Alone in USJ | คนเดียว ไม่เปลี่ยวใจ ในยูเอสเจ
ALONE IN UNIVERSAL STUIDIO JAPAN
“คนเดียวจะยากอะไร”
“ไม่จริง มันยากนะ”
เสียงในใจของฉันสองเสียง ค้านกันเอง เมื่อบังเอิญที่ช่วงปลายปีโชคดี กลางเดือนพฤศจิกายนฉันจะได้ทำเที่ยวบินไปโอซาก้าพอดี และเมื่อดูตารางบินแล้ว ฉันเองเป็นหนึ่งเดียวในเที่ยวบินที่เป็นคนไทย นอกนั้นเป็นลูกเรือชาวญี่ปุ่นกับสิงคโปร์…
“แต่เธออยากไปยูนิเวอร์แซลไปดูแฮร์รี่มาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ”
“ก็ใช่”
“งั้นก็ไปเหอะ อย่าคิดมากอีกเลย” เสียงของฉันตอบเสียงตัวเองอีกเสียงในใจ
ที่ฉันคิดกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น เพราะว่ากลัวจะเหงา กลัวจะดูแปลกหรือเปล่า ไปเที่ยวสวนสนุกคนเดียว จะดีหรือ มันคือสถานที่สำหรับใช้เวลากับครอบครัว คนรัก หรือเพื่อนนะ ไปคนเดียวถ้าต่อแถวยาวๆ จะทำยังไง พอฉันไปปรึกษาเพื่อนสนิทที่เคยไปดิสนีย์แลนด์คนเดียว เพื่อนลูกเรือของฉันก็บอกว่า “อย่าเลยเฟิร์น เราเคยไปแล้ว มันไม่ใช่ที่ที่ควรไปคนเดียว” ฉันเห็นด้วยกับเธอร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ความอยากที่จะเห็นหมู่บ้านฮอกส์มี้ดก็มีมากกว่า สุดท้ายฉันก็พบว่าตัวเองกำลังเริ่มค้นหาวิธีซื้อตั๋วจากในมือถือเสียแล้ว
ฉันไม่รู้ข้อมูลใดๆ เลยว่าตั๋วราคาเท่าไหร่ นอกจากที่ยูเอสเจ โอซาก้าแล้ว สามารถซื้อที่ไหนได้อีกบ้าง ในที่สุดฉันก็พบว่ามันซื้อได้ที่ Lawson แต่ฉันก็ไม่อยากเสี่ยงอยู่ดี แม้ฉันจะพอพูดภาษาญี่ปุ่นได้ แต่การอ่านและเขียนมันคนละเรื่องเลย แม้จะใช้ความเพียรพยายามสักเท่าไหร่ สุดท้ายฉันก็มักจะลืมคันจิที่ก่อนหน้านั้นคัดอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ดี… หาไปจนกระทั่งเจอวิธีที่คนไทยมารีวิวการซื้อตั๋วในร้าน Lawson แม้จะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ก็เป็นพระคุณนัก แต่สุดท้ายฉันเลือกความสะดวกไว้ก่อน… ทำงานไปก็เหนื่อยแล้ว ถึงโอซาก้าตอนสามทุ่ม กว่าจะหาร้าน Lawson กว่าจะนั่งทำตามโพยที่บอกไว้ใน pantip อีก ถ้ามีอะไรผิดพลาด ไม่ต้องไปยืนต่อคิวซื้อในวันรุ่งขึ้นหรือ… ฉันคิดแบบคนขี้เกียจสุดๆ เพราะรู้จักธรรมชาติของตัวเองดี
สุดท้ายฉันไปเจอการซื้อตั๋วผ่านเว็บไซต์ของ KLOOK ที่เขียนบรรยายไว้เป็นภาษาไทย ก็เลยตัดสินใจซื้อออนไลน์ตอนนั้นเลย ไม่รู้จะเป็นตั๋วผีไหม เชื่อได้ไหม แต่จากความรู้สึกแล้วเชื่อว่าได้ก็เลยตามนั้น ไม่เพียงแต่ซื้อตั๋วเข้าเอาไว้ ยังซื้อตั๋วแบบ Express 4 เอาไว้ด้วย ซึ่งตั๋วนี้เป็นตั๋วแบบระบุวัน เปลี่ยนวันไม่ได้ แต่ฉันมีวันที่ต้องไปแน่นอนอยู่แล้ว เพราะไม่อยากต่อคิวนาน กลัวจะเหงา กลัวจะเบื่อ ไม่ได้ไปเดทสักหน่อย ที่จะได้มีเวลายืนคุยกัน ศึกษากันไปนานๆ ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นปัญหาที่ซื้อตั๋วแบบ Express ไว้ ซื้อตามขั้นตอนเสร็จอย่างง่ายดาย ไม่นานก็มีตั๋วส่งมาให้ฉันทางอีเมล พร้อมแถบบาร์โค้ดไว้สำหรับสแกน รีวิวบอกว่าคุณสามารถบันทึกหน้าจอนี้ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูได้เลย ตามนั้นค่ะ… ดิฉันเชื่อ…
ลืมบอกไปว่าการซื้อตั๋ว Express มีหลายแบบ มีถูกกว่านี้ แล้วก็มีแพงกว่านี้ที่เรียกว่า Express 7 ด้วย จริงๆ ฉันอยากได้ถูกกว่านี้ แต่วันที่ฉันจะไปแบบถูกกว่านี้หมดแล้ว ก็เลยเลือกแบบ Express 4 มา ตามความเห็นส่วนตัวฉันคิดว่าถ้าใครลุยเดี่ยวแบบดิฉันไม่จำเป็นต้องซื้อ Express 7 ก็ได้ เพราะมันเปลือง จากประสบการณ์ที่ไปคนเดียวมา ในหลายๆ เครื่องเล่น จะสามารถเข้าแถว Single lane เพื่อเข้าไปเติมตำแหน่งว่างที่ขาดหาย ซึ่งได้เล่นเร็วมากๆ หรือเร็วกว่า Express ที่มาเป็นหมู่คณะซะอีก (แม้จะดูน่าอนาถและน่าเศร้า แต่นี่ก็เป็นข้อดีของมันเหมือนกันนะ T^T)
แม้ไม่คิดว่าตัวเองจะตื่นเช้าได้ เพราะเมื่อวานเหนื่อยมามากจากเที่ยวบินที่ทำ แต่ก็ตื่นเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ ลงมาทันรถ shuttle bus ของโรมแรมที่จะไปส่งที่สถานีโอซาก้า นั่งรถไปหนึ่งสถานี ลงที่สถานี Nishikujo แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Yumesaki Line นั่งต่อมาเพียงหนึ่งสถานีก็จะถึง Universal City Station แล้ว อันที่จริงแล้วอารมณ์ถูกกระตุ้นเบาๆ ตั้งแต่ยืนรอรถไฟที่สถานีโอซาก้า แล้วเห็นรถไฟคันหนึ่งที่สกรีนเป็นลายแฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ทั้งคันแล้ว
การมาเที่ยวแบบนี้มีอินเทอร์เน็ตไว้ใช้กดหาวิธีการเดินทางและ Google Maps ก็เป็นอะไรที่ดีและสะดวกสบายที่สุดเลย เราสามารถมีอินเทอร์เน็ตใช้ได้โดยหลายวิธี แต่วิธีที่ฉันคิดว่าสะดวกที่สุด สัญญาณไม่ติดขัด ไม่หายไปแน่นอนคือเช่า pocket wifi จากสนามบิน ราคาไม่แพง ถ้าไปหลายคนก็สามารถหารกันได้ด้วย
เมื่อไปถึง ฉันสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นในบรรยากาศ คนลงที่สถานีนี้กันหมด หลายคนกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ทางเข้า และหลายคนก็วิ่งเข้าไปเลยทีเดียว ด้านหน้าทางเข้าฉันเหลือบเห็น Mos Burger ที่เปิดแล้ว… จริงๆ วันนี้ก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้ามา แต่ด้วยความที่ห่วงแฮร์รี่มีมากกว่า จึงตัดใจยังไม่กินข้าวเช้า เข้าไปหาอะไรกินข้างในนั้นก็แล้วกัน… เพียงเพื่อจะพบว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิด… เพราะอาหารข้างในนั้นแพงมาก (แล้ว Mos Burger ก็อร่อยกว่าเป็นกอง จริงๆ… ㅠㅡㅠ)
ในที่สุดก็เดินมาถึงที่ตรวจตั๋วเสียที ฉันยื่นหน้าจอมือถือที่บันทึกไว้ให้เจ้าหน้าที่ แต่ทำอย่างไรก็สแกนไม่ได้เสียที… เอ หรือจะเป็นตั๋วผี… แต่ความรู้สึกลึกๆ ยังไงก็บอกฉันว่า ไม่หรอก มันต้องใช้ได้ วันนี้ฉันต้องได้เข้าไปข้างในและได้เล่น… ในที่สุดเจ้าหน้าที่จึงใช้วิธีพิมพ์ตัวเลขของบาร์โค้ดเข้าไปแทน แล้วฉันก็เข้าได้… เย้ แค่นี้หรอ ไม่ต้องมีสายรัดข้อมือ หรือบัตรอะไรให้ถือสักหน่อยหรอ ว่าคนๆ นี้ซื้อบัตรมานะ แต่มันก็มีแค่นั้นจริงๆ
อาจเพราะมัวกังวลกับเรื่องว่าจะเข้าได้ไหม เลยลืมหยิบแผนที่มา ก็เลยไม่รู้ว่าปราสาทแฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่ตรงไหน ฉันเลยเดินสุ่มๆ ตรงเข้าไป มีร้านขายของและตึกแบบตะวันตกอยู่เรียงราย ฉันมักหลงรักการนำเสนอของร้านแบบนี้ในดิสนีย์แลนด์และดิสนีย์ซีย์อยู่เสมอ ที่นี่ดูเหมือนจะน่ารักน้อยกว่าจิ๊ดนึง.แต่ก็ยังสวยน่าถ่ายรูปไปหมดอยู่ดี..มีซุ้มขายหมวกขนๆ กันหนาว ที่ปิดหู ที่คาดผมรอให้จับจองเพื่อเป็นการประกาศว่าฉันมาถึงยูเอสเจแล้ว ฉันเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่แล้วนะ จำได้เลยว่าตอนเด็กๆ ฉันไปกี่รอบก็ซื้อทุกรอบ ไม่อย่างนั้นจะมีที่คาดผมหูสติทช์ ที่คาดผมรูปหูกวางแบมบี้ หรือว่าที่คาดผมรูปหูมินนี่เมาส์อยู่ที่บ้านหรือ อย่างไรก็ดีอากาศวันนี้มันช่างหนาวเหน็บ เหมาะที่จะมีที่ปิดหูหรือหมวกสักอันสุดๆ เลยนะ… แต่ฉันก็พูดกับตัวเองว่า
“ไม่ได้นะ จำไม่ได้หรอ เดือนนี้ใช้เงินไปเยอะมากกกกกกแล้วนะ”
“มันก็จริง” ฉันข่มใจเดินจากมา แม้ว่าจะอยากได้หมวกสนูปี้ขนนุ่มๆ ที่ดูแสนอุ่นก็ตาม…
เมื่อมาถึงลานกว้างตรงกลางที่มีทะเลสาบ ฉันอดใจไม่ชักภาพไว้ไม่ได้ ความจริงนี่มันก็วิวเดิมๆ กับที่ฉันเคยมาเมื่อปี 2006 เลย นั่นมันนานมากแล้วนะ 11 ปีให้หลัง ฉันจึงได้มาเยือนที่นี่อีกครั้ง ตอนนั้นฉันมากับเพื่อนๆ รุ่นพี่ รุ่นน้องที่เรียนที่โรงเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยกันในโตเกียว มากันเป็นคณะใหญ่เลยทีเดียว สงสัยว่าจะมีบ้างไหมบางครั้งบางคราวที่จะมีบางคนนึกถึงฉันแบบที่ฉันนึกถึงพวกเขา
และเมื่อถึงทางแยกขวากับซ้าย ฉันเลือกไปทางซ้าย แล้วก็เดินไปเจอกับเครื่องเล่นสไปเดอร์แมนก่อนเป็นอันแรก เขาบอกว่า Express ที่ฉันมี ใช้กับเครื่องเล่นนี้ไม่ได้ แต่เห็นว่าใช้เวลารอแค่ 15 นาที ฉันจึงยืนต่อคิว ต่อคิวไปก็ไม่เบื่อ เพราะก่อนจะได้เล่นจะมีการอินโทรให้ดูวิดีโอ และจัดฉากให้เหมือนเราอยู่ในเรื่องสไปเดอร์แมนอยู่แล้ว
สำหรับเครื่องเล่นนี้เราจะต้องสวมแว่นตาด้วย แล้วเราก็ได้ผจญภัยไปกับคุณสไปเดอร์แมน บอกตามตรงว่าฉันไม่ชอบเลยตอนที่สัตว์ประหลาดต่างๆ มันออกมาจะทำร้ายเรา เพราะมันทั้งหวาดเสียวและเครียด 555 แต่ชอบมากตอนที่ได้ขึ้นลง ถูกเหวี่ยงไปตามตึกสูง ชมทัศนียภาพของมหานคร ฉันชอบอะไรแบบนี้ล่ะ และเราก็เปียกจากเครื่องนี้ด้วยล่ะ เพราะมีน้ำพ่นออกมาจริงๆ
ถัดจากสไปเดอร์แมนมาไม่นานก็เป็นเครื่องเล่นมินเนียน เพราะใช้สิทธิ Express ไม่ได้ ก็เลยต่อแบบปกติเข้ามา ที่น่าแปลกคือมีคุณลุงที่ดูเหมือนชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง แต่งตัวสุภาพมาก ใส่สูทกับกางเกงเข้ากันตลอดทั้งชุดมาเล่นเครื่องเล่นนี้ ตอนแรกฉันนึกว่าคุณลุงมากับใครเพราะคุณลุงแซงฉันขึ้นไป ฉันนึกว่าคุณลุงคงอยากไปยืนกับญาติกระมัง นี่ฉันมาแซงลุงโดยไม่รู้ตัวหรอเนี่ย แต่ดูๆ ไปก็ไม่เห็นคุณลุงจะมากับใคร ตอนต่อแถว เราจึงต้องยืนติดกันตลอดเวลา แต่พอจะขึ้นเครื่องเล่น คุณลุงให้ฉันไปอยู่ข้างหน้าซะงั้น ฉันจึงได้นั่งเครื่องเล่นติดกับคุณลุงอย่างงงๆ มินเนียนมีการอารัมภบทที่ดี แม้ว่าจะแถวยาว แต่ก็มีอะไรให้ดูตลอด มีบททดสอบว่าคุณเหมาะสมที่จะเป็นมินเนียนหรือไม่ด้วย หลังจากนั้นก็มีวิดีโอของมินเนียนโผล่มาพูดคุยกับเรา เรากำลังจะเข้าสู่ขั้นตอนการทำให้เป็นมินเนียน มีเนื้อเรื่องให้ติดตามพอกรุบกริบ ถ้าให้คะแนนเครื่องเล่นนี้ ฉันให้สี่ดาวครึ่งเลย เพราะฉากน่ารักสดใส เต็มไปด้วยลูกกวาดสีๆ แม้จะกระเด็นกระดอนขึ้นๆ ลงๆ บ้าง หวาดเสียวไม่ต่างจากสไปเดอร์แมน
เมืองมินเนียนก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่มีกิจกรรมให้เล่นเยอะ ทั้งเกมและของกิน ตรงนี้มีไอศกรีมมินเนียน ที่พิเศษคือช่วงนี้มีไอศกรีมธีมคริสต์มาสให้เลือกกินด้วยในราคา 600 เยน นอกจากนี้ยังมีรสทีรามิสุ ครีมชีสแมงโก้ ไปจนถึงมันหวาน แต่แม้จะซัดไอศกรีมมินเนียนเข้าไปแล้ว ท้องก็ยังไม่หายร้อง ฉันจึงแวะเข้าคาเฟ่แห่งความสุข (Happiness Cafe) ที่มีสปอนเซอร์คือโคคาโคล่า ฉันเลือกทานเมนูข้าวห่อไข่กับสลัดที่มาพร้อมแก้วที่จะใช้เติมน้ำอัดลมหรือชากาแฟเท่าไหร่ก็ได้ ฉันกดคาลพิสผสมกับแฟนต้าเมลอนมา ข้าวอร่อยหรือหิวมากก็ไม่รู้ จึงกินไปจนหมด ข้าวทำเป็นรูปมินเนียนน่ารักมาก จานก็เป็นลายมินเนียน เมื่อกินข้าวไปเรื่อยๆ ลายมินเนียนก็จะเผยตัวออกมา ค่าเสียหายความน่ารักที่จำเป็นต้องเอามาจ่ายให้กับความหิวมื้อนี้คือ 600 กว่าบาทค่ะ
ถัดจากมินเนียนเราก็เดินมาถึงดินแดนไดโนเสาร์ Jurassic Park ตรงนี้มีเครื่องเล่นหวาดเสียวสองชนิด ถึงตรงนี้ฉันก็ยังไม่ได้ใช้สิทธิ์ Express อีก เพราะว่ามันมี Single Lane อยู่ด้วย ไม่นาน ยังไม่ทันทำใจได้ ก็มาจวนจะถึงคิวเล่นของฉันแล้ว และไอ้เจ้าเครื่องเล่นนี้มันจะต้องห้อยหัวเล่นตั้งแต่ต้นจนจบ… จริงๆ แล้วฉันเป็นคนกลัวอะไรแบบนี้มาก จึงต้องโทรขอกำลังใจกันนิดหนึ่ง ฉันได้นั่งรวมกลุ่มกับเด็กนักเรียนชายญี่ปุ่นจำนวนสามคน น้องร้องออกมาตั้งแต่เครื่องยังไม่ออก คงจะกลัว ฉันเองก็กลัวมากเช่นกัน แต่ไม่รู้จะหันไปพูดกับใคร บอกอะไรยังไงดี ไม่รู้ว่าน้องจะเข้าใจมั้ย ก็บอกน้องไปว่า “I’m scared” น้องอาจจะงง ว่าป้าต่างชาตินี่ทำไมมาเล่นคนเดียว
ฮือ… แล้วช่วงเวลาแห่งความหวาดเสียวทรมานผ่านไป บางคนก็เริ่มสนุกเมื่อขึ้นไปอยู่ข้างบน มีเสียงหัวเราะ เสียงกรี๊ด ปิดตา ส่วนตัวฉันเองกรี๊ดตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วก็ใช้มือจิกและจับที่เกาะไว้แน่น เคยเปิดตาขึ้นมาหนึ่งครั้งแต่ก็น่ากลัวเกินไป รู้สึกเหมือนตัวจะหลุดลงมาจากที่นั่งตลอดเวลา ความรู้สึกหวาดเสียวทำให้ท้องบีบรัดจนเกร็ง จะมีทั้งช่วงเวลาที่เสียวสุดๆ ต้านกับแรงโน้มถ่วงเหมือนจะตกลงไปตลอดเวลา แต่ก็มีบางจังหวะที่เครื่องเล่นไม่ทำให้เรารู้สึกเหมือนจะไหลลงไป เป็นจังหวะสั้นๆ ที่ฉันรู้สึกได้พักใจและสนุกกับมันไปได้บ้าง
เมื่อลงจากเครื่องเล่นนั้นมา จะเล่นอะไรก็คิดว่าไม่น่ากลัวอีกแล้ว ชิวๆ ไปหมด ไปเล่นเครื่องเล่นไดโนเสาร์อีกอัน ทิวทัศน์ร่มรื่นดี ระหว่างทางก็มีไดโนเสาร์พันธุ์ต่างๆ โผล่มาทักทาย มีความหวาดเสียวนิดๆ ของอารมณ์รถไฟเหาะ เครื่องนี้ถ้ามาเล่นแนะนำให้เอาเสื้อกันฝนมาใส่ด้วย ถ้าไม่อยากเดินเปียกๆ ต่อไปอีกทั้งวัน เพราะเปียกแน่นอน แต่เพื่อนของฉันเตือนมาแล้ว ฉันจึงพกเสื้อหนาวขนเป็ดกันน้ำแบบมีฮู้ดใส่ไว้ ช่วยบรรเทาความเปียกไปได้นิดหน่อย
จนมาถึงดินแดนแฮร์รี่ที่รอคอย เราผ่านป่าสนเข้าไป ฉันนึกว่าป่าจะทึบกว่านี้ น่ากลัวกว่านี้ ดินแดนแฮร์รี่ต้อนรับเราด้วยร้านขายของต่างๆ น่าตื่นตาตื่นใจ ในร้านขนมหวานมีขนมต่างๆ น่ากินมากมายรวมถึงช็อกโกแลตกบด้วย อย่างไรก็ตามฉันพบว่าภาพในหัวตัวเองมันสวยกว่าร้านที่ยูเอสเจสร้างสรรค์ออกมา นอกจากนี้ยังมีสถานีรถไฟและคนคุมสถานีที่ใช้ฝรั่งมาคุมจริงๆ เป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลก เพราะไม่ปกตินักที่คนเอเชียจะอยู่ในฐานะจ้องมอง ในขณะที่ชาวตะวันตกกลับกลายเป็นฝ่ายถูกจ้องมองแทน
ฉันไปเข้าคิวต่อคิวเล่นเครื่องเล่นแฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งสามารถใช้บัตร Express ได้ คิวของฉันคือรอบบ่าย 2 โมงครึ่ง ถึงจะเป็น Express ก็จริง แต่ก็มีรอบกำหนด ฉันนึกดีใจที่ตัวเองมาโผล่ที่ดินแดนแฮร์รี่ พอตเตอร์ แห่งนี้ในตอนบ่ายพอดี ไม่ใช่ตอนเช้า เพราะต้องรออีก ฉันจึงเดินมาซื้อบัทเทอร์เบียร์ฆ่าเวลา แม้ว่าตอนแรกจะไม่อยากซื้อเพราะรู้สึกว่าอะไรๆ ก็เปลืองและแพงไปหมดเลย แต่พอตัดใจว่าจะซื้อแล้ว จึงซื้อรุ่นพลาสติกที่เก็บกลับบ้านเป็นที่ระลึกได้มาเสียเลย นั่งจิบเบียร์ (ไร้แอลกอฮอล์) ไป ชมวงขับร้องประสานเสียงไป นักร้องชาวตะวันตกทั้งสี่ห้าคนแบ่งกันร้องเสียงสูงต่ำและมีการถือกบยักษ์เอาไว้ในมือด้วย ตลกดี เป็นช่วงเวลาที่เพลิดเพลินและผ่อนคลายที่สุดของวันเลย
ได้เวลาไปเล่นเครื่องเล่น ฉันเข้าคิวของ Express ไม่นานก็ได้เข้าไปในปราสาทแฮร์รี่ ฉันชอบเครื่องเล่นนี้ที่สุด เพราะเหมือนกับได้ย้อนอดีต หากคุณยังจำกันได้ ตอนที่แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนีอยู่ปีหนึ่ง ทุกคนดูเด็กกันเหลือเกิน เครื่องเล่นนี้สนุกมาก เพราะไหนจะหวาดเสียว แถมยังได้เข้าไปอยู่ในดินแดนแห่งเวทมนตร์ด้วย นี่มันสุดยอดจริงๆ ทั้งตอนร่วมเล่นควิดดิชร่วมกับแฮร์รี่ แย่งชิงลูกสนิชกับมัลฟอย หนีผู้คุมวิญญาณ ขี่ไม้กวาดเหนือทะเลสาบทั้งขึ้นและดิ่งลงอย่างรวดเร็ว หนีมังกรพ่นไฟ ฯลฯ เป็นเครื่องเล่นที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เสร็จแล้วก็ไปต่อกับเครื่องเล่น Flight of the Hippogriff ที่ต้องรอคิวถึงประมาณ 40 นาที! แต่พอไปเล่นแล้วก็ไม่ได้อยู่ในความทรงจำมากนัก
ไปต่อกันที่ Universal Wonderland ดินแดนสุดน่ารักที่ฉันใช้เวลาในดินแดนนี้มากกว่าที่ใด ไปต่อแถวเล่นเอลโม่ที่เป็นไวกิ้ง อันเล็กๆ น่ารัก ไม่น่ากลัว จากนั้นฉันก็ไปเล่นจนเกือบครบทุกอันเลย อาทิ ถ้วยคัพเค้กที่หมุนๆ เป็นสีสันสวยงามในธีมคิตตี้ ฉันเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาเล่นคนเดียว เธอทำสีหน้าเพลิดเพลินมากแบบไม่สนใจอะไร สีหน้าแบบนั้นพลอยทำให้ฉันรู้สึกสบายใจไปด้วย ตอนนั้นพระอาทิตย์กำลังจะตก อากาศดี แดดแบบที่เรียกว่า Magic Hour ในเรื่อง Mary is Happy, Mary is Happy เลย จากนั้นฉันจึงไปเล่นม้าหมุน ฉันสังเกตว่าใครๆ ก็เลือกขึ้นตัวที่หน้าตาน่ารักกันทั้งนั้น มีฉันคนเดียวที่เลือกขึ้นเครื่องเล่นเจ้ากบ มันมีดอกไม้ที่ก้นด้วย ที่เลือกขึ้นตัวนี้อาจเพราะฉันกำลังคิดถึงใครบางคนที่ขายาวๆ เหมือนกบ นอกจากนี้ฉันยังไปเล่นเจ้าบอลลูนสนูปี้ ตอนแรกๆ ที่ขึ้นไปนั่งด้วยความไม่รู้ ฉันจึงนั่งเฉยๆ แต่แล้วก็เริ่มแปลกใจว่าทำไมเครื่องเล่นของคนอื่นถึงขึ้นลงได้หรือว่าของฉันคนควบคุมจะลืม พนักงานที่อยู่ข้างล่างเหมือนรู้ใจ ส่งสัญญาณมือมาบอกให้ฉันโยกคันบังคับในเรือบอลลูนของฉันได้เอง อ้าว ยังงั้นหรอกหรือ เรือบอลลูนของฉันจึงได้ลอยขึ้นลงแว้บนึงก่อนเครื่องเล่นจะหยุด
และแล้วฉันก็เดินหลงๆ เข้าไปดูนิทรรศการการภาพสเก๊ตช์ชุดและรองเท้าคิตตี้ของศิลปินสักคน… งงกับประโยคของพนักงานคนหนึ่งที่พูดกับฉันว่า “I’ve been waiting for you” จากนั้นก็ฉีกยิ้มอย่างเต็มที่ให้เรา มันเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวจนเกินไป พนักงานผู้หญิงข้างในอีกคนมาคุยกับฉัน ถามฉันว่าซื้อเคสโทรศัพท์มือถือรูปคิตตี้จากที่ไหน จริงๆ ก็จากญี่ปุ่น โอกินาว่านั่นเอง เดินดูอยู่สักพักรู้สึกไม่ค่อยอินเลยเดินออกมา
อย่างไรก็ดีฉันอยากพูดถึงการต้อนรับของพนักงานที่นี่ทุกคนว่าได้รับการฝึกมาดีมาก กับการต้อนรับคนที่มาคนเดียว เพราะทุกเครื่องเล่นพนักงานจะต้องถามเราก่อนว่ามากี่คน แม้ว่าวันนี้ทั้งวันฉันจะชูนิ้วชี้นิ้วเดียว เพื่อบอกว่าฉันมาคนเดียว แต่ทุกคนก็ต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยแววตาที่ให้ความอุ่นใจ ทำท่าทีให้สนุกสนาน มีคนมาพูดชวนฉันคุย เล่นกับฉัน ทำให้ไม่รู้สึกเหงาเลย
นอกจากนี้สิ่งที่คิดได้อีกอย่างคือ ในยูเอสเจแห่งนี้มีการเปิดเพลงประกอบบรรยากาศอยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกคึกคักสนุกสนาน ฉันฉุกคิดได้ว่า มันก็เหมือนกับชีวิตคนเรา เพียงแค่มีเสียงเพลงที่เราชอบประกอบชีวิต บรรยากาศเดิมๆ ที่เดิมๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นอีกแบบได้อย่างสิ้นเชิง ฉันเลยคิดได้ว่าถ้าเราไม่อยากเหงาซึมเศร้า หรือจิตตก บางทีการเปิดเพลงก็ช่วยได้มากเหมือนกันนะ
ในที่สุดฉันก็เห็นหนึ่งในเครื่องเล่นที่หวาดเสียวที่สุดของสวนสนุกแห่งนี้ มันยาวมาก ตีลังกาไปมา แล้วก็สูงมากด้วย ว่าแต่ทางขึ้นมันอยู่ไหนนะ ฉันเดินวนหาทางขึ้นอยู่นาน จนพลาดโอกาสการแสดงไฟพิเศษในเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งจัดขึ้นบริเวณต้นคริสต์มาสยักษ์ไปเลย แต่ยังทันโอกาสดูพลุบางลูก จากนั้นฉันก็ตั้งหน้าตั้งตาหาทางขึ้นเครื่องเล่นต่อ จนในที่สุดก็หาเจอ ทางเข้าเครื่องเล่นนี้เป็นเวิ้งเข้าไปในโซนร้านค้าด้านหน้า ทำให้ตอนแรกฉันผ่านไปเลยโดยไม่ทันเห็น เมื่อเห็นทางเข้าแล้วจึงเข้าไป เพื่อพบกับคนจำนวนมากมายที่รอเข้าคิว กว่าจะได้เล่น ฉันต้องต่อคิวเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ฉันสงสัยว่ามันน่าจะมีแถว single lane ว่าแต่มันไปอยู่ไหนนะ หรือถูกยกเลิกแล้วตอนที่ฉันเดินขึ้นไปต่อคิว รออยู่นานจึงได้เล่น ผู้หญิงคนที่มานั่งข้างๆ ฉันก็มาคนเดียวเหมือนกัน เธอดูหน้าตาเรียบร้อยมาก ขัดกับเครื่องเล่นที่จะเล่น เธอหันมาชวนฉันคุยว่า ‘หนาวนะ’ ฉันควรจะตอบเธอไปว่าอะไรสักอย่าง แต่ก็คิดมาก กลัวว่าสำเนียงภาษาญี่ปุ่นแปลกๆ ของฉันอาจทำให้เธอตกใจ ฉันจึงไม่ได้ตอบอะไรไป อยากให้เธอเข้าใจจังว่าฉันเป็นคนต่างชาตินะ คิดไปคิดมา มัวแต่คิด แล้วก็กลัวว่าเธอคนนั้นจะเสียเซลฟ์ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
เครื่องเล่นค่อยๆ เลื่อนขึ้นพร้อมกับเพลงภาษาญี่ปุ่นที่ค่อยๆ ดังขึ้น ฉันเพิ่งรู้ว่ามันก็เป็นจิตวิทยาเหมือนกันนะ เพลงประกอบทำให้เรากลัวน้อยลงและฮึกเหิมมากขึ้น เครื่องเล่นไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ใครหลายคนปล่อยมือจากราวจับและปรบมือเป็นจังหวะ รวมถึงผู้หญิงคนข้างๆ ฉันด้วย แต่ฉันไม่กล้าถึงขนาดนั้น พอเครื่องไต่จนถึงระดับสูงที่สุดก็ถึงจังหวะต้องกลั้นหายใจ เสียววาบในท้องจนรู้สึกปวด จากนั้นเครื่องก็ปล่อยลงมา ตีลังกาอะไรต่างๆ อีกมากมาย ฉันที่ตอนแรกคิดว่าตัวเองคงจะกล้าลืมตาดูวิวบ้าง แต่สุดท้ายก็ลืมตาได้แปบเดียว สุดท้ายก็หลับตากลับไปตามเดิม ไม่รู้ว่าเพราะแก่ขึ้นหรือว่าเพราะว่ามาคนเดียว จำได้ว่าตอนไปเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวกับครอบครัวเพื่อนที่ฮ่องกง ก็เล่นตอนกลางคืนแบบนี้ สูงแบบนี้ เสียวแบบนี้ แต่เล่นตั้งสามสี่รอบเพราะตอนนั้นคนน้อย ตอนนั้นเปิดตา ไม่กลัว เล่นด้วยความสนุกสนาน แล้วก็ร้องจะเล่นอีก
พอเล่นเสร็จก็เดินเล่นในนั้นอีกพักใหญ่ มีเครื่องเล่นอะไรที่ฉันยังไม่ได้เล่นอีกนะ แต่แล้วเดินไปเดินมาก็เหนื่อยจนเริ่มหมดแรง คิดว่าซื้อของที่ระลึกกลับบ้านดีกว่า จึงได้ปากกาสนูปี้ พวงกุญแจสนูปี้ แถมยังมีคุกกี้คริสต์มาสกล่องเหล็กสนูปี้อีก เริ่มสังเกตตัวเองว่าคงจะชอบสนูปี้ที่สุดในนี้แล้ว จริงๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็ชอบนะ แต่ไม่รู้จะซื้ออะไร เลยซื้อผ้าพันคอสลิธีรินมา ทั้งๆ ที่ชอบกริฟฟินดอร์
แต่สิ่งที่ประทับใจที่สุดในวันนี้กลับรอคอยฉันอยู่ด้านนอกยูเอสเจ ฉันไม่ได้ถ่ายรูปกับลูกโลก ไม่อยากถ่าย เพราะเคยยืนมองลูกโลกแบบนี้กับใครคนหนึ่งที่ดิสนีย์ซีย์ที่โตเกียว แล้วเถียงกันว่าทวีปไหนอยู่ตรงไหน ด้านนอกฉันเจอกลุ่มคนกำลังมุงอะไรสักอย่างหนึ่ง กลางวงเป็นชายผิวขาว ตัวเล็ก หน้าตาเหมือนเป็นคนฮ่องกง ตอนเริ่มต้นการแสดงเขาไม่ได้พูดอะไรเลย แต่โยนบอล ควงห่วงไปเรื่อยๆ แบบเท่มาก บทเพลงที่เขาเลือกมาเปิดก็เร้าใจเข้ากับการแสดง คนทยอยเข้ามามุงดูเรื่อยๆ อีกทั้งเขายังมีเทคนิคเรียกคนให้เขยิบเข้าไปใกล้ๆ รวมถึงสามารถเล่นหูเล่นตากับหญิงสาวที่อยู่ด้านบนขณะควงห่วงได้ด้วย ทั้งๆ ที่ฉันมีนัดอยู่กับเพื่อนชาวญี่ปุ่น แต่กลับติดอยู่ในมนตร์สะกดของเขากว่าสามสิบนาที แถมยังออกไปไหนไม่ได้ด้วย เพราะอยู่หน้าสุด จะลุกก็เสียมารยาท เลยดูจนจบและให้เงินเขาไป เขาคือศิลปินอิสระ #NARI นะคะ ไปติดตามชมได้ทั้งในทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม
จากนั้นฉันจึงรีบเร่งมาเจอเพื่อนและยังขึ้นรถไฟผิดสายอีก จึงต้องนั่งย้อนกลับมา เพื่อนญี่ปุ่นก็ใจดีมากเพราะไม่โกรธเลย เราวนหาร้านต่างๆ กันอยู่นานเพราะตัดสินใจกันไม่ได้ว่าจะกินอะไรดี สุดท้ายเราเลือกกินร้านซูชิเวียน ฉันดีใจมากที่เราเข้ามาในร้านนี้กัน เพราะทั้งถูกทั้งอร่อย ขอบินญี่ปุ่นทุกเที่ยวบินเลยได้ไหม ค่าครองชีพมันถูกกว่าที่ออสเตรเลียจริงๆ ดูเหมือนว่าที่นั่งของเราจะเป็นสองที่สุดท้ายในร้าน ฉันดีใจจังที่มีเพื่อนญี่ปุ่นมาดูแล กินไปได้สักพักก็เกิดอารมณ์อยากดื่ม จึงชวนเพื่อนไปดื่ม กันคนละแก้วสองแก้ว เครื่องดื่มทั้งถูกและอร่อยเหลือใจ เพื่อนซักถามเรื่องแปลกๆ ของคนไทย และดูเหมือนว่าเพื่อนจะสนใจกับเรื่องวายเป็นพิเศษ เราเดินกลับโรงแรมกัน เพื่อนกลับห้องของตัวเอง ฉันก็กลับห้องฉัน ฉันรู้สึกเต็มอิ่มมากๆ ในวันนี้
ความรู้สึกที่ว่าเราไปเที่ยวมาทั้งวัน แต่มีใครรอเราอยู่ และได้กินข้าวเย็นร่วมกัน มันพิเศษที่สุดแล้ว จริงๆ นะ.