Tsukumogami : ซึคุโมกามิ เมื่อของใช้กลายเป็นผี
สารบัญ
รู้ไหมคะว่าประเทศญี่ปุ่นผีเยอะมาก บางทีเขาก็เรียกผีของเขาว่าเป็น “เทพเจ้า” อีกต่างหาก ผีที่น่ากลัวมากก็มี ผีที่เพียงแค่โผล่มาหยอกคนก็มากมาย และครั้งนี้เราจะพาไปรู้จักผีประเภทหลังกัน เป็นผีที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดีเพราะเห็นอยู่บ่อยๆ ในการ์ตูน ผีชนิดนี้เดิมทีเป็นสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่พอเวลาผ่านไปก็เก่าเก็บ ไม่ได้รับการใช้งาน เมื่อพวกมันมีอายุเกินหนึ่งร้อยปี พวกมันจะมีชีวิตขึ้นมาและชอบแกล้งคนเพราะว่าการอยู่เฉยๆ ช่างน่าเบื่อ เราเรียกผีพวกนี้รวมๆ กันว่า ซึคุโมกามิ (Tsukumogami)
ซึคุโมกามิปรากฏตัวกันครั้งแรกในวรรณกรรมหรือเรื่องเล่าปรัมปราในสมัยเฮอัน (ปี 794-1185) แต่จริงๆ แล้ว คนญี่ปุ่นเรียกสิ่งของที่เคลื่อนที่ได้ว่า ซึคุโมกามิ มาก่อนหน้านี้นานแล้วค่ะ เรื่องเล่าในสมัยก่อน เกี่ยวกับเจ้าของใช้มีวิญญาณเหล่านี้ค่อนข้างจริงจังและน่ากลัวทีเดียว เขาบอกว่าก่อนวันขึ้นปีใหม่ คนญี่ปุ่นจะทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ และทิ้งข้าวของที่ไม่ได้ใช้แล้ว ซึคุโมกามิ ที่ถูกทิ้งกลุ่มหนึ่งรู้สึกโกรธ จึงขอร้องต่อเทพเจ้าโซคะชิน (Zokashin) ให้ทำให้พวกมันมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อพวกมันเคลื่อนไหวได้ ก็จะจับตัวมนุษย์ไปกินด้วยความโกรธแค้นและพากันเต้นรำ ดื่มเหล้า อ่านกลอนเพื่อเฉลิมฉลอง ก่อนจะหนีออกไปรวมตัวกันที่เขาลูกหนึ่ง วันหนึ่งพวกมันเจอกับพระที่สอนคำสอนของศาสนาชินโตให้แก่พวกมันจนซึคุโมกามิเหล่านั้นกลับใจ และกลายเป็นคนดีในที่สุด
อืม… ฟังดูคล้ายนิทานอีสปเนอะ ไปรู้จักเจ้าผีสิ่งของเหล่านี้กันสัก 3-4 ชนิดค่ะ
ผีร่ม หรือ คาซะโอบาเกะ
คลาสสิคที่สุดแล้วค่ะ ผีร่มต้องเป็นร่มญี่ปุ่นด้วยนะ ไม่ใช่ร่มของตะวันตก ตอนกลางวันมันจะเป็นร่มธรรมดา ฝุ่นเกาะวางพิงฝาผนังอยู่อย่างนั้น แต่พอท้องฟ้าเริ่มมืดมันจะขยับได้ รูปร่างทั่วๆ ไปของมันคือมีสองแขน ขาเดียว (ด้ามจับ) ใส่รองเท้าเกี๊ยะด้วย มีตาเดียวตรงกลางแล้วก็แลบลิ้นยาว บางทีมันก็มีสองขาค่ะ แต่เห็นไม่บ่อยนัก เจ้าผีชนิดนี้เห็นบ่อยที่สุดในการ์ตูนบ่อยพอๆ กับผีชนิดต่อไปเลย
ผีรองเท้าฟาง หรือ บาเกะโซริ
เจ้ารองเท้าฟางพอกลายเป็นผีก็จะมีแขนสองข้างและขาสองข้างโผล่ออกมา มีตาเดียว แลบลิ้นยาวและจะวิ่งไปรอบบ้านส่งเสียงตึงตังๆ มันร้องเพลงด้วยค่ะ และเหมือนกันกับผีร่ม รองเท้าที่จะกลายเป็นผีได้หลังจากถูกทิ้งเอาไว้โดยไม่ได้ใช้งาน ต้องเป็นรองเท้าฟางที่คนญี่ปุ่นสมัยก่อนใส่เท่านั้น คอนเวิร์สหรือโอนิซึกะนี่ไม่นับ
ผีไม้กวาด หรือ ฮาฮากิคามิ/โฮกิคามิ
ถึงคราวของผีไม้กวาดบ้างแล้ว ในเรื่องเล่าหรือภาพวาด ผีไม้กวาดมักจะออกมากวาดใบไม้ที่ลานบ้าน โดยเฉพาะในเวลาที่มีพายุ เต้นไปด้วยทำงานไปด้วยดูมีความสุขมากมาย ไม่สนใจว่าใบไม้ที่กวาดไปก็ถูกลมตีลอยฟุ้งอยู่รอบบ้านอยู่ดี แต่ผีไม้กวาดจะแตกต่างจากเพื่อนนิดหน่อยค่ะ เพราะวัดชินโตมีการใช้ไม้กวาดในพิธีกรรมเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกจากตัว ผีไม้กวาดเลยดูคล้ายจะเป็นเครื่องลางได้เหมือนกัน เพราะมีความเชื่อว่ามันปัดเป่าทุกข์โศกออกจากบ้าน และดูจากที่คนญี่ปุ่นเรียกผีไม้กวาดว่า “คามิ (เทพเจ้า)” ไม่ใช่ “โอบาเกะ (ผี)” ก็แสดงให้เห็นถึงความเชื่อดังกล่าวได้ชัดเจน
ผีโคมไฟ หรือ โชชิน โอบาเกะ
ซึคุโมกามิคลาสสิคอีกชนิดก็คือผีโคมไฟนี่ละค่ะ เหมือนเพื่อนๆ ผีร่มและผีรองเท้าเลยคือมันจะต้องเป็นโคมไฟกระดาษของญี่ปุ่น พอเวลาผ่านไปเป็นร้อยปีแล้ว มันจะมีดวงตาและปาก แลบลิ้นยาวและจุดไฟในโคมลอยไปลอยมาหลอกคนไปทั่วโดยเฉพาะแขกเหรื่อที่มาเยี่ยมเยือนบ้านของเจ้าของ ส่วนใหญ่แล้วมันจะเหาะได้ (ดวงไฟลอยได้นี่ ถ้าเป็นเมืองไทยมีชื่อเรียกอีกอย่างนะ) แต่บางครั้งในภาพวาดบางภาพหรือเรื่องเล่าบางเรื่อง มันก็มีแขนขาเหมือนกัน
ปัจจุบันยังเห็นเจ้าซึคุโนกามิเหล่านี้ได้เรื่อยๆ ทั้งในการ์ตูน ทั้งในแบบสิ่งพิมพ์และแอนิเมชันค่ะ แต่เรื่องราวของพวกมันเบาสมองลงเยอะเลย พอลองคิดๆ ดู ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเรื่องเล่าเกี่ยวกับซึคุโมกามิเป็นแค่เรื่องเล่าเพื่อความบันเทิง เพื่อเผยแผ่คำสอนของศาสนา หรือคนโบราณเขาตั้งใจจะบอกเราว่าข้าวของที่ซื้อมาน่ะ เอาออกมาใช้เถอะ อย่าไปซื้อใหม่เลยเปลืองเงิน …ไม่งั้นมันจะกลายเป็นผีมาหลอกเอา
ปีใหม่นี้ถ้าใครบ่นอยากได้อะไรใหม่ๆ ลองใช้มุกนี้เลย ได้ผลยังไงบอกกันด้วยล่ะ