Aquarium in Kanto : 10 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีบรรยากาศโรแมนติกในภูมิภาคคันโต
10 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเหมาะกับการออกเดทในคันโต 🐳
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ หรือ อควาเรียม (Aquarium) อีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมสำหรับการออกเดทเพราะเป็นสถานที่ที่อัดแน่นไปด้วยบรรยากาศอันแสนโรแมนติก แสงไฟสลัวๆ และเต็มไปด้วยเหล่าสัตว์น้ำแสนน่ารักมากมาย มีหัวข้อสนทนาให้หยิบมาคุยกันอย่างไม่ขาดสาย อีกทั้งยังไปเที่ยวได้ตลอดไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก วันนี้เราเลยรวบรวมเอาพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจากจังหวัดต่างๆ ในภูมิภาคคันโตมา 10 แห่ง เพื่อเอาใจเหล่าคู่รักโดยเฉพาะ มีทั้งพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแบบธรรมชาติที่โอบล้อมไปด้วยบรรยากาศสบายๆ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่เต็มไปด้วยแสงสีน่าตื่นตาตื่นใจให้เลือกกันตามชอบ ใครสนใจสามารถชวนคนรักหรือคนที่ชอบไปเที่ยวดูได้ รับรองเลยว่าต้องสนุกและได้ความทรงจำดีดีกลับไปกันอย่างแน่นอน
ภาพ: Facebook hakkeijima.seaparadise
01 Maxell Aqua Park
ภาพ: www.enjoytokyo.jp
มาเริ่มกันที่ Maxell Aqua Park พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ แสนงดงามในกรุงโตเกียว บริเวณด้านนอกอาคารและทางเข้าจะประดับไปด้วยไฟสีรุ้งละลานตา และแน่นอนว่าภายในเองก็เต็มไปด้วยแสงสีที่งดงามไม่แพ้กัน อบอวลไปด้วยบรรยากาศอันแสนโรแมนติก เป็นสถานที่ที่เรียกได้ว่านอกจากจะเหมาะกับการมาเที่ยวแล้วยังเหมาะกับการมาเก็บภาพสวยๆ อีกด้วย อีกทั้งยังเดินทางไปง่ายมาก ใช้เวลาเดินจากสถานีชินากาวะ (Shinagawa Station) เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น
ภาพ: www.aqua-park.jpภาพ: epark.jp
โซนแรกในพิพิธภัณฑ์ที่อยากแนะนำก็คือ Wonder Tube อุโมงค์ใต้ทะเลสุดอัศจรรย์ที่มีความยาวราว 20 เมตร โซนนี้จะเต็มไปด้วยเหล่าปลากระเบนกว่า 10 ชนิด รวมไปถึงปลากระเบนราหูแนวปะการัง (Alfred Manta) ที่หาดูได้ยากอีกด้วย และเนื่องจากด้านบนของอุโมงค์เป็นกระจก ทำให้แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาเกิดเป็นประกายสะท้อนกับผิวน้ำและตัวปลา ดูสวยงามและน่าประทับใจ
ภาพ: www.aqua-park.jp
อีกโซนหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ Jellyfish Rumble เป็นโซนเดินชมเหล่าแมงกะพรุนตัวน้อยใหญ่ที่แหวกว่ายไปมาท่ามกลางแสงสีอันสวยงาม โดยภายในอาคารจะมีเสียงดนตรีเปิดคลอเบาๆ ทำให้รู้สึกคล้ายกับว่าเหล่าแมงกะพรุนในตู้กระจกกำลังเต้นรำตามทำนองเพลงไปพร้อมๆ กัน นับเป็นบรรยากาศอันแสนพิศวงที่น่าดึงดูดมากทีเดียว
ภาพ: www.enjoytokyo.jp
อีกโซนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากก็คือ The Stadium โซนจัดการแสดงอันน่าตื่นเต้นของเหล่าโลมาแสนน่ารัก โดยเวทีจะมีลักษณะเป็นสระน้ำรูปโค้งกลม ขนาดใหญ่ มีที่นั่งจัดเตรียมไว้รอบด้านให้เราได้เพลิดเพลินกันอย่างเต็มที่ และยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างที่กำลังจัดการแสดง ยังมีการปล่อยสายน้ำออกมาเป็นลวดลายต่างๆ รวมไปถึงแสงไฟหลากสีเพื่อเพิ่มความตื่นเต้นด้วย
ภาพ: epark.jp
นอกจากโซนสัตว์น้ำแล้ว ทางพิพิธภัณฑ์ยังมีม้าหมุน Dolphin Party ให้เราได้สนุกกันอีกด้วย โดยจะมีสัตว์น้ำให้เลือกนั่งได้ทั้งหมด 6 ชนิด แน่นอนว่าไม่เพียงแค่เด็กๆ เท่านั้น ผู้ใหญ่เองก็สามารถใช้บริการได้เช่นเดียวกัน รอบเครื่องเล่นโอบล้อมไปด้วยแสงสีน้ำเงินสุดโรแมนติก สามารถพาคนรักมานั่งแล้วถ่ายรูปคู่สวยๆ ด้วยกันได้ ค่าใช้บริการไม่แพงเพียงคนละ 500 เยนเท่านั้น
Maxell Aqua Park
Location: เขตมินาโตะ (Minato) กรุงโตเกียว
Hours: ตรวจสอบปฏิทินของพิพิธภัณฑ์
Holiday: –
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 2,300 เยน, นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น 1,200 เยน, เด็กเล็ก 700 เยน
Nearest Station: สถานีชินากาวะ (Shinagawa Station)
Access: จากสถานีชินากาวะ เดินประมาณ 5 นาที
Website: www.aqua-park.jp
02 Sumida Aquarium
ภาพ: thegate12.com
มาต่อกันที่ Sumida Aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ยอดนิยมใกล้โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีจุดเด่นตรงที่สามารถเข้าชมสัตว์น้ำในแต่ละโซนได้อย่างอิสระ ในขณะที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทั่วไปมักจะต้องเดินชมตามเส้นทางที่กำหนดไว้ อีกทั้งยังสามารถนำอาหารเข้ามากินด้านในได้ ภายในอาคารก็จะมีเก้าอี้และโซฟาให้นั่งพักหลายจุด ถ้าเจอจุดที่ถูกใจก็หยุดพักมานั่งกินอาหารสบายๆ พร้อมชมบรรยากาศในพิพิธภัณฑ์ไปพลางๆ ได้
โซนแรกได้แก่ โซนแมงกะพรุน บริเวณพื้นด้านล่างจะเต็มไปด้วยแมงกะพรุนจำนวนมากราว 500 ตัว อยู่ในตู้กระจกรูปวงรีที่มีความยาวเกือบ 7 เมตร มาพร้อมแสงสีต่างๆ เพิ่มความงดงามและความน่าตื่นเต้น ซึ่งในโซนนี้จะมีพื้นที่ที่มีลักษณะคล้ายระเบียงยื่นออกมาอยู่มุมหนึ่ง เมื่อขึ้นไปยืนบนนั้น จะมองเห็นแมงกะพรุนลอยอยู่ด้านล่างชัดเจน ราวกับว่าเราได้ขึ้นไปเดินอยู่บนตัวแมงกะพรุนเลยทีเดียว
ภาพ: Facebook Sumida.aquarium.official ภาพ: Facebook Sumida.aquarium.official
อีกโซนหนึ่งที่งดงามไม่แพ้กันก็คือ Edorium เป็นโซนที่เต็มไปด้วยปลาทองจำนวนมากกว่า 20 ชนิด มีธีมเป็นสมัยเอโดะ ด้านในจะประดับตกแต่งอย่างสวยงามสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นโบราณ ตู้ปลาก็มีหลายแบบ สามารถชมความงดงามของปลาทองได้ทุกมุมมอง อีกทั้งยังสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมและประวัติของปลาทองได้จากโซนนี้อีกด้วย
ภาพ: Facebook Sumida.aquarium.officialภาพ: Facebook Sumida.aquarium.official
และในพิพิธภัณฑ์ยังมี โซนเพนกวิน ที่เต็มไปด้วยเพนกวินมาเจลลัน (Magellanic Penguin) จำนวนมาก โซนนี้สามารถชมเพนกวินได้หลายมุมมองทั้งจากด้านบนและด้านล่าง โดยจุดเด่นก็คือไม่มีกระจกมาคั่น ทำให้สามารถสังเกตสีหน้าและพฤติกรรมของเพนกวินแต่ละตัวได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้บางฤดูยังมีโอกาสเห็นลูกเพนกวินตัวเล็กๆ ด้วย เข้ามาลองตามหาลูกเพนกวินกันได้ รับรองว่าน่ารักจนต้องเผลอยิ้มออกมาแน่นอน
ภาพ: tabelog.com
คาเฟ่ในพิพิธภัณฑ์มีชื่อว่า Penguin Cafe มาพร้อมอาหาร ของหวาน และเครื่องดื่มแสนอร่อยให้เราได้ลิ้มลอง ซึ่งแต่ละเมนูก็จะตกแต่งเป็นรูปสัตว์น้ำต่างๆ อย่างสวยงาม สามารถกินไปด้วยชมสัตว์น้ำไปด้วยได้ เป็นสถานที่ที่เหมาะจะมาแวะเติมพลังหลังจากเที่ยวมาเหนื่อยๆ
Sumida Aquarium
Location: เขตสุมิดะ (Sumida) กรุงโตเกียว
Hours: จ.-ศ. 10:00-20:00 น., ส.-อา.และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 9:00-21:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 2,300 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมปลาย 1,700 เยน, นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น 1,100 เยน, เด็กเล็ก 700 เยน
Nearest Station: สถานีโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree Station)
Access: จากสถานีโตเกียวสกายทรี เดินประมาณ 4 นาที
Website: www.sumida-aquarium.com
03 Shinagawa Aquarium
ภาพ: epark.jp
อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในโตเกียวที่พลาดไม่ได้ก็คือ Shinagawa Aquarium เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีบรรยากาศสบายๆ อาจไม่ได้มีความหวือหวามาก แต่โชว์สัตว์น้ำและความงดงามของตู้ปลานั้นมีเสน่ห์ไม่แพ้พิพิธภัณฑ์อื่นเลย ซึ่งพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชินากาวะแห่งนี้ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะชุมชนผู้อยู่อาศัยเขตชินากาวะ (Shinagawa Ward Residents’ Park) หลังเที่ยวพิพิธภัณฑ์เสร็จก็สามารถไปเดินเล่นต่อที่สวนสาธารณะได้
ภาพ: www.aquarium.gr.jpภาพ: Instagram matsu_penguin
สำหรับโซนแรก มีชื่อโซนว่า Tunnel Water Tank อุโมงค์ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลาและสัตว์ทะเลมากมายจากโลกใต้น้ำ ทางเดินในอุโมงค์มีความยาวทั้งหมด 22 เมตร ลองเดินช้าๆ เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบข้างให้เต็มที่ ให้ปลาทุกตัวแหวกว่ายรอบตัวเราช้าๆ แล้วจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันแสนพิศวง ราวกับว่าได้หลุดเข้าไปเดินเล่นอยู่ใต้พื้นทะเลจริงๆ เลย
ภาพ: www.aquarium.gr.jp
The Earth อีกโซนหนึ่งที่น่าสนใจ มีลักษณะเป็นแก้วทรงกลมรูปร่างคล้ายลูกโลก โซนนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองที่พิพิธภัณฑ์มีอายุครบ 25 ปี มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มนุษย์รับรู้ถึงความสำคัญของทะเล และเพื่อให้อยู่ร่วมกับสัตว์ทะเลได้อย่างมีความสุข ใครสนใจสามารถเข้าชมความงามนี้ได้ที่ชั้น B1 ข้างโซนแมงกะพรุน
มาต่อกันที่ Dolphin Window โซนนี้ตั้งอยู่ล่างโซน Dolphin & Sea Lion Stadium สามารถชมความงามของโลมาที่กำลังว่ายน้ำอยู่ได้ และเนื่องจากด้านบนไม่มีหลังคา ทำให้แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาได้อย่างเต็มที่ ใครอยากเก็บรูปถ่ายสวยๆ ของเหล่าโลมาต้องขอแนะนำโซนนี้เลย
ภาพ: reanimal.jp
นอกจากนี้ยังมี โชว์แมวน้ำ ให้ชมอีกด้วย โดยปกติแล้วเราจะเห็นแมวน้ำนอนหลับกันเป็นส่วนใหญ่ แต่นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นแมวน้ำเหล่านั้นในอีกมุมหนึ่ง ซึ่งจะมากระโดดเล่นบอลให้เราดูบ้าง เป่าฮาร์โมนิกาให้เราฟังบ้าง รับรองว่าเก่งจนต้องทึ่งเลยทีเดียว โดยโชว์นี้สามารถเข้าชมได้ที่อาคารแมวน้ำชั้น 2 เวลา 11 โมง 15 นาทีและบ่ายสาม 15 นาทีของทุกวัน
Shinagawa Aquarium
Location: เขตชินากาวะ (Shinagawa) กรุงโตเกียว
Hours: พ.-จ. 10:00-17:00 น.
Holiday: วันอังคาร (ยกเว้นตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์) และวันหยุดปีใหม่
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 1,350 เยน, นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น 600 เยน, เด็กเล็ก 300 เยน, ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 1,200 เยน
Nearest Station: สถานีโอโมริไคกัง (Omorikaigan Station)
Access: จากสถานีโอโมริไคกัง เดินประมาณ 11 นาที
Website: www.aquarium.gr.jp
04 Yokohama Hakkeijima Sea Paradise
เขยิบกันมาที่จังหวัดคานางาวะกับ Yokohama Hakkeijima Sea Paradise พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในธีมพาร์ค ที่นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้วยังมีที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก รวมไปถึงเครื่องเล่นให้ได้สนุกกันทั้งวันอีกด้วย ถ้าอยากเที่ยวหลายๆ ที่ในวันเดียวพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตอบโจทย์ได้ดีแน่นอน นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ใกล้ทะเล มีทิวทัศน์งดงาม เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับคู่รักที่ชอบชมวิวสวยๆ มากทีเดียว
ภาพ: Instagram seaparadise_official
โซนแรกที่ห้ามพลาด ได้แก่ แล็บ 5 : กลุ่มสัตว์น้ำในมหาสมุทรและฝูงปลาที่เปล่งประกาย (LABO5 : Schools Herd living in vast expanse of sea and sparkling fish) โซนนี้ตั้งอยู่ใน Aqua Museum เป็นตู้กระจกขนาดใหญ่ที่มีปลาอยู่จำนวนมาก ถึงขนาดเรียกได้ว่ามากที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว และจะมีปลาอยู่ทุกขนาด ให้เราได้สังเกตพฤติกรรมของปลาขนาดใหญ่และปลาขนาดเล็กไปได้พร้อมๆ กัน
ภาพ: Instagram blueberry97270670
ซึ่งปลาที่ต้องจับตามองมากที่สุดในโซนนี้ก็คือ อิวาชิ หรือที่เราเรียกกันว่าปลาซาร์ดีนนั่นเอง โดยในตู้กระจกจะเต็มไปด้วยกลุ่มปลาอิวาชิราว 50,000 ตัวกำลังแหวกว่ายกันเป็นฝูงดูน่าอัศจรรย์ ซึ่งปลาอิวาชินี้เป็นปลาที่มีผิวสีกรมขาวสวยงาม ลำตัวโค้งเรียว สาเหตุที่ชอบอยู่กันเป็นฝูงก็เพื่อปกป้องตนเองจากปลาขนาดใหญ่ ในขณะที่ปลาชนิดอื่นมักรวมฝูงกันเพื่อล่าเหยื่อเท่านั้น นับเป็นวิธีการเอาตัวรอดที่น่าสนใจทีเดียว
ภาพ: Facebook hakkeijima.seaparadise ภาพ: Facebook hakkeijima.seaparadise
อีกโซนหนึ่งที่น่าไปเยือนก็คือ Fureai Lagoon เป็นโซนที่เราสามารถสัมผัสกับเหล่าสัตว์น้ำในระยะใกล้ได้ ที่อยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักเป็นพิเศษก็คือวาฬเบลูกาหรือวาฬขาว เป็นวาฬที่ค่อนข้างหาชมได้ยาก ซึ่งที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ไม่เพียงแค่ชมเท่านั้น แต่ยังสามารถให้อาหารและสัมผัสได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นหากได้มาแล้วก็ไม่ควรพลาด สามารถเยี่ยมเหล่าวาฬกันที่โซนนี้ได้เลย
ภาพ: epark.jp
หลังสนุกกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแล้ว ก็แวะมาเติมพลังกันได้ที่ร้านอาหารในธีมพาร์ค โดยภายในธีมพาร์คนั้นก็จะมีหลายร้านให้เลือก แต่ที่อยากแนะนำก็คือ Seaside Oasis ศูนย์อาหารที่เต็มไปด้วยร้านสุดอร่อยถึง 8 แห่ง พร้อมโต๊ะเก้าอี้รองรับจำนวน 400 ที่นั่ง มีทั้งอาหารฝรั่ง อาหารญี่ปุ่น และของหวานต่างๆ มากมายให้เลือกกินกันตามชอบ
Yokohama Hakkeijima Sea Paradise
Location: เมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) จังหวัดคานางาวะ
Hours: จ.-ศ. 10:00-17:00 น., ส.-อา.และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10:00-18:30 น.
Holiday: –
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 5,500 เยน, นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น 3,900 เยน, เด็กเล็ก 2,200 เยน, ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 3,900 เยน
Nearest Station: สถานีฮักเคจิมะ (Hakkeijima Station)
Access: จากสถานีฮักเคจิมะ เดินประมาณ 10 นาที
Website: www.seaparadise.co.jp
05 Enoshima Aquarium
ภาพ: shonanlovers.com
มาดูกันต่อกับ Enoshima Aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทางตอนใต้ของจังหวัดคานางาวะ หากนั่งรถไฟจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง อาจไกลเล็กน้อย แต่ถ้าได้มาแล้วจะรู้สึกว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ มีปลาน่าสนใจมากมาย อีกทั้งยังวิวสวย มองเห็นทิวทัศน์ของทะเลและเกาะเอโนชิมะ (Enoshima Island) ได้ชัดเจน
ภาพ: www.enosui.comภาพ: shonanlovers.com
โซนแรกได้แก่ Sagami Bay Zone เป็นตู้กระจกที่จำลองความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศใต้อ่าวซางามิมาให้พวกเราได้ชม โดยอ่าวซางามินั้นเป็นอ่าวขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพื้นที่หลากหลายแบบ เช่น ทะเลลึก โขดหิน หาดทราย ทำให้อุดมไปด้วยความหลากหลายทางธรรมชาติ มีสิ่งมีชีวิตมากมายหลายชนิดอาศัยอยู่ ถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นสมบัติของโลกเลยทีเดียว ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้จำลองอ่าวซางามิมาเพื่อบอกเล่าถึงความงามของโลกใต้ทะเล และเพื่อชี้ให้คนรุ่นหลังเล็งเห็นถึงความสำคัญของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลมากยิ่งขึ้น
ภาพ: kankou-map.com
ปลาที่น่าสนใจในโซนนี้ก็คือ ปลาไหลมอเรย์ (Moray Eel) เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำตื้นบริเวณที่มีอุณหภูมิอบอุ่น มีลักษณะเด่นตรงปากที่มีขนาดใหญ่และฟันที่แหลมคม นอกจากนี้ยังมีคาง 2 ที่ ซึ่งอีกที่หนึ่งอยู่ในปาก เป็นคางที่ใช้กัดเพื่อให้เหยื่อหนีได้ยากขึ้น รูปร่างภายนอกอาจดูน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วปลาไหลมอเรย์นั้นมีนิสัยขี้ขลาดกว่าที่คิด ตราบใดเราที่ไม่รุกล้ำเข้าไปในเขตแดน พวกมันก็จะไม่โจมตีเข้ามาก่อนอย่างแน่นอน
ภาพ: www.enosui.comภาพ: shonanlovers.com
อีกโซนหนึ่งได้แก่ Sea Turtle Beach เป็นโซนที่เราสามารถดูเต่าทะเลใกล้ๆ ได้ โดยเต่าทะเลที่อยู่ในโซนนี้มีทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ เต่าหัวค้อน (Loggerhead Sea Turtle) เต่าตนุ (Green Turtle) และเต่ากระ (Hawksbill Turtle) ภายในพื้นที่ก็จะมีหาดทรายเตรียมไว้ให้เต่าได้ขึ้นมาวางไข่ อีกทั้งยังมีข้อมูลเกี่ยวกับการวางไข่ของเต่าทะเลเขียนไว้ให้เราได้เข้าไปศึกษากันอีกด้วย ใครชอบเต่าทะเลต้องลองเข้ามาเที่ยวชมโซนนี้ดู แล้วจะได้ความรู้กลับไปเยอะแน่นอน
ภาพ: ameblo.jp
และภายในพิพิธภัณฑ์ยังมี Ocean Cafe เป็นที่ให้เราได้พักกินของอร่อยกันชิลล์ๆ ด้วย เมนูของทางร้านก็มีให้เลือกมากมายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และของหวาน อย่างไรก็ตาม เมนูด้านซ้ายในรูปมีชื่อว่า Color Jelly Soda เป็นเครื่องดื่มที่มีของเล่นรูปแมงกะพรุนตัวจิ๋วใส่ไว้ข้างใน ให้เราเก็บกลับบ้านเป็นที่ระลึกได้ และด้านขวาชื่อเมนูว่า Jellyfish Planet Drink เป็นเครื่องดื่มที่มีแก้วเป็นรูปทรงกลมสวยงาม ซึ่งเราก็สามารถนำกลับบ้านเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้เช่นเดียวกัน
Enoshima Aquarium
Location: เมืองฟุจิซาวะ (Fujisawa) จังหวัดคานางาวะ
Hours: เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ 10:00-17:00 น., เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤศจิกายน 9:00-17:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 2,500 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมปลาย 1,700 เยน, นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น 1,200 เยน, เด็กเล็ก 800 เยน
Nearest Station: สถานีคาตาเสะ-เอโนชิมะ (Katase-Enoshima Station)
Access: จากสถานีคาตาเสะ-เอโนชิมะ เดินประมาณ 5 นาที
Website: www.enosui.com
06 Hakone-en Aquarium
พิพิธภัณฑ์ต่อไปมีชื่อว่า Hakone-en Aquarium ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 723 เมตร ใกล้ทะเลสาบอาชิ (Lake Ashi) จังหวัดคานางาวะ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ รอบข้างเป็นทิวทัศน์ของต้นไม้และทะเลสาบ ภายนอกอาคารนั้นเต็มไปด้วยใบไม้สีเขียว มีความเป็นเอกลักษณ์ดูน่าสนใจ ส่วนภายในอาคารจะมีปลาหลากหลายชนิด รวมไปถึงเหล่าแมวน้ำตัวน้อยมากมายที่จะมาทำให้เรารู้สึกหลงรักโลกใต้ทะเลกันมากขึ้น
ภาพ: Instagram hakoneenaquarium
เมื่อเดินเข้าไปในอาคาร จะพบกับตู้กระจกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลมากมาย มีความสูงถึง 7 เมตร และมีจุดเด่นคือซากเรือขนาดใหญ่ที่จมอยู่ภายใน ซึ่งโดยปกติแล้วพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมักจะไม่ประดับเรือไว้ในตู้กระจก เพราะฉะนั้นจะเรียกว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของที่นี่เลยก็ว่าได้ เหล่าปลาหลายสีจะว่ายน้ำวนรอบตัวเรืออย่างงดงาม เป็นบรรยากาศของโลกใต้น้ำอีกแบบที่สามารถหาชมได้แค่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เท่านั้น
ภาพ: Instagram hakoneenaquarium
ปลาที่ยกมาแนะนำได้แก่ ปลาไหลสวนจุดดำ (Spotted Garden-eel) ปลาไหลตัวเล็กแสนน่ารักที่หลายคนต้องชอบ โดยลักษณะเด่นของปลาไหลตัวนี้คือมีตาโต หน้ากลม มักขุดหลุมบริเวณก้นทะเลเพื่อซ่อนตัวจากศัตรู แต่ก็มีบางครั้งที่จะออกจากหลุมมาว่ายน้ำให้เราได้เห็นกันเต็มๆ ตัว เป็นภาพที่ค่อนข้างหาดูได้ยาก เพราะฉะนั้นหากได้เห็นก็อย่าลืมยกกล้องขึ้นมาเก็บรูปไว้นะ
ภาพ: Instagram hakoneenaquarium
อีกโซนหนึ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ Seal Plaza โซนนี้มีแมวน้ำอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ แมวน้ำไบคาล (Baikal Seal) เป็นแมวน้ำที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบน้ำจืดไบคาล ประเทศรัสเซีย มีตัวค่อนข้างกลมและตาโตดูน่ารัก ส่วนอีกชนิดหนึ่งได้แก่ แมวน้ำลายจุด (Spotted Seal) ซึ่งอาศัยอยู่ในน้ำทะเล มีจุดดำขาวอยู่ตามร่างกายและมีรูปร่างสวยงาม โดยโซน Seal Plaza นี้ เวลา 11 โมงและบ่ายโมงของทุกวันจะมีโชว์แมวน้ำแช่ออนเซ็นด้วย เป็นความน่ารักที่หาดูไม่ได้ง่ายๆ คนรักแมวน้ำจะพลาดไม่ได้เลยทีเดียว
ภาพ: Instagram hakoneenaquarium
สถานที่อีกแห่งหนึ่งที่อยากแนะนำก็คือ ศาลเจ้าคุซุริว (Kuzuryu Shrine) สามารถเดินทางจากพิพิธภัณฑ์ไปได้ด้วยการนั่งมอเตอร์โบ๊ท เป็นศาลเจ้ากลางธรรมชาติที่สวยมากๆ และจะงดงามเป็นพิเศษในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี นอกจากนี้ยังเป็นศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความรักอีกด้วย หลังเที่ยวพิพิธภัณฑ์เสร็จก็สามารถชวนคนรักมาขอพรกันต่อที่นี่ได้
Hakone-en Aquarium
Location: แขวงอาชิการาชิโมะ (Ashigarashimo) จังหวัดคานางาวะ
Hours: 9:00-16:30 น.
Holiday: –
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 1,500 เยน, เด็ก 750 เยน
Nearest Station: สถานีโควากิดานิ (Kowakidani Station)
Access: จากสถานีโควากิดานิ นั่งรถบัสประมาณ 35 นาที
Website: www.princehotels.co.jp
07 Sagami River Fureai Science Museum Aquarium Sagamihara
ภาพ: Twitter @aq_sagamigawa
และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอีกหนึ่งแห่งในจังหวัดคานางาวะ ได้แก่ Sagami River Fureai Science Museum Aquarium Sagamihara เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่อัดแน่นไปด้วยความน่ารักของสัตว์น้ำหลายชนิดและมุมให้ความรู้มากมาย ต้องบอกเลยว่าหลังเที่ยวเสร็จจะได้ความรู้กลับไปเยอะแน่นอน นอกจากนี้ค่าเข้าชมยังไม่แพง แถมยังเดินทางมาง่ายอีกด้วย
ภาพ: Twitter @aq_sagamigawa
ด้านในจะแบ่งออกเป็น 3 โซนคือ โซนแม่น้ำ โซนสิ่งมีชีวิต และโซนมนุษย์ สำหรับโซนแม่น้ำ เป็นโซนที่รวบรวมปลาที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำซางามิ (Sagami River) มาจัดแสดงไว้ด้วยกัน ซึ่งปลาที่ห้ามพลาดก็คือ ปลากระเบนแดง (Red Stingray) มีจุดน่าสนใจตรงรูจมูกด้านล่างที่มีลักษณะคล้ายตา ทำให้มองเห็นเป็นหน้ากำลังยิ้ม ดูน่ารัก และเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งก็คือท่าว่ายน้ำที่สวยงามราวกับกำลังเต้นระบำ สามารถดึงดูดสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดี
ภาพ: Twitter @aq_sagamigawa ภาพ: Twitter @aq_sagamigawa
ถัดมาที่โซนสิ่งมีชีวิต เป็นโซนที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตบริเวณลุ่มแม่น้ำซางามิ (Sagami River) หากมาโซนนี้แล้วก็ต้องมาดู หนูเก็บเกี่ยว (Harvest Mouse) แสนน่ารักตัวนี้ ซึ่งเป็นหนูที่ตัวเล็กที่สุดในญี่ปุ่น มีจุดเด่นคือมักจะสร้างรังของตัวเองด้วยใบหญ้า ให้มีลักษณะกลมพร้อมใช้เป็นพื้นที่ในการดูแลลูก ซึ่งหนูเก็บเกี่ยวนี้มีลักษณะภายนอกและกิริยาท่าทางที่น่ารักมากๆ ใครชอบสัตว์ตัวเล็กๆ สามารถไปแวะชมกันได้
สุดท้ายคือโซนมนุษย์ เป็นโซนที่อัดแน่นไปด้วยความรู้ต่างๆ มากมาย เช่น ประโยชน์ของนาข้าว ประเภทของบันไดปลา อีกทั้งยังลองสัมผัส กุ้งแดง (Procambarus Clarkii) ได้ที่โซนนี้ด้วย ซึ่งกุ้งสีแดงเข้มตัวนี้เป็นสัตว์จำพวกเดียวกับปู มีรูปร่างแข็งแรง นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงในตู้ปลา หากสนใจสามารถเข้ามาชมได้ทั้งปี ยกเว้นในฤดูหนาวจะไม่สามารถเข้าชมได้เนื่องจากอุณหภูมิที่ไม่เอื้ออำนวย
ภาพ: Twitter @aq_sagamigawa
หากเที่ยวพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้วก็สามารถแวะมาร้านขายของฝากกันได้ มีของน่ารักๆ มากมายให้เลือกสรรกัน เช่น ตุ๊กตา เครื่องประดับ ฟิกเกอร์ โดยในรูปด้านบนจะเป็นพวงกุญแจที่พนักงานในพิพิธภัณฑ์ช่วยกันออกแบบขึ้นมา สัมผัสนุ่มน่ากด มีทั้งหมด 6 ลายให้เลือก ราคาเพียง 660 เยนเท่านั้น
Sagami River Fureai Science Museum Aquarium Sagamihara
Location: เมืองซางามิฮาระ (Sagamihara) จังหวัดคานางาวะ
Hours: อ.-อา. 9:30-16:30 น.
Holiday: วันจันทร์ (ยกเว้นตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์)
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 450 เยน, นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น 150 เยน, ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 220 เยน, เด็กเล็ก ฟรี
Nearest Station: สถานีคามิมิโซะ (Kamimizo Station)
Access: จากสถานีคามิมิโซะ นั่งแท็กซี่ประมาณ 13 นาที
Website: sagamigawa-fureai.com
08 Kasumigaura City Aquarium
ภาพ: www.ibarakiguide.jp
ย้ายมาที่จังหวัดอิบารากิกับ Kasumigaura City Aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ที่เต็มไปด้วยปลาในทะเลสาบคาสุมิกะอุระ (Lake Kasumigaura) ลักษณะภายนอกของอาคารค่อนข้างมีเอกลักษณ์ หลังคาเป็นทรงแปดเหลี่ยมสีอิฐดูสวยงาม โดยจุดเด่นของพิพิธภัณฑ์นี้ก็คือเต่ายักษ์อัลดาบราที่จะรอต้อนรับเราอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์ รวมไปถึงเต่าพันธุ์อื่นๆ ที่มักจะออกมาเดินเล่นอยู่ด้านนอกด้วย หากพบเจอก็สามารถให้อาหารได้เพียง 300 เยนเท่านั้น
ภาพ: www.ibarakiguide.jpภาพ: Twitter @vamo_TakaIke
โซนแรกได้แก่ตู้กระจกจำลองระบบนิเวศของทะเลสาบคาสุมิกะอุระ (Lake Kasumigaura) มีปลาจากทะเลสาบคาสุมิกะอุระจำนวนมากทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กให้เราได้ชม ซึ่งตู้นี้จะตั้งอยู่กลางห้อง บริเวณรอบด้านก็จะเต็มไปด้วยตู้ปลาเล็กๆ มากมาย สามารถเดินชมปลาแต่ละชนิดได้อย่างเพลิดเพลิน หากเป็นเวลาอาหารของเหล่าปลาพอดี ก็มีโอกาสได้เจอพนักงานกำลังให้อาหารปลาอีกด้วย
ภาพ: Twitter @AquaKasumigaura
ปลาที่ต้องขอหยิบมาแนะนำก็คือ ปลาการ์ไพค์ (Garpike) หรือ ปลาการ์ เป็นปลาขนาดใหญ่ที่ดูลึกลับและสวยงาม ได้รับความนิยมมากแต่ก็สามารถหาดูได้ค่อนข้างยากเช่นเดียวกัน มีจุดเด่นคือปากที่ยืดยาวออกไปคล้ายจระเข้และฟันที่แหลมคม เมื่อโตขึ้นก็จะเริ่มมีขนาดใหญ่ จนในที่สุดจะกลายเป็นผู้บริโภคที่มีลำดับค่อนข้างสูงในห่วงโซ่อาหารเลยทีเดียว
ภาพ: Twitter @xyst_s1
สัตว์อีกชนิดหนึ่งที่น่าจับตามองก็คือ ซาลาแมนเดอร์ยักษ์ญี่ปุ่น (Japanese Giant Salamander) เมื่อได้เห็นแล้วไม่ว่าใครก็ต้องตกใจในขนาดตัวของมันแน่นอน ซาลาแมนเดอร์ยักษ์ตัวนี้จัดเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ปกติจะอาศัยอยู่ในน้ำ แต่ก็จะโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อหายใจทุกๆ 20 นาที เสน่ห์ของมันคือตากลม มือเล็ก และปากที่ดูน่ารัก เรียกได้ว่าเป็นสัตว์ที่ทั้งน่ารักและน่ากลัวในเวลาเดียวกันเลยล่ะ
ภาพ: Instagram taka96.96hiro
หากได้มาที่นี่แล้วก็ไม่ควรพลาด จุดชมวิวอายุมิซากิ (Ayumizaki Tenbodai) สถานที่ชมวิวใกล้ Kasumigaura City Aquarium ที่ใช้เวลาเดินจากพิพิธภัณฑ์เพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น วิวของทะเลสาบคาสุมิกะอุระที่จุดชมวิวแห่งนี้ได้รับเลือกให้อยู่ใน 100 วิวสวยจังหวัดอิบารากิ จัดเป็นวิวที่งดงามน่าพาคนรักไปเที่ยวชม อีกทั้งยังมีเก้าอี้เตรียมไว้ให้ได้นั่งพักกินลมกันสบายๆ อีกด้วย นับเป็นสถานที่คลายความเหนื่อยล้าหลังเที่ยวที่ดีมากๆ
Kasumigaura City Aquarium
Location: เมืองคาสุมิกะอุระ (Kasumigaura) จังหวัดอิบารากิ
Hours: อ.-อา. 9:00-17:00 น.
Holiday: วันจันทร์ (กรณีตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะหยุดวันอังคารแทน), วันหยุดสิ้นปีและวันหยุดปีใหม่
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 330 เยน, นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น 160 เยน
Nearest Station: สถานีคันดะสึ (Kandatsu Station)
Access: จากสถานีคันดะสึ นั่งแท็กซี่ประมาณ 20 นาที
Website: www.dane-kerry.com
09 Saitama Aquarium
ภาพ: www.tabiwaza.jp
ต่อมาได้แก่ Saitama Aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ในสวนสาธารณะริมน้ำฮานิว (Hanyu Riverside Park) เน้นการจัดแสดงปลาน้ำจืดที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำอารากาวะ (Arakawa River) ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์นั้นมีให้ชมกันกว่า 70 ชนิด อีกทั้งนอกพิพิธภัณฑ์ยังมีบ่อปลาคาร์ปและบ่อปลาเฉาให้แขกที่มาเยือนได้ให้อาหารกันเพลินๆ อีกด้วย
ภาพ: Instagram chichibu_railway
ภายในอาคารจะแบ่งเป็นหลายโซนให้เลือกชม เช่น โซนปลาต้นน้ำ โซนแมลงในน้ำ โซนปลาต่างประเทศ เป็นต้น โดยปลาในรูปภาพนั้นสามารถชมได้ที่โซนปลาต้นน้ำ ชื่อว่า ยามาเมะ (Cherry Salmon) ปลาที่ถูกขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งลำธาร เพราะรูปร่างที่เรียวสวยชวนมอง มีจุดเด่นตรงลวดลายบนผิวที่ประกอบไปด้วยวงกลมและวงรี ซึ่งหากสังเกตดีๆ จะมองเห็นจุดสีแดงเล็กๆ ตามตัวด้วย
ภาพ: Instagram aquarium_photos
ส่วนปลาสองตัวนี้สามารถชมได้ที่โซนปลาต่างประเทศ โดยปลาในรูปบนมีชื่อว่า เรดเทลแคทฟิช (Redtail Catfish) เป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเดียวกับปลาดุก ร่าเริงและชอบคน แต่เมื่อโตขึ้นจะมีขนาดใหญ่ถึง 1.5 เมตร ทำให้ค่อนข้างเลี้ยงยาก ส่วนปลาในรูปด้านล่างชื่อว่า ปลากดอเมริกัน (Channel Catfish) ค่อนข้างน่ากลัวและตัวใหญ่ เป็นปลาอีกชนิดหนึ่งที่เลี้ยงยากเพราะแรงเยอะ จำเป็นต้องมีตู้ปลาที่แข็งแรงพอสมควร
ภาพ: Instagram saitama_aquarium
อีกโซนหนึ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ Otters Pool โซนลำธารที่เต็มไปด้วยนากแสนน่ารักมากมาย พื้นที่ในโซนค่อนข้างกว้างให้เหล่านากขยับไปมากันได้อย่างเต็มที่ บริเวณด้านล่างจะเป็นกระจก สามารถเฝ้าสังเกตพฤติกรรมเหล่านากตอนกำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ด้านล่างได้
หลังจากเดินเที่ยวในพิพิธภัณฑ์กันเรียบร้อยแล้วก็สามารถออกมาเดินเล่นได้ที่สวนสาธารณะริมน้ำฮานิว สวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลายชนิด ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคมของทุกปี ต้นบ๊วยภายในสวนจะออกดอกสีชมพูบานสะพรั่ง เปลี่ยนสวนธรรมชาติแห่งนี้ให้กลายเป็นสถานที่สุดโรแมนติก เหมาะแก่การมาเดินเที่ยวมาก
Saitama Aquarium
Location: เมืองฮานิว (Hanyu) จังหวัดไซตามะ
Hours: เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤศจิกายน 9:30-17:00 น., เดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม 9:00-16:30 น.
Holiday: โปรดตรวจสอบทางเว็บไซต์
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 400 เยน, เด็ก 100 เยน
Nearest Station: สถานีฮานิว (Hanyu Station)
Access: จากสถานีฮานิว นั่งแท็กซี่ประมาณ 14 นาที
Website: www.parks.or.jp.e.aml.hp.transer.com
10 Kamogawa Sea World
ภาพ: event.spot-app.jp
มาปิดท้ายกันที่ Kamogawa Sea World พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ทางตอนใต้ของจังหวัดชิบะที่เต็มไปด้วยการแสดงของสัตว์น้ำหลายชนิด โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มาพร้อมกับธีม พบกับโลกแห่งท้องทะเล ภายในอาคารอัดแน่นไปด้วยโซนที่จำลองโลกใต้ทะเลออกมาได้อย่างสวยงาม เราจะได้สัมผัสถึงความอัศจรรย์ของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น และจะได้พบกับประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจที่สนุกจนต้องลืมเวลาไปเลยแน่นอน
ภาพ: Instagram kamogawaseaworld
สำหรับโซนแรก Tropical Island มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ เดินเล่นใต้ทะเลเขตร้อน เป็นโซนจำลองความอุดมสมบูรณ์ของทะเลทางใต้ที่เต็มไปด้วยปะการังจำนวนมาก ให้เราได้สัมผัสถึงความงดงามของสีสันภายใต้ท้องทะเล ซึ่งภายในโซนก็จะเต็มไปด้วยตู้กระจกมากมาย หน้าตู้กระจกจะมีคิวอาร์โค้ดตั้งเอาไว้ สามารถสแกนเพื่อดูข้อมูลของปลาในแต่ละตู้ได้
ภาพ: Instagram kamogawaseaworld
อีกโซนหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากก็คือ Polar Adventure เป็นโซนจำลองทะเลทางขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ จะได้พบกับเพนกวินหลายชนิด เช่น เพนกวินราชา (King Penguin) เพนกวินเจนทู (Gentoo Penguin) รวมไปถึงสัตว์ชนิดอื่นๆ เช่น แมวน้ำวงแหวน (Ringed Seal) หรือนกพัฟฟินกระจุก (Tufted Puffin) ด้วย
ภาพ: Instagram kamogawaseaworld
ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการแสดงของสัตว์น้ำมากมาย ทั้งวาฬเพชฌฆาต วาฬขาว โลมา หรือสิงโตทะเล แต่ที่ไม่อยากให้พลาดที่สุดก็คือการแสดงของ วาฬเพชฌฆาต (Killer Whale) สัตว์น้ำที่ได้ชื่อว่าราชาแห่งท้องทะเล เราจะได้ชมการกระโดดอันสวยสง่าพร้อมการแสดงอันน่าทึ่งโดยมีทิวทัศน์ของมหาสมุทรแปซิฟิกแผ่กว้างอยู่ด้านหลัง ระหว่างการแสดงก็จะมีดนตรีบรรเลงประกอบเพิ่มความสนุกสนาน สร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าชม
ภาพ: www.enjoytokyo.jp
ร้านอาหารในพิพิธภัณฑ์มีชื่อว่า Ocean เป็นร้านที่มีความพิเศษมากเพราะเราสามารถชมวาฬเพชฌฆาตไปด้วยในขณะที่กินอาหารได้ ซึ่งภายในร้านจะมีพื้นที่ให้นั่งทั้งหมด 3 โซนได้แก่ Beach Underwater และ Cave แต่ละโซนก็จะมีบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป หากต้องการนั่งติดกระจกเพื่อชมวาฬเพชฌฆาตจะต้องเลือกนั่งโซน Underwater แต่เนื่องจากเป็นโซนยอดฮิตจึงแนะนำให้ไปช่วงเช้าที่ยังไม่ค่อยมีคน สามารถเลือกนั่งมุมที่ชอบได้อย่างอิสระ
Kamogawa Sea World
Location: เมืองคาโมงาวะ (Kamogawa) จังหวัดชิบะ
Hours: 9:00-16:00 น.
Holiday: ไม่แน่นอน
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 3,000 เยน, นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น 1,800 เยน, เด็กเล็ก 1,200 เยน, ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 2,400 เยน
Nearest Station: สถานีอาวะ-คาโมงาวะ (Awa-Kamogawa Station)
Access: จากสถานีอาวะ-คาโมงาวะ นั่งรถบัสประมาณ 7 นาที
Website: www.kamogawa-seaworld.jp
จบกันไปแล้วกับ 10 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สำหรับออกเดทในคันโต แต่ละพิพิธภัณฑ์ก็ล้วนมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป ใครกำลังมองหาสถานที่เที่ยวกับคนรัก ก็สามารถหยิบเอาพิพิธภัณฑ์ที่เราได้แนะนำไปใช้เป็นตัวเลือกได้ นอกจากจะเที่ยวสนุกแล้วยังฝังลึกไปด้วยความรู้แบบนี้รับรองเลยว่าไม่น่าเบื่อแน่นอน