
Ebisu I’m Hungry : ชวนแวะ 3 ร้านสำหรับคนชอบเดินเล่นหาของอร่อยไม่ไกลจากสถานีเอบิสึ

สารบัญ
Ebisu I’m Hungry, Give Me Some Nice Food
เที่ยวโตเกียวมาก็เยอะ คราวนี้ขอแว้บไปเดินเล่นแถวบริเวณสถานีเอบิสึ (Ebisu Station) ว่ากันว่าแถวนี้มีร้านอร่อยให้เดินเข้าเพียบ เราขอชวนไปชิมความอร่อยกัน 3 ร้านเน้นๆ ทั้งของคาวของหวาน มื้อหนักหรือของว่างยามบ่ายมีครบ เผื่อว่าอาจจะถูกปากจนกลายเป็นร้านโปรดของคุณก็ได้นะ
01 Afuri
Fine Ramen
หลังจากหมดพลังงานจากการเดินเล่นตอนเช้าในโตเกียวมาได้สักพัก ก็ได้มาหยุดอยู่แถวสถานีเอบิสึ (Ebisu Station) ห่างจากสถานี 2 นาทีเห็นอาคารขนาดหนึ่งคูหาที่มีคนต่อแถวล้นออกมานอกร้าน สัญชาตญาณของความหิวบอกว่า ที่ตรงนั้นต้องมีอาหารอยู่แน่ๆ จึงรีบพุ่งตัวเข้าไปต่อคิวทันที พบว่าร้านนี้เป็นร้านราเมน ไม่รอช้าสั่งอาหารโดยกดเลือกเมนูที่ต้องการที่เครื่องจำหน่าย รับตั๋วแล้วรีบจับจองที่นั่งเคาน์เตอร์ยาวล้อมครัว ซึ่งเป็นครัวแบบเปิด ที่ระหว่างกินก็ได้เพลิดเพลินกับลีลาการปรุงอาหารของเชฟ เอาล่ะมื้อแรกของวันขอจัดราเมนให้แน่นท้องซะหน่อย
Yuzu Shio Ramen (1,080 เยน)
ราเมนของ Afuri สามารถเลือกเส้นได้ 2 แบบ คือเส้นนวดมือ (Temomi) หรือเส้นบุก (Konnyaku) เมนูซิกเนเจอร์ของร้านนี้จะมีเนื้อสัตว์คือหมูชาชู ใครที่ไม่ชอบเนื้อหมูมันๆ สามารถเปลี่ยนเป็นอกไก่ได้เช่นกัน
เส้นนวดมือ (Temomi)
เส้นบุก (Konnyaku)
ต่อมาเลือกระดับความมันของซุปไก่ (Chi-yu) ได้ 2 แบบคือ Tanrei ระดับความมันที่ทางร้านกำหนดมาให้อย่างพอดี หรือถ้าชอบซุปราเมนที่มันๆ ให้เลือกแบบ Maroaji ซึ่งจะเข้มข้นขึ้นกว่า Tanrei ในชามยังมีหน่อไม้ญี่ปุ่น, ไข่ต้ม, ผักมิซูนา และสาหร่ายให้มาอีกด้วย
ส่วนน้ำซุปสีใสกลมกล่อมนี้ทำมาจากน้ำธรรมชาติบริสุทธิ์จากตีนภูเขาอาฟูริ ต้มกับไก่, หมู, สาหร่ายคอมบุ, ปลาซาร์ดีน, ผักที่มีกลิ่นหอม เคี่ยววัตถุดิบต่างๆ ที่ถูกคัดสรรมาอยู่ในชามในอุณหภูมิและเวลาที่พอเหมาะ ทำให้รสชาติซุปมีความเบาและรู้สึกสดชื่นเมื่อกินเข้าไป บวกกับสัดส่วนของเกลือในซุปที่พอดี รสชาติจึงกลมกล่อมไม่เค็มจัด มีความมันกำลังดี หนึ่งในความโดดเด่นของส่วนผสมทั้งหมดที่ทำให้เมนูนี้มีความพิเศษก็คือ กลิ่นหอมและรสของส้มยูซุ (Yuzu) ที่ชัดเจน
ขอแนะนำว่าให้ใช้เจ้ากระบวยไม้จิ๋วที่ให้มาในชามตักน้ำซุปแล้วซู้ดดังๆ ทำให้รับรสความอร่อยได้เต็มที่และชื่นใจมาก ทั้งหมดทั้งมวลที่อยู่ในทุกเมนูของนี้ได้ส่งตรงมาจากครัวกลางที่จังหวัดคานางาวะใกล้ภูเขาอาฟูริ ซึ่งจัดเตรียมวัตถุดิบสดใหม่และส่งตรงถึงหน้าร้านทุกวัน
ใครที่ท้องยังไม่อิ่มสามารถสั่งเมนูอื่นๆ เพิ่มได้อีก ไม่ว่าจะเป็นสึเคเมน, เมนูข้าวถ้วยเล็ก หรืออยากเพิ่มท็อปปิ้งเยอะๆ ในชามราเมนที่สั่งมาก็ยังได้ สำหรับคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ทางร้านมีเมนู Seasonal Vegan Ramen ให้บริการด้วยนะ
Info
Afuri
Hours: 11:00-17:00 น.
Website: www.afuri.com
02 Crossroad Bakery
All Day Breakfast
ร้านเบเกอรี่ที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมทางแยกของอาคารอิฐบล็อกสีอ่อน ประตูที่อ้าเปิดต้อนรับให้เป็นจุดหมายต่อมาที่อยากเข้าไปนั่งชิล หาเครื่องดื่มสักแก้วแก้ง่วง บรรยากาศภายในตกแต่งสไตล์แคลิฟอร์เนีย โทนสีน้ำตาลขาว เคล้าคลอด้วยเพลงช่วงยุค 60’s บวกกับกลิ่นหอมของเบเกอรี่ภายในร้าน ทำให้เหมือนวาร์ปไปอยู่ที่อเมริกาซะอย่างงั้น เหมาะกับการนั่งแช่จิบกาแฟและกินขนมไปพลางๆ หรือจะนั่งเม้ามอยกับเพื่อนก็ดี
แน่นอนว่าเมนูอาหารก็ต้องเป็นสไตล์อเมริกัน มีครบครันทั้งอาหารคาวและหวาน ไปจนเครื่องดื่ม ที่ร้านมีเมนูขนมปังหลากหลายชนิดกว่า 70 รายการ โดยเชฟจะนวดแป้งสดใหม่เองทุกวัน ซึ่งใช้แป้งสาลีกว่า 20 ชนิดจากทั่วโลก แต่จะเน้นไปที่แป้งของญี่ปุ่น ส่วนยีสต์จะเป็นยีสต์โฮมเมดคุณภาพดีนานาชนิด ทำให้ขนมปังมีรสชาติและกลิ่นที่โดดเด่น เบเกอรี่อร่อยๆ นี้ เกิดจากความตั้งใจในการคัดเลือกวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน ขนมปังของทางร้านจะอร่อยเป็นเพิ่มมากขึ้นเมื่อทานคู่กับกาแฟโอกาว่า (Ogawa) หรือ ชาออร์แกนิก
อีกความพิเศษของร้านนี้คือมี All Day Breakfast หลายเมนูให้ลูกค้าได้เลือก โดยให้บริการทั้งวันสามารถใช้บริการได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารกลางวันให้บริการสำหรับวันธรรมดาตั้งแต่ 11 โมงถึงบ่าย 3 โมงอีกด้วย สำหรับใครที่ไม่อยากทานเมนูที่หนักท้องมาก ลองเลือกขนมสักชิ้นกับเครื่องดื่มอีกสักอย่าง แล้วนั่งซึมซับบรรยากาศที่หอมหวนในร้านดูสิ
Homemade Chai Latte
เครื่องดื่มอุ่นๆ ที่มีส่วนผสมระหว่างชาและเครื่องเทศหลายชนิด รสชาตินุ่มละมุนหวานพอดี หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศ เด่นด้วยกลิ่นซินนามอน เสิร์ฟพร้อมคุกกี้รสขิงทานกับเครื่องดื่มยิ่งเพิ่มความลงตัวของรสชาติได้เป็นอย่างดี
Strawberry Danish
แป้งเดนิชหนากรอบกัดให้เต็มคำพร้อมกับครีมและสตรอว์เบอร์รีด้านบน รสชาติความกรอบของแป้งบวกกับครีมนุ่มๆ ที่ไม่หวานเกินไปและตัดเลี่ยนด้วยรสเปรี้ยวของสตรอว์เบอร์รีในคำเดียว บอกเลยว่าอร่อยสุดๆ
Info
Crossroad Bakery
Hours: 8:00-20:00 น.
Website: www.crossroadbakery.com
03 Mr. Friendly Cafe
Think Like Mr. Friendly Love & Peace
มารับความสุขเติมความสดใสให้กับตัวเองกันหน่อย ปิดท้ายด้วยร้านที่ต้องหยุดเดินต่อและขอแวะเข้าสักนิด เพราะสะดุดตากับสีสันของป้ายชื่อร้าน คาเฟ่ขนาดเล็กแต่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสดใส บรรยากาศน่านั่งสบายๆ ฟรี Wi-Fi จะนั่งทานในร้านหรือซื้อกลับก็ได้ ตั้งแต่หน้าร้านจนถึงด้านในร้านจะสังเกตเห็นหน้าตายิ้มแย้มของมาสคอตตัวหนึ่ง เขามีชื่อว่า Mr. Friendly ผู้เป็นมิตรและมีรอยยิ้มให้ทุกคนเสมอ เขาต้องการส่งความสุขให้ทุกๆ คนทั่วโลก แม้ว่าจะอยู่กันคนละประเทศ พูดกันคนละภาษาก็สามารถยิ้มแย้มให้กันได้
เมนูแนะนำของทางร้านคือ ฮอตเค้กรูป Mr. Friendly อบใหม่ๆ วัตถุดิบหลักประกอบด้วยไข่, นม และแป้งสาลี ซึ่งใช้ไข่ไก่คุณภาพดีจากแม่ไก่ที่ออกไข่มาโดยธรรมชาติ ไข่ 1 ฟองที่ทางร้านคัดเลือกมา จะอุดมไปด้วยวิตามิน E มากกว่าไข่ไก่ทั่วๆไป ถึง 20 เท่า นอกจากนี้ยังมีวิตามิน D แคลเซียมและโปรตีนอีกด้วย เมนูของทางร้านไม่ได้มีเพียงแค่ขนมเท่านั้น แต่ยังมีเมนูเครื่องดื่มตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นสมูทตี้ น้ำผลไม้ รวมถึงเมนูออร์แกนิกอื่นๆที่ดีต่อสุขภาพ ส่วนซอสผลไม้ที่ทางร้านใช้ จะทำจากผลไม้แท้ๆ ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามแต่ละฤดูกาล
Pistachio & Chocolate Ice Cream Parfait (680 เยน)
พาร์เฟ่ต์ซอฟต์ครีมรสนมฮอกไกโด รสชาติละมุนลิ้นเข้าถึงนมและเนยทุกสัมผัส มาพร้อมกับไอศกรีมถั่วพิสตาชิโอและช็อกโกแลต ท็อปด้วยฮอตเค้กรูป Mr. Friendly หน้าตาน่ารัก และตกแต่งด้วยผลไม้ตามฤดูกาล
เต็มอิ่มกับรสชาติอร่อยๆ แล้วใครที่อยากเก็บความน่ารักสดใสกลับบ้าน ทางร้านก็มีมุมขายสินค้ากระจุกกระจิกของ Mr. Friendly ซื้อกลับไปเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย
Info
Mr. Friendly Cafe
Hours: 11:00 – 20:00 น.
Website: www.mrfriendly.jp
3 ร้านที่แนะนำนี้แค่เรียกน้ำย่อยเท่านั้น ใครที่เป็นชอบเดินชิลๆ บริเวณ Ebisu Station ยังมีร้านดีๆ อีกมากมายสามารถแวะมากินมาเดินเที่ยวย่านนี้ได้ รับรองว่าอาหารอร่อยไม่ผิดหวังแน่นอน
พักผ่อนสบาย เดินทางไปเที่ยวก็แสนง่ายที่ remm ROPPONGI
หลายต่อหลายคนมักจะถามเราว่าถ้าอยากพักแถวย่านตัวเมืองของโตเกียวที่มีตึกสูงสวยๆ เยอะๆ อย่างรปปงงิ (Roppongi) เดินแค่ไม่กี่ก้าวจากสถานี รายล้อมไปด้วยแหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหาร และจุดถ่ายรูปเยอะๆ ควรพักที่ไหนดี ในฐานะที่เราไปเดินเล่นแถวรปปงงิมาบ่อยๆ และมีโอกาสจองโรงแรมให้ครอบครัวหรือเพื่อนที่มาเที่ยวญี่ปุ่น ต้องบอกเลยว่า remm ROPPONGI คือตัวเลือกที่พักที่ดีที่สุดของย่านนี้
แล้วถ้าอยากไปเที่ยวแถวๆ ย่านเอบิสึก็แสนสะดวกจาก Roppongi Station ให้นั่งสาย Hibiya Line ถัดไปเพียง 2 สถานีก็ถึง Ebisu Station แล้ว
ห้องพักสุดคูลที่มาพร้อมโซฟานวดทุกห้อง
เดินทางมาเหนื่อยๆ เปิดห้องมาอาการอ่อนล้าก็หายเป็นปลิดทิ้ง เพราะที่นี่ดีไซน์ห้องพักภายใต้คอนเซ็ปต์ Timeless Cool ตามทฤษฎีสี (Color Scheme) เช่น ห้อง Aube ฝั่งที่มองเห็นโตเกียวทาวเวอร์จะใช้สีที่ให้บรรยากาศของรุ่งอรุณ นอกจากนี้ยังมีโซฟานวดอยู่ในทุกห้องพักทุกรูปแบบ ถูกใจญาติมิตรกันถ้วนหน้า
บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าสุดอลังการที่ CEDAR
ห้องอาหาร CEDAR THE CHOP HOUSE & BAR ที่ชั้น 2 คือประทับใจมาก จ่ายเพียงคนละ 1,800 เยน ก็สามารถรับประทานอาหารญี่ปุ่น อาหารฝรั่ง และหลากหลายเมนูตามฤดูกาลได้แบบบุฟเฟ่ต์ เรียกได้ว่าเริ่มต้นวันด้วยอาหารดีๆ ก็ทำให้ทั้งวันเปี่ยมไปด้วยพลังบวก
รายล้อมด้วยแหล่งบันเทิงและจุดถ่ายรูป
ฝั่งตรงข้ามของโรงแรมคือ Tokyo Midtown ซึ่งเป็นทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ไปจนถึงสวนสาธารณะที่ใช้เป็นจุดจัดนิทรรศการและอีเว้นท์ต่างๆ แค่ที่เดียวก็ถ่ายรูปได้แทบทั้งวันแล้ว หรือถ้าอยากช็อปแบรนด์เนมแบบจัดหนัก เดินไป Roppongi Hills เพียงแค่ 6 นาที ก็แสนสะดวก
แอบบอกเพิ่มเติมอีกนิดว่า remm เพิ่งเปิดโรงแรมสาขาใหม่ลำดับที่ 6 ชื่อว่า remm TOKYO KYOBASHI ให้บริการเมื่อวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซ็ปต์ Premium Cool ห่างจากสถานีโตเกียวแค่ 7 นาทีเท่านั้น
สนใจจองโรงแรม remm ROPPONGI คลิกที่นี่
รายละเอียดเพิ่มเติม
remm สาขา ROPPONGI : www.hankyu-hotel.com/hotel/remm/roppongi
remm สาขา TOKYO KYOBASHI : www.hankyu-hotel.com/hotel/remm/TOKYO-KYOBASHI