ในภูมิภาคคันไซมีสถาปัตยกรรมหลายจุดที่น่าไปเยือน โดยเฉพาะการได้มาเยือนถึงถิ่นของอันโดะ ทะดะโอะ (Tadao Ando) ด้วยเหตุที่อันโดะเป็นคนคันไซงานของเขาในแถบนี้จึงจัดว่าเยอะเลยทีเดียว ถ้าตั้งใจจะมาชมงานคอนกรีตเปลือยของอันโดะนั้น ก็ถือว่าคุ้มค่าในเดินทางมาคันไซ

ห่างจากตัวเมืองโกเบมีอีกงานที่น่ามาชม ไม่ใช่งานของอันโดะ แต่เป็นสะพานโครงสร้างแขวนที่ยาวที่สุดในโลกคือ สะพานอะคะชิไคเคียว (Akashi Kaikyo Bridge) มีความยาวถึง 3,991 เมตร และช่วงกลางสะพานใต้โครงแขวนยาวกว่า 1,991 เมตร สะพานนี้ทำหน้าที่เชื่อมเมืองโกเบกับเมืองอิวายะ (Iwaya) บนเกาะอะวะจิ (Awaji Island) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) สู่ช่องแคบอากาชิ ทำให้เกาะอะวะจินี้มีลักษณะเป็นทางผ่าน แต่เดิมไม่ได้มีจุดดึงดูดอะไรแก่นักท่องเที่ยวให้แวะชมอะไรนัก แต่เมื่อ 20 กว่าปีก่อน มีการเริ่มโครงการ “อะวะจิ ยุเมะบุไต (Awaji Yumebutai)” เพื่อกระตุ้นเกาะนี้ขึ้นมา

อะวะจิ ยุเมะบุไต (Awaji Yumebutai)

เนื่องจากทางตะวันออกบนเชิงเขาของเกาะอะวะจิได้ถูกขุดดินเพื่อไปถมทะเลสร้างแผ่นดินใหม่ในอ่าวโอซาก้า รวมถึงนำไปสร้างเกาะเทียมสำหรับสนามบินนานาชาติคันไซที่ เรนโซ เปียโน (Renzo Piano) สถาปนิกอิตาลี ได้ออกแบบไว้เช่นกัน จากการขุดดินครั้งนั้นเมื่อช่วงปี ค.ศ. 1990 ได้มีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้กลายเป็นสวนสาธารณะ แต่เมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ. 1995 อันโดะเป็นสถาปนิกที่ได้รับมอบหมายให้พัฒนาพื้นที่ตรงนี้ จึงเสนอไอเดียให้นอกจากเป็นศูนย์รวมหลายกิจกรรม ทั้งศูนย์การประชุม โรงแรม เรือนกระจกที่รวบรวมพันธุ์ไม้ต่างๆ และสวนสาธารณะที่เขาเสนอให้เปลี่ยนเป็นอนุสรณ์สถานจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่นั้นในชื่อว่า “เฮียะคุดาเนง (Hyakudanen)”

เฮียะคุดาเนง (Hyakudanen)

เฮียะคุดาเนง เป็นสวนที่น่ามาเยือนสำหรับผู้สนใจงานออกแบบที่ผสานตัวสถาปัตยกรรมเข้ากับธรรมชาติที่พิเศษจากคอนกรีตเปลือยและรายละเอียดจากวัสดุพิเศษ เฮียะคุดาเนง แปลได้ว่า “สวนร้อยขั้น” ประกอบด้วยกระถางต้นไม้คอนกรีตสี่เหลี่ยมจัตุรัสจำนวนมากมายละลานตา ที่ออกแบบให้ลาดเอียงไปตามพื้นที่เชิงเขาบนเกาะ แต่ละกระถางถูกเชื่อมกันด้วยขั้นบันไดกว่า 1,575 ขั้น การเข้ามาชมสวนดอกไม้ในดงคอนกรีตจึงต้องค่อยๆ มอง และซึมซับบรรยากาศของเหล่าดอกไม้ผ่านการเดินขึ้นลงขั้นบันได แต่ถ้าไม่อยากเมื่อยนัก สามารถใช้ลิฟท์ขึ้นไปยังสวน แล้วเดินลงมาก็ได้เช่นกัน

Awaji Yumebutai

นอกจากการชมเฮียะคุดาเนงแล้ว งานในส่วนอื่นก็มีความน่าสนใจเช่นกัน บริเวณติดกับสวนจะมี Observation Terrace ที่เป็นพื้นที่สำหรับร้านค้า ร้านอาหารให้กับผู้มาเยือน ส่วนนี้ออกแบบให้เป็นทางเดินยาวจากสวน ตัวอาคารเป็นก้อนคอนกรีตสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวขนานไปกับเส้นลาดเอียงเชิงเขา และมีจุดน่าสนใจคือ คอร์ตกลางรูปวงรีที่ใช้เป็นตัวหยุดเส้นทางการเดิน ให้แวะชมแสงเงาที่สาดเข้ามายังผนังคอนกรีตเปลือยโค้ง ที่มิติของแสงเงาจะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของวัน ทำให้ผนังโค้งดูมีชีวิต ลดความกระด้างของตัวคอนกรีต แสงที่กระทบบนคอนกรีตนี้จึงทำตัวเป็นนาฬิกาแดดไปในตัว

จาก Observation Terrace สามารถเดินเชื่อมต่อไปยังโรงแรมเวสติน สำหรับส่วนที่ไม่ควรพลาดก่อนจะกลับคือ ตามทางเดินไปยังโถงโรงแรมมีภาพสเก็ตมากมายของงานนี้จากมือของอันโดะใส่กรอบให้ชม จากลายเส้นแบบร่างเหล่านี้ทำให้เห็นความพยายามเชื่อมโยงธรรมชาติในงานออกแบบของเขา

Observation Terrace

อะวะจิ ยุเมะบุไต

ธรรมชาติเป็นสิ่งที่อันโดะพยายามตีความและนำเสนอในงานออกแบบของเขาอยู่เสมอ การตีความประเด็นนี้ถูกปรับเปลี่ยนไปตามเงื่อนไขว่าธรรมชาติสำหรับงานนั้นคืออะไร อาจจะเป็นแสง อากาศ ต้นไม้ เนินดิน หิน ซึ่งธรรมชาติในงานสถาปัตยกรรมที่อันโดะมอง น้ำเป็นส่วนประกอบที่อันโดะมองว่าเป็นอีกธรรมชาติที่นำเข้ามาใช้ในงานเสมอ ในงานนี้การใช้ผืนน้ำขนาดใหญ่ทำให้คอนกรีตดูลดความกระด้างลงให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติมากขึ้น ส่วนพิเศษคือท้องสระน้ำประดับด้วยการฝังเปลือกหอย ที่มองไปแล้วได้ความรู้สึกถึงการเชื่อมโยงทะเลเข้ากับภูเขา เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของสถานที่ด้วยของในท้องถิ่น

“ยุเมะ” แปลว่า ความฝัน

“บุไต” แปลว่า เวที

อะวะจิ ยุเมะบุไต คงเป็นเวทีแห่งความฝัน เป็นเวทีคอนกรีตที่รอให้ผู้เข้าชมมาเยือนและเข้าถึงความรู้สึกนึกคิดของอันโดะผ่านเส้นทางคอนกรีตเปลือย
info
Awaji Yumebutai
Website : www.yumebutai.co.jp

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ