ไปประเทศญี่ปุ่นทีไร ไม่เพียงแต่จะได้พบปะผู้คน สถานที่ และสิ่งของแปลกตา สิ่งที่มักจะได้กลับมาคือไอเดียการใช้ชีวิตที่น่าเก็บมาคิดและทดลองทำตาม

ไปโตเกียวคราวนี้ ฉันเลือกพักในเกสต์เฮ้าส์ขนาดเล็กจิ๋วอีกแล้วค่ะ (เล่าไว้ใน KIJI ฉบับที่แล้ว) นอกจากจะติดใจบรรยากาศที่เหมือนอยู่บ้าน เมื่อครอบครัวเจ้าของบ้านพักอาศัยอยู่ในชายคาเดียวกัน จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เห็นการใช้ชีวิตแบบชาวโตเกียวจริงๆ และสิ่งหนึ่งที่ฉันประทับใจมากจากการมาพักบ้านนี้ก็คือ…การซักผ้า

ที่เกสต์เฮ้าส์แห่งนี้มีเครื่องซักผ้าและลานตากผ้าหลังบ้านให้ผู้มาพักใช้ได้ฟรี ฉันเองก็หมายมั่นอยากจะซักเสื้อผ้าเอามากๆ เพราะอากาศฤดูร้อนของโตเกียวทำให้เสื้อที่ใส่แล้วชุ่มเหงื่อเหลือทน วันดีคืนดีจึงแอบย่องเบาลงไปยังลานซักล้าง หวังว่าจะไม่ต้องรบกวนเจ้าของบ้าน แต่นอกจากปุ่มต่างๆ บนเครื่องซักผ้าจะมีแต่ภาษาญี่ปุ่นแล้ว (ซึ่งปัญหานี้อาจแก้ได้ด้วย Google Translate) ฉันมองหาเท่าไรก็ไม่พบผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าเลย ก้มๆ เงยๆ อยู่พักใหญ่ สุดท้ายจึงต้องรบกวนเจ้าของบ้านอยู่ดี แล้วเขาก็เฉลยให้ฉันหายสงสัย (หรือยิ่งงงไปกันใหญ่) ว่าที่นี่ไม่ใช้น้ำยาซักผ้า!!!! แต่เสื้อผ้าจะสะอาดได้ด้วย “มักจัง” (Mag-Chan) พร้อมกับหยิบถุงนุ่มๆ รูปทรงพีระมิดขนาดเท่ากำมือมาให้ดู ภายในถุงมีเม็ดเล็กๆ อยู่ประมาณหนึ่ง ไม่ได้อัดจนแน่น คุณผู้ชายเจ้าของบ้านเห็นฉันงงกับเจ้าถุงนี่มากจึงหยิบกล่องบรรจุเบบี้มักจังมาให้ เพื่อให้ฉันไปหาข้อมูลต่อเอง เขาบอกเพียงแค่ว่านี่เป็นนวัตกรรมของญี่ปุ่น เพื่อที่จะได้ลดการใช้น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอก และลดการปล่อยสารเคมีลงสู่แหล่งน้ำ ซึ่งประโยคนี้จากปากเขาทำเอาฉันสนใจอยากรู้จักมักจังเอามากๆ ใจหนึ่งก็แอบคลางแคลงใจว่า เอ…ถ้าไม่มีกลิ่นหอมๆ ของน้ำยาซักผ้า แล้วกลิ่นตุๆ บนเสื้อชุ่มเหงื่อแต่ละตัวมันจะหายไปได้มั้ยน้าาา

 

 

เมื่อได้ชื่อเว็บไซต์บนกล่องมา (magchan.com) ฉันก็รีบหาข้อมูลของมักจังอย่างไม่รีรอ แล้วก็พบว่าคำว่า Mag คือคำที่ตัดทอนมาจากแมกนีเซียมนั่นเอง เม็ดเล็กๆ ที่บรรจุในถุงคือแมกนีเซียม เมื่อแมกนีเซียมทำปฎิกิริยากับน้ำจะทำให้เกิดฟองของไฮโดรเจน และเปลี่ยนน้ำธรรมดาให้กลายเป็นน้ำอัลคาไลน์ที่มีพลังในการทำความสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลในเว็บไซต์เปรียบเทียบคุณสมบัติต่างๆ ระหว่างการซักผ้าด้วยมักจังกับน้ำยาซักผ้า ให้เห็นว่ามักจังให้ผลดีกว่าทั้งในแง่การกำจัดกลิ่น แบคทีเรีย คราบสกปรก และการถนอมผ้า สามารถใช้กับเสื้อผ้าเด็กหรือผู้ที่มีอาการโรคผิวหนังได้อย่างปลอดภัย ใช้ได้กับเครื่องซักผ้าทุกชนิดและทำให้เครื่องซักผ้าสะอาด ไม่มีสารตกค้าง โดยมักจังหนึ่งถุงใช้ได้ราวๆ 300 ครั้งหรือประมาณ 1 ปี หนึ่งถุงใช้ซักเสื้อผ้าได้คราวละ 20 ชิ้น ถ้าอยากซักครั้งละมากกว่านั้นก็เพิ่มจำนวนถุงมักจังได้ตามสัดส่วน

ที่บรรยายละเอียดขนาดนี้ ไม่ได้ค่าโฆษณานะคะ แต่รู้สึกทึ่งกับนวัตกรรมนี้จริงๆ เพราะช่วงหลังๆ ฉันเองหันมาสนใจเรื่องวิธีลด ละ เลิกการใช้สารเคมีในชีวิตประจำวัน เช่น เลิกใช้ยาสระผม ลดการใช้น้ำยาล้างจานและสบู่อาบน้ำ เพราะคิดว่าถ้ามีวิธีที่น่าสนใจทำได้ไม่ยากจนเกินไปและให้ผลดีก็จะทดลองทำบ้าง เรื่องการเลิกใช้แชมพูอาจจะยากหน่อยสำหรับคนทั่วไป อันนี้ฉันขอยกไว้ก่อนนะคะ (หาข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยเสิร์ชคำว่า No-Poo) แต่น้ำยาล้างจานกับสบู่นี่ไม่ยากเลย ฉันเจอข้อมูลจากคนญี่ปุ่นที่จริงจังเรื่องการใช้ชีวิตแบบขยะเป็นศูนย์ (thezerowastejapan.com) เขานำเอารำข้าวมาขัดถูภาชนะแทนน้ำยาล้างจาน รำข้าวจะช่วยดูดซับความมันไว้ เมื่อล้างน้ำออกภาชนะก็สะอาด หรือหากภาชนะไม่มันมาก เขาก็ใช้ผ้าฝ้ายมาพับทบกันให้เหมาะมือแทนฟองน้ำ และไม่ใช้น้ำยาล้างจานเลย ผ้าเป็นผืนแห้งง่ายกว่าฟองน้ำ จึงไม่เป็นที่สะสมของแบคทีเรียและยังสามารถต้มฆ่าเชื้อได้บ่อยๆ ด้วย ส่วนการอาบน้ำเขาเปลี่ยนมาใช้ผ้าตาข่ายขัดถูตัวแทนการใช้สบู่ ผ้าที่ทำจากเส้นใยฝ้ายและเยื่อกระดาษจะช่วยดูดซับความมัน ความสกปรก และขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว  ฉันไม่ได้หาซื้อผ้าแบบนั้นมาใช้ แต่ใช้ผ้าใยกัญชงทอหยาบแทน ซึ่งได้ผลดีทีเดียว

ทั้งการล้างจานและอาบน้ำนี่ฉันว่าทำไม่ยาก ถ้ายังเลิกไม่ได้ แค่ลดก็ยังดี วันไหนเหงื่อไม่ออกมาก วันไหนจานไม่สกปรกมาก ก็อาจลองไม่ใช้น้ำยา แล้วคอยสังเกตว่าวิธีเหล่านี้ได้ผลจริงมั้ย ส่วนเสื้อผ้าเหม็นเหงื่อของฉันที่ซักด้วยมักจังหลังจากตากแดดจนแห้งแล้ว ลองสังเกตคราบบนคอเสื้อสีขาวและสูดดมกลิ่นแรงๆ ก็พบว่าสะอาดดี ไม่มีกลิ่นอับ ที่สำคัญไม่มีกลิ่นดอกไม้สังเคราะห์ให้แสบจมูกเวลาสวมใส่ด้วยดีจัง

*หมายเหตุ หลังจากครบอายุการใช้งานหนึ่งปี ฝังเม็ดแมกนีเซียมในดิน กลายเป็นปุ๋ยบำรุงดินได้เลยค่ะ

TAGS

LIKE & SHARE

ชอบเรื่องนี้จนต้องบอกต่อ