LOVE AT FIRST SIGHT WITH MIYAZAKI : เมืองใหญ่ในคิวชูที่จู่ๆ ก็ดันตกหลุมรัก
สารบัญ
เรายังคงมูฟออนจากภูมิภาคคิวชูไม่ได้สักที สถานที่ที่มีแต่จุดท่องเที่ยวอันรายล้อมไปด้วยธรรมชาติและสิ่งแปลกตามากมาย หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียว โอซาก้ามาแล้ว งั้นลองมาทำความรู้จักเมืองใหญ่แถบภูมิภาคคิวชูดูบ้าง ซึ่งอย่างที่รู้ว่าภูมิภาคคิวชูเนี่ยจะติดกับทะเลและภูเขา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเจอสถานที่ท่องเที่ยวตามทะเล ชายหาดหรือเทือกเขาใหญ่ๆ ซึ่งจังหวัดที่เราจะมาเขียนถึงต่อไปนี้ก็คือจังหวัดมิยาซากิ (Miyazaki) จังหวัดหนึ่งในแถบคิวชูที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าจับตามองมาก รับรองว่าหากมาที่นี่จะต้องมีคนถามแน่นอนว่าไปที่ไหนมา ทำไมสถานที่สวยแปลกตาขนาดนี้
ที่เที่ยวหลักๆ ในจังหวัดมิยาซากิเนี่ยส่วนมากจะเป็นพวกภูเขา แอ่งน้ำซะส่วนใหญ่ ทุกคนจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบอันซีนเลยนะ เราว่าฟีลได้เลยแหละ ขนาดเราเห็นครั้งแรกยังรู้สึกว่าเมืองนี้ยังมีสิ่งที่น่าค้นหาอีกเยอะมากแน่ๆ พอค้นข้อมูลกลับเจอสถานที่ลับๆ ของจังหวัดนี้เต็มไปหมด หากใครอยากลองเที่ยวในจังหวัดนี้ดูก็ลองลิสต์สถานที่ตามนี้ไปได้เลย รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
01 หุบเขาทาคาชิโฮะ (Takachiho Gorge)
พายเรือสัมผัสธรรมชาติที่หุบเขาทาคาชิโฮะ
ทาคาชิโฮะ (Takachiho) เป็นเมืองที่อยู่ในเขตนิชิอุซุกิ (Nishiusuki) และตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดมิยาซากิ ติดกับจังหวัดคุมาโมโตะและจังหวัดโออิตะ มีแม่น้ำโกคาเสะ (Gokase River) ไหลผ่าน และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตมากมายในบริเวณนี้อย่าง หุบเขาทาคาชิโฮะ (Takachiho Gorge) ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองทาคาชิโฮะ หุบเขาทาคาชิโฮะจะมีโซนที่เป็นช่องเขาที่ว่ากันว่าเกิดจากการไหลของลาวาของภูเขาไฟอะโสะ (Mt. Aso) ที่ปะทุขึ้นทำให้ชั้นหินแยกออกจากกันเหมือนหลุดมาเป็นเกาะๆ หนึ่ง ส่วนกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวส่วนมากจะนิยมมาทำที่นี่ก็คือ พายเรือชมทัศนียภาพของหุบเขาและชมน้ำตกมานะอิโนะทาคิ (Manainotaki) ที่มีความสูงถึง 17 เมตร มีค่าพายเรือด้วยนะ 2,000 เยนต่อลำ พายได้ 1 ชั่วโมงครึ่่งเลย และเรือก็นั่งได้ประมาณ 3 คน เราว่าคุ้มมาก หากใครอยากลองไปสัมผัสวิวใหม่ๆ ถ่ายรูปสวยๆ ก็ไม่ควรพลาด ผลัดกันพายเรือวนไปหรือถ่ายรูปก็ดีไม่น้อย
Info
หุบเขาทาคาชิโฮะ (Takachiho Gorge)
Hours : 8:30-17:30 น.
Holiday : ไม่มี
Price : ฟรี
Access : นั่งรถบัสจากสถานีฮากาตะ (Hakata Station) มาลงที่ทาคาชิโฮะจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที หรือนั่งรถไฟจากสถานีฮากาตะมาลงที่สถานีคุมาโมโตะ (Kumamoto Sation) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั่งรถบัสด่วนพิเศษที่เขียนว่าไปทาคาชิโฮะ (たかしほ号) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง หากมาจากสถานีมิยาซากิ (Miyazaki Station) ให้นั่ง JR Express มาลงที่สถานีโนเบโอกะ (Nobeoka Station) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นต่อรถบัสไปลงทาคาชิโฮะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
02 ศาลเจ้าอามาโนะอิวาโตะ (Amanoiwato Shrine)
เรียงหินเพื่อให้คำอธิษฐานเป็นจริง
ศาลเจ้าอามะโนะอิวาโตะ (Amanoiwato Shrine) เป็นศาลเจ้าชินโตที่ตั้งอยู่ในเมืองทาคาชิโฮะ เรื่องเล่าจากโคจิกิหรือตำนานเรื่องสั้นเก่าแก่ของญี่ปุ่นเนี่ยบอกไว้ว่าพื้นที่แห่งนี้และถ้ำอิวาโตะเป็นสถานที่ที่มีประวัติเกี่ยวกับเทพแห่งพระอาทิตย์หรือเทพอามาเทราสึ และที่ถ้ำนี้ยังเป็นถ้ำที่เทพกว่าแปดล้านองค์ใช้ในการปรึกษาหารือกันด้วย นอกจากนี้ยังมีจุดลับๆ มากมายในบริเวณศาลเจ้าอีกด้วย
ด้านในของศาลเจ้ามีถ้ำอามาโนะอิวาโตะซึ่งจะไม่สามารถเข้าไปได้ บริเวณรอบๆ ถ้ำจะมีประตูไม้ตั้งเด่นอยู่และจะพบหินจำนวนมากที่วางเรียงรายเป็นตั้งๆ มีความเชื่อกันว่าหากวางหินเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ คำอธิษฐานก็จะเป็นจริง จึงไม่แปลกที่จะพบเห็นนักท่องเที่ยวพยายามวางหินเป็นชั้นๆ ลองอธิษฐานและพยายามวางหินให้ตั้งตระหง่านดูสิ คำขออาจจะเป็นจริงก็ได้นะ
Info
ศาลเจ้าอามาโนะอิวาโตะ (Amanoiwato Shrine)
Hours : 8:30-17:00 น.
Holiday : ไม่มี
Price : ฟรี
Access : จากตัวเมืองมิยาซากิให้นั่งรถบัสไปลงที่ทาคาชิโฮะ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นให้นั่งรถบัสจากสำนักงานเมืองทาคาชิโฮะ (Takachiho Town Office) ไปลงที่ศาลเจ้าอามาโนะอิวาโตะ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
Website : amanoiwato-jinja.jp
03 ศาลเจ้าอาโอชิมะ (Aoshima Shrine)
ความรักและการแต่งงานจะราบรื่นหากมาขอที่ศาลเจ้าแห่งนี้
เกาะอาโอชิมะ (Aoshima Island) เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีพื้นที่รอบเกาะเพียงราว 1.5 กิโลเมตร เชื่อมกับเมืองมิยาซากิด้วยสะพานยาโยอิ (Yayoi Bridge) ว่ากันว่าที่แห่งนี้เป็นที่ซักกางเกงในของปีศาจ มีหินที่เกิดจากการกัดเซาะของคลื่นวางเรียงรายตามหาดเป็นแถวๆ ช่วงน้ำลงก็จะเห็นความงามธรรมชาติอีกด้วย ที่นี่จึงได้รับการบันทึกให้เป็นอนุสาวรีย์ธรรมชาติของญี่ปุ่น เกาะนี้ยังมีพืชกว่า 200 สายพันธุ์ ถือว่าอุดมสมบูรณ์เลยทีเดียว นอกจากนี้ศาลเจ้าอาโอชิมะยังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่าเป็นศาลเจ้าแห่งการขอพรด้านความรักและการแต่งงานอีกด้วยนะ จึงไม่แปลกหากจะพบคู่รักและสาวโสดทั้งหลายมาเยือนที่นี่ ศาลเจ้าอาโอชิมะไม่ได้ดังเรื่องรักๆ หรือการสมรสเท่านั้นนะ ยังมีเรื่องของการขอให้คลอดลูกได้อย่างปลอดภัย และขอเรื่องการเดินทางให้ราบรื่นปลอดภัย หากมีโอกาสไปจังหวัดมิยาซากิก็ลองไปเยือนศาลเจ้าอาโอชิมะดูสักครั้ง บอกเลยว่าวิวถ่ายรูปสวยมาก
Info
ศาลเจ้าอาโอชิมะ (Aoshima Shrine)
Hours : 6:00-18:00 น.
Holiday : ไม่มี
Price : ฟรี
Access : นั่งรถไฟ JR สายนิชินัน (Nichinan Line) มาลงที่สถานีอาโอชิมะ (Aoshima Station) จากสถานีอาโอชิมะ (Aoshima Station) จากนั้นเดินประมาณ 10 นาที
Website : aoshima-jinja.jp
04 ที่ราบสูงเอบิโนะ (Ebino Plateau)
ปีนเขาชมต้นไม้กว่าพันชนิด
ที่ราบสูงเอบิโนะ (Ebino Plateau) จะตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเอบิโนะ (Ebino) ระดับความสูงจากน้ำทะเล 1,200 เมตร ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอุทยานแห่งชาติคิริชิมะ คินโควัน (Kirishima Kinkowan National Park) ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของญี่ปุ่น ยังเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของจังหวัดและเป็นสถานที่ทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำอยู่ตรงกลางที่ถูกรายล้อมไปด้วยภูเขาไฟ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังนิยมมาเดินเขาที่นี่ด้วยเนื่องจากเป็นพื้นที่ราบมีภูเขาเล็กๆ อย่างภูเขาคาระคุนิ (Mt. Karakuni) ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติและพืชพรรณมากมาย ทั้งยังสามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดูกาลเลยนะ แต่ละฤดูบรรยากาศก็จะแตกต่างกันไปอีกด้วย หากไปช่วงฤดูหนาวก็จะมีกิจกรรมอย่างไอซ์สเก็ตซึ่งหาได้ยากในจังหวัดมิยาซากิ
Info
ที่ราบสูงเอบิโนะ (Ebino Plateau)
Hours : 9:00-17:00 น.
Holiday : ไม่มี
Price : ฟรี
Access : จากสถานีมิยาซากิไปลงที่สถานีเอบิโนะ (Ebino Station) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง หากไปโดยรถเช่าตัวหรือแท็กซี่จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
05 แหลมโทอิ (Cape Toi)
ส่องม้าที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานได้อย่างใกล้ชิด
Photo by Sei Kakinoki on Unsplash
ทางตอนใต้ของจังหวัดมิยาซากิ บริเวณเมืองคุชิมะ (Kushima) จะมีพื้นที่ที่เป็นสนามหญ้ากว้างใหญ่ หากไปก็จะพบกับฝูงม้าที่ทุกคนที่นี่จะรู้จักในนามของม้ามิซากิ (Misaki Horse) จะเป็นม้าตัวเล็กๆ สูง 130 เซนติเมตร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนี่ยมักจะนิยมใช้ม้าต้อนแกะ จนในปัจจุบันก็ยังคงใช้เป็นพื้นที่สำหรับเลี้ยงม้าอยู่ตามเดิม แหลมโทอิ (Cape Toi) จึงได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในอนุสาวรีย์ธรรมชาติของญี่ปุ่น ซึ่งเราสามารถเข้าไปถ่ายรูปหรือเยี่ยมชมเจ้าม้าได้ แต่ว่าก็ต้องไม่กระโตกกระตากเข้าไปเพราะเดี๋ยวม้าจะตกใจเสียก่อน ควรแสดงความห่วงใยอยู่ห่างๆ ก็พอ ฤดูกาลกำเนิดของม้ามิซากิมาคือตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงสิงหาคมโดยมีอัตราการเกิดสูงสุดในเดือนเมษายนและพฤษภาคม เผื่อใครจะวางแผนการท่องเที่ยวไปดูลูกม้ามิซากิ
ภาพ : japan-web-magazine.com
Info
แหลมโทอิ (Cape Toi)
Hours : 7:30-17:00 น.
Holiday : ไม่มี
Price : ฟรี
Access : นั่งรถบัสจากสถานีคุชิมะ (Kushima Station) ไปลงที่โทอิมิซากิ (Toimisaki Station) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที แล้วนั่งแท็กซี่ ใช้เวลาประมาณ 4 นาทีก็จะถึงที่หมาย
06 ซันเมสเซนิจินัน (Sun Messe Nichinan)
รูปปั้นโมอายแห่งแรกแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ได้รับการรับรองจากเกาะอีสเตอร์
รูปปั้นโมอายยักษ์นี้ได้รับการอนุญาตจากเกาะอีสเตอร์ของประเทศชิลีว่าสามารถสร้างเลียนแบบได้ที่เดียวในโลก ที่ซันเมสเซนิจินัน (Sun Messe Nichinan) มีรูปปั้นโมอายยักษ์ 7 ตัววางเรียงรายอยู่ มีวิวด้านหลังเป็นมหาสมุทรแปซิฟิกอันกว้างใหญ่ มีตำนานว่าโมอายแต่ละตัวก็จะให้โชคลาภแตกต่างกันไปด้วยนะ 7 ตัว 7 โชคลาภไปเลย เราสามารถเดินไปแตะรูปปั้นได้เลย ว่ากันว่าคำขอจะเป็นจริงด้วยนะ ถ้าเรียงจากทางขวา จะมีโชคด้านวิชาการ, โชคการเงิน, โชคแต่งงาน, ดวงชะตาในภาพรวม, โชคด้านความรัก, โชคด้านสุขภาพ, โชคการงาน หากอยากได้โชคด้านไหนก็เดินไปแตะเลย นอกจากรูปปั้นโมอายด้านในยังมีร้านอาหารและมีออนเซ็นให้แช่ด้วยนะ หากใครเดินชมวิวเหนื่อยๆ ก็สามารถใช้บริการออนเซ็นหรือรับประทานอาหารต่อได้เลย
Info
ซันเมสเซ นิจินัน (Sun Messe Nichinan)
Hours : 9:30-17:00 น.
Holiday : วันพุธ (ยกเว้นในช่วงหยุดยาวจะเปิดให้บริการ)
Price : ผู้ใหญ่ 700 เยน นักเรียนชั้นมัธยมต้น 500 เยน เด็ก 350 เยน
Access : นั่งรถที่มิยาซากิบัสเซ็นเตอร์ (Miyazaki Bus Center) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
07 ศาลเจ้าอุโดะจิงกู (Udo Jingu)
โยนหินเสี่ยงทายเพื่อขอความรักและโชคลาภ
ภาพ : en-miyazaki.com
ที่มาของคำว่าอุโดะมาจากท้องฟ้าและถ้ำนอกจากนี้ยังหมายถึงสถานที่ที่ด้านในเป็นโพรงและยังเป็นชื่อของเทพเจ้าอีกด้วย ศาลเจ้าอุโดะจิงกู (Udo Jingu) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้บนเกาะคิวชูในจังหวัดมิยาซากิ เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงในด้านความรักและเรื่องการขอบุตรด้วยนะ ตัวศาลเจ้าจะตั้งอยู่ด้านในถ้ำ ระหว่างทางที่ไปก็เป็นทางเดินเรียบชายฝั่ง เดินไปลมโกรกไปให้ความรู้สึกสดชื่นและสบายใจไปพร้อมๆ กัน หลังจากเข้าไปไหว้บูชาแล้วอย่าลืมนำสมุดไปขอลายเซ็นจากศาลเจ้าเพื่อเป็นที่ระลึกด้วยล่ะ (ทางวัดจะเขียนพู่กันเป็นชื่อวัดให้ อยากบอกว่าเป็นแรร์ไอเท็มที่สวยมาก)
หากมาศาลเจ้าอุโดะจิงกู ต้องไม่พลาดที่จะโยนหินเสี่ยงทายที่เขียนว่า 運 (อุน แปลว่า โชค) ลงในเชือกที่วางไว้บนหิน โดยที่ผู้ชายต้องโยนด้วยมือซ้ายและผู้หญิงโยนด้วยมือขวา หากโยนเข้าตรงกลางเชือกก็ถือว่าโชคดีเลยทีเดียว เพราะว่ากันว่าคำขอจะเป็นจริง หากไปที่ศาลเจ้านี้ล่ะก็ต้องไม่ลืมที่จะลองเสี่ยงทายดูสักครั้ง
Info
ศาลเจ้าอุโดะจิงกู (Udo Jingu)
Hours : เมษายน-กันยายน 6:00-19:00 น., ตุลาคม-มีนาคม 7:00-18:00 น
Holiday : ไม่มี
Price : ฟรี
Access : นั่งรถไฟ JR จากสถานีมิยาซากิ มาลงที่สถานีนิชินัน (Nichinan Station) แล้วเปลี่ยนรถไปลงที่สถานีอิบิอิ (Ibii Station) หรือสถานีอาบุรัตสึ (Aburatsu Station) ก็ได้ จากนั้นขึ้นรถบัสจากหน้าสถานี ใช้เวลาประมาณ 20 นาที มาลงที่ศาลเจ้าอุโดะ เดินเท้าต่ออีกประมาณ 10 นาที