เก็บวิวฤดูหนาวสวยๆ ในโทโฮคุ 6 วัน 5 คืนด้วย JR EAST PASS (Tohoku area)
สารบัญ
- DAY 1
- สนามบินนาริตะ → โตเกียว → โคริยามะ → อินาวาชิโระ → ฟุกุชิมะ
- DAY 2
- ฟุกุชิมะ → โออิชิดะ → กินซังออนเซ็น → โยเนซาวะ → เซนได
- Fukushima Station → Oishida Station
- 🚈 เปิดประสบการณ์สปาเท้าบนรถไฟ
- Oishida Station → Ginzan Onsen
- Ginzan Onsen → Yonezawa Station
- Yonezawa Station → Uesugi Shrine
- 🍳 Yamagata Local Cuisine
- Yonezawa Station → Sendai Station
- Sendai Station → Hotel Metropolitan Sendai / Hotel Metropolitan Sendai East
- 🍳 Miyagi Local Cuisine
- DAY 3
- เซนได → อิชิโนะเซกิ → หุบเขาเกบิเค → อิชิโนะเซกิ → โมริโอกะ
- DAY 4
- โมริโอกะ → ชินอาโอโมริ → ฮิโรซากิ → อาคิตะ
- DAY 5
- อาคิตะ → คาคุโนะดาเตะ → ทาซาวาโกะ → นิวโตออนเซ็น
- DAY 6
- นิวโตออนเซ็น → ทาซาวาโกะ → โตเกียว → สนามบินนาริตะ
- ตารางแสดงราคารถไฟในวันที่ใช้ JR EAST PASS (Tohoku area)
- ทำความรู้จักบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area)
หลายคนคงกำลังคิดถึงอากาศเย็นๆ ของญี่ปุ่นกันอยู่ใช่ไหมล่ะ? ถ้าชอบอากาศเย็น อยากเห็นหิมะ อยากพูดแล้วควันออกจากปาก ภูมิภาคโทโฮคุคือจุดหมายปลายทางที่ต้องปักหมุด เพราะนอกจากอุณหภูมิจะเย็นถึงใจ หิมะก็ยังทับถมนานหลายเดือน การันตีว่าจะได้สัมผัสกับหิมะปุยนุ่นสมใจอยากแน่นอน โดยทริป 6 วัน 5 คืนครั้งนี้จะออกสตาร์ทตั้งแต่ลงเครื่องบินที่สนามบินนาริตะ พร้อมกับเที่ยวครบทั้ง 6 จังหวัดในภูมิภาค โทโฮคุ ได้แก่ ฟุกุชิมะ ยามากาตะ มิยากิ อิวาเตะ อาโอโมริ และอาคิตะ โดยไม่วนไปวนมา พาไปสัมผัสกิจกรรม ฤดูหนาว ที่หาทำในไทยไม่ได้ อิ่มอร่อยกับของดีแต่ละจังหวัด เสริมด้วยนั่งรถไฟคอนเซ็ปต์จอยๆ ที่บอกได้เลยว่าการเดินทางโดยรถไฟจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ยิ่งถ้าซื้อ JR EAST PASS (Tohoku area) ก็เดินทางฟรีตลอด 5 วัน ไม่ต้องติดต่อกันก็ได้ ทริปนี้จึงมี 1 วันที่เราเว้นว่างจากการใช้พาส ลองดูแพลนทริปเราก่อนแล้วจะรู้ว่าบัตรโดยสารใบนี้คุ้มค่าแค่ไหน
DAY 1
สนามบินนาริตะ → โตเกียว → โคริยามะ → อินาวาชิโระ → ฟุกุชิมะ
Narita Airport → Tokyo Station
ภาพ : zh-tw.skyticket.com
ทันทีที่เครื่องลงจอดที่สนามบินนาริตะ (Narita Airport) เวลาแห่งความสนุกก็เริ่มขึ้น เดินฉับๆ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ลากกระเป๋าออกจากด่านศุลกากรแล้ว รีบมองหา JR EAST Travel Service Center ป้ายสีแดงซึ่งมีทั้งที่เทอร์มินอล 1 2 และ 3 เพราะที่นี่เขาขายบัตรโดยสารรถไฟสุดคุ้มที่เรียกว่า JR EAST PASS (Tohoku area) ซึ่งเปรียบเสมือนอาวุธสำคัญของทริปใน ฤดูหนาว ที่ภูมิภาค โทโฮคุ ครั้งนี้ สำหรับใครที่ซื้อไว้ตั้งแต่อยู่ที่ไทยก็สามารถนำมาแลกตัวจริงได้ที่นี่ อีกทั้งถ้าใครจองชินคันเซ็นของแต่ละวันไว้ล่วงหน้าก็สามารถออกตั๋วจริงที่นี่รวดเดียวได้ทั้งหมดเช่นกัน
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ JR EAST PASS (Tohoku area) ด้านล่างสุดของบทความหรือกดที่นี่
หลังจากได้ JR EAST PASS (Tohoku area) ตัวจริงมาอยู่ในมือ ก็เข้าสู่สถานีโตเกียว (Tokyo Station) โดยรถไฟ NEX (Narita Express) สถานีใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนไปนั่งรถไฟชินคันเซ็นต่อได้ นั่งเพียง 1 ชั่วโมงก็ถึง แนะนำให้ซื้อเอกิเบน (Ekiben) หรือข้าวกล่องที่ขายอยู่ในสถานีรถไฟ เพราะเอกิเบนของสถานีโตเกียวนี้มีให้เลือกละลานตามาก ทั้งหมดสามารถนำไปกินบนรถไฟชินคันเซ็นได้ โดยจุดหมายต่อไปที่เราไปก็คือสถานีโคริยามะ (Koriyama) ในจังหวัดฟุกุชิมะ ประตูสู่ภูมิภาคโทโฮคุนั่นเอง
INFO
JR EAST Travel Service Center – Narita Airport Terminal 1
Hours: 8:15-19:00 น.
Holiday: ไม่มี
INFO
JR EAST Travel Service Center – Narita Airport Terminal 2-3
Hours: 8:15-20:00 น.
Holiday: ไม่มี
Koriyama Station → Inawashiro Station
นั่งโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) หรือ ยามากาตะชินคันเซ็น (Yamagata Shinkansen) หรือ อาคิตะชินคันเซ็น (Akita Shinkansen) ด้วยเวลาเพียงราว 1 ชั่วโมง 20 นาที ในที่สุดก็ถึงสถานีโคริยามะ ได้เวลาเปลี่ยนไปนั่งรถไฟธรรมดาสายบังเอ็ตสึเวสต์ (Ban-Etsusai Line / Ban’etsu West Line) เพื่อเดินหน้าสู่สถานีอินาวาชิโระ (Inawashiro Station) จุดที่เราจะได้ทำกิจกรรมฤดูหนาวแรกของทริปกันแล้ว
🚈 จิบชานั่งรถไฟคาเฟ่สุดเก๋
ภาพ : East Japan Railway Company
อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับใครที่อยากอัพเลเวลความปังของทริปโทโฮคุก็ต้องนั่งรถไฟ Joyful Train ที่ได้แปลงโฉมตู้โดยสารเป็นคาเฟ่พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มและขนมหวานแสนดีงาม ค่อยๆ ละเลียดผลไม้แสนอร่อยที่ปลูกในฟุกุชิมะพลางชมทิวทัศน์อันขาวโพลน ช่างเป็นการเดินทางที่แสนพิเศษจริงๆ
※ เนื่องจากไม่ได้ให้บริการทุกวัน แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลและปฏิทินการเดินรถล่วงหน้า โดยอ่านข้อมูลเกี่ยวกับรถไฟฟรุตเทีย ฟุกุชิมะ (FruiTea Fukushima) ได้ที่นี่
Inawashiro
เมื่อก้าวขาลงจากรถไฟ เราก็มาถึงเมืองอินาวาชิโระ เมืองที่เป็นที่ตั้งของทะเลสาบชื่อดังอย่าง ทะเลสาบอินาวาชิโระ (Lake Inawashiro) กับภูเขาสวยๆ อย่างภูเขาบันได (Mt. Bandai) นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักในฐานะบ้านเกิดของโนงูจิ ฮิเดโยะ (Hideyo Noguchi) นักวิทยาแบคทีเรียผู้อุทิศตนเพื่อวงการแพทย์คนสำคัญของญี่ปุ่น เขาคือผู้ที่ปรากฏอยู่บนธนบัตรญี่ปุ่น 1,000 เยนนั่นเอง
จากสถานีอินาวาชิโระ เราสามารถเลือกที่จะไปทำกิจกรรมฤดูหนาวได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นดูฝูงหงส์อพยพที่มารวมตัวกันอยู่ในทะเลสาบ ชมงานประติมากรรมน้ำแข็งริมทะเลสาบที่ธรรมชาติเป็นผู้รังสรรค์ หรือจะนั่งตกปลาจากเหนือผิวทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งจะทำกิจกรรมได้บ้างนั้นขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ไปเยี่ยมเยือน
ACTIVITY 1 : ชมฝูงหงส์อพยพจากไซบีเรียท่ามกลางดินแดนอันขาวโพลน
ต้นพฤศจิกายนถึงปลายมีนาคม
เมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนของทุกปี ฝูงหงส์กว่า 2,000 ตัวจะบินอพยพจากแถบไซบีเรียของประเทศรัสเซียมารวมตัวกันอยู่บนทะเลสาบอินาวาชิโระที่ไม่กลายเป็นน้ำแข็ง โดยจุดชมหงส์ที่ได้รับความนิยมคือบริเวณชายหาดชิดาฮามะ (Shidahama) ซึ่งสามารถนั่งแท็กซี่จากสถานีอินาวาชิโระ ใช้เวลาราว 13 นาที หรือนั่งรถไฟไปลงสถานีอินาวาชิโระโคฮัง (Inawashirokohan Station) เดินเท้าต่อเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงริมทะเลสาบ จากมุมนี้เราจะมองเห็นทะเลสาบอินาวาชิโระ ภูเขาบันไดพร้อมกับฝูงหงส์ได้ในเฟรมเดียวกัน น่าถ่ายรูปที่ระลึกมากๆ ถ้าอยากเห็นฝูงหงส์สยายปีกสวยในจำนวนเยอะๆ แนะนำให้แพลนมาช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะดีที่สุด
ACTIVITY 2 : ชมน้ำค้างแข็งรูปทรงประหลาด
มกราคมถึงกุมภาพันธ์
ชิบุกิโกริ (Shibuki-gori) เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ธรรมชาติหาชมได้ยากที่เกิดจากลมกรรโชกซึ่งพัดเอาน้ำในทะเลสาบอินาวาชิโระขึ้นมาติดกับต้นไม้และกลายเป็นน้ำค้างแข็งรูปทรงต่างๆ โดยจุดที่สามารถชมได้คือบริเวณปากแม่น้ำนางาเสะ (Nagase River) ใกล้กับชายหาดเท็นจินฮามะ (Tenjinhama) สามารถนั่งแท็กซี่จากสถานีอินาวาชิโระได้ ใช้เวลาราว 10 นาที แต่ต้องเดินเท้าต่ออีกนิดหน่อยเพราะรถเข้าไม่ถึง หากไปในช่วงที่อากาศหนาวจัดในช่วงต้นปีก็มีโอกาสสูงที่จะได้เห็น
ACTIVITY 3 : ตกปลาวาคาซากิบนแผ่นน้ำแข็ง
ต้นพฤศจิกายนเป็นต้นไป
ทะเลสาบฮิบาระ (Lake Hibara) ในแถบอุระบันได (Urabandai) ทางตอนเหนือของอินาวาชิโระ ผิวน้ำเหนือทะเลสาบจะกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งเมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน เป็นเวลาอันดีที่ทุกคนสามารถตกปลาวาคาซากิ (Wakasagi) จากบนแผ่นน้ำแข็งได้ และไม่ต้องกลัวว่าจะหนาวเพราะเขาสร้างกระท่อมตกปลาพร้อมเครื่องทำความร้อนไว้ให้เรียบร้อยซึ่งจะต้องจองล่วงหน้า
Inawashiro Station → Fukushima Station
หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์หนาวๆ ในวันแรกก็คงจะเริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย ได้เวลามุ่งหน้าสู่ที่พักในคืนแรก ย้อนกลับไปที่สถานีโคริยามะ โดยใช้รถไฟ JR สายบังเอ็ตสึเวสต์เส้นทางเดียวกันกับขามา เมื่อถึงโคริยามะเปลี่ยนมานั่งโทโฮคุชินคันเซ็น ราว 15 นาทีก็จะถึงสถานีฟุกุชิมะ
Fukushima Station → JR-EAST Hotel Mets Fukushima
ก่อนรถไฟชินคันเซ็นจะเทียบชานชาลาสถานีฟุกุชิมะ แอบเห็นที่พักคืนแรกของเรานั่นก็คือโรงแรมเมทซ์ฟุกุชิมะ (JR-EAST Hotel Mets Fukushima) ซึ่งอยู่ติดกับตัวสถานี พอเดินออกจากช่องตรวจตั๋วเลียบมาตรงทางออกฝั่งตะวันออกก็เห็นทางเดินเชื่อมเข้าตัวโรงแรมเลย ระหว่างทางก็มีร้านสะดวกซื้ออีกด้วย ลองจับเวลาดูพบว่าจากสถานีเข้าโรงแรมใช้เวลาแค่ 1 นาที สะดวกมากขนาดนี้พาผู้สูงอายุมาก็สบายสุดๆ มีห้องสำหรับคนเดียวหรือยกโขยงมากันทั้งครอบครัวก็ตอบโจทย์ทั้งนั้น ที่ชั้น 4 มีห้องที่มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญด้วยล่ะ
INFO
JR-EAST Hotel Mets Fukushima
Address: 1-1 Sakae-machi, Fukushima-shi, Fukushima-ken
Access: เดินจากสถานีฟุกุชิมะ ใช้เวลาประมาณ 1 นาที
Website: www.jrhotelgroup.com/en/153.html
🍳 Fukushima Local Cuisine
ภาพ : www.gurutto-fukushima.com
มาฟุกุชิมะทั้งทีจะไม่กินอาหารโลคอลหน่อยก็น่าเสียดาย อย่างบริเวณสถานีฟุกุชิมะมีร้าน Gyoza Terui ที่เสิร์ฟเกี๊ยวซ่าแผ่นกลมที่เรียงตัวกันเป็นวงกลมสวยงาม ตากหนาวมาทั้งวันได้เติมความอบอุ่นด้วยเกี๊ยวซ่าทอดร้อนๆ เปี่ยมเสน่ห์ท้องถิ่นของฟุกุชิมะ แค่ประตูบานแรกของโทโฮคุก็ทำเอาหลงรักโทโฮคุไปเสียแล้ว
DAY 2
ฟุกุชิมะ → โออิชิดะ → กินซังออนเซ็น → โยเนซาวะ → เซนได
Fukushima Station → Oishida Station
ภาพ : www.youtube.com
เช้าวันที่สองของทริปตื่นมาพร้อมกับลมหนาว ซึ่งพอจะเริ่มปรับตัวได้บ้างแล้ว อาหารเช้าอุ่นๆ ที่ JR-EAST Hotel Mets Fukushima ก็ทำให้มีแรงเที่ยวต่อสบายๆ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็ได้เวลาออกตั๋วยามากาตะชินคันเซ็น มุ่งหน้าสู่สถานีโออิชิดะในจังหวัดยามากาตะ โดยใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง 40 นาที วิวที่มองผ่านหน้าต่างรถไฟเต็มไปด้วยสีขาวโพลนของหิมะปุยนุ่น แค่มองก็ช่วยฟื้นฟูความเหนื่อยล้าจากการทำงานจนหมดสิ้น
🚈 เปิดประสบการณ์สปาเท้าบนรถไฟ
Toreiyu Tsubasa อีกหนึ่ง Joyful Train ที่ให้บริการระหว่างสถานีฟุกุชิมะกับชินโจ (Shinjo Station) ซึ่งแวะจอดที่สถานีโออิชิดะเป็นสถานีรองสุดท้าย โดยมีความเร็วเทียบเท่าชินคันเซ็น ความเก๋ของรถไฟขบวนนี้ก็คือบ่อสปาเท้าน้ำอุ่นที่แช่สบายมากๆ ประกอบกับวิวหิมะนอกหน้าต่างแล้วเป็นความสบายขั้นสุด
※ เนื่องจากไม่ได้ให้บริการทุกวัน แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลและปฏิทินการเดินรถล่วงหน้า โดยอ่านข้อมูลเกี่ยวกับรถไฟโทเรยุ สึบาสะได้ที่นี่
Oishida Station → Ginzan Onsen
เมื่อก้าวขาออกจากสถานีโออิชิดะก็ต้องต่อรถบัสเพื่อเข้าสู่กินซังออนเซ็น (Ginzan Onsen) เป้าหมายหลักของเราในวันนี้ โดยรถบัสคันแรกของวันจะออกตอน 9:50 น. มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองโอบานาซาวะ (Obanazawa) จนสุดสายที่กินซังออนเซ็น ค่าโดยสารคนละ 720 เยน นั่งประมาณ 40 นาที
Ginzan Onsen
ถึงแล้ว! กินซังออนเซ็น หมู่บ้านบ่อน้ำพุร้อนที่หลายคนใฝ่ฝัน ที่นี่คือต้นแบบของฉากในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Spirited Away ของ Studio Ghibli มีบรรยากาศสวยงามทุกฤดูโดยเฉพาะในฤดูหนาวนี้ที่หิมะปกคลุมเรียวกังสุดคลาสสิก เรียกได้ว่าจะเก็บภาพมุมไหนก็ประทับใจ โดยคำว่า “กินซัง” ในชื่อนั้นมาจากเหมืองเงินในอดีต นอกจากนี้บ่อออนเซ็นจำนวนหนึ่งสามารถใช้บริการแบบไปเช้า-เย็นกลับได้ อย่างชิโรกาเนะยุ (Shiroganeyu) หรือโอโมคาเกะยุ (Omokageyu)
INFO
Ginzan Onsen
Address: Ginzanshinhata, Obanazawa-shi, Yamagata-ken
Access: นั่งรถบัสจากหน้าสถานีโออิชิดะ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
Ginzan Onsen → Yonezawa Station
อาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนจนสบายตัวเสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินทางออกจากกินซังออนเซ็นสู่เมืองโยเนซาวะ (Yonezawa) รถบัสกลับสถานีโออิชิดะในช่วงหลังเที่ยงนั้นจะออกเวลา 13:25 น., 14:55 น., 16:35 น. และเที่ยวสุดท้ายคือ 18:21 น. จากนั้นตีตั๋วยามากาตะชินคันเซ็นอีกครั้งกลับไปยังเส้นทางที่เคยมา แต่คราวนี้จะลงที่สถานีโยเนซาวะ (Yonezawa Station) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 5 นาที
Yonezawa Station → Uesugi Shrine
เมื่อเดินออกจากทางออกฝั่งตะวันตกของสถานีรถไฟอย่าเพิ่งไปไหน หันหลังกลับมาเชยชมความสวยงามของตัวสถานีโยเนซาวะก่อน จากนั้นขึ้นรถบัสหรือเรียกแท็กซี่ไปที่ศาลเจ้าอุเอสึกิ (Uesugi Shrine) สถานที่สำคัญของเมืองโยเนซาวะที่อยู่ในสวนมัตสึกาซากิ (Matsugasaki Park) ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่บวงสรวงอุเอสึกิ เคนชิน (Kenshin Uesugi) หนึ่งในนักรบที่มีชื่อเสียงมากของญี่ปุ่น ด้านความสวยงามของสถาปัตยกรรมก็ไม่แพ้ศาลเจ้าใดๆ ยิ่งในช่วงที่หิมะทับถมก็ยิ่งดูสวยและสงบ เรียกได้ว่าเป็นจุดแห่งพลังหรือเพาเวอร์สปอต (Power Spot) ชั้นเยี่ยม
หากไปที่ศาลเจ้าอุเอสึกิตรงกับวันเสาร์และอาทิตย์ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์จะมีการจัดเทศกาลโคมไฟหิมะอุเอสึกิ (The Uesugi Snow Lantern Festival) ในยามค่ำคืนซึ่งถือเป็นเทศกาลฤดูหนาวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองโยเนซาวะ ภายในเขตอารามจะถูกประดับประดาด้วยโคมไฟหิมะ 300 ดวง และตะเกียง 1,000 ดวง นอกจากนี้ยังมีโซนที่จัดวางเทียนประดับอย่างอลังการอีกด้วย
INFO
Uesugi Shrine
Address: 1 Chome-4-13 Marunouchi, Yonezawa-shi, Yamagata-ken
Hours: เม.ย.-ต.ค. 6:00-17:00 น., พ.ย.-มี.ค. 7:00-17:00 น.
Access: เดินออกจากสถานีโยเนซาวะฝั่งทางออกตะวันตก (West Exit) จากนั้นนั่งรถบัสจากท่ารถบัสทางฝั่งซ้ายมือมาลงที่ป้าย Uesugi Jinja mae ใช้เวลาประมาณ 7 นาที
Website: uesugi-shrine.jimdosite.com
🍳 Yamagata Local Cuisine
อาหารจานเด็ดที่เมืองโยเนซาวะในจังหวัดยามากาตะก็ต้องเนื้อโยเนซาวะ (Yonezawa Beef) ซึ่งเป็นแบรนด์เนื้อวัวขนดำชั้นเลิศที่โด่งดังมาก ในเมื่อมาถึงแหล่งแบบนี้ แน่นอนว่ามีร้านที่มีเมนูที่ทำจากเนื้อโยเนซาวะให้เลือกมากมายในละแวกสถานีโยเนซาวะ
Yonezawa Station → Sendai Station
ได้เวลาโบกมือลายามากาตะ เพราะต่อไปจะมุ่งหน้าเข้าสู่ที่พักในคืนที่ 2 ของทริปในจังหวัดมิยากิแล้ว ลำดับแรกต้องนั่งยามากาตะชินคันเซ็นกลับไปสถานีฟุกุชิมะก่อน ต่อมาจึงเปลี่ยนมานั่งโทโฮคุชินคันเซ็นไปที่สถานีเซนได โดยใช้เวลาทั้งสิ้นราว 1 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายแล้ว
Sendai Station → Hotel Metropolitan Sendai / Hotel Metropolitan Sendai East
เดินทางมาทั้งวันก็ได้เวลาเข้าพักผ่อนที่โรงแรม โดยโรงแรมใกล้กับสถานีเซนไดที่แนะนำมีด้วยกัน 2 แห่งคือโรงแรมเมโทรโพลิแทนเซนได (Hotel Metropolitan Sendai) ที่อยู่ติดกับตัวสถานีฝั่งตะวันตก และโรงแรมเมโทรโพลิแทนเซนไดอีสต์ (Hotel Metropolitan Sendai East) ที่อยู่ติดกับตัวสถานีฝั่งตะวันออก ซึ่งทั้งสองโรงแรมบริหารโดยเครือ JR-EAST จึงมีมาตรฐานและความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ห้องพักกว้างขวาง รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า ที่สำคัญมีทางเชื่อมกับสถานี ยังไม่ทันจะรู้สึกเหนื่อยก็ถึงเคาน์เตอร์เช็คอินแล้ว
※ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงแรมเมโทรโพลิแทนเซนได้ที่นี่
INFO
Hotel Metropolitan Sendai
Address: 1-1-1 Chuo, Aoba-ku, Sendai-shi, Miyagi-ken
Access: เดินจากสถานีเซนได ใช้เวลาประมาณ 1 นาที
Website: www.jrhotelgroup.com/en/107.html
INFO
Hotel Metropolitan Sendai East
Address: 1-1-1 Chuo, Aoba-ku, Sendai-shi, Miyagi-ken
Access: เดินจากสถานีเซนได ใช้เวลาประมาณ 1 นาที
Website: www.jrhotelgroup.com/en/171.html
Sendai
เซนไดเป็นเมืองเอกของมิยากิที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจของภูมิภาคโทโฮคุ บริเวณรอบๆ สถานีมีแหล่งช็อปปิ้งและร้านกินดื่มดีๆ มากมาย ยิ่งเมื่อพักโรงแรมใกล้สถานีแบบนี้ ทำให้เหลือเวลาเดินซื้อของ ตามหาของอร่อย หรือดูไฟประดับสวยๆ ในยามค่ำคืน
หากเดินทางไปเซนไดในช่วงปลายเดือนธันวาคม ที่นี่จะจัดเทศกาลเซนได เพเจนท์ ออฟ สตาร์ไลท์ (SENDAI Pageant of Starlight) ซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลใหญ่ของมิยากิ บริเวณทิวต้นเคยากิริมถนนโจเซ็นจิ (Jozenji-dori) และถนนอาโอบะโดริ (Aoba-dori) ส่องสว่างสไวในยามค่ำคืน ไออุ่นจากแสงไฟช่วยบรรเทาความหนาวได้ดีเยี่ยม
🍳 Miyagi Local Cuisine
ลิ้นวัวย่าง (Gyutan / Sendai Gyutanyaki) เมนูพื้นเมืองของมิยากิที่โด่งดังและได้รับความนิยมในหลายประเทศ ภายในเมืองเซนไดมีร้านที่เน้นขายเฉพาะเมนูลิ้นวัวย่างมากกว่า 100 ร้าน ทำให้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองแห่งลิ้นวัว” แม้จะเป็นเมนูที่สามารถรับประทานได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่เมื่อมาถึงถิ่นที่กำเนิดก็ควรค่าแก่การลิ้มลอง กินคู่กับผักดองที่เสิร์ฟมาพร้อมกันที่เรียกว่า นัมบัง มิโซะซึเกะ (Nanban Misozuke) จะยิ่งอร่อย
DAY 3
เซนได → อิชิโนะเซกิ → หุบเขาเกบิเค → อิชิโนะเซกิ → โมริโอกะ
Sendai
เช้าวันที่ 3 ตื่นมาแบบมีแรงเต็มเปี่ยม คงเป็นเพราะที่นอนซิมมอนส์แสนสบายของโรงแรมเมโทรโพลิแทน หากพร้อมเที่ยวแต่เช้า เรามี 2 กิจกรรมที่สามารถเลือกเป็นออปชั่นเสริมก่อนเดินทางไปจังหวัดอิวาเตะ แต่ถ้ารู้สึกอยากนั่งรถไฟชินคันเซ็นแล้ว สามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้
ACTIVITY 1 : ตื่นตากับหุบเขางามเด่นแห่งเซนได
ภาพ : twitter.com
ไรไรเคียว (Rairaikyo Gorge) คือหุบเขาที่มีลักษณะเป็นโขดหินซ้อนกันเป็นชั้นแลดูสวยงามแปลกตา มีแม่น้ำนาโตริ (Natori River) ไหลผ่าน โดยจะสวยเป็นพิเศษในฤดูหนาวที่หิมะปกคลุม เราสามารถชมวิวสวยๆ ของหุบเขาได้จากสะพานโนโซกิบาชิ (Nozokibashi Bridge) วิธีการไปคือนั่งรถไฟ JR สายเซนซัง (Senzan Line) มาลงที่สถานีอายาชิ (Ayashi Station) แล้วนั่งรถบัสจากด้านหน้าสถานีมาลงที่ป้าย Rairaikyo Iriguchi ใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 1 ชั่วโมง
ACTIVITY 2 : อิ่มหมีด้วยของดีจากชายทะเล
ของดีเมืองมัตสึชิมะ (Matsushima) ที่หลายคนใฝ่ฝันมาลิ้มลองก็คือบุฟเฟ่ต์หอยนางรมย่าง ซึ่งแม้จะมีให้รับประทานตลอดทั้งปี แต่ในช่วงตุลาคมถึงมีนาคมเป็นช่วงที่หอยนางรมชุกชุมและอร่อยเป็นพิเศษ สามารถนั่งรถไฟ JR สายโทโฮคุ (Tohoku Line) มาลงสถานีมัตสึชิมะ (Matsushima Station) แล้วต่อแท็กซี่ หรือนั่งรถไฟสายเซนเซกิ (Senseki Line) ไปลงที่สถานีมัตสึชิมะไคกัง (Matsushimakaigan Station) ใช้เวลานานกว่าคือประมาณ 40 นาที แต่จะใกล้กว่าสถานีมัตสึชิมะ และสามารถเดินเท้าไปยังร้านต่างๆ ได้
Sendai Station → Ichinoseki Station
ได้เวลาโบกมือลาจังหวัดมิยากิแล้ว เพราะเรากำลังจะขึ้นโทโฮคุชินคันเซ็นเข้าสู่จังหวัดอิวาเตะ ใช้เวลาเพียงราว 25 นาทีก็จะถึงสถานีอิชิโนะเซกิ (Ichinoseki Station) ที่เมืองอิชิโนะเซกิ (Ichinoseki)
Ichinoseki Station → Geibikei Station
ภาพ : oikawaroom.blog46.fc2.com
เปลี่ยนไปนั่งรถไฟธรรมดาในสายโอฟุนาโตะ (Ofunato Line) ซึ่งสายนี้จริงๆ จะไปสุดที่สถานีเคเซ็นนุมะ (Kesennuma Station) แต่เราจะนั่งรถไฟเพียง 35 นาทีเพื่อไปเที่ยวที่หุบเขาเกบิเค (Geibikei Gorge) สถานที่ท่องเที่ยวอันซีนที่มีทิวทัศน์ฤดูหนาวงามๆ รออยู่
🚈 ท่องอิวาเตะอย่างสดใสไปกับรถไฟปิกาจู
ถ้าจะไปเกบิเคจากอิชิโนะเซกิก็อาจนั่งรถไฟแสนสนุก Joyful Train กับขบวนที่ได้ใจทั้งเด็กน้อยและผู้ใหญ่ใจเด็กไปเต็มๆ เพราะปิกาจูสุดคาวาอี้จะออกมาเติมความอบอุ่นตลอดทาง ท่ามกลางทิวทัศน์ภูเขาหิมะที่โอบล้อมอยู่ด้านนอก
※ เนื่องจากไม่ได้ให้บริการทุกวัน แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลและปฏิทินการเดินรถล่วงหน้า โดยอ่านข้อมูลเกี่ยวกับรถไฟโปเกมอน วิธ ยูได้ที่นี่
Geibikei Gorge
ภาพ : www.geibikei.co.jp
เดินจากสถานีราว 5 นาทีก็จะถึงจุดล่องเรือชมบรรยากาศของหุบเขาเกบิเคแล้ว เรือที่ให้บริการระหว่างเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ที่อากาศหนาวจัดจะมีการติดตั้งเครื่องทำความร้อน แม้บรรยากาศโดยรอบจะหนาวเพียงใดก็ไม่หวั่น ค่าบริการคนละ 1,800 เยน (ราคาผู้ใหญ่) ใช้เวลารอบละ 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่ต้องระวังว่าในช่วงฤดูหนาวจะมีรอบให้บริการค่อนข้างน้อยกว่าฤดูอื่น สามารถตรวจสอบตารางเวลาได้ที่ www.geibikei.co.jp
ภาพ : www.geibikei.co.jp
INFO
Geibikei Gorge River Cruise
Address: Machi 467, Higashiyama-cho, Nagasaka, Ichinoseki-shi, Iwate-ken
Access: เดินจากสถานีเกบิเค ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
Website: www.geibikei.co.jp/th
Geibikei Station → Ichinoseki Station → Morioka Station
ย้อนกลับมาที่สถานีอิชิโนะเซกิด้วยเส้นทางเดิม จากนั้นนั่งโทโฮคุชินคันเซ็นมุ่งไปทางตอนเหนืออีกราว 40 นาทีก็จะถึงสถานีโมริโอกะ (Morioka Station) ในเมืองโมริโอกะ (Morioka) เมืองใหญ่ที่สุดในจังหวัดอิวาเตะ ที่ตั้งของโรงแรมที่จะพักในค่ำคืนนี้
Morioka Station → Hotel Metropolitan Morioka / Hotel Metropolitan Morioka New Wing
ที่พักของคืนนี้อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟมาก สามารถไปเช็คอินเพื่อพักผ่อนหรือเก็บสัมภาระก่อนเดินทางไปลุยกับกิจกรรมฤดูหนาวอื่นต่อได้ แนะนำโรงแรมเมโทรโพลิแทนโมริโอกะ (Hotel Metropolitan Morioka) ที่มีทางเดินเชื่อมเข้าโรงแรมจากสถานีรถไฟ แม้ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไรก็ตรงเข้าเช็คอินได้แบบสบายๆ ในขณะเดียวกันโรงแรมเมโทรโพลิแทนโมริโอกะนิววิง (Hotel Metropolitan Morioka Wing) ที่อยู่ห่างออกไปอีกเล็กน้อยก็น่าพักไม่แพ้กัน เพราะห้องนอนสวยมาก สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครัน
※ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงแรมเมโทรโพลิแทนโมริโอกะที่นี่
INFO
Hotel Metropolitan Morioka
Address: 1-44 Moriokaekimaedori, Morioka-shi, Iwate-ken
Access: เดินจากสถานีโมริโอกะ ใช้เวลาประมาณ 1 นาที
Website: www.jrhotelgroup.com/en/105.html
INFO
Hotel Metropolitan Morioka New Wing
Address: 2-27 Morioka Ekimae Kitadori, Morioka-shi, Iwate-ken
Access: เดินจากสถานีโมริโอกะ ใช้เวลาประมาณ 3 นาที
Website: www.jrhotelgroup.com/en/106.html
Morioka
โมริโอกะเป็นเมืองศูนย์กลางของจังหวัดอิวาเตะ มีบรรยากาศค่อนข้างคึกคักเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในโทโฮคุ อีกทั้งเรียกได้ว่าเป็นจุดเชื่อมต่อสำหรับการท่องเที่ยวโทโฮคุในตอนเหนือ เพราะถ้าจะนั่งรถไฟชินคันเซ็นไปอาคิตะหรืออาโอโมริก็ต้องผ่านโมริโอกะก่อน นอกจากนี้โมริโอกะยังมีอาหารพื้นบ้านที่มีชื่อเสียง รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปในฤดูหนาวมากมาย
ACTIVITY 1 : สนุกกับกิจกรรมหนาวๆ ณ ลานสกีที่ดีที่สุดในที่ราบสูงอัปปิ
ต้นธันวาคมถึงต้นพฤษภาคม
ภาพ : www.tohokukanko.jp
ลานสกีอัปปิโคเก็น (Appi Kogen Ski Resort) ใน โทโฮคุ สามารถเดินทางจากสะดวกจากสถานีโมริโอกะ โดยนั่งรถไฟ JR East สายฮานาวะ (Hanawa Line) มาลงที่สถานีอัปปิโคเก็น (Appikogen Station) ใช้เวลาเพียงราว 1 ชั่วโมง จากนั้นต่อรถบัสมาลงที่ป้าย Pension-mae ที่นี่มีกิจกรรม ฤดูหนาว ให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเล่นสกี เล่นสโนว์บอร์ด นั่งกระเช้าชมวิวภูเขาหิมะ ฯลฯ ต้องระวังว่ารถไฟเที่ยวสุดท้ายที่สามารถนั่งกลับโมริโอกะได้จะออกเวลา 20:46 น.
ACTIVITY 2 : ตื่นตากับกำแพงหิมะ
กลางเมษายน
กำแพงหิมะ (Snow Corridor) ที่ถนนสายฮาจิมันไตแอสไปต์ (Hachimantai Aspite Line) เป็นความสวยงามที่เกิดจากการร่วมมือกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ นั่นคือการใช้รถกวาดหิมะเคลียร์พื้นที่ถนนจนสองข้างทางกลายเป็นกำแพงหิมะที่สูงหลายเมตร สามารถนั่งรถบัสจากโมริโอกะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ACTIVITY 3 : ชมไฟประดับสเกลใหญ่
ปลายธันวาคมถึงต้นมกราคม
ภาพ : www.tohokukanko.jp
เทศกาลโคอิไว วินเทอร์ อิลลูมิเนชั่น (Koiwai Winter Illumination) จัดขึ้นที่ฟาร์มโคอิไว (Koiwai Farm) ที่อยู่ห่างจากสถานีโมริโอกะ 30 นาที โดยนั่งบัสหรือแท็กซี่ ภายในพื้นที่จัดงานสุดกว้างขวาง มีจุดให้เราได้เพลิดเพลินกับไฟประดับมากมาย ไม่ว่าจะต้นคริสต์มาสยักษ์ อุโมงค์ไฟ ไปจนถึงไฟประดับที่เป็นรูปวัวหรือรถแทรกเตอร์ซึ่งให้ฟีลลิ่งสไตล์ฟาร์มเต็มเปี่ยม อีกทั้งทุกวันเสาร์ในช่วงที่จัดอีเว้นท์เวลา 19:30 น.จะมีการจุดดอกไม้ไฟแต่งแต้มสีสันอีกด้วย
🍳 Iwate Local Cuisine
โมริโอกะมีจานเด็ดเป็นเมนูเส้น 3 ชนิด ได้แก่ โมริโอกะเรเมน (Morioka Reimen), จาจาเมน (Jajamen) และ วังโกะโซบะ (Wanko Soba) ซึ่งถ้าใครเป็นสายกิน ควรไปลองให้ครบทั้ง 3 อย่าง เพราะมีความโดดเด่นที่น่าสนใจไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน หาไม่ยากในละแวกสถานีโมริโอกะ
อ่านข้อมูลเกี่ยวกับสุดยอดเมนูเส้นทั้ง 3 แห่งโมริโอกะได้ที่นี่
DAY 4
โมริโอกะ → ชินอาโอโมริ → ฮิโรซากิ → อาคิตะ
Morioka Station → Shin-Aomori Station
ไม่ทันไรก็ผ่านไปครึ่งทริปแล้ว เช้านี้เราออกจากอิวาเตะมุ่งหน้าสู่จังหวัดอาโอโมริเหนือสุดของเกาะฮอนชู และค้างคืนที่อาคิตะ เท่ากับว่าเป็นวันที่ต้องเดินทางร่วม 3 จังหวัดเลยทีเดียว ลำดับแรกนั่งโทโฮคุชินคันเซ็นตรงยาวไปลงสถานีชินอาโอโมริ ใช้เวลาประมาณ 55 นาที หากอยากลิ้มลองซีฟู้ดสดๆ จากอ่าวมุตสึ (Mutsu Bay) สามารถออกจากสถานีเพื่อแวะกินของอร่อยในอาโอโมริก่อนได้
🍳 Aomori Local Cuisine
ภาพ : www.tohokukanko.jp
นอกจากแอปเปิ้ลแล้ว อาโอโมริยังเต็มไปด้วยอาหารทะเลสดๆ มากมาย โดยที่ตลาดปลาฟุรุคาวะ (Furukawa Fish Market) จะมีเมนูข้าวหน้าปลาดิบแบบ DIY ที่เรียกว่า นกเกะด้ง (Nokke Don) ที่เราสามารถเลือกท็อปปิ้งได้ตามใจชอบ แถมต้องยกนิ้วให้กับความสดในราคาย่อมเยา
Shin-Aomori Station → Hirosaki Station
เมื่อพร้อมเดินทางต่อแล้ว คราวนี้นั่งรถไฟ JR สายโออุ (Ou Line) ไปยังสถานีฮิโรซากิที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองอาโอโมริ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
Hirosaki
ภาพ : norajima.net
และแล้วก็ถึงเมืองศูนย์กลางของแถบสึงารุ (Tsugaru) ที่ชื่อฮิโรซากิ (Hirosaki) หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของภูมิภาคโทโฮคุ ซึ่งในฤดูหนาวจะมีการจัดเทศกาลยิ่งใหญ่ที่ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) ที่มีชื่อว่าเทศกาลโคมไฟหิมะปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Snow Lantern Festival) ประมาณช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ โดยจะมีทั้งไฟประดับในรูปโคมหิมะและงานแกะสลักน้ำแข็ง นอกจากนี้ยังมีการฉาย Projection Mapping สุดตระการตาอีกด้วย
Hirosaki Station → Akita Station
ทริป ฤดูหนาว ลำดับต่อไปเราจะเข้าสู่จังหวัดสุดท้ายของภูมิภาค โทโฮคุ ในทริปนี้นั่นก็คืออาคิตะ จากฮิโรซากิสามารถเดินทางไปอาคิตะได้หลายวิธี ที่แนะนำที่สุดคือการนั่งรถไฟ Joyful Train แต่เนื่องจากไม่ได้ให้บริการทุกวัน จึงอาจต้องหันไปใช้เส้นทางอื่น เช่น นั่งรถไฟ JR East สายโออุตรงยาวไปถึงสถานีอาคิตะ (Akita Station) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
🚈 ละเลียดวิวทะเลและภูเขาหิมะที่ทำให้หัวใจพองโต
ภาพ : East Japan Railway Company
Resort Shirakami เป็นรถไฟที่วิ่งเลียบทะเลเกือบตลอดทั้งสาย ส่วนอีกด้านจะเห็นภูเขาหิมะอันเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาชิราคามิซันจิ (Shirakami Sanchi) นอกจากนี้ยังตัวตู้โดยสารยังมีถึง 3 แบบ 3 สไตล์ แถมเบาะก็นั่งสบาย อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นเส้นทางที่วิ่งเลียบทะเล เน้นดื่มด่ำความสวยงามของธรรมชาติ จึงใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะรู้สึกเบื่อ เพราะมีกิจกรรมสนุกๆ รออยู่ตลอดการเดินทาง และหากเดินทางในช่วงเย็นจะได้ชมวิวสวยๆ ของพระอาทิตย์ยามเย็นด้วย
※ เนื่องจากไม่ได้ให้บริการทุกวัน แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลและปฏิทินการเดินรถล่วงหน้า โดยอ่านข้อมูลเกี่ยวกับรถไฟรีสอร์ท ชิราคามิได้ที่นี่
Akita Station → Hotel Metropolitan Akita
นั่งรถไฟมาตลอดวัน รู้สึกอ่อนล้าโหยหาเตียง แต่พอเห็นโรงแรมเมโทรโพลิแทนอาคิตะ (Hotel Metropolitan Akita) ที่อยู่ติดกับสถานีอาคิตะ ความเหน็ดเหนื่อยที่สั่งสมมาก็มลายหายจนหมดสิ้น ห้องพักก็สวย ส่วนเตียงของที่นี่ก็ใช้ของซิมมอนส์เช่นเดียวกับโรงแรมเมโทรโพลิแทนสาขาอื่น เมื่อเอนกายลงนอนแล้วก็เข้าใจลึกซึ้งถึงคำว่า “สบาย”
※ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงแรมเมโทรโพลิแทนอาคิตะที่นี่
INFO
Hotel Metropolitan Akita
Address: 7 Chome-2-1 Nakadori, Akita-shi, Akita-ken
Access: เดินจากสถานีอาคิตะ ใช้เวลาประมาณ 1 นาที
Website: www.jrhotelgroup.com/en/104.html
🍳 Akita Local Cuisine
อาคิตะมีเมนูท้องถิ่นอร่อยๆ มากมาย ที่น่าลิ้มลองเป็นพิเศษก็คือ คิริทัมโปะนาเบะ (Kiritanpo Nabe) เมนูหม้อไฟร้อนๆ พร้อมท็อปปิ้งที่ทำจากข้าวสายพันธุ์ชั้นดีของอาคิตะ ถือเป็นเมนูคลายหนาวที่ดีเลิศ หากินได้ที่ร้านอาหารบริเวณรอบๆ สถานีอาคิตะ รวมถึงห้องอาหารในโรงแรมก็มีเช่นกัน
DAY 5
อาคิตะ → คาคุโนะดาเตะ → ทาซาวาโกะ → นิวโตออนเซ็น
Akita Station → Kakunodate Station
ไหนๆ JR EAST PASS (Tohoku area) สำหรับเที่ยว โทโฮคุ ก็มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องใช้ 5 วันติดต่อกัน ก็ถือโอกาสตะลอนเที่ยวอาคิตะใน ฤดูหนาว 1 วันเต็มๆ แบบไม่ต้องใช้พาสสักวัน โดยที่แรกที่จะแวะเที่ยวในวันนี้ นั่งอาคิตะชินคันเซ็นไปราว 45 นาที (ค่าโดยสาร 2,870 เยน) ก็จะถึงสถานีคาคุโนะดาเตะ หนึ่งในย่านที่ต้องเที่ยวเมื่อไปอาคิตะ
Kakunodate
ภาพ : www.tohokukanko.jp
คาคุโนะดาเตะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในเมืองเซมโบกุ (Semboku) ของจังหวัดอาคิตะที่ในอดีตเป็นถิ่นที่พักอาศัยของซามูไร โดยปัจจุบันยังคงหลงเหลือบรรยากาศและกลิ่นอายความเป็นซามูไรอย่างเต็มเปี่ยมบริเวณถนนบุเคะยาชิกิ (Bukeyashiki Street) ทั้งยังรายล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงามในทุกฤดู สำหรับฤดูหนาวเองก็ไม่น้อยหน้า ถ่ายรูปคู่กับบ้านซามูไรที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนนั้นบอกเลยว่าปังสุด
Kakunodate Station → Tazawako Station → Nyuto Onsen
นั่งรถไฟจากสถานีคาคุโนะดาเตะไปอีกเพียงราว 20 นาที ค่าโดยสารคนละ 330 เยน ก็จะถึงสถานีทาซาวะโกะ ต่อรถบัสอีกไม่ถึงชั่วโมงเราก็จะถึงสถานที่สุดพิเศษในฤดูหนาวของอาคิตะ นั่นก็คือหมู่บ้านบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อว่า นิวโตออนเซ็น
Nyuto Onsen
นิวโตออนเซ็นคือออนเซ็นที่ได้รับการโหวตให้เป็นบ่อน้ำพุร้อนอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 2020 ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาของเขตอุทยานแห่งชาติโทวาดะ ฮาจิมันไต (Towada Hachimantai) จึงห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และสวยงาม เป็นบรรยากาศแบบหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณน่ารักๆ ที่มีเรียวกังสไตล์ย้อนยุคมากมาย เมื่อมีโอกาสมาที่นี่ในฤดูหนาวแนะนำให้ลองแช่บ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้ง เพราะการแช่น้ำร้อนท่ามกลางอากาศหนาวๆ นี่แหละสบายสุดๆ
หลังจากที่ได้นอนเตียงซิมมอนส์นุ่มๆ ที่โรงแรมเทโทรโพลิแทนกับโรงแรมเมทซ์มา 4 คืน คืนนี้ลองนอนแบบฟูกฟุตงสไตล์ญี่ปุ่นกันที่เรียวกังในนิวโตออนเซ็นดูบ้าง เพราะถ้าพักที่โรงแรมของนิวโตออนเซ็น จะสามารถซื้อบัตร Yumeguri-cho ที่สามารถใช้วนแช่บ่อออนเซ็นชื่อดังทั้ง 7 แห่งในหมู่บ้านได้ครบอีกด้วย
INFO
Nyuto Onsen
Address: Tazawako Obonai, Semboku-shi, Akita-ken
Access: นั่งรถบัสจากหน้าสถานีทาซาวาโกะ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที
DAY 6
นิวโตออนเซ็น → ทาซาวาโกะ → โตเกียว → สนามบินนาริตะ
Nyuto Onsen → Lake Tazawa
เช้าวันที่ 6 รู้สึกโหวงๆ เพราะทริป ฤดูหนาว ที่ โทโฮคุ กับ JR East ใกล้ถึงตอนจบแล้ว ก่อนเก็บทุกความประทับใจกลับไทย มีอีกจุดไม่ใกล้ไม่ไกลที่อยากให้แวะ นั่นก็คือทะเลสาบทาซาวะ (Lake Tazawa) โดยเฉพาะบริเวณรูปปั้นทัตสึโกะ (Tatsuko Statue) ซึ่งเป็นไฮไลท์ที่คนนิยมไปถ่ายรูปกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่หิมะปกคลุมโดยรอบเช่นนี้ สามารถนั่งรถบัสไปที่นี่ได้โดยจะต้องนั่งย้อนไปที่สถานีทาซาวะโกะก่อน จากนั้นขึ้นรถบัสสายที่ขับวนทะเลสาบไปลงที่ป้ายคาตาจิริ (Katajiri) ใช้เวลารวมประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่ถ้าต้องการความสะดวกและรวดเร็ว สามารถให้โรงแรมที่นิวโตออนเซ็นเรียกแท็กซี่ไปได้เช่นกัน
Tazawako Station → Tokyo Station→ Narita Airport
ได้เวลาควัก JR EAST PASS (Tohoku area) มาออกตั๋วชินคันเซ็นกลับโตเกียวฟรี ไม่น่าเชื่อว่าจากอาคิตะไปโตเกียวในระยะทางมากกว่า 500 กิโลเมตร อาคิตะชินคันเซ็นใช้เวลาเดินทางเพียงราว 3 ชั่วโมง แถมไม่ต้องเปลี่ยนขบวน ทั้งประหยัดเวลาและสะดวกสบาย อีกทั้งจากสถานีโตเกียวก็นั่งรถไฟ NEX เข้าสนามบินนาริตะได้ฟรีอีกต่อ เพียงชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว เท่ากับว่าเราสามารถเดินทางจากอาคิตะมาสนามบินก็แค่ 4 ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น
ตารางแสดงราคารถไฟในวันที่ใช้ JR EAST PASS (Tohoku area)
หากไม่ได้ซื้อ JR EAST PASS (Tohoku area) จะต้องเสียค่าใช้บริการรถไฟและชินคันเซ็นดังนี้
หมายเหตุ ราคาที่แสดงเป็นที่นั่งธรรมดา / ผู้ใหญ่ 1 คน
วัน | สถานีรถไฟ | ราคา | รวมทั้งหมด |
Day 1 | Narita Express (Narita Airport Terminal 1 – Tokyo Station) | 3,070 เยน | 15,630 เยน |
Tohoku Shinkansen (Tokyo – Koriyama) | 8,140 เยน | ||
Ban-Etsusai Line (Koriyama – Inawashiro) | 680 เยน | ||
Ban-Etsusai Line (Inawashiro – Koriyama) | 680 เยน | ||
Tohoku Shinkansen (Koriyama – Fukushima) | 3,060 เยน | ||
Day 2 | Yamagata Shinkansen (Fukushima – Oishida) | 4,500 เยน | 12,950 เยน |
Yamagata Shinkansen (Oishida – Yonezawa) | 3,050 เยน | ||
Yamagata Shinkansen (Yonezawa – Fukushima) | 1,860 เยน | ||
Tohoku Shinkansen (Fukushima – Sendai) | 3,540 เยน | ||
Day 3 | Tohoku Shinkansen (Sendai – Ichinoseki) | 3,890 เยน | 8,800 เยน |
Ofunato Line (Ichinoseki – Geibikei) | 510 เยน | ||
Ofunato Line (Geibikei – Ichinoseki) | 510 เยน | ||
Tohoku Shinkansen (Ichinoseki – Morioka) | 3,890 เยน | ||
Day 4 | Tohoku Shinkansen (Morioka – Shin-Aomori) | 6,050 เยน | 12,010 เยน |
Ou Line (Shin-Aomori – Hirosaki) | 1,440 เยน | ||
Resort Shirakami (Hirosaki – Akita) | 4,520 เยน | ||
Day 6 | Akita Shinkansen (Tazawako – Tokyo) | 16,130 เยน | 19,200 เยน |
Narita Express (Tokyo – Narita Airport Terminal 1) | 3,070 เยน | ||
รวม 5 วันที่ใช้พาส | 68,590 เยน |
ทำความรู้จักบัตรโดยสาร JR EAST PASS (Tohoku area)
ไม่เพียงแต่ทริป ฤดูหนาว แต่ถ้ามี JR EAST PASS (Tohoku area) อยู่ในมือ ก็สามารถนั่งรถไฟเที่ยวโตเกียว จังหวัดข้างเคียง และจังหวัดทั้ง 6 ในภูมิภาค โทโฮคุ ได้ทั้งสะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นนั่งรถไฟธรรมดาในเส้นทางบริการของ JR EAST Lines รถไฟชินคันเซ็น รถไฟแสนสนุก Joyful Train ก็สำรองที่นั่งได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมถึงสามารถใช้นั่งรถไฟ Narita Express จากสนามบินนาริตะ หรือ Tokyo Monorail จากสนามบินฮาเนดะได้ฟรีหมดภายในระยะเวลา 5 วัน โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อกันภายในระยะเวลา 14 วันที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
ราคา: ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 19,350 เยน, เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 9,670 เยน
ซื้อได้ที่: เอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ได้แก่ Wendy Tour, HIS และ JTB