สารบัญ
- 01 สวนปราสาทเก่าฟุนะโอกะ (Funaoka Joshi Park)
- 02 ฮิโตะเมะเซ็มบงซากุระ (Hitome Senbonzakura)
- 03 สวนฮานามิยามะ (Hanamiyama Park)
- 04 ซากุระน้ำตกมิฮารุ (Miharu Takizakura)
- 05 สวนคิตะคามิ เท็นโชจิ (Kitakami Tenshochi Park)
- 06 หมู่บ้านซามูไรคาคุโนดาเตะ (Kakunodate Samurai Residences)
- 07 สวนปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle Park)
- แถม #1 สวนดอกไม้อาชิคากะ (Ashikaga Flower Park)
- แถม #2 สวนฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park)
- มุ่งหน้าสู่โทโฮคุได้ง่ายๆ แค่นั่งรถไฟชินคันเซ็นด้วย JR East Pass
ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) คือพื้นที่บริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น และด้วยทำเลที่ตั้งนี้เองจึงทำให้ช่วงพีคของฤดูใบไม้ผลิของโทโฮคุนั้นมาช้ากว่าโตเกียว โอซาก้า หรือเกาะคิวชู
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การชมดอกซากุระที่โทโฮคุมากที่สุดคือระหว่างต้นเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งแต่ละโซนจะแตกต่างกันตรงที่ยิ่งเหนือยิ่งพีคช้า ทำให้เราสามารถชมดอกซากุระที่บานสะพรั่งเป็นทิวแถวได้โดยที่ไม่ต้องปะทะกับฝูงชนอันเนืองแน่นในช่วงไฮซีซั่นอย่างในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเมษายนที่โตเกียวหรือเกียวโต เพราะยังมีคนอีกมากที่ไม่ทราบว่าถ้าไปที่โทโฮคุในช่วงเดือนเมษายน (ยาวไปถึงต้นเดือนพฤษภาคม) จะได้ชมซากุระแบบฟูลฟอร์มโดยไม่ต้องพะวงว่าต้องเบียดคนเข้าไปถ่ายรูป หรือต้องมาลำบากหามุมถ่ายรูปเพื่อถ่ายไม่ให้ติดคนอื่น
และเรื่องจริงที่หลายคนยังไม่ทราบก็คือ โทโฮคุสามารถไปจากโตเกียวได้ง่ายๆ ด้วยรถไฟชินคันเซ็น มิหนำซ้ำยังใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าโตเกียวไปโอซาก้าเสียอีก
นอกจากนี้ ความพิเศษของการชมซากุระในภูมิภาคโทโฮคุก็คือ โอกาสที่จะได้ชมดอกซากุระพร้อมฉากหลังที่เป็นภูเขาหิมะสีขาวโพลนและท้องฟ้าสีครามอันกว้างใหญ่ไร้ก้อนเมฆ แถมดอกซากุระที่มีให้ชมก็มีหลากหลายสายพันธุ์จึงทำให้ไปกี่ที่ก็ไม่ซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นซากุระพันธุ์โซเมโยชิโนะ (Someiyoshino) ที่มีสีชมพูอ่อนๆ หรือจะเป็นซากุระพันธุ์ชิดาเระซากุระ (Shidarezakura) ที่มีสีชมพูเข้มโดดเด่น และยังมีต้นซากุระเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปีอีกด้วย ทั้งหมดนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักและเผยวิธีไปง่ายๆ ใกล้สถานีรถไฟแบบไม่มีหมกเม็ด
01 สวนปราสาทเก่าฟุนะโอกะ (Funaoka Joshi Park)
ช่วงเวลาที่สามารถชมซากุระ: ต้น-กลางเมษายน
ภาพ: flickr.com/photos/sonotoki
จุดแรกที่จะพาไปชม เห็นปุ๊บก็ต้องตะลึงไปชั่วขณะแล้ว เพราะไม่น่าเชื่อว่าจะมีสถานที่สวยงามขนาดนี้อยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟ ที่นี่มีชื่อว่าสวนปราสาทเก่าฟุนะโอกะ (Funaoka Joshi Park) อยู่ในเมืองชิบาตะ (Shibata) ใกล้กับเมืองเซ็นได จังหวัดมิยากิ เมื่อเข้าสู่ช่วงต้นถึงกลางเดือนเมษายนของทุกปี เนินเขาที่อยู่ท่ามกลางสวนแห่งนี้ก็จะถูกปกคลุมด้วยกลีบซากุระสีชมพูอ่อน เห็นแล้วรู้สึกผ่อนคลายเป็นที่สุด
ภาพ: th.zekkeijapan.com
ไฮไลท์ของที่นี่คือรถรางย้อนยุค ค่าบริการคนละ 500 เยน ที่จะพาเราเลาะลอดผ่านดงซากุระที่โอบล้อมมาจากทุกทิศทางคล้ายอุโมงค์ ระยะทางประมาณ 300 เมตร ขอบอกว่าถ้ามาถึงที่นี่แล้วยังไงก็ต้องลองนั่งรถรางขบวนนี้ และอย่าลืมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย
ภาพ: shibatamachi.strikingly.com
เมื่อเดินถึงยอดเขาจะพบกับทิวทัศน์อันแสนงดงามของสวนที่กลายเป็นสีชมพูอ่อนและทิวต้นซากุระที่เรียงรายเลียบแม่น้ำชิโรอิชิ (Shiroishi River) และตกกลางคืนที่นี่จะมีการจัดไฟประดับที่สวยจับจิตจับใจอีกด้วย
Info
Address: Funaokajoshi Koen, Funaoka, Shibata, Shibata-gun, Miyagi Prefecture
Nearest station: JR Funaoka Station
Access: เดินจาก JR Funaoka Station 15 นาที
Admission: ฟรี
02 ฮิโตะเมะเซ็มบงซากุระ (Hitome Senbonzakura)
ช่วงเวลาที่สามารถชมซากุระ: ต้น-กลางเมษายน
ภาพ: karakurijapan.jp
เรายังคงอยู่ในจังหวัดมิยากิ และสถานที่ต่อไปก็คือฮิโตะเมะเซ็มบงซากุระ (Hitome Senbonzakura) อย่าเพิ่งตกใจว่าสถานที่อะไรทำไมชื่อออกเสียงยากขนาดนี้ ความหมายของชื่อนี้คือ “มองเห็นซากุระ 1,000 ต้นเพียงชำเลืองมอง” ซึ่งที่มาของชื่อนั้นก็คือแนวต้นซากุระที่เรียงรายกันกว่า 1,200 ต้นและยาวถึง 8 กิโลเมตรริมแม่น้ำชิโรอิชิทั้งสองฝั่ง เรียกได้ว่ามีต้นซากุระเยอะขนาดนี้ ก็สามารถถ่ายรูปคู่กับต้นซากุระแบบไม่ติดคนอื่นได้อย่างง่ายๆ
ภาพ: karakurijapan.jp
นอกจากฟังเสียงแม่น้ำชิโรอิชิไหลช้าๆ กวาดตาชมกลีบซากุระปลิวสไวตามลมแล้ว มองไปด้านหลังยังเห็นภูเขาซาโอะ (Mount Zao) ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าวิวร้อยล้าน
ภาพ: karakurijapan.jp
สำหรับการเดินทางมาที่นี่ก็ง่ายแสนง่าย เพราะมีรถไฟ JR จอดที่สถานีโอกาวาระ (Ogawara Station) ซึ่งสามารถเดินเท้าต่อไปถึงทิวต้นซากุระเพียงแค่ 3 นาที เหมาะกับใครที่มีเวลาไม่มากหรือพาผู้สูงอายุมาด้วย
ภาพ: twitter.com/dora21th
ตกกลางคืนที่นี่ก็มีการจัดไฟประดับทำให้เห็นความงดงามของซากุระที่ต่างไปจากที่เราคุ้นเคย ปล่อยใจชมความงามท่ามกลางลมเย็นๆ ของฤดูใบไม้ผลิในยามค่ำคืน ช่างเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกจริงๆ
Info
Address: Shiroishi Riverside, Shibata, Ogawara Town, Miyagi Prefecture
Nearest station: JR Ogawara Station
Access: เดินจาก JR Ogawara Station 3 นาที
Admission: ฟรี
03 สวนฮานามิยามะ (Hanamiyama Park)
ช่วงเวลาที่สามารถชมซากุระ: ต้น-ปลายเมษายน
ภาพ: pixpot.net
สวนฮานามิยามะ (Hanamiyama Park) เป็นอุทยานขนาดใหญ่ที่รวมดอกไม้สีสันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดอกซากุระสีชมพูอ่อน ดอกบ๊วยสีชมพูเข้ม ดอกระฆังทองสีเหลือง ฯลฯ แซมด้วยต้นไม้สีเขียวหลากเฉดสี แถมด้วยภูเขาหิมะเป็นฉากหลัง ช่างเป็นสุดยอดทิวทัศน์ฤดูใบไม้ผลิที่สวยจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้จริงๆ
ภาพ: f-kankou.jp/hanamiyama-kaika-saishinjouhou
ภายในอุทยานยังมีบางส่วนที่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล แต่เจ้าของพื้นที่ก็เปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้าชมความงดงามของดอกซากุระและผองเพื่อนให้ชื่นใจ
ภาพ: pixpot.net
การเดินทางมาที่นี่นั้นอาจจะหลายต่อสักหน่อย เพราะที่นี่อยู่ในจังหวัดฟุกุชิมะซึ่งมีธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์อยู่มากๆ สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดคือสถานีฟุกุชิมะ (Fukushima Station) เมื่อมาถึงแล้วสามารถนั่งรถบัสที่ให้บริการเฉพาะในช่วงที่ดอกซากุระบานไปบริเวณใกล้ๆ อุทยานได้ จากนั้นค่อยเดินเท้าอีก 10 นาทีก็จะถึง
ภาพ: tabi-mag.jp
Info
Address: Watari, Fukushima City, Fukushima Prefecture
Nearest station: JR Fukushima Station
Access: นั่งรถบัส 15 นาทีจาก JR Fukushima Station (มีเฉพาะช่วงเทศกาลซากุระ) + เดิน 10 นาทีจากป้ายรถบัส
Admission: ฟรี
04 ซากุระน้ำตกมิฮารุ (Miharu Takizakura)
ช่วงเวลาที่สามารถชมซากุระ: กลาง-ปลายเมษายน
ภาพ: wondertrip.jp
ซากุระน้ำตกมิฮารุ (Miharu Takizakura) เป็นต้นซากุระที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในญี่ปุ่น มีอายุมากกว่า 1,000 ปี เป็นสายพันธุ์ชิดาเระซากุระ (Shidarezakura) หรือซากุระที่มีกิ่งก้านห้อยลงมาเหมือนหยดน้ำซ้อนเป็นชั้นๆ จึงเป็นที่มาของชื่อทาคิซากุระซึ่งหมายถึง ซากุระน้ำตก ถือเป็น 1 ใน 3 ต้นซากุระที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
จุดชมซากุระต้นนี้อยู่ในเมืองมิฮารุ (Miharu) จังหวัดฟุกุชิมะ สามารถนั่งรถไฟ JR ไปลงสถานีมิฮารุ (Miharu Station) จากนั้นต่อรถบัสอีก 15 นาทีก็จะถึง นอกจากนี้ยังสามารถเช่าจักรยานปั่นชมวิวรอบๆ ได้เช่นกัน
ภาพ: miharukoma.com
นอกจากความสวยงามในช่วงกลางวันแล้ว พอตกเย็นก็จะมีการจัดไลท์อัพรอบต้นซากุระ ดังนั้นใครที่ไปไม่ทันตอนสว่างก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะตอนกลางคืนก็มีความงดงามที่ตราตรึงไม่แพ้กัน
Info
Address: Sakurakubo, Taki, Miharu Town, Tamura County, Fukushima Prefecture
Nearest station: JR Miharu Station
Access: นั่งรถบัส 20 นาทีจาก JR Miharu Station (มีเฉพาะช่วงเทศกาลซากุระ)
Admission: 300 เยน
05 สวนคิตะคามิ เท็นโชจิ (Kitakami Tenshochi Park)
ช่วงเวลาที่สามารถชมซากุระ: กลางเมษายน-ต้นพฤษภาคม
ริมแม่น้ำคิตะคามิ (Kitakami River) เราจะเห็นภาพของต้นซากุระกว่า 10,000 ต้น เรียงรายกันอย่างน่าอัศจรรย์ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ที่นี่คือสวนคิตะคามิ เท็นโชจิ (Kitakami Tenshochi Park) ในจังหวัดอิวาเตะ ในบรรดาจำนวนมหาศาลของต้นซากุระนั้นมีซากุระสายพันธุ์ต่างๆ กว่า 150 ชนิด
ภาพ: th.zekkeijapan.com
ในช่วงเทศกาลซากุระจะมีบริการรถม้าให้นั่งเพิ่มอรรถรสในการชมซากุระไปอีกระดับ และถ้าอยู่จนถึงหลังพระอาทิตย์ตกดินก็จะได้ชมไฟประดับอีกด้วย
ภาพ: travel.navitime.com
เมื่อเดินทางมาถึงสถานีคิตะคามิ (Kitakami Station) สามารถเดินไปที่สวนได้โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที หรือมีอีกทางเลือกก็คือการนั่งเรือข้ามแม่น้ำซึ่งจะให้บริการเฉพาะในช่วงเทศกาลซากุระเท่านั้น นอกจากจะได้ชมซากุระแล้วยังเห็นฝูงปลาคาร์ปลอยอยู่เหนือแม่น้ำอีกด้วย
ภาพ: travel.navitime.com
ที่นี่ยังเป็นที่รู้จักว่าเป็นหนึ่งในสามจุดชมซากุระที่สวยที่สุดในมิจิโนะคุ (Michinoku) ซึ่งอีกสองแห่ง ได้แก่ หมู่บ้านซามูไรคาคุโนดาเตะ กับ สวนปราสาทฮิโรซากิ ที่จะกล่าวในลำดับถัดไป
Info
Address: Tachibana, Kitakami-shi, Iwate Prefecture
Nearest station: JR Kitakami Station
Access: นั่งเรือ 5 นาทีจาก JR Kitakami Station (มีเฉพาะช่วงเทศกาลซากุระ) หรือเดิน 15 นาที
Admission: ฟรี
06 หมู่บ้านซามูไรคาคุโนดาเตะ (Kakunodate Samurai Residences)
ช่วงเวลาที่สามารถชมซากุระ: ปลายเมษายน-ต้นพฤษภาคม
ภาพ: nanavi.net
แนะนำซากุระริมน้ำมาหลายที่แล้ว ถึงคราวซากุระริมสถาปัตยกรรมอันน่าหลงใหลสไตล์ซามูไรกันบ้าง ที่นี่ก็คือหมู่บ้านซามูไรคาคุโนดาเตะ (Kakunodate Samurai Residences) หมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัดอาคิตะที่ขึ้นชื่อเรื่องการชมซากุระสายพันธุ์ชิดาเระซากุระ (Shidarezakura) ที่มีลักษณะกิ่งห้อยย้อยลงมาเป็นช่อนั่นเอง
ภาพ: www.kenpokukotsu.com
นอกจากความงดงามของซากุระสีชมพูเข้ม ชมพูอ่อนที่ปรากฏตลอดเส้นทางแล้ว ที่นี่ยังเคยเป็นย่านที่อยู่อาศัยของซามูไรตระกูลใหญ่ในอดีต และยังคงหลงเหลือสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ถ้ามาแล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะถ่ายรูปคู่กับต้นซากุระโดยมีบ้านซามูไรเป็นฉากหลัง
การเดินทางมาที่นี่ก็ไม่ยุ่งยากเลย เพียงแค่นั่งรถไฟมาลงสถานีคาคุโนดาเตะ (Kakunodate Station) แล้วเดินต่ออีก 15 นาที ก็จะพบกับจุดชมซากุระที่ไม่ธรรมดา เพราะจัดให้อยู่ในหนึ่งในสามจุดชมซากุระที่สวยที่สุดในมิจิโนะคุ (Michinoku) เลยทีเดียว
ภาพ: yamap.co.jp
ในบริเวณใกล้เคียง เดินจากหมู่บ้านซามูไรเพียงแค่ 10 นาที ยังมีจุดชมซากุระ(แบบไม่ย้อย) ริมแม่น้ำฮิโนกิไน (Hinokinai River) ซึ่งสามารถจัดปิคนิกย่อมๆ เพลิดเพลินกับบรรยากาศที่มีกลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนปลิวสไว และยังมีดอกแดฟโฟดิลสีเหลืองเสริมทัพความสดใสในฤดูใบไม้ผลิ
ภาพ: nanavi.net
หลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าก็ได้เวลาทำงานของดวงไฟ แม้ว่าที่นี่อาจจะไม่ได้จัดไฟประดับอิลลูมิเนชั่นอลังการเหมือนที่อื่น แต่แค่แสงไฟธรรมดาๆ ให้เห็นแสงเงาของซากุระกับหมู่บ้านซามูไรในยามค่ำคืนก็สวยจนเก็บไปฝันแล้ว
Info
Address: Higashikatsurakucho, Kakunodate Machi, Senboku-shi, Akita Prefecture
Nearest station: JR Kakunodate Station
Access: เดินจาก JR Kakunodate Station 15 นาที
Admission: ฟรี
07 สวนปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle Park)
ช่วงเวลาที่สามารถชมซากุระ: ปลายเมษายน-ต้นพฤษภาคม
ภาพ: tcn-aomori.com
อีกมนต์เสน่ห์ของญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างอยากเดินทางมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งก็คงต้องเป็นปราสาทสไตล์ญี่ปุ่น แน่นอนว่าที่ภูมิภาคโทโฮคุก็มีปราสาทชื่อดังอยู่ในจังหวัดอาโอโมริ นั่นก็คือปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) ซึ่งมีสวนซากุระอันสวยงามล้อมรอบอยู่ชื่อว่า สวนปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle Park)
ภาพ: th.zekkeijapan.com
ความพิเศษขั้นสุดของสวนแห่งนี้ก็คือผิวน้ำในคลองขุดที่แปลงโฉมเป็นพรมสีชมพูด้วยกลีบซากุระนับไม่ถ้วน บรรยากาศช่างอบอวลไปด้วยกลิ่นซากุระ มองไปทางไหนก็เป็นสีชมพู ทำให้ช่วงที่พีคที่สุดไม่ใช่ช่วงที่ซากุระกำลังบานเต็มที่ แต่เป็นช่วงที่ซากุระเริ่มร่วงโรยไปบ้างแล้ว
ภาพ: hirosakipark.jp
ซากุระที่นี่มีมากถึง 2,600 ต้นในอาณาบริเวณที่กว้างขวางมาก ทำให้หามุมถ่ายรูปคู่กับซากุระไม่ให้ติดคนอื่นได้ไม่ยาก และในช่วงที่จัดงานเทศกาลซากุระก็จะมีรถเข็นขายอาหารสร้างความคึกคักได้เป็นอย่างดี
ภาพ: hirosakipark.jp
กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคือการเช่าเรือมาพายเล่นในบ่อน้ำกลางสวน ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ดื่มด่ำบรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิสีชมพูท่ามกลางอากาศเย็นสบาย
ภาพ: hirosakipark.jp
ภาพ: th.zekkeijapan.com
อย่าเพิ่งรีบกลับ เพราะเมื่อฟ้ามืดเราจะได้พบกับสุดยอดไลท์อัพที่สว่างไสว เห็นสีชมพูของซากุระชัดเจนยิ่งกว่าช่วงกลางวัน
Info
Address: 1 Shimoshirogane-cho, Hirosaki-shi, Aomori Prefecture
Nearest station: JR Hirosaki Station
Access: นั่งรถบัสจาก JR Hirosaki Station 15 นาที
Admission: ฟรี
แถม #1 สวนดอกไม้อาชิคากะ (Ashikaga Flower Park)
ช่วงเวลาที่สามารถชมวิสทีเรีย: ปลายเมษายน-ต้นพฤษภาคม
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มีโอกาสมาที่โทโฮคุทั้งที จะชมแค่ดอกซากุระคงไม่พอ เพราะที่ภูมิภาคแห่งนี้ยังมีดอกไม้สวยๆ อีกหลายชนิดที่ควรค่าแก่การชื่นชมใกล้ๆ สักครั้ง จะแวะก่อนกลับโตเกียว แวะระหว่างทริปชมซากุระ หรือจะไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียวก็สะดวกไปหมด ยิ่งถ้ามี JR EAST PASS (Tohoku area) นั่งชินคันเซ็นแปปเดียว ต่อรถไฟ JR ธรรมดาอีกนิดหน่อยก็ฟรีหมด
ภาพ: th.zekkeijapan.com
ดอกไม้ชนิดแรกนอกจากซากุระที่อยากแนะนำก็คือดอกวิสทีเรีย หรือมีชื่อญี่ปุ่นว่า ฟูจิ มีลักษณะห้อยย้อยลงมาเป็นช่อยาวและมีหลากหลายสีไม่ว่าจะเป็น เหลือง ขาว ชมพู แต่ที่สวยตะลึงที่สุดต้องเป็นสีม่วง
ภาพ: ashikaga.co.jp
จุดชมดอกวิสทีเรียสีม่วงที่มีชื่อเสียงมากคือสวนดอกไม้อาชิคากะ (Ashikaga Flower Park) ในจังหวัดโทชิกิ ซึ่งเพิ่งมีสถานีรถไฟเปิดใหม่ในปี 2018 ด้านหน้าสวนพอดิบพอดี สามารถชมดอกวิสทีเรียสีม่วงได้ในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม นอกจากดอกวิสทีเรียแล้วที่นี่ยังมีดอกไม้นานาชนิดให้เดินชมกันอย่างอิ่มใจด้วย
ในช่วงตกกลางคืน ภายในสวนจะมีการจัดแสงไฟให้บรรดาผู้ที่เข้ามาชมตื่นตาตื่นใจไปกับความสวยงามของดอกวิสทีเรีย ถือเป็นไฮไลท์เด็ดที่ไม่ควรพลาด
ภาพ: aumo.jp
อีกสิ่งน่าลองของที่นี่ก็คือไอศกรีมวิสทีเรียที่มีสีสันของดอกวิสทีเรียอยู่เต็มเปี่ยม
Info
Address: 607 Hasama-cho, Ashikaga City, Tochigi Prefecture
Nearest station: JR Ashikaga Flower Park Station
Access: อยู่ด้านหน้าสถานีพอดี
Admission: ขึ้นอยู่กับจำนวนดอกไม้ที่บาน
แถม #2 สวนฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park)
ช่วงเวลาที่สามารถชมเนโมฟีลา: ปลายเมษายน-ต้นพฤษภาคม
ขอปิดท้ายด้วยดอกไม้สีฟ้าสว่างที่มีชื่อว่าเนโมฟีลา หรือมีอีกชื่อว่า เบบี้บลูอายส์ ซึ่งหมายถึง สีฟ้าที่เหมือนตาของเด็กทารก(ฝรั่ง)
ทุ่งดอกเนโมฟีลาอันกว้างใหญ่ไพศาลอยู่ในสวนฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park) ในจังหวัดอิบารากิ สามารถชมได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม
ภาพ: th.zekkeijapan.com
เนโมฟีลาจะออกดอกบริเวณเนินมิฮาราชิ (Miharashi no Oka) กว่า 4.5 ล้านดอก เกิดเป็นสวนดอกไม้สีฟ้าสว่างกว้างจรดเส้นขอบฟ้าราวกับอยู่บนสวรรค์ดีๆ นี่เอง
ภาพ:www.訪日.com
หากอิ่มเอมกับดอกเนโมฟีลาแล้ว ที่นี่ก็ยังมีดอกไม้ชนิดอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นดอกป๊อปปี้สีส้มหรือสีแดง ฯลฯ
Info
Address: 605-4 Onuma-aza, Mawatari, Hitachinaka, Ibaraki Prefecture
Nearest station: JR Katsuta Station
Access: นั่งรถบัสจาก JR Katsuta Station 15 นาที
Admission: 410 เยน
มุ่งหน้าสู่โทโฮคุได้ง่ายๆ แค่นั่งรถไฟชินคันเซ็นด้วย JR East Pass
เราสามารถนั่งรถไฟชินคันเซ็นตรงยาวจากโตเกียวไปโทโฮกุได้ง่ายๆ แถมยังใช้เวลาน้อยกว่าเดินทางจากโตเกียวไปโอซาก้าด้วยซ้ำ เช่น โตเกียวไปเซ็นได ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง, โตเกียวไปฟุกุชิมะ ประมาณ 85 นาที, โตเกียวไปอาคิตะ ประมาณ 3 ชั่วโมง, โตเกียวไปชินอาโอโมริ ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ฯลฯ
ภาพ: jreast.co.jp
อาวุธลับที่จะช่วยเราประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากก็คือ JR EAST PASS (Tohoku area) เพราะเราจะสามารถนั่งรถไฟได้ไม่อั้น (รวมถึงรถไฟชินคันเซ็น) ได้มากถึง 5 วันที่ไม่ต้องติดต่อกันก็ได้ในช่วงระยะเวลา 14 วัน บอกเลยว่าถ้าไม่มีพาสแล้วซื้อตั๋วไปกลับเที่ยวเดียวจากโตเกียวไปชินอาโอโมริก็ปาไป 16,590 เยน (ประมาณ 5,000 บาท) ในขณะที่ JR EAST PASS (Tohoku area) ราคาผู้ใหญ่ (12 ปีขึ้นไป) คนละ 19,350 เยน เด็ก (6-11 ปี) ราคา 9,670 เยน เท่ากับว่านั่งไปกลับรอบเดียวก็คุ้มแล้ว และถ้าวางแผนดีๆ จะยิ่งคุ้มขนาดไหน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ JR EAST PASS (Tohoku area) ได้ที่ JR EAST PASS (Tohoku area)
ชมวิดีโอแนะนำภูมิภาคโทโฮคุ (เวอร์ชั่นภาษาไทย)
วิธีซื้อ JR EAST PASS (Tohoku area)
สุดท้ายนี้ เราขอแนะนำวิธีซื้อ JR EAST PASS (Tohoku area) แบบง่ายที่สุด ก็คือซื้อผ่านเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ได้แก่ Wendy Tour, H.I.S และ JTB สามารถติดต่อและสอบถามรายละเอียดได้โดยกดที่รูปภาพด้านล่าง
Wendy Tour
โทร.02-214-1763
H.I.S
โทร.02-022-0933
JTB
โทร.02-344-4688 / 02-344-4600