สถานที่ อากาศ อาหาร และผู้คน เป็นส่วนผสมสำคัญที่ก่อให้เกิดเรื่องราว เรามักใช้สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยชี้วัดคุณภาพของการเดินทางท่องเที่ยว บ่อยครั้งที่เราจะรู้สึกชอบ-ใช่-พอใจ เมื่อได้พบ เจอะเจอ หรือสัมผัสบรรยากาศดีๆ ท้องฟ้าแจ่มใส ของกินอร่อย และได้ปฏิสัมพันธ์กับคนที่น่ารักเอื้ออารี แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ตอนฉันนั่งเปิดภาพในคอมพิวเตอร์ไล่ดูไปเรื่อยๆ ก็ค้นพบว่าตัวเองลืมบางอย่างไปเสียสนิท บางอย่างที่ว่านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่กับคนมาเนิ่นนาน และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้การเดินทางแต่ละครั้งพิเศษแตกต่างกันไป

สิ่งที่ฉันจะพูดถึงก็คือสรรพสัตว์ตัวเล็กตัวโตที่ป้วนเปี้ยนอยู่ระหว่างทางที่เราเดินผ่าน ทั้งแม่วัวที่เดินขวางกลางถนน ฝูงไก่ใต้ถุนบ้าน ผีเสื้อในป่าชื้นๆ แมลงเต่าทองใต้ใบหญ้า แมงมุมระหว่างซี่รั้ว นกบนสายไฟที่พันกันยุ่งเหยิง กวางข้างทางที่เดินชิลเบียดกับนักท่องเที่ยว หมาน้อยบุคลิกร่าเริงในร้านสะดวกซื้อ แมวตัวจิ๋วที่หนีไปหลบข้างเสาไฟ แมวหน้าง่วงริมหาด แมวเฮี้ยวๆ ในคาเฟ่​ จะว่าไปแมวนี่เยอะนะฉันเจอแมวได้ทุกที่!

 

 

ขอพูดถึงแมวและหมาที่ฉันเคยเจอในการเดินทางสักนิด ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ จะเป็นเหมือนกันไหม แต่เวลาที่ฉันได้เจอไม่ว่าจะกับแมวหรือหมาในสถานที่ต่างๆ สิ่งหนึ่งที่อาจจะคล้ายกันอยู่ก็คือพวกเขาไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร แมวจรจะค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัว ขี้อาย ส่วนหมาก็มีหลายตัวที่เป็นมิตรมาก ชอบเจอคน อาจเพราะหมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่คู่มนุษย์เรามานานแล้วก็ได้มั้ง ก็มีบ้างที่หมาบางตัวเป็นมิตรน้อยถึงน้อยมาก แต่ถ้าเราไม่ระรานเขาหรือเมตตาเขาสักหน่อย ก็ใช่ว่าจู่ๆ เขาจะเข้ามาจู่โจมเรา ฉันเองเคยเจอหมาที่ดูดุมากๆ เป็นหมาที่อยู่หน้าร้านขายของ เจ้าของใส่ปลอกคอพร้อมสายจูงล่ามไว้นอกร้าน แต่พอเขารู้ว่าเรามาดี เขาก็ค่อยๆ ลดเสียงเห่าและความดุดันลง

 

 

และมากกว่าการป้วนเปี้ยน หมาแมวบางตัวก็มี “หน้าที่” ด้วยนะ ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหน้าที่ในการทำงานของสัตว์เริ่มเกิดขึ้นบนโลกนี้ตั้งแต่ในยุคไหน แต่แมวที่ฉันเคยเจอในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ชื่อ “นรกอุนเซ็น” หรือ Unzen Jigoku ในเมืองอุนเซ็น จังหวัดนางาซากิ เป็นแมวที่ “มีงานทำ” มันทำหน้าที่เป็นแมวกวักอยู่หน้าร้านขายไข่ต้ม คอยประจำการอยู่หน้าถาดเก็บเงินสีเขียวสด เวลาฉันยกกล้องขึ้นถ่ายภาพ มันจะไม่มีอาการอิดออดเลย มาดนิ่งๆ ของเจ้าเหมียวเป็นธรรมชาติและเป็นธรรมดาอย่างที่สุด ไม่ต้องล่อหลอกหรือดีดนิ้วให้มองตามแต่อย่างใด

 

 

การถ่ายภาพสัตว์ต่างๆ นี่ฉันเคยเห็นว่าบางคนจะมีเทคนิคเยอะเลย ผิวปากบ้าง ร้องเรียกบ้าง เอาอาหารล่อบ้าง แต่วิธีที่ฉันถนัดที่สุดและรู้สึกได้ผลดีที่สุดก็คือการถ่ายพวกมันอย่างเงียบๆ เพื่อเก็บอากัปกิริยาเรียบๆ ดั้งเดิมของมันเอาไว้ หมาหรือแมวบางตัวที่มีเสน่ห์ เราไม่ต้องทำอะไรเขาก็มีเสน่ห์ท่วมท้นจริงๆ นะ ใครผ่านไปเจอก็อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปหรือขอเล่นด้วย ในทางกลับกันสำหรับหมาแมวที่หน้าตาไม่ได้ชวนให้รักสักเท่าไร ฉันกลับพบว่าการให้ความรักกับมันบ้างก็เป็นวิธีที่ช่วยให้มันน่ารักขึ้นได้ เพราะแววตาของสัตว์ที่ได้รับความเมตตาจะดูสดใสขึ้นมาในทันที แววตาของสัตว์เป็นสิ่งที่หลอกกันไม่ได้

 

 

สัตว์ก็คงจะเหมือนกับมนุษย์เราล่ะมั้ง ที่ต้องการความรักความเข้าใจบ้าง และการส่งความรักและมิตรภาพให้กันนี้ มันอาจจะไม่ใช่แค่คนเราหรอกนะที่เป็นฝ่ายให้ เพราะทุกๆ ครั้งที่เรามอบความรักให้สัตว์รอบตัว เราเองก็ได้รับพลังงานที่ดีกลับมาเหมือนกันจริงไหม? ซึ่งนั่นอาจหมายความว่าในขณะที่สัตว์รับความรักจากเรา มันก็มอบความรักให้เรากลับมาด้วยเหมือนกัน

 

 

นี่ทำให้ฉันคิดถึงเจ้า “จิโร่คุง” คุณหมาหน้าตาน่ารักตัวอวบอ้วนที่ทำหน้าที่คอยต้อนรับผู้คนอยู่ที่ทางขึ้นโรปเวย์ที่เชิงเขาคังคะเค (Kankakei) บนเกาะโชโดะในจังหวัดคางาวะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ จิโร่คุงเป็นสุนัขพันธุ์ชิบะที่พักอยู่ในบ้านสุนัขหลังเล็กๆ หน้าสถานีโรปเวย์ มันอยู่ที่นั่นเพื่อหมั่นทำหน้าที่พบปะทักทายผู้คนที่มาเยี่ยมเยือนยอดเขาคังคะเคในฤดูกาลต่างๆ ใครไปใครมาจะต้องมีอันเข้าไปถ่ายภาพหรือเล่นกับจิโร่คุงอยู่เรื่อย ที่โถงสถานีมีรูปถ่ายของมันติดอยู่เหมือนเป็นนิทรรศการขนาดย่อม คล้ายว่ามันเป็นมาสคอตประจำสถานีไปโดยอัตโนมัติ ตอนที่ฉันเจอจิโร่คุงครั้งนั้น มันแก่มากแล้ว การเคลื่อนตัวจะช้ามากๆ แต่ก็ไม่ได้ลดทอนความน่ารักของมันไปสักเท่าไร และแม้ว่าตอนนี้จิโร่คุงจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ภาพขนปุยๆ กับตาตี่ๆ ของมันก็ยังอยู่ในความทรงจำและในฮาร์ดดิสก์ของฉันอย่างเหนียวแน่น ทราบข่าวมาว่าจิโร่คุงได้อำลาโลกนี้ไปในวัย 17 ปี ซึ่งถ้านับเทียบกับคนก็ถือว่าอายุยืนมากทีเดียว และมันก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต

 

 

ฉันเชื่อเป็นการส่วนตัวว่าจิโร่คุงคงมีอายุยืนเพราะได้รับความรักอย่างมากมาย เช่นเดียวกับฉันเองที่ก็มีความสุขมากเมื่อได้เจอกับจิโร่คุง แม้จะได้พบเจอกับมันในระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม ความรู้สึกนี้บอกฉันว่าเหล่าสัตว์ที่เราบังเอิญพบเจอจากการเดินทางคือของขวัญ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าจะเจอกับตัวอะไร ที่ไหน เมื่อไร รู้ตัวอีกทีเราก็ตกหลุมรัก และภาพถ่ายของมันก็เข้ามาอยู่ในกล้องถ่ายรูปของเราเป็นที่เรียบร้อย

 

 

ไม่รู้คนอื่นเป็นหรือเปล่า แต่ตอนที่เปิดภาพเก่าๆ มาย้อนดูทีไร ภาพแมวหมาหรือสิงสาราสัตว์ที่โผล่มาเซอร์ไพรส์ระหว่างการเดินทางจะทำให้ฉันยิ้มและนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นฉากๆ ทุกที

เสมือนว่าการเดินทางคืองานปาร์ตี้แสนสนุก และสัตว์ที่ฉันบังเอิญได้ทำความรู้จักระหว่างทางเป็นของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ที่แกะกล่องออกมาดูเมื่อไหร่ก็มีความสุขลึกๆ ในใจเสมอ

 

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ