Tag "อาหารญี่ปุ่น"

Cozy (โคซี่) – ปิดกิจการ
จากประสบการณ์ในต่างแดนที่เคยไปฝึกปรือฝีมือมามากถึง 5 ประเทศทั่วโลก ด้วยประสบการณ์ที่หลากหลายเช่นนี้เอง ทำให้อาหารของเขาเต็มไปด้วยเสน่ห์และสีสันที่ได้มาจากการประยุกต์เอากลิ่นอายของอาหารนานาชาติ ผสานเข้ากับความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างน่าสนใจ และเต็มไปด้วยไอเดียสนุกจนกลายเป็นเมนูพิเศษที่หากินที่ไหนไม่ได้นอกจากที่นี่เท่านั้น
Kisso (คิสโสะ)
ห้องอาหารญี่ปุ่น Kisso ตั้งอยู่ในโรงแรม The Westin Grande Sukhumvit, Bangkok คอยสร้างความประทับใจให้นักเดินทางมาตลอด 21 ปี โดยล่าสุดได้รับรางวัลห้องอาหารญี่ปุ่นยอดเยี่ยมจากนิตยสารไทยแลนด์ แทตเลอร์ ประจำปี 2015 และ 2016 เป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน
Daimasu (ไดมาซึ)
ปีโชวะ 30–40 (1955–1965) คือยุคสมัยที่รุ่งเรือง และน่าหวนรำลึกที่สุดของญี่ปุ่นสงครามโลกสิ้นสุด เศรษฐกิจเติบโต หลายคนอาจคุ้นภาพตรอกที่สองข้างเรียงด้วยร้านรวง เสาไฟฟ้า และโคมไฟญี่ปุ่นแขวนประดับ แต่ยากจะหาชมของจริงในยุคนี้ ซึ่ง Daimasu ได้จำลองภาพเหล่านั้นมาในรูปแบบร้านปิ้งย่างแนวอิซากายะย้อนยุค
Hagakure (ฮะกะคุเระ)
จากคัมภีร์ “ฮะกะคุเระ” ในตำนานของชาวญี่ปุ่น กล่าวถึงจิตวิญญาณและแนวทางแห่งนักรบที่แท้ ซึ่งอาจไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสมรภูมิรบ ทว่าในสมรภูมิแห่งอาหารก็สามารถยืนหยัดด้วยจิตวิญญาณได้เฉกเช่นเดียวกัน นี่คือสิ่งที่เชฟ Yoshihiro Yamamoto เชื่อมั่นและยึดถือเป็นคำสอนประจำใจ
Hakata (ฮาคาต้า)
สิริรวมเกือบ 50 ปี ของการเริ่มต้นเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นในย่านถนนสุขุมวิทมาตั้งแต่ปี 1968 ทำให้ร้าน Hakata คว้าตำแหน่งร้านอาหารญี่ปุ่นที่เก่าแก่ที่สุดในย่านสุขุมวิทไปครอบครอง กับความอร่อยแบบเรียบง่ายด้วยเมนูอาหารญี่ปุ่นพื้นฐานหลากสไตล์หลายประเภท
Suehiro (สุเอะฮิโระ)
เริ่มต้นจากธุรกิจการเป็นตัวแทนนำเข้าปลาสดที่ส่งตรงจากญี่ปุ่นถึงเมืองไทยมานานหลายปี ก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินอีกหนึ่งธุรกิจควบคู่กันไป ด้วยเห็นว่าไหนๆ ก็เป็นผู้นำเข้าปลาสดที่มีวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมอยู่ในมืออยู่แล้ว และเมื่อผู้นำเข้าปลาสดมาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นที่เน้นความสดของปลาเป็นสำคัญ ผลประโยชน์จึงตกอยู่ที่ผู้บริโภคอย่างเราๆ
Unagi Nakamura (อุนะกิ นาคามูระ)
สิ่งที่ทำให้ร้าน Unagi Nakamura โดดเด่น นอกจากวิธีปรุงแบบต้นตำรับญี่ปุ่นซึ่งหาได้ยากในไทยแล้ว ที่นี่ยังกำเนิดขึ้นจากความรักและความคลั่งไคล้ในเมนูปลาไหลอย่างแท้จริง นับแต่เข้าสู่วงการอาหารเมื่ออายุ 17 ปี เชฟผู้ก่อตั้งก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะยึดเมนูปลาไหลเป็นทางสายหลัก...
Kisara (คิซาระ)
สิ่งที่ทำให้ Kisara เป็นห้องอาหารญี่ปุ่นในโรงแรมที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร คือการคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่ที่หาได้ยากและวิธีการปรุงอันพิถีพิถัน อีกทั้งยังใส่ใจในรายละเอียดของลูกค้าแต่ละกลุ่มที่เข้ามาใช้บริการ ทั้งเรื่องรสนิยมในการกินของคนแต่ละชาติ หรืออุปนิสัยที่ต่างกันของลูกค้าในแต่ละช่วงวัย
Nojiya / Yushi Ramen (โนจิยะ / ยูชิ ราเมน)
Nojiya / Yushi Ramen : ราเมนดินแดนเหนือ ร้าน Nojiya/Yushi วางตัวเป็นร้านราเมนจากแดนเหนือ-อิสาน ยึดแนวทางหลักคือสไตล์ฮอกไกโดและยามากาตะ รวมไปถึงจังหวัดอื่นๆ ซึ่งหลายเมนูสูตรต้นตำรับไม่อาจพบได้ทั่วไป แม้จะเป็นร้านราเมนเล็กๆ แต่อัดแน่นไปด้วยความหลากหลายของราเมนสไตล์ต่างๆ ที่ทางร้านคัดสรรจากทั่วญี่ปุ่น และคงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมตามแบบฉบับราเมนท้องถิ่น ทั้งหมดปรุงอย่างพิถีพิถันด้วยเครื่องปรุงชั้นเลิศส่งตรงจากญี่ปุ่น ไม่ว่ามิโซะ โชยุ หรือทาเระ นับเป็นความหลากหลายในกลิ่นอายต้นตำรับญี่ปุ่นอย่างแท้จริง บรรยากาศและการตกแต่งร้านดูเรียบง่าย ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง นั่งกินสบายๆ ไม่ต้องเคอะเขิน โดยลูกค้าทั้งหมดเกือบ 98 % เป็นชาวญี่ปุ่น Gensen Shoyu Ramen ราเมนโชยุสูตรพิเศษ แม้หน้าตาจะดูเรียบง่าย แต่ความพิเศษอยู่ที่รสกลมกล่อมของ 2 น้ำซุปหลักที่ได้จาก ซอสเก็นเซ็นโชยุจากจังหวัดยามากาตะ จังหวัดที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นแหล่งผลิตโชยุที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น โดยจุดเด่นของโชยุยามากาตะอยู่ที่ความกลมกล่อม ไม่เค็มจนเกินไป และมีสีที่อ่อนกว่าปกติ เมื่อนำมารวมกับน้ำซุปปลาบินแห้ง ที่นำไปเคี่ยวรวมกับกระดูกหมูและผักอีกหลายชนิด ผสมจนได้น้ำซุปที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์แบบฉบับท้องถิ่นยามากาตะ Gensen Shoyu Ramen ราเมนโชยุสูตรพิเศษ  (240 บาท) Shiromiso Chashu Men ราเมนหมูชาชูมิโซะขาว ความหอมกลมกล่อมที่เข้ากันระหว่างน้ำซุปกระดูกหมู ซี่โครงไก่ […]
Saboten (ซาโบเตน)
กว่า 50 ปีที่ต้นตำรับทงคัตสึ "ซาโบเตน" ได้ถือกำเนิดขึ้นที่ชินจูกุ ประเทศญี่ปุ่น จวบจนปัจจุบันได้ขยายกิจการไปกว่า 550 สาขาทั่วโลก เป็นเครื่องยืนยันถึงความนิยมที่คนรักทงคัตสึทั่วโลกมีให้กับซาโบเตนด้วยความพิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศ
Misato (มิซาโตะ)
ร้าน Misato ตั้งอยู่ในอาคารชาญอิสระ ซึ่งล้อมรอบไปด้วยออฟฟิศย่านสีลม ช่วงเวลามื้อกลางวันกับมื้อเย็นของทุกวันจึงแน่นขนัดไปด้วยลูกค้ากลุ่มพนักงานออฟฟิศ เพราะที่นี่เสิร์ฟอาหารคุณภาพดีในราคาคุ้มค่า อีกทั้งยังมีเมนูเด็ดเป็นเมนูชุบแป้งทอด จนเป็นที่กล่าวขานกันว่าต้องมาลองกินให้ได้สักครั้ง
Hokkori (ฮกโคะริ)
ความโดดเด่นของร้านนี้ คือการดึงเอารสชาติความอร่อยของอาหารออกมาได้อย่างน่าสนใจ ด้วยกรรมวิธีพื้นบ้านอย่างการนำฟางข้าวมาใช้ในการปลุกเร้ากลิ่นรสของวัตถุดิบ ขณะเดียวกันยังสามารถเก็บกักรักษากลิ่นรสของอาหารจานนั้นไว้ได้เป็นอย่างดีก่อนที่จะเสิร์ฟถึงมือคนกิน
Hokkaido Genshiyaki&Kamameshi (ฮอกไกโด เก็นชิยากิ แอนด์ คามะเมชิ)
ต้นตำรับฮอกไกโด สาขาที่ 3 แล้ว สำหรับร้านอาหารญี่ปุ่นสุดโดดเด่นในเรื่องของเมนูซีฟู้ดสดๆ ส่งตรงจากเมืองท่าเกาะฮอกไกโด รับประกันความสดโดยชาวประมงท้องถิ่น รวมไปถึงเทคนิคการปรุงอาหารแบบโบราณของชาวฮอกไกโด เน้นการใช้ถ่านไม้แบบวิถีดั้งเดิม บรรยากาศร้านทั้งตัวอาคารและการตกแต่งดูสวยงามและกว้างขวางกว่า 2 สาขาแรก และอีกหนึ่งความพิเศษของสาขานี้คือเมนูข้าวหุงปรุงรสที่เรียกว่า “คามะเมชิ” ซึ่งมีหลายชนิด ไม่ว่าหน้าไข่ปลา หน้ากุ้ง หรือหน้าหอยเชลล์ และยังมีข้าวหน้าปลาดิบหลากประเภทซึ่งเป็นของขึ้นชื่อจากฮอกไกโด รวมถึงเมนูยอดนิยมจากสาขาอื่น นอกเหนือจากอาหาร บรรยากาศและการตกแต่งของที่นี่ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ไฮไลท์ของที่นี่คือการย่างปลาแบบ “genshiyaki” ภูมิปัญญาดั้งเดิมในการปรุงอาหารของชาวฮอกไกโด กับความชำนาญในการใช้พลังงานความร้อนจากไฟในอุณหภูมิที่พอเหมาะ ด้วยการเว้นระยะห่างระหว่างไฟกับวัตถุดิบ วิธีนี้จะทำให้ปลามีกลิ่นหอม หนังกรอบ แต่เนื้อข้างในยังคงชุ่มฉ่ำ เพราะเชื่อว่าการย่างแบบนี้จะทำให้เนื้อปลามีรสชาติอร่อยที่สุด Genshiyaki เทคนิคการย่างแบบโบราณของชาวฮอกไกโด ความแรงของไฟถือเป็นตัวกำหนดความอร่อยของเมนูนี้อย่างแท้จริง อีกหนึ่งวัตถุดิบพรีเมี่ยมที่เราอยากแนะนำ คือ Hon Maguro เนื้อปลาทูน่าส่วนท้องที่ว่ากันว่าอร่อยและมีราคาแพงที่สุด เพราะเต็มไปด้วยเนื้อนุ่มๆ และชั้นไขมัน โดยที่ร้านนำเข้าจากตัวแทนจำหน่ายปลาทูน่าอันดับหนึ่งของตลาดปลาซึกิจิเลยทีเดียว สดๆ จากตลาดปลาซึกิจิ ให้เห็นชัดๆ กันไปเลย ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ซีฟู๊ดเพียงอย่างเดียว มาดูทางฝั่งเนื้อกันบ้างเราขอแนะนำเมนู Furano Wagyu Ribeye Nigiri Sushi ซูชิเนื้อวัววากิวฮอกไกโดจากเมืองฟุราโนะ เมืองที่เงียบสงบและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรและทัศนียภาพทางธรรมชาติ […]
Nanohana (นาโนฮานา)
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น บางท่านอาจรู้จักร้าน Nanohana จากจุดเด่นเรื่องอาหารตามฤดูกาลที่เปลี่ยนไปในแต่ละเดือน หรือ Lunch Set ระดับพรีเมียม ที่เป็นเลิศทั้งเรื่องรสชาติ หน้าตา และปริมาณ แต่แก่นแท้ของร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โอซาก้าแห่งนี้ที่หลายคนอาจยังไม่เคยลองคือ เมนูไคเซกิ
Yoichi (โยอิชิ)
เมื่อก่อนการจะลองชิมวิสกี้ญี่ปุ่นในเมืองไทยดูจะเป็นเรื่องยาก แต่ตอนนี้สามารถมาลิ้มรสวิสกี้ญี่ปุ่นแท้ๆ ได้ที่ร้าน Yoichi แห่งนี้ ที่นี่รวบรวมวิสกี้ญี่ปุ่นไว้มากมายหลายสิบประเภท ทั้งต่างยี่ห้อ ต่างปี และมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิสกี้สามารถให้คำแนะนำเป็นภาษาอังกฤษคอยบริการ
Sushi Juban (ซูชิ จูบัน)
ถึงแม้ว่า Sushi Juban จะมีขนาดร้านที่ไม่ใหญ่โตและทำเลที่ตั้งไม่โดดเด่น จนใครหลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อ แต่การแนะนำร้านนี้เปรียบเสมือนการบอกทางสู่ขุมสมบัติล้ำค่าของคอซูชิ จากคำของเชฟที่ว่าถ้าหากไม่มีคนญี่ปุ่นพามา ยากจะเห็นชาวไทยย่างเท้าสู่ร้านนี้
Kitaohji (คิตะโอจิ)
ความไม่ธรรมดาของอาหารญี่ปุ่นในคอร์สเมนูไคเซกิของร้านนี้ มิใช่แค่ความพิถีพิถันในการปรุงอาหาร หากแต่ยังใส่ใจในทุกกระบวนการอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์หนึ่งเดียวที่ทางร้านคาดหวังไว้ คือการสร้างความประทับใจอย่างถึงที่สุดให้กับลูกค้าทุกคนที่เข้ามาใช้บริการ
Yokoi Udon (โยโกอิ อุด้ง)
นับจาก Uta Andon สาขาแรกในกรุงเทพฯ เปิดเมื่อ 24 ปีที่แล้ว ร้านอาหารเลื่องชื่อนี้ดำเนินการต่อเนื่องยาวนาน เติบโตและพัฒนาจนเกิด Yokoi Udon ร้านในเครือเดียวกันที่เน้นเมนูซานูกิอุด้ง ซึ่งเป็นอุด้งที่ขึ้นชื่อเป็นอันดับต้นๆ ในญี่ปุ่น
Jidori Cuisine Ken (จิโดริ คุยซีน เคน)
หากพูดถึงเมนูไก่ย่างของบ้านเราอาจจะดูธรรมดา แต่ถ้าเป็นไก่ย่างสไตล์ญี่ปุ่นหรือยากิโทริที่ร้าน Jidori Cuisine Ken แห่งนี้ไม่มีอะไรที่ธรรมดาเลย ตั้งแต่ไก่ที่มาจากฟาร์ม ตัวถ่าน วิธีการย่าง และเครื่องปรุงสูตรพิเศษ จึงไม่น่าแปลกใจหากราคาต่อไม้อาจจะดูสูงสักหน่อย แต่เมื่อได้ลองชิมก็จะบอกว่าคุ้มค่ากับรสชาติ
Arizuki (อาริซึกิ)
ร้าน Arizuki เปิดสาขาแรกที่โตเกียวเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ช่วงเวลานั้นแม้แต่ในโตเกียวเอง การจะหาร้านที่เปิดขายนาเบะในซุปมิโซะสไตล์ฟุกุโอกะแท้ๆ แบบนี้ก็ยังหายาก การที่ร้านนี้มาเปิดสาขาในกรุงเทพฯ ทำให้สามารถหานาเบะที่มีคุณภาพจริงๆ ได้โดยไม่ต้องไปไกลถึงฟุกุโอกะ หรือโตเกียว
Anzu (อันสึ) – ปิดกิจการ
ทีเด็ดของทงคัตสึในแบบฉบับ Anzu คือการเลือกใช้เนื้อหมูคุโรบูตะ โดยคัดสรรเนื้อหมูเฉพาะส่วนที่ดีที่สุดทั้งกลิ่น รส สัมผัส และความฉ่ำน้ำ นำมาบ่มด้วยสูตรเฉพาะหลายชั่วโมง ก่อนจะนำมาชุบเกล็ดขนมปังทอดอย่างมีเทคนิค จนได้ชิ้นหมูเนื้อนุ่มฉ่ำหวานบันเทิงลิ้น ขณะที่เนื้อในยังเป็นสีชมพูระเรื่อน่ากิน...
Nagiya (นากิยะ)
ร้าน Nagiya ตกแต่งด้วยบรรยากาศสนุกๆ ของแสงสีเสียงตอนกลางคืนสไตล์งานวัดญี่ปุ่น ทำให้แอบคิดไปได้ว่ากำลังนั่งกินอาหารปิ้งย่างอยู่ในเทศกาลอะไรสักอย่างในประเทศญี่ปุ่นจริงๆ พนักงานจะส่งเสียงดังต้อนรับ ตั้งแต่ลูกค้าเดินเข้าร้าน คอยบริการด้วยความกระตือรือร้น จนผู้ที่มาเยือนเหมือนได้รับพลังงานให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยหลังจากทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน
Yasuda (ยาสุดะ)
Yasuda คือร้านที่แฟนพันธุ์แท้เนื้อวัวทั้งหลายไม่ควรพลาด เพราะทุกเมนูของที่นี่ปรุงขึ้นจากเนื้อวัวโกเบระดับ A5 เท่านั้น มีสาขาที่ฟุกุโอกะถึง 4 สาขา และเก็บเกี่ยวคอนเน็คชันกับบริษัทผลิตเนื้อวัวมาอย่างยาวนานถึง 30 ปี ทำให้สามารถนำเข้าเนื้อวัวโกเบชั้นดีมาถึงเมืองไทยได้แบบสดๆ ทั้งตัว ไม่ผ่านการแช่แข็งและไม่ต้องแล่แยกส่วน จึงมั่นใจได้ทั้งเรื่องคุณภาพความสดใหม่
CMC (ชิกเก้นมาสเตอร์คาเฟ่) – ปิดกิจการ
CMC Chicken Masters Cafe เป็นดังผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ตอบโจทย์ ทั้งคนรักเนื้อไก่และผู้คลั่งไคล้กลิ่นอายแดนปลาดิบ จากร้านยากิโทริฟู้ดทรัคหลายสาขาในญี่ปุ่น สู่การคิดค้นเมนูเนื้อไก่หลากหลายทั้งทอด ย่าง และเมนูสไตล์ญี่ปุ่นอย่าง ชาบูไก่เย็น โซบะไก่และราเมนไก่
Suikin (ซุยคิน)
ด้วยทำเลที่ตั้งบนย่านเพลินจิต และความโอ่อ่าของอาคารสีเทาขนาดใหญ่ด้านนอก สร้างจินตนาการที่มีต่อร้าน Suikin ไว้จนแทบลังเลว่าอาหารแสนอร่อยอาจจะต้องแลกมาด้วยราคาหฤโหด แต่กลับผิดคาด เมื่อมูลค่าที่จ่ายกับสิ่งที่ได้กลับมาจากร้านอาหารแห่งนี้ ต้องเรียกได้ว่าลูกค้านั้นแทบจะได้กำไร
Hamaoka (ฮามาโอกะ)
เสน่ห์อาหารแบบไคเซกิของร้าน Hamaoka คือวิถีการปรุงอาหารตามแบบฉบับดั้งเดิมของญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละขั้นตอนอาจดูเรียบง่ายแต่งดงามและลึกซึ้ง เพิ่มเติมด้วยการสอดแทรกไอเดียสร้างสรรค์มาในรูปแบบของการจัดจาน ท่ามกลางการใส่ใจในทุกรายละเอียด
Banya (บันยะ)
อีกหนึ่งร้านอิซากายะหรือร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องความคุ้มค่าในราคาที่ไม่แพงเกินไป แต่ทว่ายังคงไว้ซึ่งเสน่ห์และกลิ่นอายของอาหารญี่ปุ่นในสไตล์อิซากายะไว้ได้อย่างครบครัน ทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศสบายๆ ที่ผ่อนคลายได้เต็มที่ ซึ่งมีทั้งส่วนของบาร์และห้องส่วนตัวไม่แพ้ร้านอิซากายะยอดนิยมในญี่ปุ่น
Kelly’s (เคลลี่ส์)
ณ กลางซอยสุขุมวิท 51 หากใครเคยผ่านมาอาจสะดุดตากับร้านไม้หลังเล็กสีขาวตัดด้วยสีแดงของอิฐเปลือย ซึ่งภายในร้านตกแต่งด้วยโคมไฟหลากสีแนววินเทจยุค 50s ให้บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองเหมาะสำหรับมานั่งชิลหรือปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ก็ได้
Rokkon (ร๊กคง) – ปิดกิจการ
ร้านอาหารญี่ปุ่นนั่งสบายที่ต่อยอดความสำเร็จมาจากสาขาที่ญี่ปุ่น ในจังหวัดวากายาม่าและโอซาก้า นี่คือร้านที่สร้างความโดดเด่นด้วยอาหารจานปลาหลากสไตล์หลายเมนู อีกทั้งบางเมนูยังเป็นเมนูปลาที่กินที่ไหนไม่ได้นอกจากที่นี่เท่านั้น
Takeichi (ทาเคอิจิ)
ด้วยประสบการณ์ด้านราเมนและยากิโทริของเชฟผู้ก่อตั้ง บวกกับการผสมผสานอย่างสร้างสรรค์ Takeichi สาขาแรกจึงถือกำเนิดขึ้นในโตเกียว ก่อนจะเป็นที่นิยมแพร่หลายออกไปในเมืองต่างๆ ความพิเศษอยู่ที่ซุปขาวซึ่งได้จากการเคี่ยวไก่ทั้งตัวนาน 10 ชั่วโมง อัดแน่นด้วยกลิ่นหอมและรสเข้มข้นกลมกล่อมที่เปี่ยมด้วยคอลลาเจน...
Restaurant Genshiyaki (เรสเตอรองท์ เก็นชิยากิ)
หลังจาก Robata Genshiyaki เปิดให้บริการอาหารทะเลสดใหม่ส่งตรงจากฮอกไกโดถึงกรุงเทพฯ เป็นสาขาแรก ด้วยรสชาติถูกปากและราคาถูกใจนักชิม ทำให้เมนูของที่นี่เป็นที่เลื่องลือ นำทางสู่การเปิดสาขาที่ 2 คือ Restaurant Genshiyaki
Don (ดน)
ร้านซูชิของแท้โดยเชฟมือเก๋าที่หยิบเอาประสบการณ์กว่า 32 ปี มาโชว์ฝีมือให้คนไทยมีโอกาสได้สัมผัสกับเสน่ห์ที่แท้จริงของซูชิในแบบดั้งเดิม เริ่มต้นจากวัตถุดิบสดๆ หลากหลายชนิดที่ส่งตรงจากทะเลของญี่ปุ่นสัปดาห์ละหลายครา ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น
Uomura (อุโอมุระ) – ปิดกิจการ
แม้ร้าน Uomura จะเป็นร้านอาหารอิซากายะหรือร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่น แต่ทว่าอาหารของที่นี่ก็ไม่ได้มีแค่เมนูแนวกับแกล้มมาให้เลือกชิมแกล้มแอลกอฮอล์กันอย่างเดียว แต่ยังเต็มไปด้วยอาหารจานอร่อยอีกมากมายหลายเมนูที่ทำให้อิ่มได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นข้าวหน้าแกงกะหรี่ ข้าวห่อไข่ ข้าวหน้าไก่กับไข่ ข้าวหน้าปลาดิบ ฯลฯ...
Mizukoshi (มิซุโคชิ)
ใช่ว่าร้านซูชิชั้นเยี่ยมจะต้องคอยเสิร์ฟซูชิคอร์สแบบโอมาคาเสะเท่านั้น เพราะบางครั้งการเสิร์ฟเมนูซูชิและซาชิมิแบบเซ็ตก็ตอบโจทย์ความอร่อยได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยเฉพาะที่ร้าน Mizukoshi แห่งนี้ที่รังสรรค์ซูชิผ่านฝีมือเชฟ Kiminori Okuma ผู้มีประสบการณ์ทำอาหารมาอย่างยาวนานถึง 40 ปี
Endo Sushi (เอ็นโด ซูชิ)
สำหรับชาวไทยที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น Endo Sushi น่าจะเป็นชื่อที่คุ้นหู เพราะนับแต่ญี่ปุ่นเปิดกว้างเรื่องการเข้าประเทศใน 5-6 ปีหลัง ชาวไทยจำนวนมากลากกระเป๋าเดินทางไปโอซาก้าเพื่อต่อคิวรอชิมซูชิของที่นี่ จนกลายเป็นที่เลื่องลือว่าหากมีโอกาสเหยียบโอซาก้า ต้องแวะไปที่ตลาดขายส่งชื่อดังของเมืองเพื่อลิ้มลองซูชิรสเด็ดดูสักครั้ง
Tsukemen Jo (สึเคะเมน โจ)
Tsukemen Jo : สึเคะเมนรสเข้มข้น สิ่งที่ทำให้เราแน่ใจว่าสึเคะเมนของ Tsukemen Jo เป็นเมนูที่โดดเด่นและขึ้นชื่ออย่างแท้จริงคือ กลิ่นหอมและความเข้มข้นกลมกล่อมจากซุปที่เคี่ยวไก่กับซุปปลาหลายชั่วโมงจนได้รสชาติที่ลงตัว กลายเป็นน้ำซุปสูตรเด็ดมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงเส้นราเมน ที่ทางร้านเลือกใช้เส้นแบบต่างๆ ตามประเภทของน้ำซุป เพื่อความเหมาะสมและขับรสชาติของราเมนในแต่ละชาม ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น วันนี้เรามากันที่ซอยสุขุมวิท 16 ซึ่งเป็นสาขาที่ 2 ของร้าน Tsukemen Jo กับความพิเศษที่ไม่เหมือนสาขาอื่นๆ โดยสาขานี้จะมีบรรยากาศความเป็นคาเฟ่ การตกแต่งให้อารมณ์ร่วมสมัย และมีกลิ่นอายแบบลอฟต์อย่างชุดเคาน์เตอร์ เฟอร์นิเจอร์ไม้ ผนังอิฐบล็อกสีขาว โครงเหล็กสีดำ ตัดกับสีเขียวของต้นไม้ในมุมต่างๆ พร้อมกาแฟและเครื่องดื่มที่มีบริการตลอดทั้งวัน แถมชั้นบนยังเป็นโฮสเทลเท่ๆ พร้อมห้องพักไว้บริการอีกด้วย บรรยากาศสบายๆ แบบคาเฟ่ กับ Tsukemen Jo สาขา สุขุมวิท 16  ถึงเวลาพระเอกของร้าน Tsukemen ราเมนแบบแยกน้ำแยกเส้น ทางร้านเลือกใช้เส้นราเมนแบนไซส์ใหญ่ หนากำลังดี ใช้เวลาลวกเส้น 7 นาที ก่อนนำมาแช่ในน้ำที่เย็นจัดเพื่อความเหนียวนุ่มของเส้นที่พอเหมาะ เสิร์ฟพร้อมหมูชาชู ไข่ยางมะตูม และหน่อไม้ บวกกับน้ำซุปเข้มข้นอันเป็นเอกลักษณ์ และเพิ่มรสชาติให้เข้มข้นยิ่งขึ้นไปด้วยการโรยผงปลาคัตสึโอะ กลิ่นหอมติดจมูกเอามากๆ Tsukemen (250 […]
Yamazato (ยามาซาโตะ)
เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนถามหาห้องอาหารญี่ปุ่นที่โดดเด่นเรื่องอาหารชุดไคเซกิ ชื่อของห้องอาหาร Yamazato มักจะได้รับการกล่าวถึงเป็นลำดับต้นๆ เสมอในหมู่คนญี่ปุ่น เพราะนี่คือห้องอาหารที่มีความเชี่ยวชาญในการนำเสนออาหารชุดไคเซกิได้อย่างสร้างสรรค์และมีเอกลักษณ์โดดเด่น
Sushirin (ซูชิริน)
หลายคนใฝ่ฝันจะได้ลิ้มซูชิรสญี่ปุ่นแท้ที่แดนปลาดิบ เพื่อสัมผัสบรรยากาศและรสชาติต้นตำรับ แต่หากได้ทำความรู้จักกับ Sushirin นอกจากจะรู้ว่าซูชิสไตล์ญี่ปุ่นแท้ไม่จำเป็นต้องไปกินถึงญี่ปุ่นแล้ว ยังอาจเข้าใจถึงความอร่อยที่แท้จริงจากเนื้อแท้วัตถุดิบซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอาหารญี่ปุ่นอีกด้วย
Hama Ichi (ฮามะ อิจิ)
ร้าน Hama Ichi คือร้านอาหารญี่ปุ่นแบบนั่งสบายภายใต้เจ้าของเดียวกันกับร้าน Tensui (P.26) แต่ไลน์อาหารจะเน้นมาทางอาหารทะเลสไตล์ปิ้งย่าง ที่ให้บรรยากาศเงียบเชียบเรียบร้อยกว่าร้านอิซากายะโดยทั่วไป เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสนุกสนานแต่ไม่อึกทึกคึกโครมเท่าไรนัก มีเชฟผู้ดูแลอาหารเป็นชาวญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี
Hinaya (ฮินายะ)
เมนูหลักของที่นี่เน้นเนื้อไก่เป็นส่วนประกอบ โดยเลือกใช้ไก่สดใหม่คุณภาพดีวันต่อวัน คิดค้นดัดแปลงแต่ละเมนูจนมีรสชาติเฉพาะตัว เช่น ซุปนาเบะที่ใช้ไก่ทั้งตัวเคี่ยวนานถึง 6 ชั่วโมง...
Hideya (ฮิเดะยะ)
ที่โยโกฮาม่า หลายคนอาจได้สัมผัสกับทิวทัศน์อันสวยงาม แต่อาจไม่เคยลิ้มรสราเมนเฉพาะทางที่มีต้นกำเนิดจากเมืองนี้อย่าง "อิเอะเค" ราเมน จุดเด่นคือซุปทงโคะสึผสมโชยุที่เข้มข้นและหอมมัน เข้ากันดีกับเส้นแบบตรงและเครื่อง 3 ชนิด คือ หมูชาชู สาหร่าย และผักโขม ซึ่งหาได้ยากในราเมนชนิดอื่น
Zagin (ซากิน)
สิ่งที่ทำให้ทงคัตสึที่นี่เลื่องลือทั้งในหมู่ชาวญี่ปุ่นและคนไทย ไม่ใช่แค่ความยาวนานนับแต่ก่อตั้งร้าน Katsushin สาขาแรกที่ญี่ปุ่นเมื่อ 50 ปีมาแล้วเท่านั้น แต่ด้วยวิธีบ่มเนื้อหมูที่ใช้เวลาถึง 10 ชั่วโมง
Dainoki (ไดโนกิ)
เชฟเจ้าของร้าน คุณ Dai มีประสบการณ์ในการทำอาหารในร้านอาหารที่ญี่ปุ่น ถึง 11 ปี อีกทั้งยังเคยทำงานในร้านของไอรอนเชฟชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง คุณ Koumei Nakamura ด้วย เขาเชื่อว่ารสชาติที่ดีเกิดจากส่วนผสมที่ดี จึงตั้งใจปรุงดาชิเพื่อใช้เป็นพื้นฐานรสชาติอาหารภายในร้าน Dainoki จนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
Uta Andon (อุตา อันดง)
สำหรับคนไทยที่ยังไม่คุ้นเคยกับเมนูอุด้ง ร้าน Uta Andon อาจทำให้คุณเปลี่ยนใจ ด้วยตำนานร้านอุด้งเก่าแก่ในจังหวัดมิเอะ ที่เปิดขายมายาวนานตั้งแต่ปี 1877 ทีเด็ดของที่นี่คืออุด้งเส้นสดที่บดนวดขึ้นใหม่แบบวันต่อวัน ได้สัมผัสรสของเส้นอุด้งที่นุ่มเด้งเหนียวหนุบกำลังดี ทั้งยังเข้ากันกับน้ำซุปหอมๆ ที่ปรุงจากคัตสึโอะบุชิชั้นดีนำเข้ามาจากจังหวัดคาโกชิม่า...
Mitsumori (มิตซูโมริ)
ที่นี่ให้ความสำคัญกับเส้นโซบะเป็นอย่างมาก โดยนำเข้าแป้งโซบะมาจากฮอกไกโด และยังทำเส้นโซบะสดด้วยมือทีละขั้นตอนวันต่อวันทุกเช้า-เย็น ราวกับได้ใส่หัวใจลงไปในเส้นทุกเส้น เพื่อให้ได้เส้นโซบะที่ดีที่สุดสำหรับทุกชาม หากใครโชคดี
Sasaya (ซาซายะ)
ความโดดเด่นของบรรยากาศร้านที่สร้างความแตกต่างได้ตั้งแต่หน้าประตูทางเข้า คือสิ่งที่ปลุกเร้าความตื่นเต้นในการมาเยือนร้านนี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยการหยิบเอาเสน่ห์ของบ้านญี่ปุ่นโบราณมาผสานเข้ากับความเป็นร้านอาหารได้อย่างกลมกลืนแบบที่หาไม่ได้ในร้านอาหารญี่ปุ่นร้านอื่นแน่ๆ รวมไปถึงอาหารของร้านนี้ก็กระตุ้นความสนใจได้ไม่แพ้กัน
Isshin (อิชชิน)
ร้าน Isshin ตั้งอยู่ในซอยเล็กๆ ด้านหลังห้างเอ็มโพเรียม บนซอย สุขุมวิท 24 มองผ่านๆ อาจดูเหมือนบ้านสีขาวโอ่อ่าธรรมดา แต่เมื่อเปิดประตูไม้บานเลื่อนก็เหมือนหลุดเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น
Sakurasaku Bekkan (ซากุระซากุ เบ็กคัน)
Sakurasaku คือร้านอาหารญี่ปุ่นที่แยกสาขามาจากเมืองซูซูกะ ในจังหวัดมิเอะ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปี 2014 แต่มีประสบการณ์ทางด้านอาหารมาอย่างยาวนานด้วยสาขาที่เปิดให้บริการในจังหวัดมิเอะมากว่า 20 ปีแล้ว
Yaoya (ยะโอยะ) – ปิดกิจการ
แม้ไม่นำเสนอตัวเองให้โดดเด่น แต่อิซากายะขนาดกะทัดรัดแห่งนี้กลับเป็นที่วางใจของใครหลายคน เพราะนอกจากความเป็นกันเองของผู้ดูแลร้านชาวไทย ซึ่งมักจะทักทายและสมนาคุณลูกค้าด้วยของแถมเล็กน้อยเสมอแล้ว ห้องส่วนตัวพร้อมโทรทัศน์สำหรับชมรายการกีฬาต่างๆ (รวมถึงพรีเมียร์ลีก) ก็เป็นจุดเด่นที่ถูกกล่าวถึงเมนูหลากหลายของร้านอยู่ภายใต้แนวคิดที่ต้องการให้ลูกค้าได้รับอาหารคุณภาพเดียวกับคนในครอบครัวตัวเอง
Hoshi Japanese Restaurant (โฮชิ เจแปนนิช เรสเตอรอง)
เรือที่ติดโลโก้แบรนด์ร้านล่องอยู่กลางน่านน้ำญี่ปุ่นนั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า Hoshi Japanese Restaurant เขาจริงจังเรื่องวัตถุดิบเพียงไร
Chousuke (โชซุเกะ) – ปิดกิจการ
คนที่เคยไปฮอกไกโดมาแล้ว คงพอจะรู้ซึ้งถึงอานุภาพความอร่อยของอาหารจากเกาะฮอกไกโดได้เป็นอย่างดี ทว่าสำหรับคนที่ยังไม่เคยและอยากที่จะสัมผัสกับรสชาติในแบบฉบับฮอกไกโดแท้ๆ แนะนำว่าให้เดินทางมาสัมผัสได้เลยทันทีได้ที่ร้าน Chousuke ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ไม่ได้มีดีแค่วัตถุดิบสดใหม่ที่นำเข้ามาจากเกาะฮอกไกโดเท่านั้น...
Bankara Ramen (บังคาระ)
“มัน” ถึงขั้น กับราเมนแท้จากญี่ปุ่น อีกหนึ่งร้านราเมนชื่อเสียงโด่งดังทั้งในประเทศญี่ปุ่นเองและในประเทศไทย ด้วยมาตรฐานและกลิ่นอายต้นตำรับทุกอย่างนับแต่รสชาติจนถึงภาชนะ บรรยากาศ ความทุ่มเทของพนักงานในการต้อนรับทุกครั้งด้วยเสียงดังฟังชัด และความเข้มข้นของน้ำซุปทงคตสึอันเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างไม่เหมือนใคร อย่าแปลกใจหากได้รับข้อเสนอหลังสั่งราเมนว่าต้องการลดความมันและเค็มหรือไม่ เนื่องจากซุปของที่นี่เน้นความเข้มข้นและหนักรส ขึ้นชื่อเรื่องความมันที่ได้จากคอลลาเจนในไขสันหลังกระดูกหมู อาจไม่คุ้นชินสำหรับชาวไทยแต่หากได้ลิ้มลองจะรู้ว่าเหตุใดลูกค้าชาวญี่ปุ่นบางรายจึงเลือกเพิ่มระดับความมันขึ้นไปอีก เดินทางมาที่สุขุมวิท ซอย 39 กับสาขาแรกของร้านที่โดดเด่นในเรื่องบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ประเทศญี่ปุ่น การตกแต่งที่เน้นการใช้วัสดุไม้เนื้อแข็งสีเข้ม การแบ่งโต๊ะที่นั่งต่างๆ ก็มีให้เลือกนั่งได้หลากหลาย จับจองที่นั่งกันได้เรียบร้อย ก็ลงมือสั่งราเมนมากินกันเถอะ บรรยากาศภายในร้าน Bankara Ramen สาขา สุขุมวิท 39 แนะนำเมนูแรกกันเลย Chashu Men ราเมนหน้าตาเรียบง่ายรสต้นตำรับประจำร้าน หอมกลมกล่อมด้วยน้ำซุปซิกเนเจอร์สูตรลับของบังคาระ ปรุงรสด้วยโชยุ เคี่ยวจนได้รสหวานเค็มกำลังดี เลือกใช้เส้นราเมนขนาดกลาง ก่อนโปะมาด้วยหมูชาชู 6 ชิ้นใหญ่ๆ ชามต่อไป Sankoichi ราเมนน้ำซุปสีขาวข้นที่ได้จากการเคี่ยวกระดูกหมูจนละลายกลายเป็นซุป อุดมไปด้วยคอลลาเจนและวิตามินอีที่ดีต่อผิวพรรณ โปะเครื่องมาให้หนักๆ ทั้งหมูชาชู หมูสามชั้นตุ๋นชิ้นใหญ่ เรียงสาหร่ายมาให้อีก 4 แผ่น ก่อนโรยด้วยต้นหอมไทยอีกชุดใหญ่ ชามนี้บอกเลยว่าหน้าตาน่ากินเอามากๆ Chashu Men (255 บาท) Sankoichi (285 […]
Uma Uma! (อุมะอุมะ)
ตำนานฮากาตะราเมน ถ้าจะให้เล่า … คงต้องเล่าย้อนไปไกล ถึงสมัยช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จากร้านราเมนเล็กๆ ริมถนนย่านฮากาตะ จังหวัดฟุกุโอกะ ค่อยๆ เก็บหอมรอมริบจนในปี 1953 ได้เปิดร้านราเมนเป็นของตัวเองในชื่อ Umaro (ผู้ก่อตั้งร้านคือคุณพ่อของท่านประธานคนปัจจุบัน) ถัดมาอีก 41 ปี ในปี 1994 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น Uma Uma และย้ายร้านมาอยู่หน้าสถานีรถไฟฮากาตะ ทั้งหมดนั่นคือที่มาแบบย่อๆ ของตำนานซุปทงคตสึอันเลื่องชื่อ ที่กล่าวขานกันว่าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มาถึงปัจจุบัน เกิดเป็นแฟรนไชส์สาขากรุงเทพฯ ที่มีด้วยกันถึง 3 สาขา ทั้งที่สาขาสุขุมวิทซอย 23 สาขา The Commons ทองหล่อ 17 และสาขาสุรวงศ์ที่เรามากันในวันนี้ สำหรับสาขานี้ตั้งตัวเป็นพื้นที่สำหรับการกินดื่ม พูดคุย และจบมื้อด้วยราเมนสูตรพิเศษ ตามคอนเซปต์ของร้าน “กิน ดื่ม คุย” บรรยากาศจึงมีส่วนผสมของอิซากายะและร้านอาหารแบบไดนิงที่มีทั้งสาเก โชจู และไวน์ ทั้งยังมีอาหารท้องถิ่นจากฮาคาตะอีกด้วย อย่างแรกที่ต้องพูดถึงคือความโดดเด่นมีสไตล์ในการตกแต่งร้าน ดึงดูดสายตาด้วยอาคารปูนเปลือย 3 ชั้น ที่ผสมผสานตัวอาคารกับโครงสร้างไม้ไผ่ได้อย่างลงตัวและแปลกตา […]
Sushi Hinata (ซูชิ ฮินาตะ)
Sushi Hinata คือซูชิบาร์ที่ขยายสาขามาจากเมืองนาโกย่า ตั้งอยู่บนชั้น 5 ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี หรูหราตั้งแต่สถานที่ตั้งไปจนถึงหน้าตาอาหารทุกจานที่ถูกตกแต่งอย่างประณีต ล้อมรอบด้วยทิวทัศน์ 180 องศาฯ ของกรุงเทพฯ มองเห็นสถานทูตอังกฤษสีเขียวขจีในระยะใกล้ ก่อนจะเห็นตึกระฟ้าในระยะไกลสายตา
Naniwa (นานิวะ)
อีกหนึ่งร้านอาหารญี่ปุ่นที่ต่อยอดความสำเร็จ มาจากร้านอาหารในตำนานย่านสุขุมวิทอย่างร้าน Hakata (P.126) ทว่าแม้ความเก่าแก่จะไม่เท่า แต่ความเก๋าในเรื่องรสชาตินั้นพอกัน โดยเฉพาะรสชาติที่เรียบง่ายได้มาตรฐานญี่ปุ่น และการให้ความสำคัญกับวัตถุดิบสดใหม่
Kinshiro (คินชิโร่)
หนึ่งในร้านไม่กี่ร้านในกรุงเทพฯ มีที่ใช้เนื้อวากิวนางาซากิของแท้ ที่ร้านคัดเลือกเฉพาะเนื้อระดับ A4 มาทำเป็น Sirloin Steak หรือจะเป็นเมนู Aburi Sukiyaki (เนื้อสไลด์บางหมัก ด้วยซอสสุกี้ยากี้ที่นำไปย่างกับหินร้อนๆ แล้วชุบไข่พร้อมรับประทาน)
Nirai Kanai (นิราอิ คานาอิ)
จังหวัดโอกินาว่า คือเกาะทะเลใต้ของญี่ปุ่นที่กำลังมีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวในเมืองไทยเป็นอย่างมาก ด้วยเสน่ห์เฉพาะของดินแดนที่ได้รับอิทธิพลจากจีนและญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่ตั้งแต่สมัยที่โอกินาว่ายังเป็นประเทศ รวมไปถึงอิทธิพลจากอเมริกาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงก่อเกิดเป็นวัฒนธรรมเฉพาะทั้งประเพณี อาคารบ้านเรือนและอาหารการกินที่มีสีสันแตกต่างออกไป
Carnival Yakiniku (คาร์นิวัล ยากินิกุ)
การหาร้านเนื้อย่างสักร้านในกรุงเทพฯ อาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่พูดถึงร้านที่ช่ำชองและรู้ลึกด้านเนื้ออย่างแท้จริง ร้าน Carnival Yakiniku เป็นหนึ่งในนั้นที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง เพราะให้บริการเนื้อย่างสูตรต้นตำรับญี่ปุ่นในไทยมากว่า 24 ปี และยืนยันเต็มเสียงว่าการคัดสรรเนื้อแต่ละส่วนนั้นพิถีพิถันยิ่งกว่าร้านใด...
Akiyoshi (อะคิโยชิ)
ราว 20 ปีก่อนหน้า ช่วงเวลาที่ชาวไทยส่วนมากไม่รู้จักชาบูชาบู และรู้จักแต่สุกี้แบบไทย ร้าน Akiyoshi ถือกำเนิดขึ้นในกรุงเทพฯ จากนั้นชาบูชาบูและสุกี้ยากี้สไตล์ญี่ปุ่นของแท้จึงเริ่มแพร่หลายมากขึ้น ทั้งความนิยมและจำนวนร้าน
Naruto (นารูโตะ)
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองอาซาฮิกาว่าบนเกาะฮอกไกโดจะได้รับความนิยมแล้ว ราเมนต้นตำรับของที่นี่ก็ขึ้นชื่อเช่นกัน ซึ่ง Naruto เป็นหนึ่งในไม่กี่ร้านของกรุงเทพฯ ที่ขายราเมนเฉพาะทาง และเลือกนำเสนออาซาฮิกาว่าราเมนจากฮอกไกโดนี้เอง จุดเด่นคือ ซุปเข้มข้นที่ผสมจากซุปทงโคะสึและซุปปลา
Kikoroku (คิโคะโรคุ) – ปิดกิจการ
Kikoroku ร้านราเมนจากโตเกียวที่ตอบโจทย์ทั้งสำหรับคนรักราเมนและคนรักสุขภาพ จุดเด่นคือซุปสูตรพิเศษที่บรรจงเคี่ยวกระดูกหมู กระดูกไก่ และปลาแห้ง นานหลายชั่วโมง ก่อนผสมกับซุปที่ปรุงจากเห็ด ผักและ พืชหัว รวม 9 ชนิด ทำให้ได้ซุปเข้มข้นที่ได้รสชาติจากผัก ที่เรียกว่า เวจิโปตะ (Vegepota)...
Tensui (เทนซุย)
อีกหนึ่งร้านอาหารญี่ปุ่นที่ขยันออกคอร์สเมนูไคเซกิใหม่ๆ มาให้ได้ลิ้มลองกันทุกเดือนตามช่วงฤดูที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งยังสร้างความประทับใจได้แต่แรกเห็น ด้วยความวิจิตรตระการตาของอาหารหลากเมนูในคอร์สที่ค่อยๆ ประดิษฐ์ประดอยดั่งงานฝีมือ
Imoya (อิโมยะ)
ท่ามกลางอิซากายะสมัยใหม่มากมายในกรุงเทพฯ Imoya ยืนหยัดเป็นตัวแทนอิซากายะคลาสสิก อนุรักษ์บรรยากาศเก่าแก่สไตล์ญี่ปุ่นยุคโชวะ ตกแต่งด้วยของหายากอย่างกระดิ่งโบราณและกล่องไม้ขีดเก่านับพัน นอกจากความอบอุ่นเป็นกันเองที่อวลด้วยกลิ่นอายญี่ปุ่นดั้งเดิมแล้ว เมนูของที่นี่ก็เป็นจุดเด่นที่ดึงดูดใครหลายคน
Robata Genshiyaki (โรบาตะ เก็นชิยากิ)
เป็นที่รู้กันดีว่าวัตถุดิบจากทะเลฮอกไกโดนั้นเลื่องลือขึ้นชื่อในทุกด้าน แต่สำหรับ Robata Genshiyaki นอกจากวัตถุดิบชั้นเลิศแล้ว ยังอนุรักษ์วิธีปรุงดั้งเดิมอย่าง “เก็นชิยากิ” การย่างบนเตาถ่านขนาดใหญ่ โดยใช้ไม้เสียบปักกับพื้นทรายอิงไฟแทนตะแกรง
Peko (เปโค)
ร้านอาหารที่เน้นขายเนื้อวัวนำเข้าจาก Ohira Farm บนเกาะฮอกไกโด ด้วยคอนเซ็ปต์ส่งตรงวัตถุดิบสดๆ จากฟาร์มมาถึงเมนูบนโต๊ะอาหารให้คนไทยได้ลิ้มรสชาติเนื้อวัวคุณภาพดี ทางร้านสามารถควบคุมคุณภาพได้ตลอดทั้งกระบวนการ เพราะ Ohira Farm เป็นหนึ่งในกิจการของครอบครัวมาตั้งแต่รุ่นคุณตา...
Ise (อิเสะ)
ร้านกินดื่มขนาดกะทัดรัดที่เป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก จนมีลูกค้าขาประจำล้นหลาม เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปก็เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ที่ญี่ปุ่นจริงๆ ส่วนเมนูอาหารของที่นี่มีความโดดเด่นด้วยไก่บ้าน...
Sushi Sakuragawa (ซูชิ ซากุระกาวะ)
หากอยากรู้ว่าซูชิแบบ เอโดะมาเอะ (Edomae) ขนานแท้เป็นอย่างไรนั้น มาหาคำตอบกันได้ที่ร้านนี้ ในสมัยเอโดะ ซูชิก็เป็นอาหารยอดนิยมไม่ต่างจากปัจจุบัน แต่ไม่ได้มีเครื่องทำความเย็นสะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้ เนื้อปลาจึงต้องผ่านการหมัก ดอง แช่โชยุ โรยเกลือ เพื่อให้ปลาสด ยังคงมีกลิ่น สีสัน รสชาติ ที่ดีอยู่เสมอ
Ippudo (อิปปุโดะ)
แม้ราเมนจะเป็นเมนูที่นิยมทั้งในหญิงและชาย แต่หลายครั้งภาพที่เห็นคือในร้านมีเพียงลูกค้าชายเท่านั้น เนื่องจากเป็นอาหารค่อนข้างหนัก บรรยากาศร้านมักจะเรียบง่าย ไม่หรูหรา ทำให้สุภาพสตรีส่วนมากอาจไม่นิยมนัก แม้ชื่นชอบรสชาติของราเมนก็ตาม Ippudo จึงเป็นตัวแทนร้านสำหรับหญิงสาว
Tamaruya Honten (ทามารุยะ ฮอนเท็น)
เจ้าของร้านแห่งนี้คือทายาทรุ่นที่ 5 ของบริษัท Tamaruya Honten ผู้ผลิตและขายวาซาบิมากว่า 140 ปี ตัดสินใจมาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ปิ้งย่างในกรุงเทพฯ เพราะต้องการเปิดประสบการณ์การกินวาซาบิคู่กับเนื้อย่าง สไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ให้คนไทยได้ชิมกันตั้งแต่เมื่อ 7 ปีที่แล้ว
Umenohana (อุเมะโนะฮานะ)
ประสบการณ์กว่า 40 ปี ตั้งแต่เริ่มต้นเปิดร้านสาขาแรกที่จังหวัดฟุกุโอกะ ก่อนจะขยายเป็น 70 สาขาที่กระจายตัวอยู่ทั่วญี่ปุ่นในปัจจุบัน คือสิ่งที่ยืนยันความสำเร็จได้เป็นอย่างดี และนี่คือร้าน Umenohana สาขาเดียวที่มีอยู่ในเมืองไทย กับอาหารคอร์สเมนูในสไตล์ไคเซกิที่มีเต้าหู้คุณภาพดีเป็นจุดขาย