Happy Days in Fukushima : สำรวจเมืองเก่าในฟุกุชิมะ พื้นที่แสนสงบและน่ารักที่ถูกมองข้าม
ย้อนไปก่อนหน้านี้เรารู้จักจังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) จากเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดเพราะภัยพิบัติแผ่นดินไหวใหญ่และสึนามิเมื่อปี พ.ศ. 2554 ทำให้หลายต่อหลายคนเกิดความกังวลในการจะเดินทางไปเที่ยว ผ่านมาแล้วหลายปีฟุกุชิมะได้รับการฟื้นฟูและพัฒนาอย่างตั้งใจ ไม่ได้เอาของใหม่มาแทนที่ แต่กลับสร้างโดยอิงของดั้งเดิม ชวนให้หวนนึกถึงวันเก่าๆ ปัจจุบันฟุกุชิมะอุดมสมบูรณ์ทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ส่วนตัวเราอยากเชียร์ให้ลองเดินทางไปเยี่ยมเยือนกันดู เพราะจากที่แอบนั่งรถไฟปลีกตัวไปมาแล้วก็รู้สึกว่าชอบมาก
จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) กว้างมากถึงขนาดที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสามของญี่ปุ่นแต่เรามีเวลาน้อยจึงเลือกปักหมุด 2 พื้นที่ที่เราสนใจคือเมืองชิราคาวะ (Shirakawa) และหมู่บ้านยาไนซุ (Yanaizu) จากโตเกียวเรานั่งชินคันเซ็นสายโทโฮคุฮอกไกโด (Tohoku-Hokkaido Shinkansen) ไปลงที่สถานีโคริยามะ (Koriyama Station) ซึ่งใกล้กับสถานที่ที่เราลิสต์ไว้ว่าจะไปมากกว่า
เราเดินทางไปช่วงปลายๆ ฤดูหนาว ยังพอมีหิมะสีขาวนวลที่กำลังเริ่มละลายให้เห็นอยู่บ้างตามทางเดิน กิ่งไม้ หลังคา รวมถึงมีน้ำแข็งย้อยลงมาเป็นแท่งยาวสำหรับคนขี้หนาวอย่างเราอากาศแบบนี้ก็ถือว่ายังหนาวอยู่ กล้องที่ตั้งใจเลือกไปจึงจำเป็นต้องกะทัดรัดและไว้ใจได้ ชัตเตอร์ไว มีกันสั่น ไฟล์ภาพดี จับถนัดมือควบคุมการทำงานได้ในมือเดียว เพราะอีกมือเราต้องสร้างความอบอุ่นโดยการซุกไว้ในเสื้อน่ะสิ Ricoh GR III ตัวนี้จึงตอบโจทย์เรามาก
เพิ่มเติมอีกนิดว่าโลเคชั่นแต่ละแห่งค่อนข้างไกลกัน เพื่อให้ไม่เสียเวลาเดินทางและไม่ให้เหนื่อยจนเกินไป เราแนะนำว่าให้พักที่ฟุกุชิมะสักคืนจะเที่ยวสนุกกว่าเยอะ ส่วนตัวเราพักที่โอคาวะโซ (Okawaso) ใกล้ๆ กับสถานีอะชิโนมากิ ออนเซ็น (Ashinomaki Onsen)
หมู่บ้านโออุจิจุคุ | Ouchi Juku
หมู่บ้านโบราณโออุจิจุคุตั้งอยู่ในเมืองชิราคาวะ (Shirakawa) เมืองเล็กๆ แสนสงบเงียบ จากโรงแรมเรานั่งรถไฟโลคอลสายไอสึเท็ตสึโด (Aizu Tetsudo) ไม่กี่สถานีมาลงที่สถานีโยโนคามิออนเซ็น (Yunokamionsen Station) จากนั้นเดินไปขึ้นบัสจากป้ายหน้าสถานีไปลงที่ป้ายโออุจิชิโมะ (Ouchishimo) แล้วเดินเท้าอีกนิดหน่อยก็ถึงตัวหมู่บ้าน จุดเด่นของบ้านเรือนในหมู่บ้านคือตัวหลังคามุงด้วยใบของต้นคายาบุกิ เป็นการสะท้อนวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นโบราณนับแต่สมัยเอโดะอีกทั้งแต่ละหลังก็จะปรับเป็นร้านขายของฝาก ร้านอาหารให้นักท่องเที่ยวเข้าไปใช้บริการได้ด้วย
จุดถ่ายรูปยอดฮิตคือให้เดินขึ้นเนินเขาด้านหลัง จะเห็นวิวบ้านเรือนโบราณเรียงรายทั้งหมู่บ้าน เรากดชัตเตอร์รัวๆ สีภาพที่ได้จากกล้องก็สวยมากเหมือนตาเห็น เราลองปรับใส่ฟิลเตอร์สีที่มากับกล้องก็สวยประทับใจ ใกล้ๆ กันนี้ยังมีศาลเจ้าขนาดเล็ก จะแวะไปสักการะขอพรก่อนกลับก็ยังได้
หมู่บ้านยาไนซุ | Yanaizu
เรานั่งรถไฟสายไอสึเท็ตสึโดเหมือนเดิมไปที่สถานีนิชิวากามัตสึ (Nishi-Wakamatsu Station) จากนั้นเปลี่ยนไปนั่งสายทาดามิ (Tadami Line) ไปลงที่สถานีไอสึยาไนซุ (Aizu-Yanaizu Station) แล้วเดินขึ้นบันไดต่ออีกหน่อย วัดเอ็นโซจิ (Enzoji Temple) จะอยู่บนเนินเขา จากตรงนี้มองเห็นสะพานใหญ่พาดข้ามแม่น้ำทาดามิที่กำลังไหลผ่านอย่างสงบเงียบ ที่นี่เป็นวัดนิกายรินไซอายุ 1,200 ปีชื่อดังประจำหมู่บ้านยาไนซุ ภายในวัดจะสังเกตเห็นรูปปั้นวัว เนื่องจากเป็นวัดประจำปีฉลูและปีขาล ทั้งยังเป็นต้นกำเนิดเรื่องราวของเจ้าวัวเเดงอากาเบโกะมาสคอตประจำเมืองไอสึวากามัตสึด้วย ไม่ไกลจากวัดมีร้าน Koike Kashiho ขนมอาวะมันจูเก่าแก่ที่ว่ากันว่ามาแล้วต้องแวะกิน ถ้าร้านไหนมีควันไอน้ำพวยพุ่งขึ้นมา ก็ร้านนั้นแหละเดินเข้าไปเลย
Ricoh GR III Recommended
- โหมดมาโครสำหรับถ่ายภาพระยะใกล้ได้ถึง 6 ซม. เพื่อมุมมองภาพที่แปลกใหม่
- สามารถปรับรูรับแสงได้กว้างสุดถึง 2.8 ทำให้ได้ภาพละลายหลังได้มาก
- ลองเปลี่ยนฟิลเตอร์สีในกล้อง คุณจะได้ภาพที่สวยถูกใจ พร้อมใช้งาน
เพื่อนๆ คนไหนที่ใช้กล้อง GR III เหมือนเรา อย่าลืมเข้าไปแบ่งปันประสบการณ์การใช้งานหรือภาพถ่ายสวยๆ กันได้ที่เฟซบุ๊กกรุ๊ป GRist Snap กันได้เลย แล้วเจอกันนะ