แต่ไหนแต่ไรฉันไม่ใช่ติ่งน้ำแข็งไสสักเท่าไหร่ เพราะความเย็นเฉียบของขนมหวานประเภทนี้มักทำให้มีอาการปวดจมูกทรมาน จนมาระยะหลังที่น้ำแข็งไสถูกพัฒนาไปไกล ไม่ใช่แค่ก้อนน้ำแข็งใหญ่ๆ นำมาไสแล้วราดน้ำหวาน แต่เกล็ดน้ำเย็นๆ กลายเป็นเกล็ดน้ำหลากรสเบานุ่ม ตกแต่งด้วยซอสสารพัด และมีเครื่องเคียงให้เลือกมากมาย ยิ่งเมื่อเทรนด์ขนมจากญี่ปุ่นมาแรงในบ้านเรา คากิโกริ (kakigori) หรือน้ำแข็งไสสไตล์ญี่ปุ่นรสชาติแปลกๆ มาท้าทายให้เราลองชิมลิ้มรสกันอย่างเพลิดเพลิน ไหนจะรสซากุระ รสชาเขียว รสบ๊วย และรสแปลกๆ ที่คิดไม่ถึงอีกเพียบ ความเบานุ่มของน้ำแข็งไสยุคใหม่ทำให้กินง่ายขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น พอกินใกล้หมดถ้วยอาการหนาวสั่นก็มักตามมารังควานให้หมดอร่อยทุกที เมนูน้ำแข็งไสที่ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองสำหรับฉันจึงไม่น่าดึงดูดเท่าที่ควร

ความตื่นเต้นกับน้ำแข็งไสของฉันเกิดขึ้นจริงๆ จังๆ ตอนดูหนังเรื่อง Megane หนึ่งในหนังญี่ปุ่นที่ฉันชอบมาก ฉากของเรื่องอยู่บนเกาะเล็กเงียบๆ ในหมู่เกาะโอกินาว่า ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น เรื่องราวเกิดขึ้น ณ เกสต์เฮาส์แห่งหนึ่งบนเกาะ ที่นี่คุณป้าตัวเอกของเรื่องจะเดินทางมาพักอยู่ทุกปีตลอดช่วงฤดูร้อน ไม่ได้มาอยู่เฉยๆ คุณป้าเปิดร้านค้าเฉพาะกิจขึ้นในระหว่างนั้นด้วย เป็นร้านทรงกล่องไม้ขนาดย่อมตั้งอยู่ริมหาด หันหน้าออกสู่ทะเล ขายน้ำแข็งไสใส่ถั่วแดงต้มราดน้ำเชื่อมเพียงเมนูเดียว เรียบง่ายและสุดแสนธรรมดา แต่พอได้เห็นวิธีที่คุณป้าพิถันพิถันต้มถั่วแดง ก็อดจินตนาการตามไม่ได้ว่าน้ำแข็งไสธรรมดานี้ต้องอร่อยแน่ อ้อ…แต่คุณป้าไม่ได้ขายน้ำแข็งไสแลกเงินนะ คนที่อยากกินน้ำแข็งไสถั่วแดงดับร้อนต้องมีของมาแลก อาจเป็นผักที่ปลูกเอง กระดาษพับเป็นรูปสัตว์ หรือมานั่งเล่นดนตรีให้ฟัง น่ารักจริงๆ ที่เล่ามาทั้งหมดนี้เป็นแค่ร้านสมมติที่อยู่ในหนัง ร้านที่เราเอาของไปแลกน้ำแข็งไสคงไม่มีอยู่จริง แต่ร้านน้ำแข็งไสเล็กๆ บ้านๆ ที่ให้อารมณ์อบอุ่นแบบนั้น ใครจะรู้สักวันเราอาจไปเจอเข้าก็ได้

การไปประเทศญี่ปุ่นครั้งล่าสุดของฉันตรงกับช่วงหน้าร้อนค่ะ ฉันไม่ชอบอากาศหนาว และอยากไปญี่ปุ่นแบบไม่ต้องใส่เสื้อผ้าหลายๆ ชั้นดูสักครั้ง ใครๆ ก็บอกว่าฤดูร้อนที่ญี่ปุ่นโหดมาก ก็ยังอยากลองไปให้รู้ ฉันตัดสินใจจัดทริปคราวนี้แบบเฉียบพลัน มีจุดหมายที่งาน Alps Book Camp งานแฟร์ขนาดย่อมที่มีร้านหนังสือและร้านต่างๆ มาตั้งแคมป์ขายของกันริมทะเลสาบท่ามกลางขุนเขาในจังหวัดนากาโน่ ช่วงสิบกว่าวันที่ไป อากาศร้อนมากจริงๆ จนเป็นข่าวในบ้านเรา แต่โชคดีที่ไม่มีฝนหรือพายุ สถานที่จัดงาน Alps Book Camp คือริมทะเลสาบคิซากิ ซึ่งคงจะคึกคักมากกว่าในฤดูหนาว แต่ฤดูนี้ค่อนข้างเงียบเหงา ในละแวกนี้มีร้านสะดวกซื้ออยู่ร้านเดียว นอกจากบริเวณที่จัดงาน เราเดินไปตามถนนก็แทบไม่เจอคนหรือรถ ฉันใช้เวลาอยู่ที่งานสองวัน แล้วออกจากงานเตรียมกลับเข้าเมืองตอนเที่ยงวัน ซึ่งต้องเดินเท้าไกลเกือบสองกิโลเมตร เดินเลาะริมทะเลสาบมาได้ครึ่งทางก็เห็นร้านเหมือนบ้านเล็กๆ ที่มีป้ายตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นแปลว่าน้ำแข็งไสห้อยอยู่

ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปแบบไม่รีรอ ในร้านเล็กๆ นั้นตกแต่งแบบน่ารักอบอุ่นเหมือนบ้าน เป็นร้านที่ดูมีชีวิตชีวามากเมื่อเทียบกับเมืองเหงาๆ มีช่องกระจกเปิดรับวิวทะเลสาบ เมนูน้ำแข็งไสมีให้เลือกสามรสคือ บลูเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี และชาเขียว ปกติฉันคงไม่เลือกบลูเบอร์รี ถ้าเช้าวันนั้นไม่บังเอิญเดินไปเจอต้นบลูเบอร์รีที่ออกลูกเต็มต้นระหว่างทาง ฉันเดาไม่ถูกว่าน้ำแข็งไสบลูเบอร์รีจะมีหน้าตายังไง แค่ตอนนั้นต้องการความเย็นมาช่วยดับร้อนเท่านั้น เจ้าของร้านยกน้ำแข็งไสมาเสิร์ฟพร้อมรอยยิ้ม มันเป็นแค่เกล็ดน้ำแข็งใสๆ ราดซอสสีแดง และโรยผลบลูเบอร์รีสดเท่านั้น เพียงเท่านั้นจริงๆ ไม่มีอะไรหวือหวาให้น่าตื่นเต้น แต่มันกลับอร่อยมาก น้ำซอสไม่หวานแต่อมเปรี้ยว บลูเบอร์รีสดกัดแล้วชุ่มฉ่ำสดชื่นมาก ฉันกำลังนั่งกินน้ำแข็งไสอยู่ในกระท่อมเล็กๆ ริมทะเลสาบท่ามกลางอากาศร้อนแสงแดดแรงจ้า แล้วจู่ๆ ก็คิดถึงร้านของคุณป้าในหนังขึ้นมา รู้สึกดีใจที่ได้มาญี่ปุ่นหน้าร้อน ดีใจที่ไม่เชื่อคำเตือน ดีใจที่เราต้องเดินเป็นกิโลๆ เพราะยิ่งเหนื่อย ยิ่งร้อน แต่ละคำก็ยิ่งชื่นใจไม่ปวดจมูก กินหมดถ้วยก็ไม่หนาวสั่น เพราะน้ำแข็งไสจะอร่อยที่สุดเมื่อได้กินตอนเหนื่อยๆ ร้อนๆ นั่นเอง

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ