Akita x Yamagata in 3 Days : ลิ้มรสฤดูใบไม้เปลี่ยนสี แบบที่ได้ชมธรรมชาติสวย ชิมเมนูท้องถิ่นรสชาติดีทุกวัน
สารบัญ
ก่อนหน้านี้ผู้อ่านน่าจะเห็นผ่านตาบ้างแล้วว่าเราไปเที่ยว อาคิตะ (Akita) กับ ยามากาตะ (Yamagata) ในทริปตะลอนชม ใบไม้เปลี่ยนสี ตลอด 5 วัน ด้วยบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area)
มีหลายความเห็นที่บ้างก็หลังไมค์มาบอกว่าบัตรโดยสารนี้ใช้ได้ตั้ง 5 วัน อยากแบ่งเวลาไปเที่ยวจังหวัดอื่นๆ ด้วย บทความนี้คิจิจึงขอย่อทริปให้เหลือ 3 วัน คัดมาแต่สถานที่ที่ใบไม้เปลี่ยนสีสวยเด่น พร้อมแนะนำจุดไฮไลท์เพิ่มเติมที่ไปแล้วเชื่อว่าจะประทับใจจนอยากบอกต่อ
เดิมทีทั้ง 2 จังหวัดก็มีสิ่งน่าสนใจต่างกันไป อย่างอาคิตะขึ้นชื่อเรื่องข้าวอร่อย สาเกดี อาหารท้องถิ่นก็มีมากมาย ส่วนยามากาตะนั้นมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา หน้าผา และเป็นแหล่งปลูกเชอร์รี่และสาลี่ได้มากที่สุดในญี่ปุ่น ส่วนตัวคิดว่าจุดร่วมของทั้ง “อาคิตะ” และ “ยามากาตะ” คือธรรมชาติยังแน่นฟู อุดมสมบูรณ์จริงๆ ดังนั้นถ้ามาเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยเป็นพิเศษแน่นอน
★ Akita x Yamagata 5 Days Autumn Itinerary แพลนชมใบไม้เปลี่ยนสีในอาคิตะและยามากาตะ ฉบับ 5 วัน
DAY 1 / โตเกียว – อาคิตะ
เริ่มต้นการเดินทางจากสถานีโตเกียว ให้สำรองที่นั่งรถไฟอาคิตะชินคันเซ็น (Akita Shinkansen) มาลงที่สถานีทาซาวาโกะ (Tazawako Station) ซึ่งเป็นสถานีแรกในจังหวัดอาคิตะที่ชินคันเซ็นแวะจอด ตั้งอยู่ที่เมืองเซมโบกุ (Semboku) หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อเมืองนี้ แต่จริงๆ แล้วมีที่เที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีเยอะเลย
Lake Tazawa
จากสถานีทาซาวาโกะ ฝากสัมภาระให้เรียบร้อยแล้วนั่งบัส Ugo Kotsu ไปราว 15 นาที ทะเลสาบทาซาวะสีฟ้าสดใสอันกว้างใหญ่ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเรา
นี่คือทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น รอบทะเลสาบมีสถานที่หลากหลายกระจายตัวอยู่ ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ศาลเจ้า แนะนำให้หยิบแผนที่จากศูนย์ให้บริการนักท่องเที่ยวในสถานี แล้วจิ้มเลือกโลเคชั่นที่สนใจก่อนแวะไปจะได้ไม่เสียเวลา
Lake Tazawa Sightseeing Boats มาแล้วยังไงก็ต้องล่องเรือชมวิว เรือจะพาชมธรรมชาติสวยๆ และสถานที่สำคัญรอบทะเลสาบ หากสนใจสามารถซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์จำหน่ายใกล้ๆ ป้ายรถบัส Tazawa Kohan เราซื้อตั๋วแบบเที่ยวเดียวไปลงที่รูปปั้นทัตสึโกะ ใช้เวลาราว 20 นาที บนเรือเป็นแบบไม่กำหนดที่นั่ง จะนั่งหรือยืนรับลมตรงไหนก็ได้หมด
Statue of Tatsuko จากท่าเรือเดินมาอีกนิดจะพบกับอีกไฮไลท์ของทะเลสาบ “รูปปั้นทัตสึโกะ” มีเรื่องเล่าว่านานมาแล้วมีหญิงงามชื่อ ทัตสึโกะ เธออยากคงความอ่อนเยาว์ไว้ จึงไปขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมซึ่งให้เธอไปดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือน้ำจากทะเลสาบ หลังจากดื่มเธอก็กลายร่างเป็นมังกร จากนั้นมังกรสาวก็ได้พบรักกับมังกรหนุ่มจากทะเลสาบโทวาดะ เรื่องน่ารักคือทุกฤดูหนาวมังกรหนุ่มจะมาหาทัตสึโกะ ทำให้ทะเลสาบทาซาวะไม่กลายเป็นน้ำแข็งเลยเพราะมีความอบอุ่นจากความรักของทั้งคู่ (แต่จริงๆ แล้วสาเหตุมาจากระดับความลึกของน้ำที่ทำให้ทะเลสาบไม่แข็ง)
ปัจจุบันบริเวณนี้กลายเป็นจุดที่คนนิยมเดินทางมาเยี่ยมชมและถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นเก็บไว้เป็นที่ระลึก ใกล้ๆ กันยังมีศาลเจ้าคันซากุ (Kansagu Shrine) ที่มีชื่อเสียงในการขอพรเรื่องความรักอีกด้วย
Gozanoishi Shrine เสาโทริอิสีแดงสดบนผาริมทะเลสาบเป็นสัญลักษณ์ของศาลเจ้าโกะซะโนะอิชิ บริเวณนี้เองก็เป็นที่ตั้งของบ่อน้ำที่ทัตสึโกะมาดื่มเพื่อไม่ให้ตัวเองแก่ ช่วงฤดูใบไม้ร่วงต้นไม้แถวนี้จะเปลี่ยนสีสวย น่านั่งเล่นรับลมเย็นๆ
Akita Special Guide
ภาพ: www.twitter.com/aromatazawako
Tazawako Herb Garden Heart Herb สวนสมุนไพรและสวนดอกไม้ชมได้ทั้ง 4 ฤดู ด้านในยังมีพื้นที่เวิร์คช็อป และเรือนกระจกให้เดินชม ช่วงพฤษภาคมถึงต้นพฤศจิกายนจะมีร้านอาหารเปิดให้บริการด้วย เมนูฮิตของที่นี่คือข้าวหน้าไก่กับไข่ (Oyako Don) ที่ใช้ไก่ฮิไนจิโดริ (Hinai Jidori) ไก่บ้านขึ้นชื่อของอาคิตะ หรือ อินานิวะอุด้ง (Inaniwa Udon) ก็มีให้บริการ
Nearest Bus Stop: Tazawako View Forest Mae (田沢湖びゅうの森前)
Gozanoishi Shrine
Location: เมืองเซมโบกุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ
Hours: 24 ชั่วโมง
Holiday: –
Nearest Bus Stop: Gozanoishi Jinja-mae 御座の石神社前
Access: จากป้าย Gozanoishi Jinja-mae เดินประมาณ 1 นาที
Website: www.city.semboku.akita.jp/
Lake Tazawa Sightseeing Boats
Location: เมืองเซมโบกุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ
Hours: 26 เม.ย.-5 พ.ย.
Holiday: 6 พ.ย.-25 เม.ย. และวันหยุดอื่นไม่แน่นอน
Ticket Price: ตั๋วแบบวนรอบ (40 นาที) ผู้ใหญ่ 1,220 เยน, เด็ก 610 เยน / ตั๋ว Shirahama – Katajiri ผู้ใหญ่ 760 เยน, เด็ก 380 เยน
Nearest Bus Stop: Tazawa Kohan 田沢湖畔
Access: จุดจำหน่ายตั๋วอยู่ตรงป้ายรถบัสพอดี
Website: www.tazawako-resthouse.jp/yuransen-2
Statue of Tatsuko
Location: เมืองเซมโบกุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ
Hours: 24 ชั่วโมง
Holiday: –
Nearest Bus Stop: Katajiri 潟尻
Access: จากป้าย Katajiri เดินประมาณ 3 นาที
Website: www.city.semboku.akita.jp/
Nyuto Onsen
นิวโตออนเซ็นคือหมู่บ้านออนเซ็นสีน้ำนมในหุบเขาลึกของจังหวัดอาคิตะ มีแหล่งออนเซ็นธรรมชาติ 7 แห่ง ให้บริการภายใน 7 ที่พักหลายสไตล์ ทั้งโรงแรมแบบโมเดิร์นหรือเรียวกังไม้ ไฮไลท์ของที่นี่คือออนเซ็นจะมีสีน้ำนม ว่ากันว่าดีต่อสุขภาพสุดๆ
ขอแนะนำ 1 ใน 7 ที่พักที่นอกจากจะมีออนเซ็นคุณภาพดี ใบไม้เปลี่ยนสีก็สวยมาก Kuroyu Onsen เปิดให้บริการมายาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1674 อาคารไม้ที่เปิดให้แขกพักยังเป็นของดั้งเดิม การตกแต่งก็เป็นสไตล์ญี่ปุ่น อาหารเช้าเย็นที่เสิร์ฟล้วนแต่เลือกวัตถุดิบตามฤดูกาล รสชาติดีมากเลยล่ะ
ภาพ: www.ryokan.glocal-promotion.com/บ่อสำหรับต้มไข่ดำ
อีกกิจกรรมที่ทางเรียวกังแนะนำคือ “กินไข่ดำ (Kuro Tamago)” ไข่ที่ต้มด้วยน้ำแร่กำมะถันที่ผุดขึ้นมา เชื่อว่ากินแล้วจะช่วยเพิ่มพลังให้แก่ร่างกาย
Kuroyu Onsen
Location: เมืองเซมโบกุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ
Period: ปลายเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน
Holiday: ฤดูหนาว
Reservation: คลิกที่นี่เพื่อสำรองห้องพัก
Nearest Bus Stop: Kyuka Mura Mae 休暇村前, Kyukamura Nyuto Onsenkyo 乳頭温泉郷
Access: จากป้าย Kyuka Mura Mae เดินประมาณ 21 นาที หรือนั่งรถรับ-ส่งฟรีจาก Kyukamura Nyuto Onsenkyo จำกัดเฉพาะผู้ที่เข้าพักที่ Kuroyu Onsen เท่านั้น
Website: www.kuroyu.com/
Akita Special Guide
Tsurunoyu Onsen อีกหนึ่งที่พักของที่นี่ ออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในนิวโตออนเซ็น ถือเป็นออนเซ็นยอดฮิตที่จองยากมาก ตกแต่งเป็นสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ โซนที่พักให้บรรยากาศคล้ายหมู่บ้านเล็กๆ มีลำธารน้ำใสตรงใจกลาง ที่สำคัญใบไม้แดงสวยมากเช่นกัน
Nearest Bus Stop: Arupa Komakusa (アルパこまくさ)
DAY 2 / อาคิตะ – ยามากาตะ
เช้าวันถัดมาเรานั่งอาคิตะชินคันเซ็นราว 15 นาที ไปลงที่สถานีคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Station) เพื่อเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีจากหลายๆ จุดในแถบนี้ สามารถใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ขึ้นรถไฟชินคันเซ็นได้เลยนะ ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
Kakunodate Bukeyashiki Street
เดินมาสักครู่ก็เจอย่านหมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะอายุหลายร้อยปี ตลอดสองฝั่งถนนมีต้นไม้สูงใหญ่ที่พร้อมเปลี่ยนเป็นสีสวยๆ ในฤดูใบไม้ร่วง อดีตแถวนี้เป็นย่านที่อยู่อาศัยของซามูไร ปัจจุบันบ้านซามูไรบางหลังก็เปิดให้เข้าชมวัตถุโบราณ และบรรยากาศที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของซามูไรในสมัยก่อน ถ้าพอมีเวลาก็อยากให้ลองเพิ่มระดับความเพลิดเพลินในการเที่ยวชมหมู่บ้านด้วยการนั่งรถลากโบราณด้วยนะ
Kakunodate Bukeyashiki Street
Location: เมืองเซมโบกุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ
Hours: แตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่
Holiday: –
Nearest Station: สถานีคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Station)
Access: จากสถานีคาคุโนะดาเตะ เดินประมาณ 15-20 นาที
Website: www.tazawako-kakunodate.com/en/
Akita Special Guide
Enishi เกสต์เฮาส์เล็กๆ ในย่านหมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะที่เปิดให้เข้าไปเล่นกับน้องหมาอาคิตะชื่อว่า “เจ้าสุจัง” กับ “เจ้าฟุจิโกะ” ไม่จำเป็นต้องเข้าพักก็แวะไปเล่นกับน้องๆ ได้ โดยขอบริจาคค่าขนมหรือซื้อโปสการ์ดเพียงคนละ 100 เยนเท่านั้น
Dakigaeri Gorge
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักชมใบไม้เปลี่ยนสี แลนด์มาร์คของหุบเขานี้คือสะพานสีแดงสดพาดข้ามแม่น้ำทามะกับน้ำตกมิคาเอริ (Mikaeri Falls) ที่นี่ยังมีเส้นทางเดินป่าสั้นๆ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ให้เดินเสพใบไม้แดงได้อย่างจุใจ ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปมุมไหนก็สวยถูกใจแน่นอน
Dakigaeri Gorge
Location: เมืองเซมโบกุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ
Hours: 24 ชั่วโมง
Holiday: ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนเมษายน
Entrance Fee: เข้าฟรี
Nearest Station: สถานีจินได (Jindai Station)
Access: จากสถานีจินได เดินประมาณ 7 นาที, ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะมี Shuttle Bus ให้บริการฟรีจากสถานีคาคุโนะดาเตะ (เพื่อความแน่นอนควรตรวจสอบตารางรถโดยสารอีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ร่วง) หรือนั่งแท็กซี่ประมาณ 15 นาที
Website: www.tohokukanko.jp/en/
Toreiyu Tsubasa
จากสถานีคาคุโนะดาเตะนั่งรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งมาลงที่สถานีชินโจ (Shinjo Station) พิกัดต่อมาไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นรถไฟท่องเที่ยว Joyful Train สุดพิเศษของจังหวัดนี้ที่ยกเอาของดียามากาตะอย่าง “ออนเซ็น” มาไว้บนขบวน เพื่อให้ผู้โดยสารได้นั่งแช่เท้าพร้อมเหม่อมองวิวสวยๆ ตลอดทาง
เนื่องจากออนเซ็นนี้เป็นไฮไลท์ของขบวนจึงมักจะไม่ค่อยว่าง เมื่อขึ้นรถไฟแล้ว ก่อนอื่นให้รีบไปซื้อตั๋วแช่ออนเซ็นเท้าที่ตู้เลานจ์ซึ่งมีค่าใช้จ่าย 450 เยน/คน (รวมภาษี) จำกัดเวลาแช่ได้ครั้งละ 15 นาที
ภาพ: East Japan Railway Company
ชื่อขบวน Toreiyu เป็นคำผสมระหว่าง Train (Torein) “รถไฟ” และ Soleil (Soreiyu) “ดวงอาทิตย์” ล้อกับอินทีเรียที่เน้นสีแดงเป็นหลัก ที่นั่งบุเสื่อทาทามิสื่อถึงความเป็นญี่ปุ่น สามารถไปที่ตู้เลานจ์ซื้อขนมและเครื่องดื่มท้องถิ่นมากินระหว่างทางได้ด้วย
เส้นทางวิ่งของรถไฟขบวนนี้คือสถานีชินโจและไปสุดทางที่สถานีฟุกุชิมะ ถ้านั่งจนสุดสายใช้เวลาประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง มีสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทางมากมาย ส่วนแพลนของเราคือลงที่สถานียามากาตะ ใครอยากนั่งต้องเช็ควันที่ไปให้ดี เพราะ Toreiyu Tsubasa ให้บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้นนะ
Toreiyu Tsubasa
Route: ระหว่างสถานีชินโจ (Shinjo Station) จังหวัดยามากาตะ (Yamagata) กับสถานีฟุกุชิมะ (Fukushima Station) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima)
Available Date: รถไฟจะวิ่งวันละ 1 รอบ (ไป-กลับ) และไม่ได้บริการทุกวัน ส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์ ก่อนสำรองที่นั่งแนะนำให้ตรวจสอบวันเดินทางก่อนที่เว็บไซต์
Reservation: หากมีบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถสำรองที่นั่งออนไลน์ล่วงหน้าฟรีได้ทางเว็บไซต์ eki-net.com ก่อนไป 1 เดือน หรือที่ห้องจำหน่ายตั๋ว JR EAST Travel Service Center สีเขียวบริเวณสถานีใหญ่ๆ ที่ญี่ปุ่น
Note: ที่นั่งทั้งหมดบนรถไฟขบวนนี้ต้องสำรองที่นั่งเท่านั้น
Website: www.jreast.co.jp/e/joyful/toreiyu.html
Yamagata Special Guide
OHSYO Fruit Farm ฟาร์มผลไม้ตามฤดูกาลขนาดใหญ่ที่สุดในยามากาตะ ถ้าอยากมาสวนนี้ให้ลงรถไฟที่สถานีเท็นโด ที่นี่เปิดให้เราได้เด็ดผลกินสดๆ แบบบุฟเฟ่ต์ตลอด 30 นาที มีผลไม้หลากหลายตามฤดูกาล ช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้เป็นฤดูกาลของแอปเปิ้ล ภายในยังมีคาเฟ่และร้านขายของฝากด้วย
Nearest Station: สถานีเท็นโด (Tendo Station)
Hotel Metropolitan Yamagata
ภาพ: www.yamagata.hotel-metropolitan.com
เราเลือกพักที่โรงแรมติดสถานีรถไฟยามากาตะ เพราะชอบที่เดินทางไปไหนต่อไหนได้สะดวก อย่าง Hotel Metropolitan Yamagata นี้ตั้งอยู่ภายในห้าง S-PAL Yamagata ซึ่งมีทางเดินเชื่อมจากสถานี อีกทั้งมีป้ายบอกทางที่ดูง่าย ไม่ต้องกลัวหลง
ภาพ: www.yamagata.hotel-metropolitan.com
ห้องพักก็มีให้เลือกถึง 15 ประเภท รวมกว่า 244 ห้อง รองรับผู้ใช้บริการที่หลากหลาย ด้วยการตกแต่งแบบ “Yamagata Style” ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ประกอบกับการตกแต่งเรียบง่าย สะอาด และการให้บริการ สำหรับเราถือว่าคุ้มราคามาก แนะนำให้จองแบบรวมอาหารเช้า เพราะเขาเสิร์ฟเมนูจากวัตถุดิบโลคอล อร่อยใช้ได้เลย
Hotel Metropolitan Yamagata
Location: เมืองยามากาตะ (Yamagata) จังหวัดยามากาตะ
Reservation: คลิกที่นี่เพื่อสำรองห้องพัก
Nearest Station: สถานียามากาตะ (Yamagata Station)
Access: จากสถานียามากาตะ เดินประมาณ 3 นาที
Website: www.yamagata.hotel-metropolitan.com
DAY 3 / ยามากาตะ
ตื่นเช้าไปเดินเล่นแบบเบาๆ ในสวยสวยของเมืองยามากาตะ ก่อนนั่งรถไฟ JR โดยใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ไปเที่ยวสถานที่ชมใบไม้แดงยอดนิยมอื่นๆ ในยามากาตะกันต่อแบบชิลล์ๆ
Kajo Park
สวนคาโจเป็นสวนสาธารณะอันกว้างขวางใจกลางเมืองยามากาตะ อดีตเคยถูกใช้เป็นที่ตั้งของปราสาทยามากาตะ ปัจจุบันยังคงมีซากปราสาท กำแพง และคูน้ำล้อมรอบหลงเหลือให้เห็นอยู่ อีกทั้งได้รับเลือกเป็นโบราณสถานแห่งชาติ ภายในสวนเต็มไปด้วยต้นไม้หลายสายพันธุ์ ฤดูใบไม้ผลิเป็นจุดชมซากุระยอดนิยม ฤดูใบไม้ร่วงก็มีใบไม้เปลี่ยนสีแสนสวยให้ชมด้วย ที่นี่กลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและทำกิจกรรมต่างๆ ของชาวเมือง
Kajo Park
Location: เมืองยามากาตะ (Yamagata) จังหวัดยามากาตะ
Hours: 1 เม.ย.-31 ต.ค. 5:00-22:00 น., 1 พ.ย.-31 มี.ค. 5:30-22:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: เข้าฟรี
Nearest Station: สถานียามากาตะ (Yamagata Station)
Access: จากสถานียามากาตะ เดินประมาณ 6 นาที
Website: www.city.yamagata-yamagata.lg.jp
Yamagata Special Guide
Momiji Park สวนโมมิจิเป็นอีกหนึ่งสวนสวยของยามากาตะ ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย สร้างขึ้นโดยเจ้าของปราสาทยามากาตะในสมัยเอโดะตอนต้น ที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องสีสันสวยงามของฤดูใบไม้ร่วง เข้ากับชื่อสวนที่แปลว่าต้นเมเปิ้ล
Nearest Station: สถานียามากาตะ (Yamagata Station)
Yamadera Temple
วัดเก่าแก่ของยามากาตะสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 860 จริงๆ แล้วชื่อวัด “วัดริชชาคุจิ (Risshakuji Temple)” แต่ใครต่อใครเรียกจนติดปากว่า “วัดยามาเดระ” ตั้งอยู่บนเขาที่ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติ มาแล้วต้องขึ้นไปที่วิหารโกไดโด (Godaido) ซึ่งต้องเดินขึ้นบันไดสูงกว่า 1,000 ขั้นและเดินป่าเบาๆ ระหว่างทางเป็นป่าสนซีดาร์สูงใหญ่ที่ช่วยคลายความเหนื่อย ศาลเจ้าเล็กๆ เซียมซีสุดวินเทจ ให้แวะเยี่ยมชมและถ่ายรูปได้ตลอดทาง
วิวพาโนรามาของต้นไม้และภูเขาที่เปลี่ยนไปเป็นสีส้มปนแดงจากด้านบนนี้สวยจริงๆ สำหรับวัยรุ่นถือว่าเดินได้สบาย แต่ถ้าใครพาผู้สูงวัยไปด้วยหรือเดินไม่ไหวก็สามารถเดินเล่นด้านล่างรอได้ ตรงตีนเขาก็มีร้าน Taimenseki ขายโซบะและดังโงะเล็กๆ สไตล์ญี่ปุ่นให้แวะชิมด้วย
Yamadera Temple (Risshakuji Temple)
Location: เมืองยามากาตะ (Yamagata) จังหวัดยามากาตะ
Hours: 8:00-17:00 น.
Holiday: –
Entrance Fee: 300 เยน
Nearest Station: สถานียามาเดระ (Yamadera Station)
Access: จากสถานียามาเดระ เดินประมาณ 4 นาที
Website: www.rissyakuji.jp
Gyunabe O-ki
ก่อนไปเที่ยวที่อื่นต่อในวันถัดไป พิกัดสุดท้ายของวันนี้คือนั่งรถไฟท้องถิ่นและยามากาตะชินคันเซ็นแวะเที่ยวที่สถานีโยเนซาวะ (Yonezawa Station) เพื่อชิมของดังประจำเมืองอันเลื่องชื่ออย่าง “เนื้อโยเนซาวะ (Yonezawa Beef)” 1 ใน 3 สุดยอดเนื้อวากิวญี่ปุ่น ดังขนาดที่แค่ก้าวเท้าลงรถไฟเราก็เห็นรูปปั้นน้องวัวดำรอต้อนรับแล้ว
ครั้งนี้เราปักหมุดที่ร้าน Gyunabe O-ki ที่นี่มีเซ็ตเมนูเนื้อโยเนซาวะให้เลือกหลากหลาย แต่เมนูเด่นที่สุดของร้านคือ “สุกียากี้” ยิ่งในวันอากาศเย็นแบบนี้ จะมีอะไรดีไปกว่าการได้กินซุปร้อนๆ เราเลือก Shimofuri Sukiyaki Set (4,800 เยน) พนักงานจะยกวัตถุดิบมาเสิร์ฟพร้อมปรุงให้ตรงหน้า เนื้อและผักถูกวางอย่างสวยงาม ราดซอสและจบด้วยการใส่วุ้นเส้นและเต้าหู้ ถ้าเนื้อในเซ็ตไม่พอสามารถสั่งเพิ่มได้ตามใจชอบ
Gyunabe O-ki
Location: เมืองโยเนซาวะ (Yonezawa) จังหวัดยามากาตะ
Hours: จ.-ศ. 11:00-15:00 น. และ 17:00-21:00 น., ส.-อา. 11:00-21:00 น.
Holiday: –
Nearest Station: สถานีโยเนซาวะ (Yonezawa Station)
Access: จากสถานีโยเนซาวะ เดินประมาณ 2 นาที
Website: www.oki-gyunabe.com
จบทริป 3 วัน อาคิตะ ยามากาตะ ช่วง ใบไม้เปลี่ยนสี แบบอิ่มอกอิ่มใจที่ได้ดูใบไม้สีสวยๆ และอิ่มท้องที่ได้กินอาหารท้องถิ่นอร่อยๆ แถมยังได้เซฟเงินค่าเดินทางในกระเป๋าเพราะมีบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ที่ช่วยให้เราขึ้นรถสาธารณะได้ฟรี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง จะขึ้นผิดบ้างก็ไม่เป็นไร ครั้งหน้าเราจะชวนไปเที่ยวที่ไหนอีกก็ฝากติดตามด้วยนะ
ข้อมูลบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area)
เที่ยว “อาคิตะ” และ “ยามากาตะ” ฤดู ใบไม้เปลี่ยนสี ให้คุ้มเว่อร์ ต้องใช้บัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area) ซึ่งใช้แทนตั๋วสำหรับโดยสารรถสาธารณะในเส้นทาง JR EAST Lines ที่ใช้นั่งทั้งชินคันเซ็น รถไฟท้องถิ่น รถไฟท่องเที่ยว Joyful Train (บางขบวน) รวมถึงสามารถใช้โดยสารรถ JR BUS TOHOKU นั่งรถไฟ Narita Express จากสนามบินนาริตะ หรือ Tokyo Monorail จากสนามบินฮาเนดะได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ราคา: ผู้ใหญ่ 20,000 เยน, เด็ก 10,000 เยน
เงื่อนไข: ต้องใช้ 5 วัน ติดต่อกัน
จุดจำหน่าย: ซื้อผ่านเครื่องจำหน่ายตั๋วบางสถานี, เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว หรือซื้อผ่านเอเจนซี่ในประเทศไทย
วิธีสำรองที่นั่ง: ตั้งแต่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 2021 เป็นต้นไป สามารถซื้อและสำรองที่นั่งออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ JR-EAST Train Reservation และไปออกตั๋วฉบับจริงได้ที่ตู้อัตโนมัติภายในสถานีรถไฟที่มี Passport Reader
วิธีใช้งาน: สอดบัตรโดยสารกับเครื่องตรวจตั๋วอัตโนมัติของสถานีรถไฟได้เลย
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.jreast.travel/th/index.php