวงการสื่อร้านราเมนเก่าแก่ ร้านอาหารในชั้นใต้ดิน และร้านอาหารไทยในสวนที่เหมาะกับการชมซากุระเป็นที่สุด ตามเรามาแล้วไปชิมรสชาติ ดื่มด่ำบรรยากาศ และทำความรู้จักคิชิโจจิด้วยกันนะคะ
MAMEZO l ร้านข้าวแกงกะหรี่
ในช่วงปี ค.ศ. 1970 คือยุคที่หลายๆ ประเทศทั่วโลกต่างได้รับอิทธิพลของ Underground Culture จากอเมริกา ญี่ปุ่นเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับอิทธิพลนั้นเช่นกัน จนทำให้มีแจ๊สคาเฟ่ (Jazz Café) หรือร้านกาแฟที่เต็มไปด้วยแผ่นเสียงผุดขึ้นทั่วโตเกียว กลายเป็นแหล่งรวมตัวของคนทำงานสายอาร์ต โดยเฉพาะในย่าน คิชิโจจิ (Kichijoji) แห่งนี้
ร้านมะเมะโซ (Mamezo) เปิดเมื่อปี ค.ศ. 1978 เป็นร้านแกงกะหรี่ร้านแรกในย่านคิชิโจจิ ก่อร่างสร้างตัวเติบโตมาพร้อมกับกลิ่นอายของงานศิลปะและเพลงแจ๊ส การมาร้านนี้จึงเหมือนได้กลับมาย้อนซึมซับบรรยากาศในช่วงนั้นอีกทั้งเจ้าของร้านยังเป็นนักเขียนและนักวาดภาพประกอบหนังสือนิทานเด็ก บรรยากาศภายในร้านจึงมีความน่ารักของการ์ตูนที่แอบซ่อนอยู่ตามมุมต่างๆ รวมถึงภาชนะที่ใส่อาหารเมื่อก่อนจึงมีลูกค้าที่เป็นนักแสดง นักเขียน และนักวาดภาพประกอบเรียงแถวกันเข้ามาชิมอาหารที่ร้านอย่างไม่ขาดสาย
ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นนั้น โดยทั่วไปได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอินเดียและอังกฤษ แต่สูตรเฉพาะของร้านนี้ถูกคิดค้นโดยเจ้าของร้านเอง มีความพิเศษตรงที่นำหอมหัวใหญ่มาผัดนานถึง 4 ชั่วโมง แล้วจึงนำมาคลุกเคล้ากับเครื่องแกง รวมทุกขั้นตอนแล้วใช้เวลาทำถึง 3 วันจึงพร้อมเสิร์ฟ แน่นอนว่ารสชาติย่อมอร่อยจนไม่ต้องพูดถึง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมีลูกค้าประจำมากินอย่างต่อเนื่องนานถึง 20 ปี
THING TO DO: ร้านนี้มีพริกป่นญี่ปุ่นที่ปรุงขึ้นเอง ลองโรยหน้าแกงกะหรี่ก่อนรับประทานก็อร่อยไปอีกแบบนะ
Info
Hour: 11:00~22:00(L.O.21:30)
Address: 2-18-15 Kichijoji Honcho Musashino Tokyo
How to go: 393 เมตรจาก Kichijoji Station
Map
TECHAN l ร้านอิซากายะ
ร้านอิซากายะในตรอกฮาโมนิกา (Harmonica) นี้ เปิดหน้าร้านสู่ทางเดินแบบไม่มีประตูกั้น จึงทำให้รู้สึกเป็นมิตรเข้าถึงง่าย แถมยังดูสนุกสนาน ที่กำแพงฝั่งหนึ่งมีรูปวาดของนักวาดภาพประกอบชื่อ เทะรุฮิโกะ ยุมุระ (Teruhiko Yumura)เป็นจุดเด่นที่ทำให้สังเกตเห็นร้านได้ง่ายขึ้น
เมื่อมาถึงหน้าร้าน กลิ่นหอมจากของย่างและหมูตุ๋นก็ปะทะเข้าจมูกทันที ที่นี่ประกอบอาหารขึ้นจากครัวเปิดที่ตั้งอยู่กลางร้าน ที่นั่งส่วนใหญ่จึงเป็นบาร์ล้อมรอบครัว ยามนั่งกินดื่มจึงได้บรรยากาศที่แตกต่าง เพราะเมื่อมองไปรอบๆ ก็จะเห็นทั้งพ่อครัวที่กำลังทำอาหาร และวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นที่นั่งพูดคุยกันยามดึก
และเนื่องจากเจ้าของร้านเท็ดจัง (Techan) เคยเป็นผู้บันทึกภาพละครเวทีระคุโกะ (Rakugo) ซึ่งเป็นการแสดงดั้งเดิมของญี่ปุ่น ลูกค้าส่วนใหญ่ของที่นี่จึงเป็นคนจากวงการสื่อ (Media) ซึ่งจะมีบุคลิกที่แตกต่างจากพนักงานบริษัททั่วไป การมานั่งที่ร้านจึงให้บรรยากาศที่ไม่เหมือนกับอิซากายะร้านอื่นๆ และอาจทำให้คุณได้เพื่อนใหม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับไปอีกด้วย
THING TO DO: ลองสั่งชุด HOPPY เบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์กับโชจูที่จะเสิร์ฟมาแบบให้เราผสมเองได้ตามความชอบ ราคา 630 เยน
Info
Hour: Mon-Fri (15:00~23:00) Sat-Sun (15:00~23:00)
Address: 1-1-2 Kichijoji Honcho Musashino Tokyo
How to go: 68 เมตรจาก Kichijoji Station
Map
ICHIEN l ร้านราเมนและเกี๊ยวซ่า
ร้านอิชิเอ็ง (Ichien) เปิดครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1979 ก่อนจะย้ายมาเปิดกิจการที่คิชิโจจิเมื่อ 24 ปีก่อน ที่นี่จึงเป็นร้านอาหารเก่าแก่แบบดั้งเดิมที่ควรค่าแก่การมาลองอย่างแท้จริง มีที่นั่งเป็นบาร์หน้าครัวเพียงแค่ 6 ที่ นอกจากจะมองเห็นกระบวนการทำอาหารทั้งหมดได้ในระยะใกล้สุดๆ แล้ว ยังสามารถเสิร์ฟอาหารหอมกรุ่นจากเตามาถึงโต๊ะได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีอีกด้วย
ราเมนของที่นี่เป็นราเมนสูตรโตเกียวรสชาติดั้งเดิม น้ำซุปปรุงจากกระดูกหมูและไก่ แม้แต่เส้นก็ทำเอง จึงทำให้มีขนาดกำลังดี แต่เมนูที่โดดเด่นกว่าคือเกี๊ยวซ่าชิ้นยักษ์ ที่มีขนาดใหญ่กว่าเกี๊ยวซ่าทั่วไปถึง 3 เท่า แถมไม่ใช่แค่ใหญ่เพื่อการตลาดเท่านั้น แต่เป็นสูตรเฉพาะที่อร่อยลงตัว ตัวเกี๊ยวนั้นทั้งนุ่มและกรอบ ส่วนตัวไส้ประกอบไปด้วยกะหล่ำปลี กุยช่าย หัวไชเท้าซอยตากแห้ง และหมู รสชาติลงตัวสุดๆ แต่สำหรับใครที่ชอบชิ้นเล็กขนาดพอดีคำที่นี่ก็มีเช่นกัน แต่ต้องขอบอกว่าจะให้รสชาติที่แตกต่างกันออกไป นั่นคือมีแป้งที่บางกว่าไส้ด้านในให้ความรู้สึกที่ชุ่มฉ่ำกว่า เกี๊ยวซ่าร้านนี้เลือกใช้เนื้อหมูฮักกินทง (Hakkinton) เกรดแพลตตินั่มจากจังหวัดอิวะเตะ (Iwate) ที่เลี้ยงแบบธรรมชาติบนภูเขา กินน้ำจากธรรมชาติที่มีแร่ธาตุสมบูรณ์เป็นอาหาร เมื่อวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมมาเจอกับการปรุงอาหารอย่างประณีตด้วยมือทุกขั้นตอนตั้งแต่การนวดแป้ง รสชาติจึงอร่อยจนไม่ต้องพูดถึง
THING TO DO: สำหรับคนกินจุ ต้องลองสั่งราเมน เกี๊ยวซ่า และข้าวมากินพร้อมกันเป็นเซ็ตคนญี่ปุ่นแนะนำว่าเป็นชุดอาหารที่เข้ากันมากๆ เลยละ
Info
Hour: 11:00~22:30 หยุดวันพุธ
Address:2-21-10 Kichijoji Honcho Musashino Tokyo
How to go:368 เมตรจาก Kichijoji Station
Map
OKUWA ZAKAYA l ร้านอิซากายะ
ร้านนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบเสียงดังและความวุ่นวายของร้านอิซากายะทั่วๆ ไปเป็นที่สุด เพราะเป็นร้านกินดื่มในชั้นใต้ดินที่เงียบเชียบเรียบร้อยมากๆ บริหารงานโดยสองสามีภรรยาผู้รักการเดินทาง ออกค้นหาเมนูถูกปากมาดัดแปลงเป็นอาหารฟิวชั่นน่าตาน่ากินคอยเสิร์ฟให้กับลูกค้าด้วยตัวเองโดยไม่จ้างพนักงานเลย คนไทยที่ได้ลองมาที่นี่ต้องถูกใจอาหารร้านนี้แน่ๆ เพราะเป็นอาหารฟิวชั่นที่มีรสชาติเข้มข้นและจัดจ้าน ซึ่งต่างจากอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ส่วนเครื่องดื่มที่ให้บริการก็มีหลากหลาย ทุกประเภทที่เลือกมาล้วนถูกทดลองชิมจนเป็นที่ถูกใจก่อนนำมาเสิร์ฟให้ลูกค้า จึงเป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่นในย่านนี้ จนมีลูกค้าขาประจำมากมายโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิงที่รู้สึกว่ามาที่นี่ได้อย่างสบายใจและปลอดภัย
ภายในร้านสามารถจุลูกค้าได้ประมาณ 20 คน มีบาร์ให้นั่งดื่มได้ และเปิดเพลงสากลในยุค 70s ที่ฟังสบายๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน เมื่อบวกกับบริการที่ดีมากๆ แล้ว ร้านนี้เป็นอีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเลย
THING TO DO: “ห้ามส่งเสียงดัง” เป็นกฎเหล็กของที่นี่ เพื่อรักษาบรรยากาศของร้านที่ดีไว้ให้คงอยู่ตลอดไป ไม่ใช่ถึงกับห้ามคุยกันแต่อย่างใด แค่อย่าตะโกนหรือส่งเสียงโวยวายเท่านั้นเอง
Info
Hour: 18:00~24:30
Address:2-6-1 Kichijoji Minamicho Musashino Tokyo
How to go:183 เมตรจาก Kichijoji Station
Map
PEPA CAFE FOREST l ร้านอาหารไทย
ร้านอาหารไทยชื่อดังแห่งนี้ ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะอิโนะคะชิระ (Inokashira) ตัวร้านนั้นล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่จนเหมือนกับว่าร้านนี้ตั้งอยู่ในป่าจริงๆ หากได้มาเดินเล่นที่สวนในช่วงมื้อกลางวัน ก็จะเห็นหางแถวยาวเพื่อต่อคิวรอเป็นประจำทุกวัน เพราะรสชาติของอาหารไทยร้านนี้จัดจ้านอร่อยเหมือนอาหารไทยจริงๆ แต่ยังคงแฝงกลิ่นอายของอาหารญี่ปุ่นฟิวชั่นไว้เล็กน้อย
บรรยากาศภายในร้านกว้างขว้างเปิดโล่ง ทำให้ซึมซับกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ มีเมนูแนะนำเป็น “ข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว” ที่เพิ่มความเผ็ดได้ตามความชอบ และ “เสือร้องไห้” หรือเนื้อย่างติดมันนุ่มลิ้น กินคู่กับมันฝรั่งทอดรสลาบและน้ำจิ้มแจ่ว ก่อนจะปิดท้ายด้วยขนมหม้อแกงที่ทำจากเผือก ราดด้วยครีมกะทิแม้รสชาติจะไม่เหมือนขนมหม้อแกงจริงๆ เท่าไหร่ แต่ก็มีรสชาติหอมมันหวานตามสไตล์ขนมไทยเช่นกัน
THING TO DO: ตัวร้านนี้ตั้งอยู่บนเนินดินที่สูงกว่าพื้นที่ทั่วไป มองออกไปจึงเห็นบึงน้ำของสวนและต้นซากุระชัดเจน เหมาะสำหรับการชมวิวช่วงที่ซากุระบานที่สุด
บรรยากาศของสวนอิโนะคะชิระที่คุณจะได้สัมผัสเมื่อมาเยือนร้านนี้
Info
Hour: Mon- Sun 12: 00 ~ 22: 00 (Food L.O.21: 00, Drink L.O.21: 30)
Address: 4-1-5 Inokashira Mitaka Tokyo
How to go: 539 เมตรจาก Kichijoji Station
Map