TOHOKU EMOTION : รถไฟที่พาคุณไปสัมผัสกับความรู้สึกอิ่มเอมและอิ่มท้องด้วยเสน่ห์ของโทโฮคุ
สารบัญ
- Feel the Passion
- Compartment | ตู้โดยสารรถไฟ
- To Do List | ทำอะไรบนรถไฟได้บ้าง
- Photo Spot | จุดถ่ายภาพที่สายแชะห้ามพลาด
- Tourist Attractions | นั่งขบวนนี้ไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง
- Must Know | เรื่องต้องรู้ก่อนขึ้น TOHOKU EMOTION
- Video | ชมวิดีโอ TOHOKU EMOTION
- Route Map | แผนที่
- เกี่ยวกับบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku Area)
ฝนตกปรอยๆ ฉันยืนอยู่ข้างรถไฟขบวนสีขาวที่ลวดลายเหมือนภาพวาด 2 มิติดูแปลกตาเหมือนหลุดออกมาจากโลกการ์ตูน บริเวณทางขึ้นรถไฟมีพนักงานถือป้ายเขียน Bon Voyage ด้านลวดลายน่ารักไม่แพ้กัน ที่ข้างรถไฟเขียนว่า TOHOKU EMOTION แม้จะเคยขึ้นรถไฟคอนเซ็ปต์เก๋ๆ มาไม่น้อยแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า นี่มันรถไฟอารมณ์ไหนกันแน่นะ? ดังนั้น ความรู้สึกแรกที่ฉันมีต่อรถไฟขบวนนี้คือ “ความอยากรู้อยากเห็น”
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะเป็นความตั้งใจของผู้สร้างรถไฟขบวนนี้ก็เป็นได้ เพราะเขาบอกว่าขบวนรถไฟนี้เป็นรถไฟที่เราไม่ต้องเตรียมตัวอะไรทั้งสิ้นก่อนขึ้น เพราะอยากให้ผู้โดยสารเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ที่จุดหมายปลายทางมากกว่า
ภาพ: East Japan Railway Company
หลังจากที่ได้ลองนั่งทั้งขาไปและขากลับ ต้องบอกเลยว่าได้เรียนรู้เกี่ยวกับเสน่ห์ของโทโฮคุระหว่างทางมากมายผ่านอาหาร การออกแบบและการสอดแทรกข้อมูลให้เราอย่างพอดิบพอดี ความรู้สึกเมื่อได้โดยสารรถไฟที่วิ่งจากสถานีฮาจิโนเฮะ (Hachinohe Station) ในจังหวัดอาโอโมริ ไปยังสถานีคุจิ (Kuji Station) ในจังหวัดอิวาเตะขบวนนี้นั้นสรุปได้เรียบง่ายและสั้นๆ ว่า “ว้าว”
Feel the Passion
TOHOKU EMOTION เริ่มให้บริการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ค.ศ. 2013 เป็นรถไฟสายท่องเที่ยวที่ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อช่วยฟื้นฟูท้องถิ่น เพราะได้รับความเสียหายอย่างหนักจากสึนามิเมื่อปี ค.ศ. 2011 เมื่อรางรถไฟได้รับการซ่อมแซมจนกลับมาวิ่งได้อีกครั้งอย่างเต็มรูปแบบขบวนนี้จึงมาพร้อมกับความยินดีของชาวเมืองและเริ่มวิ่งแจกจ่ายความสุขและความสนุกสนานไปพร้อมกับมอบความหวังแก่ผู้คน
ถ้าจะให้จำกัดความ TOHOKU EMOTION ไม่ใช่รถไฟแต่เป็นร้านอาหารที่เคลื่อนที่ได้ ทั้ง 3 ตู้ของรถไฟขบวนนี้ถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่เป็นร้านอาหารหรูหราชั้นดีที่ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารรสเลิศและวิวชายฝั่งซันริกุ (Sanriku Coast) ที่สวยจับใจ คอนเซ็ปต์หลักคือการนำดีไซน์ อาหาร ทิวทัศน์ และศิลปะมารวมกัน ดังนั้นผู้โดยสารจะได้รับทั้งเมนูอาหาร เมนูของหวาน และเมนูวิวให้เลือกชิมและชมตามสะดวก นอกจากจะมี Landscape Menu แนะนำวิวที่น่าสนใจของแต่ละสถานีที่รถไฟวิ่งผ่าน ยังมีเสียงตามสายบรรยายเรื่องราวเพิ่มเติมเป็นระยะราวกับมีไกด์ส่วนตัวมาเที่ยวด้วย
ภาพ: East Japan Railway Company
Compartment | ตู้โดยสารรถไฟ
เรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือความสวยงามและความละเอียดลออของดีไซน์ที่ผสมผสานความโมเดิร์นและงานคราฟต์ท้องถิ่นของโทโฮคุตามจุดต่างๆ ที่เราอาจจะคาดไม่ถึงไว้ได้อย่างลงตัวในรถไฟทั้ง 3 ตู้ ดีไซน์ด้านนอกสื่อถึงร้านอาหารที่เคลื่อนที่ได้ ส่วนอินทีเรียด้านในเน้นทำเหมือนร้านอาหารแท้ๆ โดยยกให้ Open Kitchen ณ ตู้ 2 เป็นพระเอกของขบวน
- ตู้ 1 ห้องส่วนตัว
ตู้นี้เป็นที่นั่งแบบห้องส่วนตัวในร้านอาหาร มีทั้งหมด 7 ห้อง ห้องหนึ่งนั่งได้สูงสุด 4 คน จุดเด่นอยู่ที่กระจกบานใหญ่ มองวิวได้ชัดแจ๋ว ผ้าสีน้ำตาลที่ประดับบนผนังเป็นงานคราฟต์ผ้าทอซาชิโกะโอริ (Sashiko-ori) ของจังหวัดฟุกุชิมะ
- ตู้ 2 Live Kitchen Space
ตู้นี้ทำหน้าที่เป็นห้องครัวแบบเปิดอย่างเต็มรูปแบบ เราสามารถเดินมาชมเชฟยอดฝีมือปรุงอาหารสดๆ ได้ที่ตู้นี้ (ช่วงโควิด-19 ขอความร่วมมือไม่ให้อยู่นานเกิน หรือมาพร้อมกันหลายคนจนเกินไป) นอกเหนือจากเทคนิคการทำอาหารและความใส่ใจของเชฟ เรายังสามารถชมงานคราฟต์มากมายได้ที่ตู้นี้ เช่น ลายพรมที่พื้นและลวดลายบนกระจกด้านในครัวนั้นเป็นลายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโคกินซาชิ (Koginsashi) งานคราฟต์ผ้าทอของจังหวัดอาโอโมริ ผนังเคาน์เตอร์ได้แรงบันดาลใจมาจากงานฝีมือที่ทำจากเหล็กนัมบุเทกกิ (Nambutekki) ของจังหวัดอิวาเตะ และนัมบุ ฮิเมมาริ (Nambu Himemari) ของจังหวัดอาโอโมริ
ส่วนใครที่อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และงานฝีมือต่างๆ เขามีโปสเตอร์สรุปให้เข้าใจง่ายด้วยภาพอันแสนน่ารักประดับอยู่ใกล้ๆ กับครัวด้วยล่ะ
- ตู้ 3 Open Dining หรือที่นั่งแบบร้านอาหารทั่วไป
แม้จะเป็นการนั่งรวมกันกับแขกท่านอื่นๆ แต่การจัดโต๊ะที่ชิดกับหน้าต่าง ทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวและเสพวิวได้สะดวกไม่แพ้ตู้ห้องส่วนตัว ส่วนงานคราฟต์ในห้องนี้คือโคมไฟ! โคมไฟสไตล์วินเทจที่เราเห็นนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากพลอยสีเหลืองเหลือบน้ำตาลชื่อดังของจังหวัดอิวาเตะที่มีชื่อว่าโคฮาคุ (Kohaku) ส่วนงานเหล็กที่ทำอุปกรณ์เสริมนั้นเป็นเทคนิคดั้งเดิมของโอกัตสึสึซึริ (Ogatsu-suzuri) จากจังหวัดมิยากิ พรมลายเดียวกับห้องครัวซึ่งก็คือลวดลายของโคกินซาชิ งานคราฟต์ผ้าทอของจังหวัดอาโอโมรินั่นเอง
มีอีก 2 อย่างที่ทำให้รถไฟขบวนนี้เหมือนร้านอาหารจริงๆ ขึ้นไปอีกก็คือ การบริการอันเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความเป็นมืออาชีพของทั้งเชฟ พนักงานต้อนรับและผู้จัดการร้านอาหาร และที่ขาดไม่ได้ คือห้องน้ำอันแสนสะอาดสะดวกสบายที่พร้อมให้บริการทั้งที่ตู้ 1 และ 3
To Do List | ทำอะไรบนรถไฟได้บ้าง
- สนุกไปกับการกินสิ รออะไร!
แม้ TOHOKU EMOTION จะเป็นรถไฟหลากหลายอารมณ์ แต่สิ่งที่เด่นที่สุดก็คืออาหาร! ขึ้นรถไฟขบวนนี้ก็ต้องสนุกไปกับการกินสิคะ!
คีย์เวิร์ดสำคัญในการสร้างสรรค์รถไฟขบวนนี้ก็คือคำว่า “Food Circus” ที่อยากให้รถไฟขบวนนี้มอบความสุข ความสนุก และความตื่นเต้นให้กับลูกค้าทุกคนผ่านอาหาร เมื่อมี Live Kitchen ทำอาหารให้ดูกันแบบสดๆ สร้างความตื่นเต้นแล้ว สิ่งที่ต้องดีไม่แพ้กันก็คือรสชาติ ซึ่งแน่นอนว่าเชฟแต่ละท่านที่มารับหน้าที่ล้วนเป็น Executive Chef จากห้องอาหารหรือโรงแรมชื่อดัง จึงเชื่อมือได้ว่าอาหารสวยเตะตา รสชาติถูกใจแน่นอน! นอกจากนี้เขายังปรับเปลี่ยนเมนูตามฤดูกาล 4 ครั้งต่อปี และเปลี่ยนเชฟผู้เป็น Food Director 2 ครั้งต่อปี ใครติดใจอยากมาขึ้นอีกก็ไม่ต้องกลัวจะเบื่อเมนูเดิมๆ
วัตถุดิบที่นำมาใช้ทำอาหารส่วนมากเป็นของดังในท้องถิ่น เช่น อาเบโดริ (Abedori) ไก่จากอิวาเตะ, หอยเชลล์จากอาโอโมริ, อูนิ (ไข่หอยเม่น), หอยอาวาบิ, เห็ดชิตาเกะ ฯลฯ ซึ่งเชฟจะเป็นคนเลือกของดีแต่ละช่วงมาผสมผสานทำอาหารให้เรารับประทาน เครื่องดื่มขอแนะนำให้ลอง Aomori Apple Juice น้ำแอปเปิ้ลของอาโอโมริสักแก้ว เพราะเขาโด่งดังมากเรื่องแอปเปิ้ลอร่อย หรือสายน้ำแร่จะลอง Ryusendo no Mizu น้ำแร่ธรรมชาติจากอิวาเตะก็เก๋สดชื่นแบบโลคอลสุดๆ
TOHOKU EMOTION วิ่งวันละ 2 รอบ ขาไปจาก Hachinohe – Kuji นั้นจะเป็นอาหารกลางวันแบบคอร์สซึ่งประกอบด้วยออเดิร์ฟ พาสต้า เมนคอร์ส และขนมอบ โดยเราสามารถสั่งเครื่องดื่มได้ไม่จำกัด ส่วนขากลับจาก Kuji – Hachinohe จะเป็นรถไฟขนมหวานให้เราฟินไปกับเค้ก ขนมอบ พุดดิ้ง ออเดิร์ฟของคาวชิ้นพอดีคำ และเครื่องดื่มต่างๆ ได้ไม่อั้น ปกติรถไฟรอบของหวานจะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ให้ไปตักเอง แต่ตอนนี้เพื่อความปลอดภัยของพวกเราทุกคน จึงเปลี่ยนวิธีเป็นนั่งสั่งจากที่โต๊ะแทน แต่กินได้ไม่จำกัดเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเลือกขึ้นขบวนไหนรับรองว่าอิ่มอกอิ่มใจและอิ่มท้องตลอดระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงแน่นอน
- ฟังเพลงแจ๊สสบายๆ
ยังไม่หมดแค่นั้น TOHOKU EMOTION มี Food for Ear ด้วย นั่นก็คือเพลงบรรเลงสไตล์แจ๊สฟังสบายๆ ที่ทางรถไฟบรรจงแต่งขึ้นมาเพื่อเพิ่มสุนทรียภาพในการทานอาหารและการเดินทางให้กับทุกคน
- ชมงานคราฟต์มากมาย
แทบทุกพื้นที่บนขบวนล้วนมีงานคราฟต์ท้องถิ่นปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นผ้าสีน้ำตาลที่ประดับบนผนังในตู้โดยสาร 1 นั้นเป็นผ้าทอซาชิโกะโอริ ตู้ที่ 2 หลักๆ จะเป็นพื้นที่ครัวแบบเปิดก็ได้ซุกซ่อนงานคราฟต์เอาไว้หลายแห่ง เช่น ลายพรมที่พื้นและลวดลายบนกระจกด้านในครัวนั้นเป็นลายโคกินซาชิ ผ้าทอของจังหวัดอาโอโมริ ผนังเคาน์เตอร์ได้แรงบันดาลใจมาจากงานฝีมือที่ทำจากเหล็กนัมบุเทกกิของจังหวัดอิวาเตะ
ภาพ: East Japan Railway Company
ส่วนตู้ที่ 3 แม้จะถูกจัดให้เป็นโต๊ะอาหาร แต่ก็ยังตกแต่งด้วยงานคราฟต์ที่ช่วยเสริมให้บรรยากาศห้องอาหารน่านั่งเข้าไปอีกด้วยโคมไฟที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโคฮาคุ พลอยสีเหลืองเหลือบน้ำตาลชื่อดังของจังหวัดอิวาเตะ งานเหล็กที่ทำอุปกรณ์เสริมนั้นเป็นเทคนิคดั้งเดิมของโอกัตสึสึซึริ จากจังหวัดมิยากิ
Photo Spot | จุดถ่ายภาพที่สายแชะห้ามพลาด
นั่งรถไฟขบวนนี้เราขอพูดว่า Feel Beautiful บิวตี้ฟูลในที่นี้หมายถึงทั้งเราและวิว มีหลายจุดที่คู่ควรแก่การตั้งกล้องถ่ายรูป จึงขอสรุปสิ่งที่น่าสนใจมาให้ดังนี้
- หาด Tanesashi
หาดทาเนซาชิ ที่เห็นทั้งทะเลสีฟ้าสวยตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียวสดใสตามธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติ
- สถานี Rikuchu-Yagi
บางจุดก็มีการชะลอรถไฟให้ชมเป็นพิเศษ เช่น บริเวณสถานีริกุจู ยากิ (Rikuchu-Yagi Station) ซึ่งเป็นจุดที่รถไฟ ราง ถนน สะพานต่างๆ โดนสึนามิพัดไปตอนภัยพิบัติครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ. 2011
- รถไฟ
จุดถ่ายรูปกับรถไฟนั้นบอกได้เลยว่าถ่ายได้ทุกมุมในขบวนนี้ แต่ที่เด็ดๆ น่าจะเป็นป้าย Bon Voyage และป้ายต้อนรับของพนักงาน ด้านหน้าของรถไฟ งานคราฟต์ต่างๆ ในขบวน เขามีพรมแดงให้เดินขึ้นลงรถไฟด้วยนะ นี่ก็ห้ามพลาดเลยล่ะ
- ธงประมง Tairyo-bata
ธงประมงพลิ้วไสวเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าถ่ายรูปเก็บไว้ เพราะนี่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการเป็นพื้นที่ที่จับปลาบริเวณชายฝั่งซันริกุได้มากที่สุด ซึ่งจะพบเห็นได้ระหว่างทางและตามสถานีต่างๆ
Tourist Attractions | นั่งขบวนนี้ไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง
ทั้งสถานีต้นทางและปลายทางอย่าง Hachinohe และ Kuji ต่างก็มีสถานที่ที่น่าสนใจให้เราแวะไปเยี่ยมชมหลังเพลิดเพลินไปกับรถไฟสายอิ่มขบวนนี้ คราวนี้ขอยกแบบที่ใกล้ๆ ไปได้ง่ายๆ ใช้เวลาไม่มากเหมาะสำหรับคนที่เวลาน้อยแต่ก็อยากทำความรู้จักทั้งสองเมืองสักนิด
Ondeanse You Tree อันดับแรกต้องแนะนำให้ไปห้างซึ่งอยู่ทางขวามือเมื่อออกจากทางออกฝั่งตะวันออก ที่นี่มีสินค้าของฝากให้เลือกช็อปเยอะมาก เรียกได้ว่ามีครบทุกหมวดหมู่ ทั้งของกิน ของใช้ ของสด ของคาว ของหวาน ของเล่น และงานฝีมือต่างๆ ถ้าเยอะไปจนเลือกไม่ถูก ต้องไปดูมุมแนะนำสินค้าเด่น หรือสำรวจป้ายบอกความนิยมของสินค้าแต่ละชนิดที่จะติดอยู่ที่สินค้านั้นๆ ถ้าแบกไหว อยากแนะนำให้ซื้อน้ำแอปเปิ้ลมากๆ ขวดเบ้อเร่อราคาไม่ถึง 1,000 เยนซึ่งถือว่าถูกมากสำหรับที่ญี่ปุ่น
Miroku Yokocho สำหรับสายฟู้ดดี้ที่เดินทางเพื่อค้นหาความอร่อย ต้องไปที่มิโรกุ โยโกะโจ เพราะที่นี่เป็นเหมือนตรอกรวมร้านอิซากายะแบบบ้านๆ เข้าถึงง่าย ได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ๆ แต่ละร้านมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป เช่น ร้านเน้นปิ้งย่าง ร้านอาหารท้องถิ่น ร้านราเมน ร้านที่เน้นเครื่องดื่มหลากหลายชนิด เป็นต้น หลายๆ ร้านเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นเป็นตัวชูโรงด้วย ด้วยความที่อยู่ใจกลางเมืองฮาจิโนเฮะเลย จะใช้เป็นจุดเริ่มต้นหรือที่ปิดค่ำคืนอันแสนสนุกก็เข้าท่า
แต่ถ้าเป็นคนชอบแช่ เมืองนี้เขาดังเรื่องเซนโต (โรงอาบน้ำรวมแบบในการ์ตูน) จุดเด่นที่ต่างจากเมืองอื่นก็คือ เปิดตั้งแต่เช้าตรู่! (โดยทั่วไปเปิด 15:00 น. เป็นต้นไป) จะอาบน้ำที่นี่ก่อนกลับโรงแรมหรือเดินทางต่อก็ผ่อนคลายเชียวล่ะ
Lake Towada หากมีแพลนปักหลักเที่ยวอาโอโมริ ทะเลสาบโทวาดะก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะที่นี่มีกิจกรรมล่องเรือชมวิวงามๆ หรือจะเดินเล่นรับลมชมพระอาทิตย์ตกก็เหมาะสมที่สุด
Oirase ลำธารแสนอุดมสมบูรณ์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศแวะเวียนมาไม่ขาดสาย มีเส้นทางเดินเทรลยาวกว่า 14 กิโลเมตร ทำให้เราสามารถเดินลัดเลาะสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ใครที่รักการเดินระยะไกลสามารถมาเดินเล่น ฟังเสียงสายน้ำกันเพลินๆ ได้
※ สัมผัสธรรมชาติ เสพงานอาร์ตที่อาโอโมริ
Roadside Station Kuji เราอาจจะมีเวลาไม่มากนักที่สถานีนี้ ถ้าไม่ค้างคืนขอแนะนำจุดแวะพักคุจิ ซึ่งเป็นเหมือนศูนย์รวมของเด่นของดีทั้งในแง่อาหารและวัฒนธรรมของเมืองนี้เอาไว้แบบฉบับย่อ มุมข้อมูลเขามีเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองสรุปไว้ให้อ่าน มีชุดอามะจัง (อาชีพนักดำน้ำหญิงเก่าแก่ที่สามารถงมหอยในทะเลได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจใดใดทั้งนั้น) ให้ลองใส่และเรื่องราวให้ศึกษา มีส่วนหนึ่งของรถแห่ในงานเทศกาล Kuji Aki Festival อันยิ่งใหญ่ของท้องถิ่น ซึ่งเป็นงานละเอียดประณีตมากๆ การที่ได้เห็นของจริง ทำให้เราเข้าใจความเก่งกาจของช่างฝีมือที่ช่วยกันสรรสร้างสิ่งที่ละเอียดอ่อน
โซนอาหารก็มีทั้งขนม ของฝาก และผักผลไม้สดที่เก็บได้จากท้องถิ่น เค้กถั่วดำดูเป็นสินค้าขึ้นชื่อของที่นี่ แต่เรานั้นอยากกินข้าวกล่องหน้าอูนิ ของดังอีกอย่างมากกว่า แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ขายทุกวัน ส่วนแฟนโปเกมอนอย่าพลาดฝาท่อระบายน้ำลายพเทอราด้วยนะ
ทั้งนี้ทั้งแค่เดินเล่นไปมาในเมืองที่บรรยากาศแสนสงบน่ารัก และมีรูปวาดการ์ตูนน่ารักๆ ตามประตูม้วนของร้านค้าให้ชมก็ถือว่าฟินมากแล้ว
Jodogahama Beach อีกหนึ่งจุดชมวิวสวยกรุบและจุดพักผ่อนแสนชิลล์ในเมืองมิยาโกะ (Miyako) จุดเด่นที่ทำให้ผู้คนหลั่งใหลมาที่นี่อยู่เสมอคือ โขดหินทรงแหลมขนาดใหญ่เรียงรายเป็นแถวบนชายฝั่งซันริกุ สามารถปูผ้านั่งพักริมหาด เล่นน้ำ เดินเล่น หรือล่องเรือก็มีให้บริการด้วย
Kamaishi City แต่ถ้ามีเวลาสักหน่อย ลองรถไฟไปเที่ยวเมืองคามาอิชิ บ้านเกิดแห่งอุตสาหกรรมเหล็กสมัยใหม่ของญี่ปุ่น รวมถึงมี Hashino Iron Mining and Smelting Site เหมืองเหล็กฮาชิโนะซึ่งเป็นอีกหนึ่งมรดกโลก UNESCO ด้วย
จะขาไปหรือขากลับ ความรู้สึกที่ผู้โดยสารแต่ละคนมีต่อ TOHOKU EMOTION อาจจะต่างกัน แต่เชื่อว่าเป็นความรู้สึกดีๆ แน่นอน
Must Know | เรื่องต้องรู้ก่อนขึ้น TOHOKU EMOTION
- เส้นทางให้บริการ
ระหว่างสถานีสถานีฮาจิโนเฮะ (Hachinohe Station) จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) กับคุจิ (Kuji Station) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate)
- วันให้บริการ
รถไฟจะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) ให้บริการในวันศุกร์ เสาร์-อาทิตย์ จันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก่อนสำรองที่นั่งแนะนำให้ตรวจสอบวันเดินทางก่อนที่เว็บไซต์ www.jreast.co.jp
- ตารางเวลา
สถานี / เวลา | ขาไป (Hachinohe – Kuji Station) | ขากลับ (Kuji – Hachinohe Station) |
Hachinohe | 11:00 (ออก) | 16:07 (จอด) |
Hon-Hachinohe | ไม่จอด | 15:49 (ออก) 15:48 (จอด) |
Same | ไม่จอด | 15:37 (ออก) 15:34 (จอด) |
Tanesashikaigan | ไม่จอด | 15:19 (ออก) 15:19 (จอด) |
Kuji | 12:56 (จอด) | 14:15 (ออก) |
- วิธีสำรองที่นั่ง
ต้องสำรองที่นั่งที่ห้องจำหน่ายตั๋ว JR EAST Travel Service Center สีเขียวบริเวณสถานีใหญ่ๆ ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น เช่น สถานี Tokyo, Shinjuku, Shibuya, Ueno, Sendai, Shin-Aomori, Morioka, Koriyama ฯลฯ อีกทั้งราคาจะเปลี่ยนแปลงไปตามเมนูอาหารที่เสิร์ฟในวันนั้นๆ
หมายเหตุ:
บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ไม่สามารถใช้โดยสาร TOHOKU EMOTION ได้ แต่สามารถใช้เพื่อโดยสารรถไฟธรรมดา รถไฟชินคันเซ็นไปจนถึงสถานีคุจิหรือฮาจิโนเฮะได้
Video | ชมวิดีโอ TOHOKU EMOTION
Route Map | แผนที่
คลิกที่รูปเพื่อดาวน์โหลดแผนที่
เกี่ยวกับบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku Area)
บัตรโดยสารสุดคุ้มที่ใช้โดยสารรถไฟในภูมิภาคโทโฮคุ ทั้งรถไฟท้องถิ่นในเส้นทาง JR EAST Lines ชินคันเซ็น รถไฟท่องเที่ยว Joyful Train ก็สำรองได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมถึงสามารถใช้นั่งรถไฟ Narita Express จากสนามบินนาริตะ หรือ Tokyo Monorail จากสนามบินฮาเนดะได้ฟรีหมดภายในระยะเวลา 5 วัน โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อกันภายในระยะเวลา 14 วัน
ราคา: ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 19,350 เยน, เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 9,670 เยน
ซื้อได้ที่: เอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ได้แก่ Wendy Tour, HIS และ JTB