ฤดูใบไม้ผลิ 5 วันที่ ‘ฟุกุชิมะ’ และ ‘มิยากิ’ เพลิดเพลินซากุระบาน ตะลุยกินของดีตั้งแต่ตื่นยันหลับ
สารบัญ
ถ้าถามว่าชอบฤดูกาลไหนของญี่ปุ่นมากที่สุด หลังจากที่ลองไปมาแล้วครบทุกฤดูก็ขอตอบเลยตรงนี้ว่า “ฤดูใบไม้ผลิ” อากาศที่กำลังดีเพราะเป็นช่วงหมดจากฤดูหนาว ที่สำคัญคือมีดอกซากุระแย้มบานต้อนรับเราอย่างขันแข็ง ครั้งนี้จึงตั้งใจไปตะลอนชมซากุระกันในแถบภูมิภาคโทโฮคุทั้งจังหวัด ฟุกุชิมะ (Fukushima) และ มิยากิ (Miyagi) ซึ่งมีพิกัดสุดอันซีนที่ดีต่อใจเยอะมาก ไม่เพียงแต่หัวใจเบิกบาน เพราะเรายังจะไปตามชิมเมนูดังของแต่ละท้องถิ่นด้วย พูดเลยว่าจบทริปนี้ได้พลังงานกลับไปเต็ม 100% แน่นอน
ได้ไปที่สวยๆ เที่ยวแบบสะดวกสบายว่าดีแล้ว ยิ่งถ้าได้เซฟเงินในกระเป๋าไปด้วย คงจะช่วยให้การเดินทางเพิ่มความสุขขึ้นไปอีกระดับ เราจึงอยากบอกต่อเกี่ยวกับบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ซึ่งใช้แทนตั๋วชินคันเซ็น รถไฟท้องถิ่น รถบัสในเครือ JR EAST Lines ได้หมด เหมาะสำหรับทริปนี้ที่มีใบเดียวเที่ยวได้ทั่ว ฟุกุชิมะ และ มิยากิ เลยล่ะ
ซากุระจ๋า พี่มาแล้วววว!
DAY 1 / โตเกียว – ฟุกุชิมะ
เริ่มต้นทริปฤดูใบไม้ผลิแสนสนใสจากกรุงโตเกียว โดยเรานั่งโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) ที่สำรองที่นั่งมาล่วงหน้าแล้ว ถ้ามีบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถใช้จองที่นั่งได้ฟรี ไปลงที่สถานีโคริยามะในฟุกุชิมะ เพราะตั้งใจไว้ว่าเลาะเที่ยวเมืองต่างๆ ในโซนนี้ ได้แก่ เมืองคิตะตาตะ และ เมืองไอสึวากามัตสึตลอดทั้งวัน
FruiTea Fukushima
ภาพ : East Japan Railway Company
เราได้ยินมาว่าที่นี่มีรถไฟขบวนพิเศษชื่อ FruiTea Fukushima ที่ไม่ได้มีไว้สำหรับโดยสารผู้คนไปยังจุดหมายเท่านั้น แต่กลับนิยามตัวเองว่าเป็น “คาเฟ่” บนขบวนรถไฟที่เสิร์ฟขนมหวานจากผลไม้หลากชนิดตามฤดูกาล ซึ่งล้วนแต่เป็นผลผลิตขึ้นชื่อของฟุกุชิมะ ครั้งนี้จึงตั้งใจมาลิ้มรสชาติหวานละมุนไปพร้อมๆ กับการได้ชมวิวสวยของฟุกุชิมะตลอดทาง
จะขึ้นรถไฟขบวนนี้ต้องวางแพลนกันให้ดีและควรจองล่วงหน้า เพราะรถไฟวิ่งเพียงวันละรอบและไม่ได้ให้บริการทุกวัน ส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์ เรานั่งจากต้นทางสถานีโคริยามะไปลงที่ปลายทางสถานีคิตะคาตะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง
ภาพ : East Japan Railway Company
FruiTea Fukushima
Route: มี 2 เส้นทางให้บริการ ได้แก่ ระหว่างสถานีโคริยามะ (Koriyama Station) กับสถานีคิตะคาตะ (Kitakata Station) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) และ ระหว่างสถานีโคริยามะ (Koriyama Station) จังหวัดฟุกุชิมะ กับสถานีเซนได (Sendai Station) จังหวัดมิยากิ (Miyagi)
Available Date: รถไฟจะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) และไม่ได้บริการทุกวัน ส่วนใหญ่จะให้บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ก่อนสำรองที่นั่งแนะนำให้ตรวจสอบวันเดินทางก่อนที่เว็บไซต์
Reservation: ต้องสำรองที่นั่งที่ห้องจำหน่ายตั๋ว JR EAST Travel Service Center บริเวณสถานีใหญ่ๆ ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น เช่น สถานี Tokyo, Shinjuku, Shibuya, Ueno, Koriyama, Sendai ฯลฯ
Note:
- บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ไม่สามารถใช้โดยสาร FruiTea Fukushima ได้ แต่สามารถใช้เพื่อโดยสารรถไฟธรรมดาหรือรถไฟชินคันเซ็นไปจนถึงสถานีโคริยามะหรือคิตะคาตะได้
- เส้นทาง โคริยามะ-เซนได ให้บริการในช่วงฤดูหนาว (ธันวาคมถึงมีนาคม) เท่านั้น
Nicchusen Weeping Cherry Tree
มาเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ผลิทั้งทียังไงก็ต้องแวะไปชมซากุระที่โลเคชั่นดังของย่านนี้สักหน่อย จุดชมซากุระนิชชูเซนเป็นเส้นทางเดินและปั่นจักรยานชมซากุระยาว 3 กิโลเมตร มีต้นซากุระสายพันธุ์กิ่งย้อยจำนวนกว่า 1,000 ต้น อดีตเส้นทางนี้เคยเป็นทางรถไฟสาย Nicchu Line ระหว่างทางจึงมีหัวรถจักรไอน้ำจอดทิ้งไว้ให้ระลึกถึงด้วย จุดเริ่มต้นของถนนสายนี้อยู่ใกล้ๆ กับสถานีคิตะคาตะ เดินเท้าไปได้สบายๆ ระยะทางราว 400 เมตร
Nicchusen Weeping Cherry Tree
Sakura Period: กลาง-ปลายเมษายน
Location: เมืองคิตะคาตะ (Kitakata) จังหวัดฟุกุชิมะ
Nearest Station: สถานีคิตะคาตะ (Kitakata Station)
Access: จากสถานีคิตะคาตะ ไปเส้นทางชมซากุระที่ใกล้ที่สุดเดินประมาณ 5 นาที
Bannai Shokudo
เดินเล่นชมซากุระมาเรื่อยๆ ท้องก็เริ่มส่งเสียงเตือนให้ไปหาอะไรกิน ด้วยความที่เมืองนี้มี “ราเมนคิตะคาตะ” (Kitakata Ramen) เป็นเมนูดังที่มาแล้วต้องกิน เราจึงเลือกไปที่ร้าน Bannai Shokudo เพื่อชิมดูสักชาม ลักษณะพิเศษของราเมนคิตะคาตะคือเส้นจะแบนหนานุ่มและหยักคล้ายคลื่น เสิร์ฟมาในน้ำซุปใสที่ทำจากปลา กระดูกหมู และซอสโชยุ ท็อปมาด้วยหน่อไม้ หมูตุ๋นนุ่มๆ ปิดท้ายด้วยต้นหอมซอย
Bannai Shokudo
Location: เมืองคิตะคาตะ (Kitakata) จังหวัดฟุกุชิมะ
Hours: ศ.-พ. 7:00-18:00 น.
Holiday: วันพฤหัสบดี (ยกเว้นกรณีตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปิด), วันปีใหม่
Nearest Station: สถานีคิตะคาตะ (Kitakata Station)
Access: จากสถานีคิตะคาตะ เดินประมาณ 14 นาที
Website: www.shop.bannaisyokudou.jp/
Aizu-Wakamatsu Castle
อิ่มท้องแล้วก็นั่งรถไฟราว 15 นาที ไปเที่ยวกันต่อที่เมืองไอสึวากามัตสึ เรามาที่นี่เพราะตั้งใจไว้ว่าจะไปชมซากุระที่ปราสาทไอสึวากามัตสึหรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า “ปราสาทสึรุกะ” ด้านในอาคารหลักมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ให้ศึกษา สวนสาธารณะปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle Park) บริเวณรอบปราสาทที่มีซากุระบานก็สวยจนอดใจไม่ไหวต้องไปเดินชม อีกทั้งตอนกลางคืนจะมี Illumination ไฟประดับหลากสีให้ชมด้วย
Aizu-Wakamatsu Castle (Tsuruga Castle)
Location: เมืองไอสึวากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu) จังหวัดฟุกุชิมะ
Hours: 8:30-17:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: Castle Tower ผู้ใหญ่ 520 เยน, นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น 150 เยน, เด็กเล็กและผู้ทุพพลภาพ เข้าฟรี
Nearest Station: สถานีไอสึวากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu Station)
Access: จากสถานีไอสึวากามัตสึ เดินประมาณ 30 นาที, นั่งแท็กซี่ประมาณ 10-15 นาที
Website: www.tsurugajo.com/language/eng/
Tonkatsu Katsuichi
ไม่ว่าจะไปเที่ยวเมืองไหน นักกินอย่างเราก็ต้องหาของอร่อยๆ กินให้ได้ อย่างเมืองไอสึวากามัตสึนี้ต้องกินเมนู “ซอสคัตสึด้ง” (Sauce Katsudon) ข้าวหน้าหมูทอดราดซอสที่มีร้านกระจายตัวอยู่ทั่วเมือง เราปักหมุดไปที่ Tonkatsu Katsuichi ร้านเล็กๆ แต่รีวิวแน่นมาก คัตสึด้งของไอสึแท้ต้องมี 3 ชั้น ชั้นแรกคือข้าวญี่ปุ่น ทับด้วยกะหล่ำปลีหั่นฝอย และโปะหน้าด้วยหมูชุบแป้งทอด ราดด้วยซอสชุ่มฉ่ำสูตรดั้งเดิม คนรักของทอดแบบเรานั้นบอกได้เลยว่าฟิน!
Tonkatsu Katsuichi
Location: เมืองไอสึวากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu) จังหวัดฟุกุชิมะ
Hours: 11:00-14:00 น., 17:00-22:00 น.
Holiday: วันอาทิตย์ในสัปดาห์ที่ 1 และ 3 ของเดือน
Nearest Station: สถานีไอสึวากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu Station)
Access: จากสถานีไอสึวากามัตสึ เดินประมาณ 4 นาที
Note: เวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบก่อนเดินทาง
เหนื่อยมาทั้งวันจนพอใจแล้วก็กลับไปพักผ่อนในโรงแรมใกล้สถานีไอสึวากามัตสึ เพื่อที่พรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางได้โดยไม่ต้องกังวลใดๆ
DAY 2 / ฟุกุชิมะ
เช้าวันที่สองนั่งรถไฟท้องถิ่นสาย Banetsu West Line ไปเที่ยวกันต่อที่เมืองโคริยามะ (Koriyama) และ เมืองมิฮารุ (Miharu) ที่มีสถานที่ชมซากุระยอดนิยมของฟุกุชิมะให้แวะเวียนไปชม แน่นอนว่าสามารถใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งรถไฟได้ฟรีเช่นเคย
Kaiseizan Park
ภาพ: www.facebook.com/WeLoveFukushimaTH/
สร้างบรรยากาศเช้าวันใหม่ให้สดใสด้วยการไปเดินเล่นชมดอกไม้สวยๆ ที่สวนกันเป็นอันดับแรก สวนไคเซซังเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระยอดนิยมของฟุกุชิมะ ที่นี่มีต้นซากุระหลายสายพันธุ์ที่ปลูกมาตั้งแต่สมัยเมจิรวมแล้วประมาณ 1,300 ต้น กระจายตัวเบ่งบานเรียกรอยยิ้มในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ภายในสวนยังมีสะพาน สระน้ำ ม้านั่งที่เหมาะสำหรับการนั่งทอดสายตามองซากุระอย่างเพลิดเพลิน
ภาพ: www.facebook.com/WeLoveFukushimaTH/
Kaiseizan Park
Sakura Period: เมษายน
Location: เมืองโคริยามะ (Koriyama) จังหวัดฟุกุชิมะ
Hours: 9:00-21:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: เข้าฟรี
Nearest Station: สถานีโคริยามะ (Koriyama Station)
Access: จากสถานีโคริยามะทางออกทิศตะวันตก (West Exit) ให้นั่งบัสจากป้ายหมายเลข 8, 9 หรือ 10 มาลงที่ป้าย Koriyama Shiyakusho-mae ประมาณ 10 นาที แล้วเดินต่ออีกประมาณ 2 นาที
Tokuchan Ramen Honten
เที่ยวจุดชมซารุกะแสนสวยไปแล้ว เราจึงแวะไปเติมท้องให้เต็มอิ่มก่อนไปเที่ยวต่อกันที่ Tokuchan Ramen Honten ร้านราเมนเก่าแก่ที่ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 อยู่ไม่ไกลจากสวนไคเซนซัง ที่นี่เสิร์ฟเมนู Koriyama Black Ramen ราเมนน้ำดำประจำถิ่น เบสซุปทำจากโชยุเข้มข้นรสกลมกล่อม ของที่ร้านนี้ใช้ชื่อว่า “Tokuchan Ramen” ท็อปมาด้วยหมูชาชู ผักโขม ต้นหอมญี่ปุ่น หน่อไม้ และสาหร่าย ความพิเศษอยู่ที่เส้นเป็นแบบโฮมเมดซึ่งมีจำกัดต่อวัน โดยร้านจะปิดทันทีที่เส้นและซุปหมด
Tokuchan Ramen Honten
Location: เมืองโคริยามะ (Koriyama) จังหวัดฟุกุชิมะ
Hours: พ.-จ. 11:00-19:00 น.
Holiday: วันอังคาร
Nearest Station: สถานีโคริยามะ (Koriyama Station)
Access: จากสถานีโคริยามะทางออกทิศตะวันตก (West Exit) ให้นั่งบัสจากป้ายหมายเลข 8, 9 หรือ 10 มาลงที่ป้าย Koriyamajoshidaigaku ประมาณ 12 นาที แล้วเดินต่ออีกประมาณ 1 นาที / จากสวนไคเซซังเดินประมาณ 2 นาที
Website: www.tokuchan-rahmen.jp/
Miharu Takizakura
เราค้นข้อมูลก่อนมาพบว่าที่ฟุกุชิมะมี 1 ใน 3 ต้นซากุระขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเก่าแก่กว่า 1,000 ปี เลยอยากแวะมาชื่นชมความอลังการนี้สักหน่อย ซากุระต้นนี้เป็นสายพันธุ์เบนิชิดาเระซากุระ (Beni Shidare Zakura) ส่วนชื่อ “ทากิซากุระ” แปลตรงตัวหมายถึง “ซากุระน้ำตก” นี้ก็มีที่มา เพราะมีความสูงถึง 13.5 เมตร กิ่งก้านแผ่ขยายไปทุกทิศทางอีกด้านละมากกว่า 10 เมตร และตรงปลายกิ่งโค้งย้อยลงด้านล่างคล้ายน้ำตกนั่นเอง ถ้าใครมาช่วงค่ำ ได้ยินว่าจะมีการจัดไฟประดับด้วย น่าจะสวยงามไปอีกแบบ
Miharu Takizakura
Location: เมืองมิฮารุ (Miharu) จังหวัดฟุกุชิมะ
Sakura Period: กลาง-ปลายเมษายน
Entrance Fee: ผู้ใหญ่ 300 เยน, นักเรียนชั้นประถมและต่ำกว่าเข้าฟรี
Nearest station: สถานีมิฮารุ (Miharu Station)
Access: จากสถานีมิฮารุ นั่งรถบัสจากหน้าสถานีประมาณ 20 นาที
Website: www.miharukoma.com/
Note: บัสให้บริการเฉพาะช่วงเทศกาลซากุระเท่านั้น
Hotel Mets Fukushima
ภาพ: www.jrhotelgroup.com/en/153.html
แพลนเที่ยวที่คิดมาจากบ้านของเราแน่นมาก จึงตั้งใจว่าจะพักโรงแรมที่ใกล้สถานีที่สุดเพื่อจะได้ต่อรถง่าย Hotel Mets Fukushima คือตัวเลือกที่ใช่ เพราะจากสถานีฟุกุชิมะเดินมาถึงได้เพียง 1 นาทีเท่านั้น พอเดินออกจากช่องตรวจตั๋วเลียบมาตรงทางออกฝั่งตะวันออกก็เห็นทางเดินเชื่อมเข้าตัวโรงแรมเลย
ภาพ: www.hotelmets.jp/en/fukushima/
ห้องพักของโรงแรมนี้มีให้เลือกถึง 12 ประเภท พร้อมด้วยของใช้จำเป็นในห้องน้ำครบสรรพ รวมถึงมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอำนวยความสะดวกจัดเต็มมากๆ เช่น เครื่องกรองอากาศ เครื่องทำความชื้น เครื่องรีดผ้า ที่ชั้น 4 ยังมีห้องซึ่งมีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญให้ใช้งานด้วย
Hotel Mets Fukushima
Location: เมืองฟุกุชิมะ (Fukushima) จังหวัดฟุกุชิมะ
Nearest Station: สถานีฟุกุชิมะ (Fukushima Station)
Access: จากสถานีฟุกุชิมะ เดินประมาณ 1 นาที
Website: www.hotelmets.jp/en/fukushima/index.html
DAY 3 / ฟุกุชิมะ – มิยากิ
วันนี้จะเป็นการเสพซากุระแบบจัดเต็มกว่าวันไหนๆ ในทริป ไปชมหลายแห่งที่สวยและมีชื่อเสียงมากทั้งในจังหวัด ฟุกุชิมะ และ มิยากิ ที่บอกเลยว่าใครที่ชอบชมซากุระ ควรไปเยือนให้ได้สักครั้ง
Hanamiyama Park
ภาพ: www.facebook.com/WeLoveFukushimaTH/
ไม่ต้องแปลกใจถ้าทริปนี้เราจะไปเดินเล่นชมดอกซากุระเยอะหน่อย อุตส่าห์ไปเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ผลิกิจกรรมที่น่าทำที่สุดก็ต้องฮานามิ (คำเรียกธรรมเนียมการชมและเพลิดเพลินไปกับความงามของดอกไม้) นี่แหละ เช้านี้เราจะไปกันที่อุทยานธรรมชาติสวนฮานามิยามะ ภายในถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันจากดอกไม้ตามฤดูกาลมากกว่า 30 ชนิด อาทิ ซากุระ บ๊วย คาโนล่า คามีเลีย ฯลฯ โดยเฉพาะซากุระสายพันธุ์โซเมโยชิโนะ (Someiyoshino) ที่ช่วงนี้จะออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งกระจายไปทั่วเนินเขาแบบที่ถ่ายรูปมุมใดก็สวยชื่นใจจริงๆ
ภาพ: www.facebook.com/WeLoveFukushimaTH/
Hanamiyama Park
Sakura Period: ต้น-ปลายเมษายน
Location: เมืองฟุกุชิมะ (Fukushima) จังหวัดฟุกุชิมะ
Entrance Fee: ฟรี
Nearest station: สถานีฟุกุชิมะ (Fukushima Station)
Access: จากสถานีฟุกุชิมะ ให้ขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 6 อยู่ตรงทางออกทิศตะวันออก ประมาณ 15 นาที (มีเฉพาะช่วงเทศกาลซากุระ) มาลงที่ป้ายทางเข้าสวนฮานามิยามะ จากนั้นเดินต่อประมาณ 10 นาที
Website: www.hanamiyama.jp/en/
Note: แต่ละปีจุดขึ้นรถบัสอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบก่อนใช้บริการ
Hitome Senbonzakura
จากฟุกุชิมะนั่งรถไฟสายโทโฮคุไปเที่ยวต่อที่จังหวัดมิยากิ เราลงที่สถานีโอกาวาระเป็นสถานีแรก ย่านนี้มีจุดชมซากุระริมแม่น้ำชิโรอิชิ (Shiroishi River) อันโด่งดังที่ทุกปีจะมีเทศกาลฮิโตเมะเซ็มบงซากุระ (Hitome Senbonzakura Festival) จัดให้ผู้คนได้มาเพลิดเพลินกับดอกซากุระสีสวยหวานตลอดระยะทางราว 8 กิโลเมตร และมีต้นซากุระมากราว 1,000 ต้น จะเดินเล่นหรือซื้อของกินมานั่งปิกนิกเหม่อมองวิวก็ล้วนแล้วแต่ดีต่อหัวใจ
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ล่องเรือชมวิว ถ้าใครชอบถ่ายรูปแนะนำให้ขึ้นไปบนสะพานซากุระโฮโด (Sakurahodo Bridge) จะได้ภาพแม่น้ำกับซากุระในมุมกว้างๆ หันไปทางไหนก็เห็นธรรมชาติสวยสบายตา แต่ถ้าอยากได้วิวที่เห็นสวนและรถไฟแล่นผ่านด้วย สะพานชิบาตะเซนโอเคียว (Shibata Senokyo Bridge) ก็น่าสนใจ
Hitome Senbonzakura
Sakura Period: ต้น-กลางเมษายน
Location: แขวงชิบาตะ (Shibata) จังหวัดมิยากิ
Hours: 24 ชั่วโมง
Entrance Fee: ฟรี
Nearest Station: สถานีโอกาวาระ (Ogawara Station), สถานีฟุนาโอกะ (Funaoka Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 5 นาที จากสถานีโอกาวาระ
Website: www.th.hitome-senbonzakura.com/
Funaoka Castle Ruins Park
เดินจากแม่น้ำมาอีกนิดจะเจอกับสวนสาธารณะปราสาทเก่าฟุนาโอกะ ถือเป็นจุดชมซากุระยอดฮิตควบคู่กับเทศกาลฮิโตเมะเซ็มบงซากุระ ในสวนเต็มไปด้วยพื้นที่น่าสนใจถึงขนาดมี Walking Map แนะนำเส้นทางเดิน จุดถ่ายรูปก็เพียบ แต่ที่พลาดไม่ได้คือสโลปคาร์พาขึ้นไปยังสวนดอกไม้และสักการะรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมบนเขา จากด้านบนนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้แบบ 360 องศาทั่วทั้งเมืองชิบาตะ ไกลไปจนถึงแนวเทือกเขาซาโอ้เลย
Funaoka Castle Ruins Park
Sakura Period: ต้น-กลางเมษายน
Location: แขวงชิบาตะ (Shibata) จังหวัดมิยากิ
Hours: 24 ชั่วโมง
Entrance Fee: ฟรี
Nearest Station: สถานีฟุนาโอกะ (Funaoka Station)
Access: เดินเท้าประมาณ 15 นาที จากสถานีฟุนาโอกะ
Website: www.skbk.or.jp/th/sights/funaokajoshi-koen.html
Date no Gyutan
ภาพ: www.dategyu.jp/en/restaurant/
ชมซากุระกันมาหลายจุดจดหมดพลัง เลยนั่งรถไฟต่อไปชาร์จแบตด้วยลิ้นวัวย่าง (Gyutan) ด้วยความที่เป็นเมนูดังประจำเมืองเซนได ดังนั้นไม่ว่าจะเดินไปทางซอกมุมไหนของเมืองก็จะเจอร้านขายลิ้นวัวอย่างแน่นอน วันนี้จะไปร้านชื่อดังในท้องถิ่นอยู่ไม่ไกลจากสถานี ก่อตั้งมายาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991 ตอนนี้มีหลายสาขาทั่วประเทศ
สตูว์ลิ้นวัว
ข้าวแกงกะหรี่ลิ้นวิว ภาพ: www.dategyu.jp/en/menu/
ความพิเศษของร้านนี้คือมีเมนูจากลิ้นวัวให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้งแบบย่างที่เราคุ้นเคย ลิ้นวัวแบบซาชิมิ สตูว์ลิ้นวัว แกงกะหรี่ลิ้นวัว ชาบูลิ้นวัว และเมนูกินเล่นอื่นๆ ส่วนใครที่ไม่กินลิ้นหรือเนื้อวัวก็ไม่ต้องกังวล เพราะที่ร้านมีเซ็ตอาหารจากวัตถุดิบอื่นให้บริการด้วย
Date no Gyutan (Main Store)
Location: เมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ
Hours: 11:00-22:00 น.
Holiday: –
Nearest Station: สถานีเซนได (Sendai Station)
Access: จากสถานีเซนได เดินประมาณ 5 นาที
Website: www.dategyu.jp/en/restaurant/
Hotel Metropolitan Sendai
โรงแรมในเครือ JR มาพร้อมโลเคชั่นติดสถานีเซนไดจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ ฝั่ง East และ West เราพักที่เซนไดฝั่งตะวันตกเลยเดินออกจากทางออกตะวันตกเพียง 1 นาทีเท่านั้น พักโรงแรมนี้ดีตรงที่ต่อรถสาธารณะไปไหนมาไหนสะดวก อีกทั้งบริเวณรอบๆ ยังรายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง เช่น S-PAL, Loft, Parco เป็นต้น ให้ช็อปกันอย่างเพลิดเพลิน
ทางโรงแรมมีห้องพักให้บริการหลากหลายรูปแบบในสไตล์โมเดิร์นเรียบหรูโทนสีเข้มจัดเป็นสัดส่วน เห็นวิวเมืองเซนได ภายในห้องมีสิ่งที่ช่วยให้การพักผ่อนสบายขึ้นหลายอย่าง อาทิ เครื่องชงกาแฟแคปซูล สมาร์ทโฟน ตู้เซฟ ของใช้จำเป็นอื่นๆ ห้ามพลาดอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์กว่า 80 รายการ แนะนำว่าให้ซื้อควบคู่ตั้งแต่ตอนจองห้องพักเลยจะคุ้มกว่า
Hotel Metropolitan Sendai
Location: เมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ
Nearest Station: สถานีเซนได (Sendai Station)
Access: จากสถานีเซนได เดินประมาณ 1 นาที
Website: www.sendai.metropolitan.jp/
DAY 4 / มิยากิ
วันนี้ทั้งวันเราตั้งใจไปขลุกตัวอยู่ที่ “มัตสึชิมะ” (Matsushima) ย่านท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เต็มไปด้วยเกาะน้อยใหญ่อันโด่งดังของจังหวัดมิยากิ ดังขนาดได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 วิวสวยที่สุดของญี่ปุ่นเชียวนะ ที่มาของชื่อมัตสึ แปลว่า “ต้นสน” ส่วน ชิมะ แปลว่า “เกาะ” บนเกาะนี้จึงมีต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์โดยเฉพาะต้นสน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมและสถานที่น่าสนใจที่เหมาะจะไปในฤดูใบไม้ผลิให้เช็คอินอีกเพียบ
Fukuurajima
ฟุกุอุระเป็นหนึ่งในเกาะย่อยของมัตสึชิมะ จากสถานีมัตสึชิมะไคกังเดินเท้าไปราว 20 นาที เดินข้ามสะพานแดงฟุกุอุระบาชิชื่อเดียวกับเกาะยาวพาดข้ามทะเล ตรงปลายของสะพานนี้คือจุดหมายแรกของเรา บนเกาะมีเส้นทางเดินชมธรรมชาติง่ายๆ เต็มไปด้วยดอกไม้หลายสายพันธุ์ และคาเฟ่ไม้วิวซากุระให้นั่งพักเหนื่อยด้วย
Fukuurajima
Location: มัตสึชิมะ แขวงมิยากิ (Miyagi) จังหวัดมิยากิ
Hours: เม.ย.-ต.ค. 8:00-17:00 น., พ.ย.-มี.ค. 8:00-16:00 น.
Holiday:–
Entrance Fee: ค่าเข้าเกาะ 200 เยน (ซื้อตั๋วได้ที่คาเฟ่ Café Bayland ที่อยู่หน้าสะพาน)
Nearest Station: สถานีมัตสึชิมะ ไคกัง (Matsushima Kaigan Station)
Access: จากสถานีมัตสึชิมะ ไคกัง เดินประมาณ 20 นาที
Matsushima Fish Market
คนพลังงานต่ำแบบเรา ใช้พลังงานกับการเดินไปนิดหน่อยท้องก็เริ่มร้องหิว เราจึงเดินข้ามสะพานย้อนกลับมาหาอะไรกินที่ตลาดปลามัตสึชิมะที่มีอาหารทะเลทั้งสดและแห้งให้เลือกซื้อหาเพียบ ส่วนนักท่องเที่ยวที่อยากกินเดี๋ยวนั้นเลยขอให้เดินขึ้นไปบนชั้น 2 ที่นั่นมีร้านอาหารให้บริการ เมนูเด็ดคือ “หอยนางรม” จะกินแบบสด แบบย่าง หรือจะสั่งหอยย่างโปะข้าวก็มีให้เลือกได้ตามชอบ
Matsushima Fish Market
Location: มัตสึชิมะ แขวงมิยากิ (Miyagi) จังหวัดมิยากิ
Hours: 8:00-17:00 น. (ชั้น 1 บริเวณของสด 8:00-15:00 น., ชั้น 2 10:00-15:00 น.)
Holiday: –
Nearest Station: สถานีมัตสึชิมะ ไคกัง (Matsushima Kaigan Station)
Access: จากสถานีมัตสึชิมะ ไคกัง เดินประมาณ 12 นาที
Website: www.sakana-ichiba.co.jp/
Godaido Temple
ไปกันต่อที่วัดโกไดโด วัดเก่าแก่ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 828 โดยจิคาคุ ไทชิ ผู้ก่อตั้งวัดซุยกันจิ (Zuiganji Temple) ภายในพื้นที่มีอาคารไม้ชื่อเดียวกับวัด “Godaido” ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของมัตสึชิมะก็ว่าได้ ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ภายหลังในปี ค.ศ. 1604 ซึ่งด้านในมีพระพุทธรูปที่เปิดให้ได้เห็นกันแค่ช่วงพิธีกรรมที่จัดทุกๆ 33 ปีเท่านั้น
Godaido Temple
Location: มัตสึชิมะ แขวงมิยากิ (Miyagi) จังหวัดมิยากิ
Hours: 8:30-17:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: เข้าฟรี
Nearest Station: สถานีมัตสึชิมะ ไคกัง (Matsushima Kaigan Station)
Access: จากสถานีมัตสึชิมะ ไคกัง เดินประมาณ 9 นาที
Website: www.zuiganji.or.jp/
Café le Roman
ช่วงบ่ายแก่ๆ เราตัดสินใจไปนั่งชิลล์ที่คาเฟ่ Café le Roman ที่รีเสิร์ชมาจากบ้านว่าวิวดีงามสุดๆ ทั้งท้องฟ้า ภูเขา ทะเล และดอกซากุระที่กำลังบานต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ ร้านตั้งอยู่บนเนินสูงในสวนสาธารณะ ประกอบกับผนังแบบกระจกใส จึงสามารถมองเห็นวิวทั้งหมดที่ว่ามานี้ได้ทั้งหมด ส่วนเมนูอาหารและขนมเป็นสไตล์ตะวันตก ชากาแฟก็มีครบเลย
Café le Roman
Location: มัตสึชิมะ แขวงมิยากิ (Miyagi) จังหวัดมิยากิ
Hours: พ.-จ. 11:00-17:00 น.
Holiday: วันอังคาร
Website: www.facebook.com/cafeloin
Saigyo Modoshi no Matsu Park
กินขนมอร่อยๆ จนสำราญใจแล้วจึงออกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะไซเกียว โมโดชิ โนะ มัตสึ ซึ่งอยู่บริเวณโดยรอบคาเฟ่ที่เราไปก่อนหน้านี้ ในสวนมีต้นซากุระและต้นสนเรียงราย รวมทั้งมีจุดชมวิวที่เหมาะกับการหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก
Saigyo Modoshi no Matsu Park
Location: มัตสึชิมะ แขวงมิยากิ (Miyagi) จังหวัดมิยากิ
Hours: 24 ชั่วโมง
Entrance Fee: เข้าฟรี
Nearest Station: สถานีมัตสึชิมะ ไคกัง (Matsushima Kaigan Station)
Access: จากสถานีมัตสึชิมะ ไคกัง เดินประมาณ 7 นาที
Gyutan Street & Sushi Street
เรานั่งรถไฟกลับไปลงที่สถานีเซนไดเหมือนเดิม เพราะจองโรงแรมที่ Hotel Metropolitan Sendai เอาไว้สองคืน แนะนำเลยสำหรับคนมีแผนเที่ยวหลายที่ เพราะอยู่ติดสถานีจึงลดเวลาการเดินทางไปต่อรถไฟ ประกอบกับอยู่ใกล้ร้านค้าและร้านอาหารมากมาย มื้อเย็นของวันนี้เราไปที่ “Gyutan Street” และ “Sushi Street” โซนร้านอาหารบนชั้น 3 ของสถานีเซนไดที่รวมร้านกิวตันและซูชิ เมนูขึ้นชื่อของเมืองเอาไว้เพียบ
ภาพ: www.eatmap-sendai.com/gyutan-sushistreet/
ถูกใจหรืออยากลองชิมอาหารของร้านไหนก็เลือกแวะได้ตามชอบ ความเก๋อยู่ที่ส่วนผนังร้านตรงทางเดินถูกออกแบบให้เหมือนกำแพงหินที่ได้แรงบันดาลใจจากกำแพงของปราสาทเซนไดนั่นเอง
Gyutan Street & Sushi Street
Location: ชั้น 3 สถานีรถไฟเซนได เมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ
Hours: 10:00-22:30 น. (เวลาเปิด-ปิดแตกต่างกันไปตามแต่ละร้าน)
Holiday: –
Nearest Station: สถานีเซนได (Sendai Station)
Website: www.livit.jregroup.ne.jp/gyutan-sushistreet/
DAY 5 / มิยากิ – โตเกียว
วันสุดท้ายเราจะเที่ยวชมซากุระกันที่เมืองเซนไดเป็นส่วนใหญ่ กินของอร่อยขึ้นชื่อ และปิดทริปด้วยการไปช็อปของฝากที่ย่านการค้าสุดเก๋ของเมืองเซนได
Sendai Asaichi Morning Market
เราเคยมาเที่ยวเซนไดแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะครั้งไหนก็ต้องตื่นไปเดินตลาดเช้าเซนไดอะไซชิทุกที ด้วยเพราะมีของกินให้เลือกซื้อหลากหลายทั้งของสด ของแห้ง ของกินเล่น สมฉายา “ครัวของเซนได” รวมถึงใกล้ๆ ตลาดก็มีร้านกาแฟและอาหารอยู่หลายแห่งเลย
Sendai Asaichi Morning Market
Location: เมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ
Hours: จ.-ส. 8:00-18:00 น.
Holiday: วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
Nearest Station: สถานีเซนได (Sendai Station)
Access: จากสถานีเซนได เดินประมาณ 3 นาที
Website: www.sendaiasaichi.com/
Shiogama Shrine
ภาพ: www.tohokuandtokyo.org/spot_202/
นั่งรถไฟไปเที่ยวกันต่อศาลเจ้าชิโอกามะ หนึ่งในสถานที่สำคัญของจังหวัดมิยากิที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 800 นับเป็นเวลาราว 1,200 ปีมาแล้ว นอกจากจะมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ให้เยี่ยมชม ในฤดูใบไม้ผลิบริเวณโดยรอบศาลเจ้าจะถูกแต่งแต้มไปด้วยบรรดาซากุระหลากหลายสายพันธุ์ แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือ “ชิโอกามะซากุระ” ต้นซากุระเก่าแก่ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่นด้วย
ภาพ: www.tohokuandtokyo.org/spot_202/
Shiogama Shrine
Location: เมืองชิโอกามะ (Shiogama) จังหวัดมิยากิ
Hours: มี.ค.-ต.ค. 5:00-18:00 น., พ.ย.-ก.พ. 5:00-17:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: เข้าฟรี ยกเว้น Shrine Museum ผู้ใหญ่ 200 เยน, นักเรียนชั้นมัธยม 150 เยน, นักเรียนชั้นประถม 80 เยน
Nearest Station: สถานีฮน ชิโอกามะ (Hon-Shiogama Station)
Access: จากสถานีฮน ชิโอกามะ เดินประมาณ 15 นาที
Website: www.shiogamajinja.jp/
Tsutsujigaoka Park
ภาพ: https://mytown.mizuho-re.co.jp/mz-sendai-s/340
ดูซากุระในศาลเจ้าแล้วยังไม่จุใจพอ ก่อนกลับเข้าเมืองเซนไดเลยแวะลงที่สถานีสึซึจิกาโอกะ เพราะใกล้ๆ นี้มีสวนสาธารณะที่สวยหวานเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ภายในสวนมีต้นซากุระหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์โซเมโยชิโนะ (Someiyoshino) ที่มีมากราว 400 ต้น สังเกตจากกิ่งจะย้อยลงมาให้ผู้คนชื่นชมและถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด ช่วงเทศกาลฮานามิจะมีร้านค้าออกบูธขายอาหารให้ซื้อไปนั่งปิกนิกใต้ต้นซากุระได้ด้วย
ภาพ: www.sentabi.jp/guidebook/attractions/58/
Tsutsujigaoka Park
Location: เมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ
Hours: มี.ค.-ต.ค. 5:00-18:00 น., พ.ย.-ก.พ. 5:00-17:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: เข้าฟรี
Nearest Station: สถานีสึซึจิกาโอกะ (Tsutsujigaoka Station)
Access: จากสถานีสึซึจิกาโอกะ เดินประมาณ 3 นาที
Taikichi Taiyaki
หลังจากผ่อนคลายไปกับการชมดอกไม้ เรานั่งรถไฟถัดมาหนึ่งป้ายมาลงที่สถานีเซนได แล้วไปตะลุยกินต่อโดยเริ่มจากขนมหวานกับร้านขายไทยากิหน้าสถานี ดูภายนอกก็คือร้านขายขนมไทยากิธรรมดา จำหน่ายไส้พื้นฐานอย่างถั่วแดง พิเศษขึ้นมาหน่อยก็มีไส้คัสตาร์ด ช็อกโกแลต ชาเขียว แต่ถ้ามาที่เซนไดละก็ต้องชิมไทยากิไส้ถั่วซุนดะ ซึ่งเป็นผลิตผลทางการเกษตรชื่อดังของแถบนี้เลย
Taikichi Taiyaki สาขา Sendai Ekimae
Location: เมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ
Hours: 11:30-19:30 น. (แต่ถ้าแป้งหมดก็ปิดร้านเลย)
Holiday: –
Nearest Station: สถานีเซนได (Sendai Station)
Access: เดินจากสถานีเซนได เดินประมาณ 1 นาที
Website: www.taiankichijitsu.com/
Gyutan no Issen
ภาพ: www.dishes-japan.com/food-and-drinks/
เมื่อวันก่อนกินเมนูลิ้นวัวแบบพิเศษทั้งสตูว์และมีทบอลไปแล้วยังติดใจ วันนี้จึงจะไปลองอีกแห่ง ร้านที่เราเลือกตั้งอยู่ชั้นใต้ดินของอาคารในย่านการค้าอิจิบันโช เมนูซิกเนเจอร์คือ “ลิ้นวัวย่าง” เมนูเบสิกแต่ถูกปรุงอย่างพิถีพิถันด้วยกรรมวิธีเฉพาะของร้าน เราชอบเนื้อสัมผัสกรุบๆ เคี้ยวเพลิน จิ้มเกลือเล็กน้อยก่อนกินก็จะยิ่งฟินสุดๆ
Gyutan no Issen
Location: เมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ
Hours: จ.-ศ. 11:00-15:00 น., 17:00-24:00 น., ส.และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 11:00-24:00 น., อา. 11:00-22:00 น.
Holiday: –
Nearest Station: สถานีเซนได (Sendai Station)
Access: จากสถานีเซนได เดินประมาณ 15 นาที
Ichibancho
ปิดทริปด้วยการช็อปปิ้งหาซื้อของฝาก สำหรับเมืองเซนไดแนะนำให้ไปแถวๆ ย่านอิชิบันโช เพราะมีถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารให้เลือกเดินเข้าออกอยู่หลายเส้น อาทิ Sun Mall, Vlan Dome, Clis Road ฯลฯ รูปแบบของถนนแถวนี้มีหลังคา ทำให้สามารถเดินได้ทุกสภาพอากาศเลย
Ake Kamabokoten ร้านขาย “คามาโบโกะ” หนึ่งในของกินและของฝากขึ้นชื่อของเมืองเซนไดภาพ: www.facebook.com/クリスロード商店街振興組合-277668515753314/
Ichibancho
Location: เมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยากิ
Hours: แตกต่างตามแต่ละร้านค้า
Nearest Station: สถานีเซนได (Sendai Station)
Access: จากสถานีเซนได เดินประมาณ 5 นาที
Website: www.clisroad.jp/, www.vlandome.com, www.sunmall-ichibancho.com/
ปิดทริป 5 วันใน “ฟุกุชิมะ” และ “มิยากิ” ฤดูใบไม้ผลิอย่างเบิกบานใจได้พลังกลับไปเต็มเปี่ยม จากนั้นนั่งโทโฮคุชินคันเซ็นกลับไปที่โตเกียวโดยยังสามารถใช้บัตรโดยสารใบเดิมสำรองที่นั่งได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่ม ใครจะกลับเมืองไทยเลยก็ยังสามารถใช้บัตรนี้นั่ง Narita Express ไปสนามบินนาริตะ หรือ Tokyo Monorail ไปสนามบินฮาเนดะได้ฟรีเช่นกัน
ข้อมูลบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area)
เที่ยว “ฟุกุชิมะ” และ “มิยากิ” ฤดูใบไม้ผลิ ให้คุ้มเว่อร์ ต้องใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ซึ่งใช้แทนตั๋วสำหรับโดยสารรถสาธารณะในเส้นทาง JR EAST Lines ที่ใช้นั่งทั้งชินคันเซ็น รถไฟท้องถิ่น รถไฟท่องเที่ยว Joyful Train (บางขบวน) รวมถึงสามารถใช้โดยสารรถ JR BUS TOHOKU นั่งรถไฟ Narita Express จากสนามบินนาริตะ หรือ Tokyo Monorail จากสนามบินฮาเนดะได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม มีใบเดียวเที่ยวได้ทั่วโทโฮคุเลย
ราคา: ผู้ใหญ่ 20,000 เยน, เด็ก 10,000 เยน
เงื่อนไข: ต้องใช้ 5 วัน ติดต่อกัน
จุดจำหน่าย: ซื้อผ่านเครื่องจำหน่ายตั๋วบางสถานี, เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว หรือซื้อผ่านเอเจนซี่ในประเทศไทย
วิธีสำรองที่นั่ง: ตั้งแต่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 2021 เป็นต้นไป สามารถซื้อและสำรองที่นั่งออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ JR-EAST Train Reservation และไปออกตั๋วฉบับจริงได้ที่ตู้อัตโนมัติภายในสถานีรถไฟที่มี Passport Reader
วิธีใช้งาน: สอดบัตรโดยสารกับเครื่องตรวจตั๋วอัตโนมัติของสถานีรถไฟได้เลย
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.jreast.travel/th/index.php