Hells of Beppu
ทัวร์บ่อนรกฉบับย่อ

สถานที่เราอยากแนะนำมากที่สุดในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นบ่อน้ำพุร้อนหลากสีทั้ง 8 บ่อ อันขึ้นชื่อของเบบปุ (Beppu) เมืองในจังหวัดโออิตะ (Oita) หากไม่มาบ่อน้ำพุร้อน 8 บ่อจะถือว่ามาไม่ถึงโออิตะเลยนะ คนที่นี่เรียกว่า จิโกกุ เมกุริ (Jigoku Meguri) หรือก็คือบ่อนรกนั่นเอง แค่ได้ยินชื่อก็อยากจะไปทัวร์ซะเดี๋ยวนี้ แต่ละบ่อก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันไป มีทั้งบ่อโคลน บ่อน้ำสีฟ้าอันสดใส บ่อสีแดงสดอย่างกับภาพจำลองกระทะทองแดงเลย (แอบน่ากลัว) แต่ละบ่อเนี่ยเกิดจากธรรมชาติล้วนๆ เลยนะ แถมมีมากว่าพันปีแล้วด้วย ถือว่าแปลกตามาก หากไปทัวร์บ่อนรกเนี่ยเราสามารถเก็บครบ 8 บ่อได้เลย เพราะแต่ละบ่อก็ไม่ไกลกันมากนัก เดินไปเพลินๆ แปปเดียวก็ครบแล้ว

 

แผนที่จิโกกุ เมกุริ (Jigoku Meguri) เมือง Beppu

 

01 อุมิ จิโกกุ | Umi Jigoku

บ่อนรกอุมิจิโกขุจะใหญ่ที่สุดในบรรดาบ่อน้ำพุร้อนทั้งหมด มีความลึกประมาณ 200 เมตร น้ำจะเป็นสีน้ำเงินโคบอลต์หรือคล้ายกับสีของน้ำทะเล (บ่อนี้เลยชื่อว่า อุมิ ที่แปลว่า ทะเล ในภาษาญี่ปุ่น) และมีการละลายของซัลเฟตทำให้มีสีฟ้า อุณหภูมิประมาณ 98 องศา ด้วยความร้อนระดับนี้ควันสีขาวก็จะขึ้นโขมง ถ่ายรูปแล้วเหมือนอยู่ในอีกโลกนึงเลยแหละ

 

บ่ออุมิ จิโกกุ (Umi Jigoku) เป็นบ่อน้ำร้อนที่ใหญ่ที่สุดในจิโกกุ เมกุริ ของเมือง Beppu

 

02 ชิโนเกะ จิโกกุ | Chinoke Jigoku

บ่อน้ำพุร้อนชิโนเกะหรือบ่อโคลนสีแดงเป็นบ่อน้ำพุธรรมชาติที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น เกิดจากปฏิกริยาใต้พื้นดินคือความร้อนจากเหล็กออกไซด์กับแมกนีเซียมรวมกันจนปะทุออกมาเกิดเป็นโคลนสีแดงทำให้น้ำในบ่อก็เป็นสีแดงไปด้วย หรือที่เรียกกันว่าบ่อเลือดนั่นเอง ฟังดูน่ากลัวอีกแล้วแต่เราขอบอกว่าบ่อนี้สวยมาก หาดูได้ยากด้วยแหล่ะ เราว่าบ่อสีแดงๆ และมีความร้อนสูง นี่แทบไม่มีที่ไหนเลยนะ (ยกเว้นโคลนแดง) คือถ้าบอกว่าเป็นภาพจำลองของกระทะทองแดงเราก็เชื่อ

 

บ่อน้ำพุร้อน Chinoke หรือบ่อโคลนสีแดงเป็นบ่อน้ำพุธรรมชาติที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมือง Beppu

 

03 ทัตสึมากิ จิโกกุ | Tatsumaki Jigoku 

บ่อน้ำพุทัตสึมากิเป็นบ่อที่จะมีน้ำพุพุ่งออกมาทุกๆ 25-30 นาทีและมีอุณหภูมิของน้ำใต้ดิน 150 องศา ทุกคนถึงกับต้องไปนั่งรอเพื่อรอดูน้ำพุพุ่งออกมาเลย

 

ที่มา: Norio.NAKAYAMA Flickr via Compfight cc

04 ชิราอิเกะ จิโกกุ | Shiraike Jigoku

พื้นที่บรรยากาศสงบๆ แบบสวนญีปุ่นที่รายล้อมไปด้วยน้ำสีขาวอมฟ้าแห่งนี้คือบ่อน้ำพุร้อนชิราอิเกะหรือบ่อน้ำพุร้อนสีขาว เหมือนมีบ่อน้ำหลังบ้านยังไงยังงั้น ในบ่อแห่งนี้จะประกอบไปด้วยเกลือของกรดบอริก, โซเดียมคลอไรด์, กรดซิลิก และแคลเซียมไบคาร์บอเนต จึงออกสีขาวๆ ปนฟ้าๆ หน่อย มองดูแล้วก็สบายตา

 

บ่อชิราอิเกะ จิโกกุ (Shiraike Jigoku) ในเบปปุ (Beppu)

 

05 โอนิอิชิ โบสุ จิโกกุ | Oniishi Bozu Jigoku

บ่อที่แปลกตาที่สุดสำหรับเราคงจะเป็นบ่อโคลนสีเทาที่มีความร้อน 99 องศาเซลเซียส มองดูแล้วจะเห็นโคลนเดือดปุดๆ บ่อนี้ชื่อว่าบ่อนรกโอนิอิชิโบสุ ว่ากันว่าที่มาของชื่อมาจากโคลนที่ผุดออกมาเนี่ยมีลักษณะคล้ายกับหัวของพระสงฆ์ (คำว่า โบสุ แปลว่า พระสงฆ์)

 

 

06 โอนิยามะ จิโกกุ | Oniyama Jigoku 

ต่อไปเป็นบ่อนรกโอนิยามะหรือเรียกอีกชื่อว่า “บ่อนรกจระเข้” เพราะที่แห่งนี้มีจระเข้ประมาณ 70 ตัวเลยทีเดียว (แต่เราถ่ายติดจระเข้นอนอืดมาได้แค่ 1 ตัว) พื้นที่นี้จะมีบ่อเพาะจระเข้เต็มไปหมด มีโซนที่เพาะจระเข้ให้เยี่ยมชมด้วย ใครอยากเห็นน้องจระเข้แบบใกล้ชิดเราขอแนะนำให้มาที่บ่อนี้เลย

 

 

07 คามาโดะ จิโกกุ | Kamado Jigoku

บ่อที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอีกบ่อคือบ่อนรกคามาโดะ ซึ่งตามตำนานเล่าว่าแต่ก่อนบ่อนี้เคยใช้เป็นที่ปรุงอาหารให้เทพเจ้า ด้านหน้าจะมียักษ์สีแดงถือกระบองหนามอยู่บนเตาเด่นสง่า

 

 

08 ยามะ จิโกกุ | Yama Jigoku

อันนี้เราชอบมากเพราะเหมือนเป็นโซนสวนสัตว์เล็กๆ ที่มีสัตว์หลายชนิดอาศัยอยู่รวมกัน  อดไม่ได้ที่จะต้องแวะหาน้องๆ ทั้งนกฟลามิงโก้เอย ฮิปโปตัวยักษ์เอย คิวท์ไปหมดทุกตัว หากอยากใกล้ชิดก็สามารถซื้ออาหารให้น้องๆ ได้ด้วย

 

 

นอกจากการชมบ่อต่างๆ แล้ว ในพื้นที่นี้ยังมีกิจกรรมให้ทำอีกหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเดินช็อปปิ้งตามร้านค้าท้องถิ่นหรือแวะนึ่งเนื้อนึ่งไข่กินเล่นเพลินๆ เผลอแปปๆ เที่ยวเพลินจนหมดวันก็เป็นได้ 

 

 

อันนี้เป็นที่นึ่งไข่นึ่งเนื้อ จะมีหมายเลขติดอยู่ว่าของเราเบอร์อะไร หากใครหิวก็ลองมานึ่งของกินก่อนได้ 

 

แช่เท้าผ่อนคลายหลังจากเดินชมบ่อนรก

ส่วนอีกกิจกรรมที่ทุกคนน่าจะชอบอีกอย่างเมื่อมาที่นี่ คือ การแช่เท้านั่นเอง หากใครเดินชมแล้วเมื่อยล่ะก็ สามารถแช่เท้าผ่อนคลายได้ที่จุดแช่เท้า มีทั้งแบบทรายร้อนและแบบน้ำอุ่นๆ  ซึ่งการแช่น้ำร้อนเนี่ยสามารถบรรเทาอาการเหนื่อยล้าหรืออาการปวดเมื่อยเท้าได้ สถานที่แช่เท้าได้แก่ โซนบ่อคามาโดะ โซนบ่ออุมิจิโกกุ โซนบ่อโอนิอิชิ โบสุ โซนบ่อชิโนะเกะ แช่ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วยนะ หรือใครอยากได้ผ้าขนหนูไว้สำหรับเช็ดก็สามารถหาซื้อได้ที่ตู้กดอัติโนมัติเลย ผืนละ 200 เยน 

 

Info
จิโกขุ เมกุริ (Jigoku Meguri)
Hours: 8:00 – 18:00 น.
Holiday:
Admission: ผู้ใหญ่ 2000 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 1,350 เยน, นักเรียนมัธยมต้น  1,000 เยน, นักเรียนประถมปลาย 900 เยน (สามารถชมได้ทั้ง 7 บ่อ)
Access: ออกจากสถานี JR เบบปุทางออกตะวันตก (West Exit) แล้วขึ้นบัสคาเมโนอิ (Kamenoi Bus) สาย 2,5,9,24,41 ไปลงที่คันนาวะ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที มาลงที่ป้ายรถเมล์อุมิจิโกขุหรือคันนาวะก็ได้ จากนั้นเดินประมาณ 1 นาที  ถ้าลงที่ป้ายคันนาวะ ให้นั่งบัสสาย 16 ลงที่บ่อเลือดหรือบ่อชิโนจิ

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ