Hotel Designed by Kengo Kuma : 11 โรงแรมที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง เคนโกะ คุมะ
11 โรงแรมที่ออกแบบโดย เคนโกะ คุมะ
เคนโกะ คุมะ (Kengo Kuma) เป็นสถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เรียกได้ว่าในวงการสถาปัตยกรรมนั้นไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินชื่อของเขาอย่างแน่นอน โดยหนึ่งในผลงานที่สำคัญสำหรับ เคนโกะ คุมะ มากก็คืองานออกแบบสนามกีฬาแห่งชาติญี่ปุ่น (Japan National Stadium) สำหรับการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิก 2020 ซึ่งนอกจากสนามกีฬา ร้านอาหาร ห้องสมุด หรือกระทั่งสิ่งก่อสร้างอื่นๆ แล้ว สถาปนิกชื่อดังคนนี้ก็ยังมีผลงานออกแบบโรงแรมอีกมากมายหลายแห่งในญี่ปุ่น วันนี้เราเลยคัดเลือกและรวบรวมโรงแรมเหล่านั้นมาไว้ด้วยกัน 11 แห่งให้ทุกคนได้ไปชมพร้อมๆ กัน ถ้าอยากรู้ว่าโลกที่ เคนโกะ คุมะ มองเห็นนั้นเป็นอย่างไร ผลงานที่เขาได้สร้างสรรค์ขึ้นมานั้นจะน่าดึงดูดและน่าทึ่งขนาดไหน ต้องลองไปดูกันเลย
ฮอกไกโด
01 One Niseko Resort Towers
ภาพ: oneniseko.com
มาเริ่มกันที่ One Niseko Resort Towers โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในสกีรีสอร์ทนิเซโกะ (Niseko) จังหวัดฮอกไกโด โดยจุดเด่นของที่นี่อย่างแรกเลยก็คือบริเวณทางเข้าที่สร้างโดยใช้ไม้จำนวนมาก ไอเดียนี้มาจากความเชื่อของชาวไอนุ ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในจังหวัดฮอกไกโดที่เชื่อว่าในธรรมชาตินั้นมีพระเจ้าสถิตอยู่ มักจะสร้างที่อยู่อาศัยโดยคำนึงเสมอว่าต้องใช้ไม้ให้คุ้มค่าที่สุด และเคนโกะ คุมะก็ได้ยึดเอาความคิดนั้นเป็นแนวทาง สร้างโรงแรมโดยใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก ออกแบบให้มีดีไซน์ที่สวยงามและกลมกลืนไปกับธรรมชาติ
ภาพ: oneniseko.com
และแน่นอนว่าในห้องพักเองก็ออกแบบโดยใช้ไม้เป็นวัสดุหลักเช่นเดียวกัน โดยห้องพักในรูปชื่อว่าห้อง ONE Suite เป็นห้องพักห้องเดียวในโรงแรมแห่งนี้ที่เคนโกะ คุมะเป็นคนออกแบบขึ้นมา และเนื่องจากภายในห้องนั้นโอบล้อมไปด้วยสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง ทำให้บรรยากาศในห้องนั้นดูอบอุ่น ราวกับกำลังได้นอนหลับพักผ่อนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เต็มไปด้วยแมกไม้เลยทีเดียว
อีกห้องหนึ่งที่อยากแนะนำก็คือ Penthouse เป็นห้องพักหรูที่ได้รับความนิยมจากผู้เข้าพักเป็นอย่างมาก ภายในห้องจะมีโซฟาตั้งไว้หลายตัว พร้อมทั้งยังมีระเบียงให้เราได้เดินออกไปชมทิวทัศน์สวยๆ ด้านนอกอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นห้องนี้ยังมีขนาดกว้าง มีสุขาและห้องอาบน้ำอย่างละ 2 ห้อง เตียงเดี่ยว 6 เตียงและฟูกนอน 2 ชุด แม้จะมากันเป็นกลุ่มใหญ่ก็สามารถเข้าพักได้สบายๆ เลย
ภาพ: oneniseko.com
หากได้มาพักที่โรงแรมแห่งนี้แล้วก็ไม่ควรพลาด Gallery Cafe อีกหนึ่งสถานที่ที่ออกแบบโดยเคนโกะ คุมะ เป็นคาเฟ่ที่มีทั้งอาหาร ของหวาน และเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟ แถมยังมีดีไซน์ที่งดงามแปลกตา โดยบริเวณกำแพงด้านหนึ่งของคาเฟ่จะมีลักษณะเป็นชั้นหนังสือ สามารถวางหนังสือเรียงรายกันได้ เป็นอีกจุดหนึ่งที่ดูสวยงาม น่าสนใจ และน่าถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ภาพ: oneniseko.com
นอกจากห้องพักและคาเฟ่สวยๆ แล้ว บริเวณชั้น 3 ของตึก West Tower ยังมีออนเซ็นเปิดให้บริการอีกด้วย ซึ่งออนเซ็นแห่งนี้เป็นบ่อที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนคาร์บอเนต ช่วยขจัดความสกปรกออกจากรูขุมขนได้เป็นอย่างดี ห้องแช่ออนเซ็นเองก็ใช้ไม้เป็นวัสดุ ดูสวยงามและเข้ากับต้นไม้ด้านนอก หากต้องการคลายความเหนื่อยล้าก็สามารถมาแช่น้ำร้อนผ่อนคลายสบายๆ ที่นี่ได้
One Niseko Resort Towers
Location: แขวงอาบุตะ (Abuta) จังหวัดฮอกไกโด
Price: เข้าพัก 2 คน เริ่มต้น 8,832 เยน
Nearest Station: สถานีนิเซโกะ (Niseko Station)
Access: จากสถานีนิเซโกะ นั่งแท็กซี่ประมาณ 11 นาที
Website: oneniseko.com
02 WE Hotel Toya
ภาพ: www.j-hotel.or.jp
ต่อมาได้แก่ WE Hotel Toya เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่บนที่สูง มองเห็นทิวทัศน์ของทะเลสาบโทยะ (Lake Toya) ได้อย่างชัดเจน โดยโรงแรมแห่งนี้ ในอดีตเคยเป็นสถานสวัสดิการสังคมมาก่อน เคนโกะ คุมะก็ได้บรรจงออกแบบขึ้นมาใหม่ ใช้ไม้เป็นวัสดุหลักเพื่อสร้างบรรยากาศให้รู้สึกอบอุ่น นำเอาความเป็นญี่ปุ่นสมัยใหม่มาผสมผสานกับธรรมชาติอันสวยงามของทะเลสาบโทยะ จนในที่สุดโรงแรมที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งนี้ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
ห้องพักแบบแรกได้แก่ Lake View Twin เป็นห้องเตียงคู่ มีอ่างอาบน้ำกลางแจ้งในตัว และเนื่องจากภายในห้องนั้นออกแบบด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีโทนสีที่งดงามเป็นธรรมชาติ มองแล้วสบายตา อีกทั้งยังมีหน้าต่างบานใหญ่พร้อมเบาะนั่งริมหน้าต่างอีกด้วย วันไหนว่างๆ ก็ลองไปนั่งเพลินๆ ดื่มด่ำกับทิวทัศน์ของทะเลสาบโทยะได้
ห้องต่อมาก็เป็นห้องที่ดูสวยงามแบบธรรมชาติและมีโทนสีที่สบายตาเช่นกัน ได้แก่ Lake View King มาพร้อมมุมนั่งเล่นที่กว้างขวาง เตียงขนาดใหญ่ และอ่างอาบน้ำกลางแจ้ง ระหว่างที่แช่น้ำก็สามารถชมวิวอันงดงามของทะเลสาบโทยะไปเพลินๆ ได้ หลังอาบน้ำเสร็จก็มานั่งพักผ่อนสบายๆ ในห้อง รับรองเลยว่าคลายความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดีแน่นอน
และสถานที่ที่แฟนพันธุ์แท้ของเคนโกะ คุมะห้ามพลาดเลยก็คือห้องอาหาร โดยห้องนี้จะมีการสร้างลวดลายและสัมผัสที่เป็นสามมิติขึ้นมา เป็นการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ สร้างความตื่นเต้นให้แก่ผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี และถึงแม้จะเป็นดีไซน์ที่แปลกตาแต่ในขณะเดียวกันก็สามารถกลมกลืนกับธรรมชาตินอกหน้าต่างได้อย่างเหลือเชื่ออีกด้วย
ภาพ: www.architonic.com
อีกหนึ่งการออกแบบที่เคนโกะ คุมะได้สร้างสรรค์ขึ้นมาก็คือผนังและเพดานห้องล็อบบี้ เป็นการดีไซน์ผ้าให้ออกมามีลักษณะคล้ายรูปคลื่น เห็นแล้วทำให้นึกถึงมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยเกลียวคลื่นเลยทีเดียว เป็นห้องโถงที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยความงดงาม น่าถ่ายรูปเก็บไว้ทุกมุมจริงๆ
WE Hotel Toya
Location: แขวงอาบุตะ (Abuta) จังหวัดฮอกไกโด
Price: เข้าพัก 2 คน เริ่มต้น 38,000 เยน
Nearest Station: สถานีโทยะ (Toya Station)
Access: จากสถานีโทยะ นั่งแท็กซี่ประมาณ 23 นาที
Website: www.wehoteltoya.com
03 Memu Earth Hotel
มาต่อกันที่อีกหนึ่งโรงแรมบนเกาะฮอกไกโด Memu Earth Hotel เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยผลงานจากสถาปนิกชาวญี่ปุ่นชื่อดังหลายท่าน นอกจากเคนโกะ คุมะ ก็ยังมีอิโต โทโยโอะ (Toyo Ito) โดยจุดมุ่งหมายของโรงแรมแห่งนี้คือให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสถึงธรรมชาติอย่างเต็มที่ บ้านพักแต่ละหลังล้วนใช้ทรัพยากรหมุนเวียนเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เรียกได้ว่าเป็นโรงแรมที่ให้ความสำคัญต่อธรรมชาติมากทีเดียว
ภาพ: memu.earthhotel.jp
บ้านพักในโรงแรมแห่งนี้มีทั้งหมด 5 หลัง แต่ละหลังก็จะแตกต่างกันออกไป ซึ่งบ้านพักที่เรายกมาแนะนำในครั้งนี้ได้แก่ Meme สร้างขึ้นโดยมีไอเดียมาจากที่พักของชาวไอนุ แต่มีการออกแบบขึ้นใหม่โดยนำเอาเทคโนโลยีปัจจุบันมาปรับใช้ให้ดูทันสมัยมากขึ้น ภายในจะค่อนข้างกว้างคล้ายกระโจมสีขาวขนาดใหญ่ ซึ่งโดยปกติแล้วบ้านพักที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะนั้นจะเป็นพื้นที่ปิด บรรยากาศรอบข้างจะค่อนข้างมืด แต่ที่บ้านพัก Meme แห่งนี้แสงอาทิตย์จะสามารถลอดผ่านเข้ามาได้อย่างทั่วถึง ภายในห้องสว่างสดใสและอบอุ่น แม้ในฤดูหนาวก็สามารถเข้าพักได้อย่างไร้กังวล
ภาพ: memu.earthhotel.jp
ต่อมาได้แก่ HORIZON HOUSE เป็นบ้านพักอีกหนึ่งหลังที่น่าสนใจ สร้างขึ้นในธีม RETREAT IN NATURE หรือก็คือการหลีกหนีความวุ่นวายในชีวิตประจำวันมาอาศัยอยู่ในธรรมชาตินั่นเอง ห้องด้านในจะเชื่อมติดกันเป็นพื้นที่กว้าง ทำให้สามารถกวาดตามองทิวทัศน์นอกหน้าต่างได้รอบด้าน ซึ่งด้านนอกก็จะเป็นภาพของทุ่งหญ้ากว้างสุดสายตา บางเวลาอาจเห็นสัตว์ต่างๆ เช่น กวางหรือสุนัขจิ้งจอกออกมาเดินเล่นอีกด้วย และพอเข้าสู่ฤดูหนาว ทุ่งหญ้าก็จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน เป็นอีกทิวทัศน์ที่งดงาม คนรักหิมะจะต้องชอบแน่นอน
ภาพ: memu.earthhotel.jp
และสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งก็คือ STUDIO MEMU เป็นสถานที่สารพัดประโยชน์ ซึ่งเป็นทั้งห้องอาหาร ร้านค้า ห้องสมุด และยังเป็นห้องทำเวิร์คช็อปอีกด้วย โดยที่จริงแล้ว STUDIO MEMU นั้นเคยเป็นคลังเสบียงอาหารสัตว์มาก่อน ได้ถูกนำมาออกแบบใหม่โดยอิโต โทโยโอะ กลายเป็นพื้นที่สาธารณะสุดทันสมัยที่ยังคงอบอวลไปด้วยบรรยากาศที่ชวนให้นึกถึงตอนเป็นเด็ก
บริเวณโดยรอบโรงแรมนั้นมักจะมีม้าเดินไปมาอยู่ตลอดเวลา เพราะจริงๆ แล้วเมื่อก่อนบริเวณนี้เคยเป็นฟาร์มสำหรับฝึกม้าแข่ง และปัจจุบันก็ได้สร้างขึ้นใหม่ กลายเป็นโรงแรมที่ดีไซน์สวยและทันสมัยอย่างที่เห็นกันในทุกวันนี้ ซึ่งทางโรงแรมก็ได้มุ่งสร้างพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นสถานที่ที่คนและสัตว์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข โดยมีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับสัตว์และธรรมชาติขึ้นมากมาย เช่น รถม้าลากเลื่อน รถสุนัขลากเลื่อน กิจกรรมเก็บผักบนเขา เป็นต้น ใครสนใจก็สามารถติดต่อกับทางโรงแรมได้เลย
Memu Earth Hotel
Location: แขวงฮิโรโอะ (Hiroo) จังหวัดฮอกไกโด
Price: เข้าพัก 2 คน เริ่มต้น 88,000 เยน
Access: ขับรถจากสนามบินโอบิฮิโระ (Obihiro Airport) ประมาณ 41 นาที
Website: memu.earthhotel.jp
โตเกียว
04 The Tokyo EDITION, Toranomon
มาต่อกันเลยกับ The Tokyo EDITION, Toranomon โรงแรมแบรนด์ EDITION แห่งแรกในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมชั้นนำจากเครือแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล มาพร้อมความหรูหราเหนือชั้น ไม่ว่าจะเป็นบริเวณทางเข้า ห้องพัก หรือห้องอาหาร โดยโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในตึกสูง ตั้งแต่ชั้นที่ 31-36 มีห้องพักรวมทั้งหมด 206 ห้อง ซึ่งเคนโกะ คุมะได้รับหน้าที่ออกแบบภายในตัวโรงแรมทั้งหมด รวมไปถึงห้องพักแต่ละห้องด้วย
ในรูปคือห้องพักที่ชื่อว่า Superior Suite เป็นห้องที่มีความกว้างทั้งหมด 70 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยเตียงคิงไซส์ 1 เตียง จากในห้องสามารถชมทิวทัศน์อันสวยงามของตึกในกรุงโตเกียวได้ชัดเจน การออกแบบภายในห้องก็ดูมีความเป็นเอกลักษณ์ มีการใช้ไม้กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นแนวตั้งดูสวยงาม นับเป็นอีกหนึ่งสไตล์การออกแบบที่แสดงถึงตัวตนของเคนโกะ คุมะได้เป็นอย่างดี
อีกห้องพักหนึ่งที่น่าสนใจได้แก่ Studio Terrace มีจุดเด่นคือระเบียงนอกห้อง ซึ่งเป็นระเบียงที่ค่อนข้างจะกว้างขวางมาก จึงใช้เป็นพื้นที่สำหรับชมวิวหรือคุยเล่นกับเพื่อนได้ อีกทั้งยังมีต้นไม้สีเขียวประดับไว้มากมายให้ผู้เข้าพักได้ชื่นชม บริเวณห้องครัวและอ่างล้างมือเองก็จะมีต้นไม้หรือดอกไม้ขนาดเล็กประดับไว้เพิ่มสีสันพองาม สร้างบรรยากาศให้ห้องดูน่ารักและอ่อนโยนขึ้น
และสถานที่สุดหรูอีกที่หนึ่งก็คือ Lobby Bar ภายในห้องจะประกอบไปด้วยเคาท์เตอร์ที่ทำจากหินสีขาว ล้อมรอบด้วยเก้าอี้จากผ้ากำมะหยี่สีเขียวสด อีกทั้งยังมีต้นไม้หลากชนิดประดับไว้รอบห้อง เรียกได้ว่าเป็นห้องที่ดึงเอาความงดงามของสีเขียวออกมาได้อย่างเต็มที่จริงๆ ซึ่งการออกแบบโดยใช้สีเขียวเป็นหลักแบบนี้ ก็เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่น่าสนใจของเคนโกะ คุมะเช่นเดียวกัน
นอกจาก Lobby Bar แล้ว บริเวณรอบสระว่ายน้ำก็มีการประดับต้นไม้สีเขียวไว้เช่นกัน โดยสีเขียวของต้นไม้นั้นจะกลมกลืนไปกับสีฟ้าของสระว่ายน้ำจนดูเข้ากันได้อย่างน่าตกใจ บริเวณใกล้กับเก้าอี้นั่งพักก็จะมีเทียนตั้งประดับไว้เพิ่มความหรูหรา เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เต็มไปด้วยความงดงาม ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของร่างกายและจิตใจได้เป็นอย่างดี
The Tokyo EDITION, Toranomon
Location: เขตมินาโตะ (Minato) กรุงโตเกียว
Price: เข้าพัก 2 คน เริ่มต้น 43,516 เยน
Nearest Station: สถานีคามิยะโจ (Kamiyacho Station)
Access: จากสถานีคามิยะโจ เดินประมาณ 2 นาที
Website: www.marriott.com
05 The Capitol Hotel Tokyu
ถัดมาได้แก่ The Capitol Hotel Tokyu เป็นโรงแรมที่นำเอาโครงสร้างแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมมาใช้ ผสมผสานกับความโมเดิร์นจนเกิดเป็นความงามแบบใหม่ที่น่าจับตามอง โดยบริเวณทางเข้าโรงแรมส่วนบนจะมีชายคาที่ทำจากไม้ยื่นออกมาเรียงรายกันเป็นแนวยาว เป็นดีไซน์ที่น่าสนใจ เพิ่มกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น ซึ่งแน่นอนว่าสถาปนิกที่ออกแบบก็คือเคนโกะ คุมะ โดยนอกจากทางเข้าแล้ว เขายังดูแลการออกแบบพื้นที่สาธารณะต่างๆ เช่น ล็อบบี้และบริเวณรอบนอกโรงแรมอีกด้วย
ห้องพักแบบแรกได้แก่ Deluxe King ประกอบไปด้วยเตียงคิงไซส์ 1 เตียง สามารถเข้าพักได้ 1-2 คน ภายในห้องมีการนำเอาประตูเลื่อนแบบญี่ปุ่นเข้ามาใช้เป็นตัวแบ่งห้อง ซึ่งเป็นเทคนิคการสร้างบ้านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่นอกจากจะทำให้ดูสวยงามแล้ว ยังทำให้ใช้งานสะดวกอีกด้วย
ห้องต่อมาได้แก่ Premier Corner Twin ภายในห้องนั้นเป็นเตียงคู่ สามารถเข้าพักได้มากที่สุด 3 คน โดยห้องนี้เป็นห้องที่มีโทนสีน้ำตาลเข้ม ดูหรูหราและทันสมัย อีกทั้งยังใส่ใจถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ลายบนกำแพงและลายวงกลมบนพื้นด้วย ความกว้างของห้องนอนและห้องน้ำก็กำลังดี อยู่สบายไม่อึดอัดแน่นอน
เมื่อเดินเข้าไปในล็อบบี้ สิ่งที่จะสะดุดตาเป็นอย่างแรกเลยก็คืออิเคบานะ (Ikebana) หรือการจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งผลงานการจัดดอกไม้นี้ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกเดือน ทำให้สามารถดื่มด่ำกับความงามของดอกไม้ในแต่ละฤดูได้ไม่ซ้ำกัน อีกทั้งดีไซน์ในห้องเองก็ยังงดงาม ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือกำแพงและเพดานที่ถูกออกแบบด้วยไม้รูปตาราง เรียกได้ว่านอกจากจะได้ชมดอกไม้สวยๆ แล้วยังได้ชมผลงานการออกแบบอันน่าตื่นตาตื่นใจของเคนโกะ คุมะอีกด้วย
นอกจากนี้ทางโรงแรมยังมีห้องสปาเปิดให้บริการ และแน่นอนว่าเป็นห้องที่ออกแบบให้มีทั้งความเป็นญี่ปุ่นและความโมเดิร์นมาผสมอยู่ด้วยกัน โดยจะมีให้เลือกทั้งห้องสปาแบบรวมและห้องสปาแบบเดี่ยว แต่ละห้องก็จะมีการประดับดอกไม้ชนิดต่างๆ เอาไว้เพื่อความสวยงาม เอาใจใส่ทั้งในเรื่องของการออกแบบ เสียง กลิ่น หรือกระทั่งเครื่องดื่ม นับเป็นสถานที่ที่สามารถเยียวยาความเหนื่อยล้าได้ดีทีเดียว
The Capitol Hotel Tokyu
Location: เขตจิโยดะ (Chiyoda) กรุงโตเกียว
Price: เข้าพัก 2 คน เริ่มต้น 47,540 เยน
Nearest Station: สถานีคกไค-กิจิโดมาเอะ (Kokkai-gijidomae Station)
Access: จากสถานีคกไค-กิจิโดมาเอะ เดินประมาณ 1 นาที
Website: www.tokyuhotelsjapan.com
ชิซูโอกะ
06 Atami Kaihourou
ภาพ: travel-noted.jp
มาต่อกันที่จังหวัดชิซูโอกะกับ Atami Kaihourou โรงแรมขนาดเล็กที่อัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ของกระจกและผิวน้ำ โดยแม้ห้องพักของที่นี่จะมีเพียง 4 ห้อง แต่ก็เป็น 4 ห้องที่สวยงามและมีบรรยากาศแตกต่างกันออกไป ผู้เข้าพักก็สามารถเลือกเข้าพักได้ตามความชอบ และต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าโรงแรมแห่งนี้มีการออกแบบที่งดงามมากจนเหล่าสถาปนิกทั่วโลกต้องชื่นชม เมื่อได้ก้าวเข้าไปข้างในตัวโรงแรมแล้วจะพบกับความสวยงามอันน่าตกตะลึง ราวกับเป็นโลกอีกใบเลยทีเดียว
ภาพ: travel-noted.jp ภาพ: hitotoki-hotel.com
ก่อนอื่นต้องขอแนะนำ LUXURY SUITE เซย์ฮะ เป็นห้องพักที่มีความกว้างมากถึง 90 ตารางเมตร ฝั่งหนึ่งของกำแพงจะถูกสร้างด้วยกระจกทั้งหมด ทำให้มองเห็นพื้นน้ำและทิวทัศน์ของอ่าวซางามิ (Sagami Bay) ที่อยู่ด้านนอกอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีอ่างอาบน้ำจากุชชี่ตั้งอยู่กลางแจ้งอีกด้วย เป็นห้องพักที่มีบรรยากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย แม้จะอยู่ในห้องก็สามารถสัมผัสแสงแดดและทะเลได้ตลอดเวลา
ภาพ: hitotoki-hotel.comภาพ: travel-noted.jp
อีกห้องหนึ่งที่อยากแนะนำได้แก่ WESTERN ROOM โชซัง เป็นห้องแบบตะวันตกที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เตรียมไว้ให้ครบครัน เตียงในห้องจะเป็นเตียงคู่ สามารถเข้าพักได้ 2 คน ซึ่งจุดเด่นของห้องนี้คือมีทิวทัศน์นอกหน้าต่างสวย นอกจากอ่าวซางามิ (Sagami Bay) แล้วยังมองเห็นสวนด้านนอกอีกด้วย พอตกกลางคืน ในสวนก็จะมีการจัดแสดงไฟสะท้อนกับต้นไม้เป็นสีสันต่างๆ ให้เราได้ชม
ภาพ: hitotoki-hotel.com
และสถานที่ที่เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของโรงแรมแห่งนี้เลยก็คือ Water Balcony เป็นผลงานของเคนโกะ คุมะที่โด่งดังมากชิ้นหนึ่ง ออกแบบโดยใช้น้ำกับกระจกเป็นหลัก โดยพื้นด้านล่างจะเต็มไปด้วยน้ำทั้งหมด เพราะฉะนั้นหากกวาดสายตามองแล้วก็จะเห็นเป็นภาพอันสวยงาม ราวกับว่าพื้นที่ที่เรายืนอยู่นั้นกำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลตรงหน้าเลยทีเดียว ซึ่งแขกของโรงแรมสามารถเข้ามารับประทานอาหารที่นี่ได้ หากเป็นวันที่มีเทศกาลดอกไม้ไฟ ก็สามารถรับประทานอาหารไปด้วย ชมดอกไม้ไฟสวยๆ ตรงหน้าไปด้วยได้
ภาพ: travel-noted.jp
นอกจากนี้ทางโรงแรมยังมีบ่อออนเซ็นให้แช่อีกด้วย เป็นออนเซ็นที่โอบล้อมไปด้วยกระจกขนาดใหญ่ เมื่อมองออกไปก็จะเห็นต้นไม้หลากชนิด และถ้าหากอยากสัมผัสบรรยากาศของออนเซ็นกลางแจ้งก็สามารถเปิดกระจกออกเพื่อดื่มด่ำกับแสงแดดเบาๆ ด้านนอกได้ โดยออนเซ็นแห่งนี้สามารถใช้งานได้ครอบครัวละ 50 นาที ใครอยากลองแช่ออนเซ็นส่วนตัวสบายๆ ก็สามารถเข้ามาใช้บริการกันได้เลย
Atami Kaihourou
Location: เมืองอาตามิ (Atami) จังหวัดชิซูโอกะ
Price: เข้าพัก 2 คน เริ่มต้น 70,400 เยน
Nearest Station: สถานีอาตามิ (Atami Station)
Access: จากสถานีอาตามิ เดินประมาณ 9 นาที
Website: www.atamikaihourou.jp
โอซาก้า
07 Hotel Royal Classic Osaka
ต่อมาได้แก่ Hotel Royal Classic Osaka โรงแรมที่เคนโกะ คุมะออกแบบขึ้นมาใหม่จากโรงละครคาบูกิเก่า โดยโรงแรมแห่งนี้มีคอนเซ็ปต์คือ เชื่อมต่อเวลาเข้าด้วยกัน มีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาวัฒนธรรมบ้านเมืองในญี่ปุ่น และสืบทอดให้วัฒนธรรมเหล่านั้นก้าวเข้าสู่โลกสมัยใหม่ต่อไป โดยการออกแบบก็จะนำเอาวัฒนธรรมดั้งเดิมและนวัตกรรมใหม่มาผสมผสานกัน บริเวณส่วนล่างของตึกนั้นก่อสร้างขึ้นใหม่โดยยึดเอาการออกแบบสไตล์หลังคามนโค้งของมุราโนะ โทโกะ (Togo Murano) เป็นหลัก และส่วนบนของตึกนั้นใช้ครีบอลูมิเนียมหลายแผ่นซ้อนกันให้เกิดเป็นลวดลายที่งดงาม เป็นการเพิ่มความทันสมัยเข้าไปในความดั้งเดิมได้อย่างลงตัว
ห้องพักแบบแรกที่จะขอหยิบมาแนะนำคือ Premium Twin/Double ภายในห้องนั้นจะถูกออกแบบไว้อย่างประณีต มีหน้าต่างบานสูงทำให้มองเห็นวิวด้านนอกได้ทั่วถึง อีกทั้งยังมีจุดเด่นตรงเพดานที่มีลักษณะเอียงเล็กน้อย โทนสีของกำแพงและพื้นก็จะค่อนไปทางสีเทา ดูหรูหราน่าเข้าพัก
ต่อมาคือห้อง Suite เป็นห้องที่ค่อนข้างกว้าง เต็มไปด้วยหน้าต่างบานใหญ่เรียงรายอยู่ข้างมุมนั่งเล่น ให้เราเพลิดเพลินกับวิวยามค่ำคืนของจังหวัดโอซาก้าได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้บานกั้นระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่นที่ทำมาจากไม้ก็ดูสวยงาม มีต้นไม้ประดับตกแต่งเล็กน้อย ทำให้สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นได้
อีกสถานที่ที่อยากแนะนำก็คือ KUMOKUMO เป็นบาร์ที่ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของโรงแรม เมื่อมองลงมาจากหน้าต่างจะเห็นทิวทัศน์แสงไฟระยิบระยับของตึกในจังหวัดโอซาก้า ซึ่งนอกจากทิวทัศน์จะสวยงามแล้ว บรรยากาศในร้านเองก็สวยงามมากเช่นเดียวกัน กำแพงในร้านจะเป็นกำแพงไม้สีโทนเข้ม เพดานจะออกแบบมาให้มีลักษณะคล้ายคลื่น ดูเป็นเอกลักษณ์และสร้างความตื่นเต้นให้แก่ผู้พบเห็น โซฟาเองก็นั่งสบาย ต้องบอกเลยว่าเหมาะจะใช้เป็นสถานที่สำหรับพบปะสังสรรค์มากๆ
และเสน่ห์ของโรงแรม Hotel Royal Classic Osaka ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ อีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจก็คือผลงานศิลปะที่ถูกจัดแสดงไว้ทั่วโรงแรม โดยจะมีผลงานศิลปะราว 100 ผลงานวางประดับไว้ในแต่ละพื้นที่ และหนึ่งในหลายผลงานนั้นก็มีกระทั่งผลงานทรงคุณค่าที่มีราคาหลายสิบล้านเยนจัดแสดงอยู่ด้วย เป็นโรงแรมที่เราสามารถเดินชมผลงานศิลปะได้ ราวกับได้มาเยือนที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะจริงๆ เลยทีเดียว
Hotel Royal Classic Osaka
Location: เมืองโอซาก้า (Osaka) จังหวัดโอซาก้า
Price: เข้าพัก 2 คน เริ่มต้น 22,600 เยน
Nearest Station: สถานีโอซาก้า-นัมบะ (Osaka-Namba Station)
Access: จากสถานีโอซาก้า-นัมบะ เดินประมาณ 3 นาที
Website: hotel-royalclassic.jp
นารา
08 FUFU Nara
ย้ายมาต่อกันที่จังหวัดนารากับ FUFU Nara โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติใกล้ภูเขาคาสุกะ (Mt. Kasuga) โรงแรมแห่งนี้จะออกแบบโดยใช้ไม้สนโยชิโนะเป็นหลัก ซึ่งเป็นไม้สนที่มีลายไม้สวยงาม เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงธรรมชาติและวัฒนธรรมของจังหวัดนาราได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นโรงแรมที่เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศของความเป็นญี่ปุ่น เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและธรรมชาติอันงดงาม ยิ่งบวกกับสไตล์การออกแบบของเคนโกะ คุมะด้วยแล้วยิ่งน่าหลงใหลมากขึ้นไปอีก หากได้ลองมาเข้าพักดูแล้วไม่ว่าใครก็ต้องติดใจแน่นอน
ห้องพักแบบแรกที่เราจะพาไปดูกันได้แก่ COMFORT SUITE เป็นห้องแบบวันรูม ไม่มีกำแพงกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอน ทำให้พื้นที่ในห้องนั้นดูกว้างขวาง โซฟาเองก็มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ นั่งสบาย สามารถมานั่งเล่นพร้อมกับชมวิวสวยๆ นอกหน้าต่างไปพร้อมกันกับเพื่อนๆ หรือครอบครัวได้
ห้องพักแบบที่สองได้แก่ STYLISH SUITE โทนสีของห้องจะออกเป็นโทนเข้ม ทำให้ดูหรูหราและชวนระลึกถึงประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของจังหวัดนารา โดยภายในห้องพักก็จะมีมุมนั่งเล่นพร้อมโซฟาแบบไม่สูงมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในการออกแบบที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการนั่งพื้นของคนญี่ปุ่น บริเวณห้องอาบน้ำก็อบอวลไปด้วยบรรยากาศที่ดูเก่าแก่ เรียกได้ว่าเป็นความงดงามที่ยากเกินจะบรรยายจริงๆ
และร้านอาหารของโรงแรมมีชื่อร้านว่า TEKISUI วันไหนหิวๆ ก็สามารถเข้ามาลิ้มลองอาหารอร่อยๆ ของจังหวัดนาราได้ที่นี่ ซึ่งนอกจากของคาวแล้วก็ยังมีของหวานทั้งแบบตะวันตกและแบบญี่ปุ่นให้อร่อยกันอีกด้วย ภายในตัวร้านก็บรรยากาศดี รอบข้างประดับด้วยกระจกบานใหญ่ มองแล้วรู้สึกปลอดโปร่ง ระหว่างรับประทานอาหารก็สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์สวยๆ ของสวนญี่ปุ่นด้านนอกได้
ห้องล็อบบี้เองก็เป็นอีกหนึ่งห้องในโรงแรมที่ออกแบบไว้อย่างสวยงาม โดยรวมแล้วโทนสีภายในห้องจะค่อนไปทางโทนน้ำตาลเทา ซึ่งเป็นสีที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติได้ดี นอกจากนี้ภายในห้องยังมีเก้าอี้นั่งสำหรับชมทิวทัศน์ด้านนอกอีกด้วย มาพร้อมผ้าสีขาวแขวนกั้นไว้เพิ่มความสวยงาม เมื่อมองออกไปด้านนอกก็จะพบกับทิวทัศน์ของสวนแบบญี่ปุ่น แต่ละฤดูกาลก็จะมีความงดงามที่แตกต่างกันออกไป เป็นสวนที่ไม่ว่าใครก็สามารถเพลิดเพลินได้ทุกฤดู
FUFU Nara
Location: เมืองนารา (Nara) จังหวัดนารา
Price: เข้าพัก 2 คน เริ่มต้น 59,400 เยน
Nearest Station: สถานีคินเท็ตสึ-นารา (Kintetsu-Nara Station)
Access: จากสถานีคินเท็ตสึ-นารา นั่งแท็กซี่ประมาณ 5 นาที
Website: www.fufunara.jp
นางาซากิ
09 Olive Bay Hotel
ภาพ: staynavi.direct
ตามมาต่อกันที่ Olive Bay Hotel โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะโอชิมะ (Oshima Island) จังหวัดนางาซากิ ซึ่งเป็นเกาะที่อุดมไปด้วยธรรมชาติมากมายทั้งทะเลและป่าไม้ ตัวตึกด้านนอกมีสีขาว ออกแบบมาให้มีความตื้นลึกต่างกัน ทำให้มองเห็นเป็นเงาเส้นตรงคล้ายจีบผ้า นับได้ว่าเป็นงานออกแบบที่ดูทันสมัยและลงตัวกับธรรมชาติรอบด้านมากๆ
ห้องพักในโรงแรมจะมีทั้งหมด 32 ห้อง และทุกห้องสามารถชมทิวทัศน์ของธรรมชาตินอกหน้าต่างได้อย่างชัดเจน ซึ่งห้องพักแบบแรกที่เราหยิบมาแนะนำนี้ชื่อว่า Luxury Room เป็นห้องที่ออกแบบได้น่ารัก มีสีสันแต่งเติมเล็กน้อยทำให้ห้องไม่ดูโล่งจนเกินไป ห้องอาบน้ำเองก็เป็นแบบกระจก สามารถชมท้องฟ้าสวยๆ ไปด้วยแช่น้ำไปด้วยได้
อีกหนึ่งห้องที่น่าเข้าพักมากๆ ก็คือ Japanese Style Room เป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นที่มีขนาดกว้างกำลังพอเหมาะ สามารถเข้าพักได้ 2-6 คน มุมนั่งเล่นจะประกอบไปด้วยเก้าอี้แบบญี่ปุ่น แจกันดอกไม้และรูปภาพของต้นซากุระ มาพร้อมกับกลิ่นหอมเบาๆ ของเสื่อทาทามิ เป็นห้องที่ดูสงบและบรรยากาศดีมากอีกห้องหนึ่งเลยทีเดียว
และอีกสถานที่หนึ่งที่อยากแนะนำก็คือห้องอาหาร Olive เป็นห้องที่มีดีไซน์สวย กระจกขนาดใหญ่จะตั้งเรียงรายกันอยู่บริเวณฝั่งหนึ่งของกำแพง ทำให้แขกรู้สึกปลอดโปร่งราวกับกำลังรับประทานอาหารอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเลยทีเดียว และภายในร้านยังมีการประดับไฟแบบย้อยลงมาอีกด้วย ซึ่งแต่ละดวงก็จะมีความยาวที่ต่างระดับกัน ทำให้มองเห็นเป็นแสงระยิบระยับสวยงามคล้ายดวงดาว
นอกจากนี้ ภายในโรงแรมยังมีผลงานศิลปะจัดแสดงไว้อย่างหลากหลาย หากเราเดินเข้าไปในล็อบบี้ สิ่งแรกที่จะเข้าสู่สายตาก็คืองานประติมากรรมขนาดใหญ่ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดย ทาดะ มินามิ (Minami Tada) เป็นผลงานที่ชื่อว่า Zuiko (แสงแห่งความยินดี) แสดงถึงท้องทะเล ท้องฟ้า เมฆ และแสงแดด ซึ่งนอกจากผลงานนี้แล้วยังมีอีกหลายผลงานที่น่าสนใจจัดแสดงไว้ทั่วโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นรูปวาด งานปั้น หรือโคมไฟกระดาษ ใครมีเวลาว่างก็ลองมาเดินเล่นเพื่อเที่ยวชมผลงานเหล่านี้กันได้
Olive Bay Hotel
Location: เมืองไซไก (Saikai) จังหวัดนางาซากิ
Price: เข้าพัก 2 คน เริ่มต้น 38,000 เยน
Nearest Station: สถานีซาเซโบะ (Sasebo Station)
Access: จากสถานีซาเซโบะ เดินประมาณ 7 นาทีไปยังท่าเรือคุจิราเสะ (Kujiraze Terminal) จากนั้นนั่งเรือประมาณ 44 นาทีไปลงที่ท่าเรือโอชิมะ (Oshima Port) จากนั้นนั่งแท็กซี่อีก 5 นาที
Website: www.olivebayhotel.co.jp
10 Garden Terrace Nagasaki Hotel & Resort
และมาต่อกันที่อีกโรงแรมหนึ่งในจังหวัดนางาซากิ Garden Terrace Nagasaki Hotel & Resort เป็นสถานที่ที่จะทำให้เราได้สัมผัสถึงความงดงามของจังหวัดนางาซากิอย่างเต็มที่ ซึ่งตัวโรงแรมนั้นจะถูกประดับไปด้วยหน้าต่างที่มีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันไป เราก็สามารถชมทิวทัศน์ของจังหวัดนางาซากิได้จากหน้าต่างเหล่านั้น โดยทิวทัศน์ยามค่ำคืนของจังหวัดนางาซากินั้นสวยงามมาก ถึงขนาดถูกแต่งตั้งให้เป็น 1 ใน 3 ทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยที่สุดในโลกเมื่อปี ค.ศ. 2012 เลยทีเดียว ใครมีโอกาสได้มาเข้าพักก็อย่าลืมพกกล้องมาถ่ายวิวสวยๆ นี้เก็บไว้ด้วยนะ
ห้องพักแบบแรกได้แก่ Harbour Suite เป็นห้องที่พื้นและเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ทำมาจากไม้ ให้บรรยากาศอบอุ่น ดูเหมาะแก่การพักผ่อน แสงไฟสีส้มและกำแพงสีเทาเองก็ช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับตัวห้องได้ไม่น้อย และเตียงในห้องจะเป็นเตียงคู่ มาพร้อมระเบียงขนาดเล็กสำหรับออกไปสูดอากาศเย็นๆ ข้างนอก หรือหากอยากชมวิวตอนกลางคืนชิลล์ๆ ก็สามารถนั่งชมจากเก้าอี้ด้านนอกได้
ห้องพักอีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันได้แก่ Japanese Suite เป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นที่มาพร้อมความเรียบง่าย กำแพงและเพดานภายในห้องนั้นจะใช้กระดาษญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมติดเอาไว้ทั้งหมด ทำให้ห้องดูสว่างสดใสขึ้น นอกจากนี้ ภายในห้องยังคุมโทนด้วยสีน้ำตาล ไม่เพียงแค่ในห้องนั่งเล่นเท่านั้นแต่ในห้องอาบน้ำเองก็เช่นเดียวกัน และด้วยโทนสีที่ดูสงบนี้ทำให้ผู้เข้าพักรู้สึกผ่อนคลาย สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบญี่ปุ่นในห้องได้อย่างเต็มที่
สำหรับร้านอาหารในโรงแรม ต้องขอแนะนำ AKITSUKI เป็นร้านที่ออกแบบได้น่าสนใจ มีหน้าต่างเรียงรายกันเป็นทางยาว มองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกได้อย่างชัดเจน เพดานด้านบนก็ใช้ไม้หลายแผ่นซ้อนกันทำให้เกิดลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ว่าใครก็ต้องเหลียวมอง และนอกจากในตัวร้านจะสวยงามแล้วอาหารก็ยังอร่อยมากอีกด้วย ใครชอบอาหารญี่ปุ่นต้องบอกเลยว่าห้ามพลาด
นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้ว ทางโรงแรมยังมีสระว่ายน้ำที่เปิดให้ผู้เข้าพักมาแหวกว่ายพลางชมวิวหลักล้าน เป็นสระว่ายน้ำที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ มองเห็นทิวทัศน์ได้ไกล หากต้องการที่พักผ่อนหย่อนใจสบายๆ ก็มาว่ายน้ำเล่น หรือจะนั่งคุยกับเพื่อนชิลล์ๆ บริเวณริมสระก็ได้
Garden Terrace Nagasaki Hotel & Resort
Location: เมืองนางาซากิ (Nagasaki) จังหวัดนางาซากิ
Price: เข้าพัก 2 คน เริ่มต้น 46,200 เยน
Nearest Station: สถานีนางาซากิ (Nagasaki Station)
Access: จากสถานีนางาซากิ นั่งแท็กซี่ประมาณ 11 นาที
Website: languages.gt-nagasaki.jp
โออิตะ
11 KAI Beppu
ภาพ: letronc-m.com
และต้องขอปิดท้ายไปพร้อมกับ KAI Beppu เรียวกังในจังหวัดโออิตะที่เคนโกะ คุมะได้ออกแบบขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Dramatic Onsen Town เป็นเรียวกังที่ออกแบบขึ้นมาให้มีบรรยากาศคล้ายคลึงกับเมืองออนเซ็นมากที่สุด โดยมีการตกแต่งภายในด้วยโคมไฟกระดาษ ประดับแสงสีต่างๆ ให้ผู้มาเยือนรู้สึกสนุกสนานราวกับว่ากำลังเดินอยู่ท่ามกลางเมืองออนเซ็นโบราณ ใครชอบบรรยากาศที่ดูครึกครื้นของเมืองออนเซ็น โรงแรมนี้เป็นอีกโรงแรมหนึ่งที่ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว
ภาพ: www.jalan.net
ห้องพักที่นี่มองเห็นวิวทะเลได้ชัดเจนทุกห้อง รวมไปถึง ห้องแบบญี่ปุ่น ห้องนี้ด้วย ซึ่งจะมีหน้าต่างติดไว้ทุกทิศทาง อีกทั้งยังมีมุมเล็กๆ จัดไว้ให้เราได้นั่งจิบชาข้างหน้าต่างอีกด้วย วันไหนมีเวลาว่างก็สามารถมานั่งชมทิวทัศน์สวยๆ ได้จากตรงนี้ โดยห้องนี้สามารถเข้าพักได้สูงสุด 4 คน จะมากับครอบครัวหรือมากับเพื่อนก็ได้ทั้งนั้นเลย
ภาพ: www.jalan.net
อีกห้องหนึ่งที่อยากแนะนำก็คือ ห้องพิเศษ สามารถเข้าพักได้มากสุด 3 คน เป็นห้องที่มีความกว้างถึง 64 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนชั้นที่ 11 ซึ่งเป็นชั้นที่สูงที่สุดของตึก ภายในห้องนั้นจะค่อนข้างเรียบง่ายแต่ก็ดูสวยงามในเวลาเดียวกัน และสำหรับสีของกำแพง เคนโกะ คุมะได้เลือกใช้สีแดงอมน้ำตาล ซึ่งเป็นสีที่ได้ไอเดียมาจาก จิโนะอิเคะ จิโกกุ (Chinoike Jigoku) หรือบ่อน้ำพุร้อนสีเลือดที่มีชื่อเสียงของเมืองเบปปุ (Beppu) นั่นเอง
ภาพ: www.jalan.net
และทางโรงแรมก็ยังมีอ่างอาบน้ำรวมขนาดใหญ่อีกด้วย ซึ่งอ่างอาบน้ำแห่งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจมากอยู่อย่างหนึ่งก็คือลายบนกำแพงนั่นเอง ซึ่งหากลองสังเกตดูดีๆ แล้วจะมองเห็นเป็นรูปดอกไม้นูนออกมาจากกำแพงหลายจุด ที่จริงแล้วลายดอกไม้เหล่านี้เรียกว่าเครื่องปั้นดินเผา Usukiyaki เป็นวัฒนธรรมเครื่องปั้นดินเผาของจังหวัดโออิตะที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งการนำเอาวัฒนธรรมดั้งเดิมมาเป็นส่วนหนึ่งในการดีไซน์แบบนี้ เรียกได้ว่าเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ เลยทีเดียว
ภาพ: www.jalan.net
อีกหนึ่งสถานที่ในโรงแรมที่ห้ามพลาดก็คือ แล็บ (Lab) เป็นห้องทำเวิร์คช็อปที่ได้ไอเดียการออกแบบมาจากท่อน้ำออนเซ็นใต้เมืองเบปปุ ซึ่งเคนโกะ คุมะตั้งใจออกแบบให้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน มีการใช้ไฟนีออนและโคมไฟสีขาวแดงเข้ามาประดับเพื่อเพิ่มความสดใส อย่างไรก็ตาม การออกแบบโดยใช้ไฟนีออนนั้นค่อนข้างจะแปลกใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งชาเลนจ์ที่ท้าทายสำหรับเคนโกะ คุมะเลยทีเดียว
KAI Beppu
Location: เมืองเบปปุ (Beppu) จังหวัดโออิตะ
Price: เข้าพัก 2 คน เริ่มต้น 49,500 เยน
Nearest Station: สถานีเบปปุ (Beppu Station)
Access: จากสถานีเบปปุ เดินประมาณ 9 นาที
Website: hoshinoresorts.com
จบกันไปแล้วกับ 11 โรงแรมที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง เคนโกะ คุมะ ซึ่งแต่ละโรงแรมนั้นล้วนมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป สะท้อนให้เห็นความคิดและพลังความสร้างสรรค์อันเหลือล้นของเคนโกะ คุมะจริงๆ ขนาดมองผ่านรูปยังสวยงามขนาดนี้แล้วถ้าได้เห็นของจริงจะสวยงามขนาดไหน ใครเป็นแฟนพันธ์แท้ของเคนโกะ คุมะ หรือชอบสถาปัตยกรรมก็อยากให้ลองไปเยือนสถานที่จริงดู จะต้องตื่นตาตื่นใจและได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างมากกว่าที่คิดแน่นอน