Fukuoka Yatai | เสน่ห์แผงลอยข้างถนนที่ฟุกุโอกะ
Yatai Food in Fukuoka
เชื่อหรือไม่ ญี่ปุ่นก็มีบรรดา Street Food ร้านแผงลอยขายกันข้างถนนเต็มไปหมด โดยเฉพาะยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่กาลเวลาและเหตุปัจจัยหลายอย่างก็ทำให้แผงลอยได้ลาจากไปในสังคมญี่ปุ่น เป็นความหลังที่คนรุ่นปู่ย่าชาวญี่ปุ่นย่อมได้เคยสัมผัสกัน แต่ปัจจุบันยังมีเหลืออยู่ หลักๆ ที่พบเห็นได้ในใจกลางเมืองหนึ่ง ซึ่งเป็นแม่เหล็กชั้นดีของการท่องเที่ยวด้วย นั่นก็คือเมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka) ที่มีสายการบินมากมายจากบ้านเราไปลงนั่นเอง ^^
เจ๋งแค่ไหน? ขนาดที่ CNN Travel เคยโหวตให้ติด Top10 เมืองแห่ง Street Food ทีดี่ที่สุดในเอเชียเลยทีเดียว “แผงลอย” ที่ญี่ปุ่นเรียกว่า “ยะไต” (屋台/Yatai) ปัจจุบันมีขายกันทั่วไปในฟุกุโอกะ (Fukuoka) ราว 150 กว่าร้าน (จากสมัยก่อน 400 กว่าร้าน) แต่จุดหลักที่ขายกันเยอะที่สุด โด่งดังที่สุด และมีสีสันมากที่สุด คือบริเวณเกาะนะกะสุ (Nakasu Island) ที่อยู่ใจกลางเมืองนั่นเอง ซึ่งมีอยู่เรียงรายอยู่กว่า 20 ร้าน พร้อมวิวแม่น้ำข้างทางชิลๆ ให้ได้ผ่อนกายและใจ
เป็นร้านแผงลอยก็จริง แต่เมื่ออยู่ในญี่ปุ่นก็รู้กันดีว่ากฎระเบียบต้องรัดกุมแน่นอน ลักษณะยะไตที่นี่ ดูจะเป็นบูธ ร้านใครร้านมัน (ไม่ใช่แบบรถเข็นยืนปิ้งหมู ปล่อยควันโขมงโต้งแบบนั้นนะ) ตำแหน่งที่ตั้งของร้านจะถูกระบุชัดเจน รวมถึงขนาดของร้านเพียง 3×5 เมตร จุที่นั่งได้แค่ราวๆ 7-8 ที่ คือทุกร้านมีพื้นที่จำกัดของตน ไม่มีหยวน แบบวางโต๊ะเก้าอี้นั่งชิลๆ “พ้นเขตแดน” ออกมานอกร้านจนกีดขวางการสัญจรของคนเดินถนน
รวมถึงอาหารต้องมีความสะอาด ต้อง “สุก” ใช่แล้วครับเมื่อต้องสุก…เสียใจด้วย เลยไม่มีบรรดาซูชิหรือปลาดิบให้รับประทาน เพราะกังวลเรื่องความสะอาด (มาตรฐานความสะอาดสู้ตามในร้านปกติไม่ได้อยู่แล้วจริงไหม? ^^)
“ราคา” ก็ต้องเขียนแปะระบุชัดเจน (แต่บางร้านอาจไม่มีภาษาอังกฤษ)… จริงๆ ยังมีกฎข้อบังคับอีกเยอะ เอาเป็นว่าใครที่ฝ่าฝืนละเมิดต่อเนื่อง ก็จะถูกปิดร้านอย่างไม่มีข้อยกเว้น
ประเภทอาหารที่ขายก็มีทั้งยากิโทริ โอเด้ง เท็มปุระ เกี๊ยวซ่า ราเมน ดูเป็นอาหารกินเล่นไว้เป็นกับแกล้มคู่กับเบียร์เย็นๆ ฟิน (และเมา) กันไปข้าง ร้านส่วนใหญ่เปิดกันประมาณ 5-6 โมงเย็น ยิงยาวไปถึงราวตี 2 (บางร้านต่อเวลาถึงตี 4) ขายสนองนี้ดกันทุกวัน ยกเว้นบางร้านที่หยุดพักผ่อนวันอาทิตย์
เหล่ายะไต (Yatai) ที่ตั้งอยู่ในย่านท่องเที่ยวราตรีของฟุกุโอกะ (Fukuoka) แถวเกาะนะกะสุ (Nakasu Island) ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่สุด 1 ใน 3
ของญี่ปุ่น (อีกสองแหล่งคือคะบุกิโชะ (Kabukicho) ที่โตเกียว และซุซุกิโนะ (Susukino) ที่ซัปโปโร) ก็จะได้บรรยากาศกลุ่มนักเที่ยวที่มาเฮฮาสังสรรค์กัน ส่งเสียงดังบ้าง อ้วกบ้าง อาจเกิดขึ้นได้ตามปกติ (แต่ใครที่รู้สึกไม่สบายใจกับบรรยากาศของย่านลักษณะนี้ ก็เชิญหลีกเลี่ยงได้ตามอัธยาศัย ^^)
ส่วนตัวผมคิดว่า “เสน่ห์” อย่างหนึ่งของยะไตแห่งนี้คือ “ความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่ง” คือด้วยตัวร้านจะมีเลย์เอาต์ที่นั่งเป็นเคาน์เตอร์บาร์แคบๆ เบียดๆ กัน มีเจ้าของร้านคนทำอาหารเป็นศูนย์กลาง ลูกค้าต่างมองเห็นหน้ากันและกันได้ (ปกติทางร้านจะปิดคลุมร้านด้วยใบผ้าเกือบใสเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วย)
ยิ่งเจ้าของร้านบางคนที่มี Service-Mind ไม่ทำให้ลูกค้าเบื่อ คุยเก่ง ชวนลูกค้ากินไปคุยกันไปอย่างออกรส หรือทำให้ระหว่างลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กัน และถ้ายิ่งอาหารอร่อย ร้านนั้นก็จะมีคนเยอะ มีลูกค้าประจำ ถ้ามาช้านี่ถึงกับต้องรอคิวกันนานเลยทีเดียว ฮ่าๆ
อาหารบางอย่างก็เลือกใช้วัตถุดิบหรือสไตล์การปรุงแบบท้องถิ่น และด้วยเหตุผลบางประการ บุคลิกผู้คนที่มากินยะไต มักจะดูผ่อนคลายและเป็นกันเองกว่ายามปกติ เป็นห้วงเวลาอันดีสำหรับ “โอกาสในการได้ลองกินอาหารท้องถิ่นพร้อมทำความรู้จักเพื่อนใหม่” บรรยากาศแบบนี้แหละครับที่เป็นเสน่ห์ข้างถนนอย่างหนึ่งของเมืองนี้
แม้ในมุมมองคนไทยแบบเรา อาจไม่ได้รู้สึก WOW ไปกับความเป็น “แผงลอย” ที่ขายกันข้างถนนขนาดนั้น เพราะบ้านเรามีอยู่เต็มเมือง แต่สิ่งที่สร้างความตื่นเต้นคงเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ได้นั่งกินข้าวข้างทางในสภาพแวดล้อมแบบญี่ปุ่นและบรรยากาศที่กล่าวมาข้างต้น ก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่หาได้ยากมากๆ ในญี่ปุ่นสมัยนี้ (ที่เหลือน้อยเต็มทีแล้ว) ใครไปฟุกุโอกะ อยากให้ไปลองดูกันสักครั้งนะครับ ^^